ตอนที่ 9 : ไม่อาจปฏิเสธได้
“ อาวุธจิตระดับสูงรึ ? ”
พู่กันบนโต๊ะประมูลนั้นเก่าอย่างมาก มันถึงกับมีรอยแตกหัก ไม่ว่าจะมองยังไง ก็มองไม่ออกว่ามันจะเป็นอาวุธจิตระดับสูงไปได้ ต้องรู้ก่อนว่าอาวุธจิตระดับสูงนั้นมีความสามารถเพียงพอที่จะทำลายโลกได้
“ โอ้ ข้าคงพูดไม่จบ ข้าหมายความว่าพู่กันนี่เหมือนกับซากของอาวุธจิตระดับสูงมากกว่า ” เย่หลุน พูดขึ้นมา
“ ซากรึ ? ” ชายวัยกลางคนในห้องพิเศษพูดขึ้นมา เขาดูสง่างาม สวมชุดเขียว ข้างๆเขามีเด็กหนุ่มอยู่ด้วย เด็กหนุ่มผู้นี้กลับเป็น โมโก
“ ท่านพ่อ ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่อาวุธจิตระดับสูงกลายเป็นซากแล้ว มันจะเสียจิตของมันไป นอกซะจากว่าจะโดนซ่อมแซมโดยนักสร้าง งั้นมันก็ไม่อาจจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ ” โมโก มองไปที่พู่กันแล้วพูดขึ้นมา
“ โกเอ๋อ แม้ว่ามันจะไม่ใช่อาวุธจิตระดับสูงแต่ก็ยังแสดงพลังส่วนหนึ่งออกมาได้ พลังของมันอาจจะด้อยกว่าอาวุธขอบเขตราชันย์ทั่วไป แต่หากผู้บ่มเพาะขอบเขตกำลังภายในได้มันไป แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตธุลีอย่างข้า แต่ก็อาจจะสู้กับข้าได้ ” ชายวัยกลางคนคือคนที่แกร่งที่สุดในเมืองซูเซียน เขาคือ โมซัน อยู่ขอบเขตธุลีขั้น 9 เขาคือคนที่ก้าวขึ้นไปขอบเขตปรมาจารย์ได้ครึ่งก้าวแล้ว
แม้ว่า โมซัน จะเป็นคนที่แกร่งที่สุดในเมืองแต่ก็มีอาวุธจิตระดับต่ำแค่เพียงชิ้นเดียว ด้วยอาวุธจิตระดับกลางนั้นแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตราชาก็ต้องพากันแก่งแย่งมันมา
พู่กันบนโต๊ะนี้คือซากอาวุธจิตระดับสูง มันไม่ได้คุ้มค่ากับการซ่อมแซม การซ่อมอาวุธจิตนั้นยากกว่าการสร้างอาวุธจิตขึ้นมาเพราะการซ่อมมันต้องใช้แผนผังอาวุธจิต หากไม่มีแผนผังของมันแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อมมันได้ มันทำให้ค่าของพู่กันนี่ลดลงไปอย่างมาก มันอาจจะเหนือกว่าอาวุธขอบเขตธุลีเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ค่าของมันอยู่ที่ความแข็งแกร่งของมันเสียมากกว่า
“ ราคาเริ่มต้นสำหรับพู่กันนี่คือ 350,000 เหรียญ หากใครต้องการก็ประมูลราคาขึ้นมา ” เย่หลุน ยิ้มและพูดขึ้นมา มันทำให้ หยางเฉิน ที่อยู่ในห้องพิเศษนั้นแอบชมอีกฝ่าย
“ 360,000 ! ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากห้องพิเศษ
“ ไม่คิดเลยว่า เจ้าแก่วูเล่ย จะมาด้วย ” หยางเฉิน คุ้นกับเสียงนี้ดี สี่คนที่แข็งแกร่งในเมืองซูเซียนนั้นมี ถูเชิน, วูเล่ย, โมซัน และ เหอเจีย ทั้งสี่คนนี้เขาเคยเห็นมาแล้ว ใครก็ตามที่เขาเคยเห็นหน้ารึได้ยินเสียง เขาไม่มีทางที่จะลืมได้
“ 370,000 ! ” อีกเสียงดังขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงฮือฮาในห้องประมูล มันกลับเป็นการแข่งขันของสี่คนที่แกร่งที่สุดในเมืองซูเซียนเพราะคนที่พูดนี้คือ เหอเจีย
“ กลับเป็น เหอเจีย นี่เอง ” หยางเฉิน รู้สึกสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็มีผู้หญิงในขุดสีแดงเดินมายังห้องของเขา
“ นายท่าน นี่คือเงินที่ท่านได้จากการประมูล ” บัตรในถาดหยกถูกส่งให้กับ หยางเฉิน
“ ใหญ่โตจริงๆ ” หยางเฉิน มองไปที่ก้อนเนื้อบนอกของหญิงสาวที่กระเพื่อมไปมาก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
“ ท่านว่ายังไงนะ ? ” นางมองไปที่ หยางเฉิน ด้วยสีหน้าสงสัย
“ ข้าบอกว่าห้องประมูลนี่ใหญ่โตจริงๆ ” หยางเฉิน รีบรับบัตรไป ตอนนั้นที่หว่างคิ้วของเขากลับร้อนขึ้นมาราวกับมีบางอย่างด้านในได้ตื่นขึ้น
‘ เกิดอะไรขึ้นกัน ? พลังที่ดึงดูดมันมาจากไหนกัน ? รึว่า...จากโต๊ะประมูล ! ’ หยางเฉิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที แรงดึงดูดนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนหน้าผากเขาเหมือนจะฉีกออกจากกัน
เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูจากโต๊ะประมูล หยางเฉิน ก็มองไปด้านล่าง แน่อนว่าแรงดึงดูดนี้ไม่ได้มาจากโต๊ะประมูลแต่มาจากพู่กันนั่นต่างหาก
‘ นี่มันอะไรกัน ? พู่กันนี่เกี่ยวข้องกับของในหว่างคิ้วข้าด้วยรึ ? มันเป็นอาวุธจิตระดับสูงแต่ก็เป็นแค่ซากไม่ใช่รึ ? ’ เมื่อคิดแบบนั้น หยางเฉิน ก็เริ่มใจเต้นรัว สีหน้าเขาแสดงความตื่นเต้นออกมา
“ นายท่าน ท่านเป็นอะไรรึไม่ ? ” เมื่อเห็นหน้าของ หยางเฉิน ที่แดงขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวหน้าแดงพร้อมกับใจที่เต้นรัว ‘ เขาดูใจร้อนจริงๆ เขาแข็งแกร่งรึไม่ ? หากเขาแข็งแกร่ง ข้าอาจจะยอมเป็นของเขาก็ได้ ’
“ 420,000 ! ” ตอนนั้นก็มีอีกคนเพิ่มราคาขึ้นมา คนที่เพิ่มราคาขึ้นมานี้กลับเป็น โมซัน เมื่อรู้ว่าเป็น โมซัน ที่เพิ่มราคาขึ้นมา ทุกคนในห้องประมูลก็ต่างพากันเงียบ
“ กลับเป็น โมซัน ! ”
“ เขาน่าจะอยากได้มัน ! ”
“ เขานี่เอง ! ”
หลายคนในห้องเริ่มพูดคุยกัน การที่ โมซัน ประมูลมันก็ไม่รู้ว่าจะมีใครกล้าแข่งกับเขารึไม่ แน่นอนว่าหลังจากที่ โมซัน ประมูล มันก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกต่อไป ทุกคนเหมือนจะยอมแพ้
“ 450,000 ! ”
ตอนนั้นกลับมีเสียงดังขึ้นมา สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที 450,000 รึ ? ใครกัน ? ใครกันที่กล้าแข่งกับ โมซัน กับซากอาวุธจิตเช่นนี้ !
ทุกคนพากันมองไปยังห้องพิเศษที่เป็นห้องของ หยางเฉิน เขาคือคนที่เพิ่มราคาเป็น 450,000 เหรียญ แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อว่า หยางเฉิน จะไม่มีเงินถึง 450,000 เหรียญกับตัวและยังกล้าประมูลราคาที่สูงเช่นนี้
‘ ลองสู้ดูสักตั้ง หวังว่ามันจะมีค่า หากมันไม่มีค่าก็แค่ทิ้งตราหน่วยล่าอสูรเอาไว้ที่นี่ ยังไงซะข้าก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาพวกนั้นอาจจะพบแค่ศพ ! ’ หยางเฉิน เลียปาก เพื่อที่จะยืนยันว่าพู่กันนั่นส่งพลังดึงดูดกับเขารึไม่ เขาก็ได้แต้องลองเสี่ยงชีวิตตัวเอง
โมซัน ได้ยินว่ามีคนเพิ่มราคาก็สีหน้าเปลี่ยนไป โมโก เองก็สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน ในเมืองซูเซียนนี้มีใครกันที่กล้ามาสู้กับพ่อของเขาอีก ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?
“ เข้ามา ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของ โมซัน ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง นางยิ้มและถามขึ้นมา “ ลอร์ดโมซัน ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยรึ ? ”
“ ใครกันที่เพิ่มราคาตะกี้ ? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของเมืองซูเซียน ” โมซัน ยังยิ้มออกมาทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเขารู้สึกยังไง
“ ลอร์ดโมซัน เขาเป็นสมาชิกของหน่วยทลายอสูร ” นางตอบกลับด้วยความเคารพ
“ หน่วยทลายอสูร ! ” สีหน้าของพ่อลูกตระกูลโมเปลี่ยนไปทันที พวกเขาเรียกลมเรียกฝนในเมืองซูเซียนได้แต่ไม่อาจจะเทียบกับหน่วยทลายอสูรได้
“ เจ้าออกไปได้... ” โมซัน สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วโบกมือเพื่อบอกให้นางออกจากห้องไป
หลังจากที่นางกลับออกไป โมซัน ก็ส่ายหน้าด้วยท่าทีหมดหนงทาง “ ดูเหมือนว่าเราไม่มีทางจะเอามันมาครองได้ ”
โมโก เองก็สลดเช่นกัน หากเขารู้ว่าสมาชิกหน่วยทลายอสูรที่ว่านี้คือ หยางเฉิน คนที่เขาเรียกว่าขยะมาตั้งแต่ต้น งั้นก็ไม่รู้เลยว่าเขาต้องอับอายแค่ไหนกัน ?
“ หากไม่มีใครประมูล งั้นพู่กันนี่จะตกเป็นของคนที่ประมูลล่าสุด ” เย่หลุน กวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะประมูลต่อเขาก็ยิ้มและพูดขึ้นมา “ ดี งั้นมาประมูลของชิ้นต่อไป ”
ของชิ้นต่อมานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ หยางเฉิน เขาถูกผู้หญิงคนเดิมเชิญไปที่ห้องหนึ่งเพื่อจัดการขั้นตอนซื้อขาย หากเขาไม่มีเงิน เขาก็ไม่อาจจะออกจากที่นี่ได้ กลุ่มการค้านั้นไม่ใช่องค์กรการกุศล
หยางเฉิน นั่งอยู่ที่เก้าอี้และรอสักพัก สุดท้าย เย่หลุน ก็เดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นรอยยิ้มของ เย่หลุน หยางเฉิน ก็รู้สึกใกล้ชิดกับอีกฝ่ายเป็นพิเศษ เขารู้สึกเหมือนได้พบกับเพื่อนเก่าแต่โชคร้ายที่แม้ว่าชายแก่ผู้นี้จะดูเป็นมิตรแต่จริงๆแล้วเป็นนักต้มตุ๋นตัวยง
“ ท่านกลับเป็นคนที่ได้พู่กันนี่ไป ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ” เย่หลุน นั่งลงไปที่ฝั่งตรงข้าม หยางเฉิน และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ ข้ามีสิ่งหนึ่งอยากจะสารภาพ ” หยางเฉิน ยิ้มออกมา “ ข้ามีเงินไม่พอ ”
เย่หลุน ที่ยิ้มอยู่กลับสีหน้าหม่นลงในทันที รังสีอาฆาตแผ่ออกมาแต่มันไม่ได้มาจากตัว เย่หลุน มันมาจากด้านนอกห้อง
“ โอ้ ถึงข้าไม่มีเงินกับตัวแต่ข้ามีของอย่างอื่นกับตัว ข้าเชื่อว่ามันน่าจะซื้อพู่กันนี้ได้ ” แม้ว่า หยางเฉิน จะหัวเราะแต่ตอนนี้หลังเขากลับชุ่มด้วยเหงื่อ
“ แบบนี้นี่เอง ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนของหน่วยล่าอสูรจะไม่มีเงินได้ยังไง ” เย่หลุน หัวเราะขึ้นมาอีกครั้งแต่ หยางเฉิน ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นมิตรดังเดิม
‘เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือเสียอีก ’ หยางเฉิน แอบด่าในใจก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ ของสิ่งนี้น่าจะเพียงพอที่จะซื้อพู่กันนี้ได้สินะ ? ”
หยางเฉิน หัวเราะและเอาห่อสีดำออกมา กระดาษนี้ได้มาจากกล่องดำ หยางเฉิน ไม่รู้ว่าจะใช้กระดาษนี้ทำอะไรแต่เขารู้ว่ามันต้องพิเศษ สำหรับว่ามันจะคุ้มค่ารึไม่นั้นเขาไม่อาจจะรู้ได้
เขาจงใจบอกว่ากระดาษนี่มีค่ามากพอจะซื้อพู่กันได้แต่มันก็เป็นการเสี่ยงวัดค่ามันเช่นกัน หากแม้แต่ เย่หลุน ไม่รู้ว่ามันคืออะไร งั้นกระดาษน่าอาจจะมีค่าอย่างมาก สำหรับคนอย่าง เย่หลุน แล้ว ของที่เขาไม่รู้จักนั้นต้องมีค่าอย่างมากแน่
“ นี่น่ะรึ ? ” ตอนที่เห็นกระดาษสีดำ เย่หลุน กลับเบิกตากว้างราวกับเห็นสาวงามมาแก้ผ้าตรงหน้า
‘ มีค่าแน่นอน ! ’ เมื่อเห็นสีหน้าของ เย่หลุน หยางเฉิน ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
‘ เขาเป็นนักล่าอสูร ของส่วนมากที่เขาได้มาเพราะความบังเอิญ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้ว่ามันคืออะไร ‘ เย่หลุน ใจเย็นลงและมองไปที่ หยางเฉิน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ 800,000 เหรียญ ข้าไม่รู้ว่าท่านคิดยังไงกับราคานี้ ? ”
‘ 800,000 เหรียญ ! ‘ หยางเฉิน อึ้ง ตัวเลขนี้ทำให้เขากลัวขึ้นมา เขายังมีกระดาษแบบนี้อีกสองชิ้น หากเขาขายมันทั้งหมด งั้นไม่ใช่ว่าเขาจะมีเงิน 2.4 ล้านเหรียญรึ ?
แม้ว่า หยางเฉิน จะตะลึงแต่สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาทำท่าลังเลสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “ก็ได้ แม้ว่าราคาของมันจะมากกว่าพู่กันแต่เพื่อไว้หน้ากลุ่มเถียแล้ว ข้าจะยอมขายในราคา 800,000 เหรียญ ”
“ ข้าไม่รู้ว่าท่านยังมี... ”
ก่อนที่ เย่หลุน จะพูดจบ หยางเฉิน ก็ขัดขึ้นมา “ ไม่ ข้ามีเพียงชิ้นเดียว ”
เมื่อได้ยินคำพูดของ หยางเฉิน สีหน้าของ เย่หลุน ก็แสดงความผิดหวังออกมาเล็กน้อย
“ ใช่สิ เจ้าคงมีสมุนไพรที่นี่สินะ ? ” หยางเฉิน เผยรอยยิ้มออกมาและถามขึ้น “ หากเจ้ามี งั้นเงินที่เหลือนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องคืนให้กับข้า ข้าตั้งใจจะซื้อสมุนไพรพวกนี้ ” เขาพูดจบก็ส่งกระดาษให้กับ เย่หลุน บนกระดาษนั้นมีชื่อของสมุนไพรกว่า 10 ชนิดเขียนเอาไว้