ตอนที่ 11 : อาชีพที่สูงส่ง
“ เถาเถา เจ้านายของเจ้าทำบ้าอะไรกัน ? ” หยางเฉิน ถามขึ้นมา
“ เจ้าคงไม่ได้ล้อข้าเล่นหรอกนะ ? ” เถาเถา พองแก้มด้วยท่าทีไม่พอใจ “ เจ้าเองก็เป็นนักพรตแต่เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาชีพไหนที่เป็นอาชีพที่ทำเงินได้ดีที่สุด ”
“ นักพรตรึ ? มันคืออะไร ? ” หยางเฉิน เกาหัวแล้วถามขึ้นมา เขาไม่รู้จริงๆว่านักพรตนั้นคืออะไร
ครั้งนี้ เถาเถา เบิกตากว้างและดูน่ารักยิ่งกว่าเก่า “ เจ้าคงไม่ได้โกหกข้าหรอกนะ ?”
“ ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน ข้าไม่รู้จริงๆว่านักพรตคืออะไร ?” หยางเฉิน หันไปมอง เถาเถา “ ข้าเป็นคนซื่อสัตย์ เจ้าจะเชื่อรึไม่ก็ตามแต่ข้าน่ะพูดความจริง”
“ เจ้าไม่ใช่นักพรตแล้วเจ้ามีสัญลักษณ์เต๋าในร่างได้ยังไง ? อย่าบอกข้านะว่าเจ้าเก็บมันมาได้ ” เถาเถา สูดหายใจเข้าลึกๆราวกับจะสงบสติอารมณ์
“ สัญลักษณ์เต๋ารึ ? ” หยางเฉิน จับไปที่หน้าผากตัวเอง “ เส้นสีดำเหล่านี้คือสัญลักษณ์เต๋ารึ ?”
เมื่อเห็นสีหน้า หยางเฉิน เถาเถา ก็ส่ายหน้าด้วยท่าทีหมดหนทาง “ ตอนประมูลข้าคิดว่าข้าได้เจอกับนักพรต ข้าจึงส่งสัญญาณออกมา ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าพบกับนักพรตตัวปลอม”
“ เถาเถา เส้นพวกนี้คืออะไรกัน ? สัญลักษณ์เต๋าคืออะไร ? เจ้าอธิบายให้ข้าฟังที ” หยางเฉิน ลูบหน้าผากและถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ สัญลักษณ์เต๋านั้นเป็นของพิเศษอย่างมาก มันมีพลังที่น่าพิศวง หลังจากที่ศึกษามาหลายปีผู้คนก็พบมันในเครื่องมือพิเศษ พลังของสัญลักษณ์เต๋านั้นสามารถนำมาใช้ได้หลายสิ่งหลายอย่าง ” เถาเถา ยังพูดต่อ “ ยกตัวอย่างเช่นพู่กันอย่างข้าก็เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ด้วยการใช้พู่กันนี้วาดลวดลายต่างๆลงบนกระดาษสามารถสร้างรูปแบบต่างๆของยันต์ขึ้นมาได้ซึ่งจะให้พลังที่น่าเหลือเชื่อออกมา ”
“ พลังอะไรกัน ?” หยางเฉิน เลียกปาก เขารู้ตัวแล้วว่าเขาอาจจะได้สมบัติมา
เถาเถา พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ หลังจากที่สำรวจและศึกษายันต์มานาน สุดท้ายเราก็พบกับกฎการเปลี่ยนแปลงของยันต์และสร้างยันต์แบบต่างๆขึ้นมา ตามตำราเหล่านั้นแล้วนักพรตสามารถใช้รูปแบบต่างๆด้วยการคัดลอกมัน บางรูปแบบใช้ไว้เพื่อการปรุงยา บางรูปแบบใช้เพื่อการสร้างเครื่องมือ ”
“ การปรุงยา ? การสร้างรึ ? ” หยางเฉิน สูดหายใจเข้าลึกๆ “ มันมีรูปแบบที่ทรงพลังเช่นนั้นด้วยรึ ! ”
“ หึหึ เจ้าจะไปรู้อะไร ? นักพรต, นักปรุงยา, ช่าง สามอาชีพนี้คืออาชีพที่สูงส่งที่สุด นักพรตนั้นสูงส่งกว่าใคร หากไม่มีนักพรต งั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจะมีนักปรุงยาและช่าง ” เถาเถา พูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ “ เจ้านายของข้าเองก็เป็นนักพรตเช่นกัน ”
“ เจ้าหมายความว่าหากไม่มีนักพรตสร้างยันต์ให้ งั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำการปรุงยาและสร้างสมบัติขึ้นมารึ ? ” หยางเฉิน ถามขึ้นมา
“ ยาขั้นต้นนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ยันต์แต่ยาและจิตอาวุธเหนือกว่าระดับกลางขึ้นไปนั้นต้องพึ่งยันต์ หากไม่มียันต์อยู่ งั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงยาและจิตอาวุธขึ้นมาได้ ” เถาเถา ถอนหายใจออกมา “ นอกซะจากว่าพวกเขาจะเป็นนักปรุงยาขั้นสูงรึช่างขั้นสูง ไม่งั้นพวกเขาก็ไม่อาจจะทำมันได้ พวกเขาได้แต่ปรุงยาและสร้างสมบัติระดับต้นขึ้นมา หากเป็นการปรุงยาและสร้างเครื่องมือระดับต้นแล้วพวกเขาก็ไม่ต้องพึ่งยันต์ ”
หยางเฉิน มองไปที่ เถาเถา ด้วยสีหน้าคาดหวัง “ ข้าเองก็มีสัญลักษณ์เต๋า งั้นข้าถือว่าเป็นนักพรตสินะ ?”
เถาเถา เม้มปากแล้วส่ายหน้า “ หากเจ้านับว่าเป็นนักพรต งั้นนักพรตคงไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก ”
“ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดตรงเช่นนี้ก็ได้ไม่ใช่รึ ? ” หยางเฉิน พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าขมขื่น “ ข้าเองก็มีสัญลักษณ์เต๋า ในร่างไม่ใช่รึ ? เจ้าจะบอกว่าข้าไม่ได้เป็นกึ่งนักพรตได้ยังไง ? ”
“ พูดแบบนั้นก็ได้ เจ้าถือว่าเป็นกึ่งนักพรต สัญลักษณ์เต๋านั้นเป็นของมีค่า มีไม่ถึง 1 ในหมื่นที่ดูดซับพลังยันต์ไว้ได้ มีแค่การดูดซับพลังยันต์ไว้พวกเขาถึงมีโอกาสขึ้นเป็นนักพรต หลังจากที่ดูดซับพลังยันต์เข้าไป เจ้าต้องทำการศึกษาวันแล้ววันเล่า สิ่งที่เจ้าขาดไปตอนนี้คือความรู้ หลังจากที่ข้าฝึกฝนเจ้าแล้วเจ้าอาจจะกลายเป็นนักพรตที่แท้จริงก็ได้ ! ” เถาเถา ลูบคางแล้วมองไปที่ หยางเฉิน ด้วยสีหน้ามั่นใจ
หยางเฉิน ยิ้มกว้างออกมาทันที “ ดี ด้วยพรสวรรค์ของข้าแล้วมันคงไม่มีปัญหากับการก้าวขึ้นเป็นนักพรต ”
เถาเถา เผยสีหน้าว่างเปล่าออกมา “ อย่าเพิ่งรีบดีใจไป การเป็นนักพรตนั้นไม่ได้พึ่งแค่พรสวรรค์แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือยันต์เองก็มีระดับเช่นกัน เท่าที่ข้าสังเกตมา สัญลักษณ์เต๋าในตัวเจ้านั้นคือขั้น 1 ที่ด้อยที่สุด การจะเป็นนักพรตระดับสูงแล้วเจ้าต้องดูดซับพลังยันต์ขั้นสูงมากกว่านี้อีก ”
“ ยันต์ขั้นสูงกว่านี้รึ ? เจ้าหมายความว่านักพรตก็มีแบ่งขั้นเช่นกันรึ ? ” หยางเฉิน เดา
“ ยันต์มีขั้น แน่นอนว่านักพรตก็มีขั้นเช่นกัน ตอนนี้บอกเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้ายังต้องพยายามขึ้นเป็นนักพรตให้ได้ก่อน ” เถาเถา มองไปที่เตายาราชาอมตะ “ ไฟด้านในเตานี้เหมือนจะหยุดไปแล้ว ”
“ ยาปรุงเสร็จแล้ว ! ” หยางเฉิน ดีใจอย่างมาก เขารีบเปิดฝาออก ความร้อนปะทุออกมาราวกับหมอก กลิ่นยาลอยคลุ้งออกมาทำให้ หยางเฉิน รู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัว
“ เสี่ยวหยาน เจ้าปรุงยาแบบไหนกัน ? เจ้าจะดีใจอะไรนักหนา ไม่รักษาท่าทีเอาซะเลย ! ” เถาเถา มองไปที่ หยางเฉิน ด้วยสายตาไม่พอใจ
“ เถาเถา เจ้าไม่รู้อะไร นี่คือของที่สำคัญที่สุดสำหรับข้า ” หยางเฉิน เลียปากและอดไม่ได้ที่จะมองลงไปในเตา
“ ของที่สำคัญที่สุดรึ ?” เถาเถา มองไปที่เป้าของ หยางเฉิน แล้วพูดขึ้นมา ‘ เจ้าเอาของที่สำคัญที่สุดของเจ้าไปปรุงยารึ เจ้าช่างใจกล้าจริงๆ ! ’
หยางเฉิน ไม่รู้ว่า เถาเถา คิดอะไรอยู่ เขาใช้กล่องหยกเพื่อเก็บยาออกมาจากเตา ผลของการปรุงยาครั้งนี้ถือว่าได้ผลอย่างมาก เขาปรุงยาเร่งความเร็วในการดูดซับปราณได้ 5 เม็ด เมื่อคิดแบบนั้น หยางเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ เสี่ยวหยาง นี่มันยาแบบไหนกัน ? ข้าเห็นเจ้าดีใจเหมือนคนบ้า ” เถาเถา มองไปที่ยาในมือ หยางเฉิน ด้วยความสงสัย
“ นี่คือยาสลายที่ช่วยเร่งความเร็วในการบ่มเพาะของข้า ข้าจะไม่ดีใจได้ยังไง ? ” หยางเฉิน ยิ้มออกมา
“ เร่งความเร็วในการบ่มเพาะรึ ?” สีหน้าของ เถาเถา เปลี่ยนไปทันที “ เจ้าบอกว่าได้สูตรยานี่มาจากเตารึ ?”
“ หือ ? มีอะไรกัน ? ” หยางเฉิน สงสัยขึ้นมา เหตุใด เถาเถา ถึงแสดงท่าทีตกใจเช่นนี้ออกมา ?
“ เด็กน้อย เจ้ารู้รึไม่ว่ามีทักษะลับมากมายในโลกนี้ มันมีแค่บางคนที่เหมาะจะบ่มเพาะมัน คนอื่นๆถึงได้มันไปก็ไม่อาจจะบ่มเพาะมันได้ ? เจ้าของข้าบอกว่าการบ่มเพาะทักษะลับเหล่านี้ต้องใช้ยามากมาย มันต้องการร่างกายรึสายเลือดที่พิเศษ บอกได้ว่าการส่งต่อทักษะลับนั้นเป็นของตระกูลพิเศษ” เถาเถา มองไปที่เตายาราชาอมตะ
เมื่อเขาเห็นทักษะบนเตา เขาก็ได้ถอยกลับไปกว่า 10 ก้าว เมื่อเห็นแบบนั้น หยางเฉิน ก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ เถาเถา เจ้าเป็นอะไรไป ?”
“ มันเป็นการส่งต่อทักษะลับจริงๆ ! ” เถาเถา สูดหายใจเข้าลึกๆและมองไปที่เตายนา “ การส่งต่อทักษะลับ เจ้านายเคยบอกว่าการส่งต่อทักษะลับนั้นเป็นของตระกูลพิเศษ คนอื่นไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่อาจจะบ่มเพาะมันได้ เมื่อพวกเขาบ่มเพาะมัน พวกเขามีแต่จะโดนกลืนกิน ” เถาเถา หันไปมอง หยางเฉิน แล้วพูดขึ้นด้วยความกังวล “ ทักษะบนเตานี่เหมือนจะทรงพลัง คนนอกไม่อาจจะเห็นมันได้ ”
“ การส่งต่อทักษะรึ ? ” หยางเฉิน นึกถึง หยางเฉินคนเดิม ที่ตายไป รึว่าเด็กนั่นจะเป็นสมาชิกของตระกูลลึกลับ ? เขากลับมีทักษะลับแบบนี้อยู่กับตัว !
เตายาราชาอมตะออกมาจากจี้ที่หยางเฉินใส่ไว้ เตายานี้คือของหยางเฉิน ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าทักษะลับนี้เป็นของ หยางเฉิน
“ เสี่ยวหยาง เจ้าไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อยเลยรึ ?” เถาเถา มองไปที่ หยางเฉิน ด้วยสีหน้าสงสัย
“ ข้าไม่รู้จริงๆ ” หยางเฉิน ลูบจมูก เขาได้บอก เถาเถา ว่าเขาได้เตายามาได้ยังไง แน่นอนว่าเขาได้บอกประสบการณ์ทั้งหมดของเขาแต่ไม่ได้บอกว่าเขามาจากโลกอื่น ความลับนี้เขาไม่คิดจะบอกใคร
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เถาเถาก็พูดขึ้นมา “ เสี่ยวหยาง เจ้าห้ามพูดเรื่องนี้กับคนอื่น ไม่งั้นแล้วเจ้ามีปัญหาใหญ่แน่ ”
‘ ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็รู้ ’ หยางเฉิน แอบขำในใจ ‘ เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กน้อยรึไง ? ข้าน่ะเป็นคนที่อยู่มาถึงสองชีวิตแล้ว ’
“ เฮ้อ เสี่ยวหยาง เจ้าห้ามบอกเรื่องการพบกับข้าให้คนอื่นรู้ หากคนอื่นรู้ว่าเจ้ามีสมบัติล้ำค่ากับตัว เจ้าจะยิ่งมีปัญหายิ่งกว่าเก่า ! ” เถาเถา พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
หยางเฉิน ได้ยินแบบนั้นก็มองไปที่เถาเถา อีกฝ่ายชมตัวเองอีกแล้ว เถาเถาบอกว่าตัวเองเป็นสมบัติ หยางเฉินยังมองไม่ออกเลยว่ามันเป็นสมบัติตรงไหนกัน !
เถาเถา ไม่ได้สนใจสายตา หยางเฉิน แต่กลับมองไปที่จี้ที่อยู่บนคอ หยางเฉิน แล้วพึมพำออกมา “ เจ้าบอกว่าหลังจากที่ออกมาจากจี้นี่ได้ เจ้าก็กลับเข้าไปไม่ได้อีกสินะ ?”
หยางเฉิน พยักหน้าตอบรับ
“ ตามที่ข้าสังเกตดูแล้ว เตายาที่ใช้เพื่อปรุงยานี้ทำขึ้นจากวัสดุแบบเดียวกับจี้ ดังนั้นมันน่าจะเชื่อมต่อกัน เจ้าลองโคจรปราณเข้าไปในเตายาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ” เถาเถา สั่งออกมา
เถาเถา เองก็เป็นจิตอาวุธ คำพูดของเขาน่าเชื่อถืออยู่ หยางเฉิน จึงโคจรปราณเข้าไปในเตาตามที่ เถาเถา บอกมา
เมื่อปราณเข้าไปในเตา จี้ที่คอเขากลับส่องแสงออกมา ในพริบตาเขากลับเห็นประตูหินในจี้อีกแต่ปราณของเขาไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงเห็นแค่ประตูหินแต่ไม่อาจจะเข้าไปในจี้ได้
“ เจ้ารู้สึกอะไรรึไม่ ?” เถาเถา เห็นสีหน้า หยางเฉิน ที่ต่างไปจากเดิมจึงรีบถามขึ้นมา
“ ใช่ ข้าเห็นประตูหินในจี้ ” หยางเฉิน สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น
“ หากข้าเดาไม่ผิดแล้ว หากเจ้าอยากกลับเข้าไปในจี้อีก เจ้าต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอเสียก่อน ” เถาเถา ฉุกคิดถึงบางอย่างและพูดขึ้นมา “ เจ้าลองไปที่เตายาดู มันมีทักษะที่สมบูรณ์อยู่รึไม่ ?”
หยางเฉิน ไม่ได้หันกลับไปมองและตอบกลับทันที “ มันมีแค่ส่วนแรกและส่วนที่สอง ข้าบ่มเพาะได้แค่ส่วนแรกเท่านั้น ”
“ ข้าว่าเจ้าต้องบ่มเพาะให้ถึงขอบเขตธุลีขั้น 9 ให้ได้เสียก่อนถึงจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะกลับเข้าไปในจี้ได้อีกครั้งและได้ทักษะส่วนที่เหลือมา ” เถาเถา เอามือจับคางแล้วพูดขึ้น
หยางเฉินยิ้มออกมา เขาไม่ได้สนว่านี่จะเป็นทักษะที่ไม่สมบูรณ์ เขาเชื่อว่าเขาจะบ่มเพาะมันถึงขอบเขตธุลีขั้น 9 ได้
ตอนนั้นสีหน้าของ หยางเฉิน ก็หม่นลง เขาเห็นว่าห่อของกลับว่างเปล่า มันเหมือนมีบางอย่างห่ายไป เขาค่อยๆหันกลับไปมอง เถาเถา ด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดขึ้น “ แล้วเงินในห่อล่ะ ?”
เถาเถา ยิ้มออกมาและนั่งลงไปบนพู่กันก่อนจะหันหลังกลับ เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับแต่กลับมองไปที่เตาแล้วพูดขึ้น “ เป็นของดีจริงๆ มันถึงกับปรุงยาขึ้นมาได้เอง ”
“ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ข้าถามเจ้าอยู่ เงินข้าหายไปไหน ?” หยางเฉิน ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ หากเจ้าไม่บอก เจ้าแค่ต้องเรียกข้าว่าเจ้านายก็พอ ”
“ ไร้สาระ ! เด็กน้อยอย่างเจ้าจะมาเป็นเจ้านายของข้าได้ยังไง ! “ เถาเถา รีบหันกลับมาและพูดขึ้น “ หากเจ้าคิดจะเป็นเจ้านายของข้า เจ้าก็ต้องเอาเงินมา 3 ล้านเหรียญให้ได้ก่อน ! ”
“ ว่าไงนะ ? เจ้าคิดจะปล้นกันรึไง ! ” หยางเฉิน เบิกตากว้าง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็หันกลับแล้วเก็บเตายาก่อนจะเดินออกจากป่าไปโดยไม่หันกลับมามอง เถาเถา แม้แต่น้อย
“ ก็ได้ 2 ล้าน ! ”
“ 1 ล้าน ! ”
“ ช่างมันก็ได้ มาเป็นเพื่อนกัน มันจะได้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ! ”
เถาเถา นั่งอยู่บนพู่กันลอยตาม หยางเฉิน ไปและตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาเหมือนไม่อยากเสียเครื่องผลิตเงินอย่าง หยางเฉิน ไป ดังนั้นเขาจึงไล่ตาม หยางเฉิน ไป
“ เจ้าทำให้ข้าเป็นนักพรตให้ได้แล้วข้าจะแบ่งผลประโยชน์ให้เจ้า 3 ต่อ 7 ข้า 7 เจ้า 3 เป็นยังไง ? ถ้าไม่ตกลงเจ้าก็ไปซะ ! ”
หยางเฉิน หันหลังกลับให้ เถาเถา แล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ ก็ได้ ถือว่าข้าโชคร้ายที่มาพบจิ้งจอกน้อยอย่างเจ้า ! ” ใบหน้ากลมๆของ เถาเถา แดงด้วยความโกรธ