ตอนที่ 14 : ยันต์
“ เถาเถาเร็วเข้า รีบสอนข้าวาดยันต์เร็ว ข้าต้องวาดยันต์ให้ได้ใน 1 เดือน ไม่งั้นแล้วข้าคงไม่อาจจะซื้อผลมังกรได้ ” หยางเฉินมองไปที่เถาเถาด้วยท่าทีกระตือรือร้น
“ ก่อนที่จะฝึกวาดวาดยันต์ ข้าต้องทดสอบเจ้าก่อนว่าเจ้ามีพรสวรรค์รึไม่ ” เถาเถากางมืออกพร้อมกับตำราเล่มสีดำที่ปรากฏขึ้นมาในมือ เขามองไปที่หยางเฉินแล้วพูดขึ้น “ นี่คือตำราพื้นฐานวาดยันต์มันมียันต์กว่าร้อยแบบ หน้าที่ของเจ้าตอนนี้คืออ่านมันให้หมด ห้ามละเลย จากนั้นก็ใช้พลังของเจ้า วาดยันต์คัดลอกมันลงไปบนกระดาษ ”
“ แค่อ่านมันรึ ? ” หยางเฉินอึ้ง ‘ นี่ไม่ดูถูกข้าไปหน่อยรึ ? ข้าไม่ได้โง่ แม้แต่คงโง่ก็ยังอ่านยันต์เหล่านี้ได้ไม่ใช่รึ ? ’
“ เจ้าเหมือนจะยังไม่เข้าใจ ข้าหมายความว่าหลังจากที่อ่านมันแล้ว ก็ลองคัดลอกมันดู ตอนที่คัดลอกนั้นเจ้าไม่อาจจะอ่านตำราได้อีก เจ้าต้องจดจำรูปแบบยันต์ทั้งหมดไว้ในหัว ! ” เถาเถาคิดว่าหยางเฉินจะกลัวเพราะคำพูดของเขา แต่หยางเฉินกลับแสดงสีหน้าเยือกเย็นออกมา
‘ มันยากตรงไหนกัน ในชีวิตที่แล้วเพื่อจะหลอกนักสะสม ข้าได้ทำภาพเลียนแบบมาแล้วไม่รู้กี่อัน ข้าเกือบทำให้ของปลอมเป็นของจริงแทนได้ การคัดลอกยันต์นี้ หากข้าเป็นที่สองก็คงไม่มีใครกล้าบอกว่าเป็นที่หนึ่ง ! ’ หยางเฉินไม่คิดว่ามันจะยากตรงไหนกับการคัดลอกรูปแบบยันต์
“ เสี่ยวหยางเจ้าเหมือนจะมั่นใจดี ข้าอยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหน ” เถาเถาโยนตำราและพู่กันให้กับหยางเฉินแล้วยิ้มออกมา “ เร็วเข้าหลังจากที่อ่านมันแล้วเจ้าก็เริ่มคัดลอกได้ทันที ”
หยางเฉินพยักหน้าและยิ้มรับ เขาไปนั่งบนเก้าอี้และเริ่มทำกางหนังสือบนโต๊ะแต่ละหน้าของหนังสือนี้หนาและแข็งอย่างมากไม่รู้เลยว่ามันทำมาจากอะไร
ตำรายันต์มีลวดลายที่แปลกประหลาดอยู่ ลวดลายเหล่านี้คล้ายกับที่หยางเฉินเห็นมาบนยันต์ มันเหมือนกับตัวหนังสือต่างดาวมันราวกับว่าเขากำลังอ่านตำราสวรรค์อยู่
หยางเฉินจ้องไปยังรูปแบบเหล่านั้นตาไม่กระพริบ ทุกครั้งที่เขาพลิกหน้า ปราณในตัวเขาจะโดนรูปแบบเหล่านั้นดูดซับไป มันแปลกประหลาดอย่างมาก เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า มันแสดงให้เห็นว่าพลังปราณของเขาถูกใช้ไปจำนวนมากเช่นกัน
‘ แน่นอนว่ามันไม่ได้ธรรมดาแบบที่ข้าคิดไว้ ’ เมื่อรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าจากร่างกาย หยางเฉินก็พบว่าเขาคิดผิดไป การอ่านตำรานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่แปลกเลยที่มีเด็กมากมายจะลาออกจากโรงเรียน
มันมีรูปแบบวาดยันต์กว่าร้อยแบบ แต่ละแบบมีความต่างกันหลายจุด ผลก็คือถึงยันต์จะดูคล้ายกัน แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันไปมันทำให้ยันต์แบบเดียวกัน ส่งผลต่อวัตถุดิบในการปรุงยาแตกต่างกันไปด้วย แม้ว่าความต่างจะไม่ได้มากนัก แต่ก็เพียงพอจะส่งผลต่อความสำเร็จในการปรุงยาได้ด้วย
หยางเฉินต้องเขียนยันต์ทุกแบบ ไม่ใช่แค่นั้น แต่หากพลาดไปเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้ มันคือเรื่องที่ยากอย่างมาก หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาษาอังกฤษที่เขาเคยเรียนมาจากโลกเก่า หากมันเป็นภาษาอังกฤษถึงไม่ต้องแปลความหมายของมันรึการออกเสียง แค่จำตัวหนังสือเหล่านี้ก็ยากแล้ว มันคิดภาพได้ว่าจะน่าสลดแค่ไหนกัน ?
‘ เด็กนี่อดทนดี เขาคือวัตถุดิบชั้นดีสำหรับการเป็นนักพรต ’ เถาเถาลูบคางและมองหยางเฉินด้วยความสนใจ
หยางเฉินอดทนต่อความเจ็บปวดโชคดีที่เขามีประสบการณ์เจ็บปวดจากชีวิตที่แล้วมาแล้ว ความเจ็บปวดนี้ถือว่าธรรมดาไปเลย
แค่จดจำยันต์เหล่านี้ หยางเฉินก็ใช้เวลาไปกว่า 2 วันเต็ม ตอนที่เขาอ่านตำราจบ ตาของเขาก็แดงก่ำไปด้วยเลือด
“ เสี่ยวหยางเจ้ากลับอ่านตำรานี่จบใน 2 วัน แต่ขั้นตอนต่อไปนั้นคือดูว่าเจ้าคัดลอกมันได้ทั้งหมดรึไม่หาก เจ้าไม่อาจจะทำได้เจ้าก็ต้องอ่านอีกรอบ ” เถาเถาลูบคางและยิ้มออกมา “ เจ้าต้องทำให้ดีที่สุด แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ! ”
“ สบายใจได้ข้าจะทำให้ดีที่สุด ! ” หยางเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆและจับพู่กันขึ้นมาเริ่มวาดยันต์ลงบนกระดาษ
ตอนแรกความเร็วในการวาดนั้นไม่ได้เร็วนัก แต่มันก็เริ่มเร็วขึ้นมาเรื่อยๆกระดาษขาวปลิวว่อนออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นแบบนั้นเถาเถาก็ต้องอึ้งเด็กนี่ไม่เกินไปหน่อยรึไง ?
ชัดแล้วว่าเถาเถาประเมินความจำของหยางเฉินต่ำไป หยางเฉินเป็นราชาแห่งนักต้มตุ๋นเขาจะไม่มีความจำที่ยอดเยี่ยมได้ยังไง
ครึ่งวันต่อมาหยางเฉินก็ได้คัดลอกวยันต์ทั้งหมดเสร็จ เขาเหนื่อยล้าจนแทบจะตกลงจากเก้าอี้
“ ดีพรสวรรค์ใช้ได้ ” แต่เดิมแล้วเถาเถาคิดจะชมหยางเฉิน แต่เขากลับเปลี่ยนใจเขาไม่อาจจะชมเด็กๆได้ นี่คือสิ่งที่นายของเขาบอกมา
“ เถาเถาเจ้าอยากให้ข้าทำอะไรต่อ ? ” สุดท้ายหยางเฉินก็ลุกขึ้นยืนการวาดยันต์เหล่านี้ทำให้เหนื่อยจริงๆ
“ เจ้ายังอ่อนแอเกินไป นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้ารู้สึกเหนื่อย ตอนที่เจ้าฝึกวาดยันต์นั้นเจ้าต้องบ่มเพาะไปด้วย ” เถาเถาถอนหายใจออกมา “ แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ผงยาในตอนนี้เจ้าต้องซึมซับยาที่เหลือในตัวให้หมดก่อน ”
“ เฮ้อดูเหมือนว่าการเป็นนักพรตจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ” หยางเฉินบิดเอวไปมาแสดงท่าทีสลด
“ เจ้าบ่มเพาะอีกครึ่งวันพรุ่งนี้เราจะเริ่มฝึกวาดยันต์กัน ” หลังจากที่เถาเถาพูดจบเขาก็ได้กลับเข้าไปในพู่กันส่วนหยางเฉินนั้นหลับตาลงและทำการบ่มเพาะตามที่เถาเถาบอก
...
วันต่อมาตอนที่หยางเฉินลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าปราณในตันเถียนเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เขารู้ว่าการวาดยันต์เมื่อวานนี้ไม่ได้เสียเปล่า เถาเถานั่งอยู่บนพู่กันเมื่อเห็นหยางเฉินตื่นขึ้นมาเขาก็ยิ้มออกมา “ เสี่ยวหยางมันมีอันตรายกับการวาดยันต์ขึ้นมา เจ้าต้องเตรียมใจว่าจะบาดเจ็บได้ทุกเมื่อ ”
“ มันอันตรายงั้นรึ ? ” หยางเฉินมองไปที่เถาเถา ‘ ข้าว่าแล้ว มันต้องเป็นงานที่เสี่ยง ! ’
“ หากวาดยันต์ผิด มันก็อาจจะระเบิด แต่โชคดีที่เจ้าได้ดูดซับมันไปแล้ว แม้ว่ามันจะระเบิด แต่อย่างมากก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ” เถาเถา รีบปลอบใจ เขาเห็นว่าเขาฝึกฝนเด็กนี่หนัก เขาไม่อาจจะทำให้เด็กนี่กลัวจนหนีไปได้
“ บาดเจ็บเล็กน้อยรึ ? ” หยางเฉินหันกลับไปมองเถาเถาเขาเริ่มสงสัยในคำพูดนี้แล้ว
“ เจ้าสบายใจได้แม้ว่าจะคัดลอกผิด แต่ก็มีโอกาสน้อยที่จะระเบิด ข้าไม่เคยโกหก เจ้าไม่เชื่อคำพูดข้ารึไง ? ” เถาเถาพองแก้มแล้วพูดขึ้นมา “ ก็ได้ข้าเชื่อเจ้าก็ได้ ” แม้ว่าปากจะพูดแบบนั้นแต่หยางเฉินก็ยังเริ่มสงสัยในใจ
“ จับพู่กันเอาไว้พยายามสื่อสารกับรูปแบบยันต์ในตัว ดึงพลังยันต์มายังพู่กัน จากนั้นเจ้าจึงค่อยวาดมัน ” การวาดยันต์นั้นต้องใช้กระดาษยันต์ โชคดีที่มันมีอยู่ที่นี่ พู่กันใต้ก้นเถาเถาลอยมายังมือของหยางเฉินในเวลาเดียวกันมือเล็กๆของเถาเถาก็กางออกก่อนจะมีกระดาษสีดำมากกว่า10 แผ่นลอยเข้าไปหามือของหยางเฉิน
หยางเฉินรับพู่กันและสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเคยใช้พลังวาดยันต์มาแล้ว พลังนั้นทำให้เขารู้สึกแข็งแกร่งขึ้น ครั้งนี้คือการใช้พลังวาดยันต์จริงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะกังวลในใจนิดๆ
หยางเฉินจับพู่กันไว้แน่นและพยายามสื่อสารกับยันต์ในใจเขา ไม่นานเขาก็รู้สึกได้ว่ามีเส้นสีดำในใจเขา ซึ่งคือยันต์ปราณสีดำได้ลอยออกมาก่อนจะไหลไปตามเส้นเลือดในแขนมายังพู่กัน
หยางเฉินกางกระดาษดำบนโต๊ะแล้วค่อยๆควบคุมการสั่นไหวของพู่กันแล้วเริ่มวาดลงไปกระดาษดำนี่คือกระดาษยันต์ที่นักพรตเรียก มันคือของจำเป็นสำหรับนักพรต
เมื่อตอนที่สะบัดมือครั้งแรกปราณในตัวเขาก็ไหลปะทุออกมาราวกับน้ำ หลอมรวมกับปราณสีดำที่ไหลออกมาจากยันต์ทิ้งตัวหนังสือสีทองไว้บนกระดาษซึ่งคือรูปแบบของยันต์แต่นี่แค่ตัวแรกเท่านั้น
มันมีตัวหนังสืออย่างน้อยหลายพันตัวในยันต์อันเดียว ในตอนที่วาดนั้นมันไม่อาจจะผิดพลาดได้ มันต้องวาดตามรูปแบบในตำรานี่คือส่วนที่ยากอย่างมาก
ตูม !กระดาษระเบิดกลายเป็นผงกระจายไปทั่ว เพิ่งจะวาดตัวแรกเสร็จหยางเฉินก็ล้มเหลวแล้ว
ตอนที่วาดยันต์นั้นการควบคุมปราณและพลังจิตคือสิ่งจำเป็น หากต่างกันเพียงเล็กน้อยจะส่งผลต่างกันมหาศาลความสามารถในการควบคุมปราณของหยางเฉินยังน้อยเกินไป ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาล้มเหลว
“ เฮ้อดูเหมือนว่าข้าจะกังวลไปหน่อย ” เถาเถาส่ายหน้าโทษตัวเอง “ ข้าคิดว่าเจ้าจะสร้างยันต์ขึ้นมาได้ด้วยความสามารถที่เจ้ามี ตอนนี้แต่ดูเหมือนว่าข้าจะคิดผิดไปทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ”
หยางเฉินมองไปที่เศษกระดาษยันต์บนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด “ เถาเถาข้าไม่อาจจะควบคุมปริมาณปราณได้ ข้าควบคุมมันมากเกินไป หากมันน้อยเกินไปมันก็จะล้มเหลว ”
“ ดูเหมือนว่าข้าคงได้แต่สอนให้เจ้าเขียนก่อน ! ”
“ สอนให้ข้าเขียนรึ ? ”
หยางเฉินตะลึงการเขียนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการวาดยันต์กัน ? รึว่ายันต์ที่เขาเขียนขึ้นมามันดูน่าเกลียดเกินไป ? ไม่สิ ในชีวิตที่แล้วเขาถึงกับปลอมตัวเป็นนักคัดอักษรด้วยซ้ำ
“ มันไม่ใช่การสอนเจ้าเขียน แต่เป็นการสอนเรื่องการเขียน เพื่อพัฒนาความสามารถในการควบคุมปราณ วิธีนี้นายข้าคิดขึ้นเองข้าไม่คิดเงิน ข้าจะสอนเจ้าฟรีๆ ! ” เมื่อพูดถึงเจ้านายตัวเอง เถาเถาก็เผยสีหน้าภูมิใจออกมา
หยางเฉินกรอกตาใส่ “ หากเจ้ากล้าคิดเงินกับข้า ข้อตกลงเราเป็นอันยกเลิก ”
“ ข้าแค่ล้อเล่นอย่าคิดจริงจังไปหน่อยเลย ” เถาเถายิ้มออกมา ” เจ้าไปหาแผ่นหินมาก่อนแล้วใช้พู่กันสลักลงไป ความลึกแต่ละเส้นเท่ากับ1เส้นผม ” เมื่อพูดจบก็มีตำราอีกเล่มลอยออกจากมือไปหาหยางเฉิน
หยางเฉินรับตำราเอาไว้และพูดขึ้น “ บางครั้งข้าก็สงสัยว่าเจ้าไม่ตั้งใจจะสอนข้า เจ้าจงใจทรมานข้าชัดๆ ! ”
“ อย่าพูดไร้สาระรีบไปฝึกเร็วเข้า เจ้าบอกเองว่าเจ้าจะวาดยันต์ให้ได้ใน 1 เดือน ” เถาเถามองไปที่หยางเฉินด้วยท่าทีน่ารัก
หยางเฉินถอนหายใจออกมา เขาได้แต่ต้องไปหาแผ่นหินแล้วเปิดตำราออกจากนั้นเขาก็ทำการฝึกตามตำราตามการชี้แนะจากเถาเถา ปราณก็ได้ไหลเข้าไปในพู่กัน ก่อนที่เขาจะทำการเขียนลงบนแผ่นหิน
พู่กันนี่คมอย่างมากไม่รู้ว่ามันทำมาจากอะไรแค่ออกแรงเล็กน้อยก็เฉือนหินได้ หากไม่อยากให้แผ่นหินขาดงั้นเขาก็ต้องควบคุมปริมาณปราณให้ดี