ตอนที่ 16 : การประมูล
“ มันมียันต์หลายขั้น ที่เจ้าเขียนมาตะกี้เป็นแค่ยันต์ขั้นที่ 1 มันสามารถดึงสิ่งปนเปื้อนในสมุนไพรออกมาได้ มันเป็นยันต์ที่ง่ายที่สุด ข้าหวังว่าเจ้าจะทำสำเร็จ” เถาเถามองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง
แน่นอนว่าหยางเฉินเมื่อได้ยินเสียงของเถาเถา ด้วยนิสัยหยิ่งทะนงของเขาแล้วเขาต้องทำให้ดีที่สุด นี่คือหลักการของเขา แม้ว่าเถาเถาจะไม่บอกแต่เขาก็จะทุ่มสุดตัวและทำให้สำเร็จในครั้งเดียว !
สาม, สี่...ด้วยความเชี่ยวชาญในการควบคุมปราณ หยางเฉินก็เขียนตัวหนังสือลงบนกระดาษได้อย่างต่อเนื่อง เขาไม่อาจจะผิดพลาดได้ ไม่งั้นแล้วความสำเร็จก่อนหน้านี้ก็สูญเปล่า การวาดยันต์นั้น ใช้ปราณและพลังจิตไปจำนวนมาก แต่อย่างที่เถาเถาบอกมา หลังจากที่เร่งความเร็วในการไหลของปราณ เส้นเลือดของเขาก็กว้างและแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการบ่มเพาะอย่างมาก และหลังจากที่สะบัดมือได้ 15-30 ครั้ง สุดท้ายหยางเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก กระดาษยันต์ของเขาสุดท้ายก็เต็มไปด้วยตัวหนังสือสีทอง ซึ่งมันก็หมายความว่ากระดาษยันต์นั้นได้กลายเป็นยันต์จริงๆขึ้นมาแล้ว
‘ เด็กนี่กลับทำได้สำเร็จในครั้งเดียว ! น่าทึ่งจริงๆ ’ เถาเถาอดไม่ได้ที่จะทึ่งในใจ ‘ ปราณของเขานี่แกร่งจริงๆ แค่ขั้น 2 แต่กลับทำลายหินเพชรได้ถึง 6 ก้อน บางทีนี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาทำได้สำเร็จ ’
“ นี่คือยันต์ที่ข้าสร้างขึ้นมารึ ?” หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ เมื่อรวมกับยันต์อีกสองอันในตัวข้าแล้ว ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นนักพรตแล้ว !”
“ หลังจากที่พัก 1 วัน เจ้าต้องสร้างยันต์เพิ่ม ” เถาเถาพูดขึ้น
“ หือ ?” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ ข้ารู้สึกได้ว่าปราณในตันเถียนนั้นถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ”
“ แน่นอน หลังจากที่สั่งสมมาตลอดหลายวัน ปราณในตันเถียนของเจ้าก็เพิ่มจนถึงขีดจำกัด เจ้ารีบทำการบ่มเพาะและดูดซับปราณเพื่อที่จะทะลวงผ่านกำแพงชั้น 2 ดู” เถาเถายิ้มออกมา เขาคาดหวังอย่างมาก หากขึ้นไปถึงขอบเขตกำลังภายในขั้น 3 ได้ หยางเฉินจะทำลายหินได้กี่ก้อนกัน ?
หยางเฉินพยักหน้าและนั่งขัดสมาธิก่อนจะทำการบ่มเพาะทักษะกุยหยวนและเริ่มดูดซับปราณรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง ตลอดหลายวันมานี้ยาสลายในตัวของเขานั้นถูกใช้ไปเกือบหมดแล้ว มันเหลืออีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น เขาต้องใช้ยาที่เหลือในการทะลวงผ่านไปขั้น 3 หลังจากที่ปราณเข้าไปในตันเถียน หยางเฉินควบคุมปราณทั้งหมดให้อัดเข้ากับกำแพงกั้น ตอนนั้นมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา มันแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่ แต่หยางเฉินนั้นมีความอดทน เขากัดฟันแน่นควบคุมปราณให้อัดเข้ากับกำแพง หลังจากที่ใช้ปราณชนกำแพงอยู่หลายชั่วโมง สุดท้ายเสื้อผ้าของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
หยางเฉินไม่รู้เลยว่า ตอนที่เขากำลังจะขึ้นไปถึงขั้น 3 ได้นั้น มันกลับมีคนหนึ่งอยู่ที่ด้านนอกชั้นใต้ดินมองมาที่เขา คนคนนั้นก็คือเว่ยหยานหลาน สีหน้าของนางเผยรอยยิ้มยินดีออกมา “ พี่เฉินบ่มเพาะอีกครั้งได้แล้ว พู่กันนั่นช่วยพี่เฉินอยู่รึ ? ”
เมื่อเถาเถาพบว่ามีคนอยู่ด้านนอก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาอยากจะโจมตีแต่ตอนนั้นเสียงของเว่ยหยานหลานก็ดังเข้ามาในหู “ เด็กน้อย ข้าเป็นแฟนของพี่เฉิน เจ้าไม่ต้องกังวล”
“ แฟนรึ ?” เถาเถาอึ้งไป เขาไม่เห็นเลยว่าตอนที่เว่ยหยานหลานพูดแบบนี้ออกมานั้น หน้าของนางแดงแค่ไหน
‘เด็กนี่อายุเท่าไหร่กัน ? นางเหมือนอายุน้อยกว่าเสี่ยวหยางด้วยซ้ำ ? ขอบเขตธุลีรึ ? ’ หลังจากที่แปลกใจได้ไม่นาน สีหน้าของเถาเถาก็เปลี่ยนไป
“ จำไว้ว่าอย่าบอกพี่เฉิน !” เสียงของเว่ยหยานหลานดูจริงจังขึ้นมา หลังจากที่พูดจบนางก็ออกจากชั้นใต้ดินไป
ตอนนั้นลมได้ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ ตัวของหยางเฉิน คลื่นพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นมา สุดท้ายเขาก็ทะลวงผ่านไปได้สำเร็จ ขอบเขตกำลังภายในขั้น 3 ! ตอนนั้นร่างกายของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เขาเริ่มแกร่งขึ้น
“ ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งจริงๆ !” เถาเถาตาเป็นประกายขึ้นมาทันที แม้ว่าจะมีสาวงามมาแก้ผ้าตรงหน้าของเขาตอนนี้ แต่เดาว่าเขาคงเอาแต่มองหยางเฉินตาไม่กะพริบ
หลังจากการทะลวงผ่านจบลง หยางเฉินก็ถอนหายใจออกมา แสงในตาส่องประกายขึ้นมาก่อนจะหายไปในทันที
“ เสี่ยวหยาง ลองทำลายหินเพชรดู !” เถาเถาแทบอดใจรอไม่ไหว
หยางเฉินเอาหินเพชรออกมาจากแหวนมิติ เถาเถาเห็นการเคลื่อนไหวของหยางเฉินก็ต้องเบิกตากว้าง “ เจ้าคงไม่คิดจะทำลายหิน 10 ก้อนในครั้งเดียวหรอกนะ ?”
“ ถูกแล้ว ข้ารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้น่าจะเพียงพอที่จะทำลายหิน 10 ก้อนได้ ” หยางเฉินเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา ขอบเขตกำลังภายในขั้น 3 กับหินเพชร 10 ก้อน ? นี่มันอะไรกัน โดยทั่วไปมีแต่ก้าวข้ามขอบเขตกำลังภายในได้เท่านั้นถึงจะทำลายหิน 10 ก้อนได้
หลังจากที่วางหินลงไปที่พื้น หยางเฉินก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วถ่ายเทพลังลงไปที่หมัด เขากระโดดขึ้นเคลื่อนไหวราวกับกระต่ายแล้วต่อยเข้าใส่หินอย่างแรง !
แกร๊ก...มันไม่ใช่เสียงหิน 10 ก้อนแต่เป็น 9 ก้อน หมัดของหยางเฉินนั้นทำลายหินได้ 9 ก้อน !
‘ 9 ก้อน ! นายท่านทำลายหินได้แค่ 7 ก้อนในระดับนี้ แต่เสี่ยวหยางกลับทำลายหินได้ 9 ก้อนเลยรึ ? นะ นี่มัน....’ เถาเถาเบิกตากว้าง เขาไม่อาจจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ว่าเป็นความจริง
“ เฮ้อ ได้แค่ 9 ก้อน ” หยางเฉินถอนหายใจออกมา แต่ทันใดนั้นก็มีคนตบหัวของเขาอย่างแรง เขาหันกลับไปมองทันที “เถาเถาเจ้าตีข้าทำไม ?”
“ เด็กน้อย เจ้าทำลายหินได้ 9 ก้อนยังไม่พอใจอีกหรือ แน่นอนว่าข้าต้องตีเจ้า เพราะมันน่าโมโหจริงๆ !” เถาเถาพึมพำออกมา
หยางเฉินกลอกตาใส่ อยู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “ พรุ่งนี้น่าจะเป็นการเริ่มการประมูลสินะ ?”
“ ถูกแล้ว พรุ่งนี้คือวันเริ่มการประมูล เจ้าต้องรีบเขียนยันต์ขึ้นมา !” เถาเถาสั่งออกมา
หยางเฉินพยักหน้าและเริ่มทำการวาดยันต์ต่อ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาก็ผ่านไปอีกวัน
วันต่อมาหยางเฉินก็ได้ใส่หน้ากากก่อนจะมุ่งหน้าไปที่โถงเถียเพื่อเข้าร่วมการประมูล ในห้องพิเศษ หยางเฉินได้รออยู่อย่างกังวล มันเหมือนจะมีคนเข้าร่วมการประมูลจำนวนมากในวันนี้ ห้องพิเศษทุกห้องถูกจับจองหมด
เย่หลุนโผล่มาตรงหน้าหยางเฉินอีกครั้ง เขายิ้มออกมาและบอกกับทุกคน “ เดาว่าทุกคนคงจะรู้แล้วว่าการประมูลครั้งนี้คืออะไร ข้าจะไม่พูดไร้สาระ ราคาเริ่มต้นของผลมังกรอยู่ที่ 1.5 ล้าน ! ”
พวกคนที่ไม่รู้ราคาเริ่มต้นของผลมังกรต่างก็พากันกลั้นหายใจ แน่นอนว่าพวกคนที่ตกใจกับราคานี้เป็นแค่คนทั่วไป แต่พวกคนใหญ่โตนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเลย และหยางเฉินเองก็คือหนึ่งในนั้น
“ 1.51 ล้าน !” ในห้องพิเศษห้องหนึ่ง คนที่เพิ่มราคานี้ขึ้นมากลับเป็นวูเล่ย เมื่อได้ยินราคาที่วูเล่ยพูดขึ้นมา หยางเฉินก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ยังไงซะวูเล่ยก็บ่มเพาะวรยุทธ์ธาตุไฟอยู่แล้ว
ในห้องพิเศษอีกห้อง โมซันและโมโกเองก็เช่นกัน หลังจากที่ได้ยินเสียงของวูเล่ย โมซันก็พูดขึ้นมา “ ครั้งที่แล้วที่พบกับเจ้าเฒ่าวู คลื่นพลังของเขาดูผิดปกติเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะพยายามปกปิดมันไว้ แต่ก็ไม่อาจจะหนีพ้นจากสายตาของข้าได้ เขาขึ้นมาถึงขั้น 9 สูงสุดแล้ว”
“ ท่านพ่อ ขั้น 9 สูงสุดแล้วยังไงกัน ? ” โมโกสับสนกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ
“ หากเขาได้ผลมังกรนี่ไป เขาอาจจะขึ้นไปขอบเขตปรมาจารย์ได้ก่อนข้า !” โมซันพูดขึ้นมา
“ ขอบเขตปรมาจารย์ !” สุดท้าย โมโกก็รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ หากวูเล่ยขึ้นไปขอบเขตปรมาจารย์ ตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองซูเซียนก็ต้องเป็นของตระกูลวู ตระกูลโมของเขาต้องยกฐานะนี้ให้กับคนอื่นงั้นรึ ไม่มีทาง...
“ ไม่อาจปล่อยให้เขาได้ผลมังกรนี่ไปได้ ” โมซันตะโกนออกมา “ 1.53 ล้าน !”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา ตระกูลโมและตระกูลวูสู้กันเอง ไม่มีใครรู้ว่าเหอเจียเองก็มาเข้าร่วมงานประมูลนี้ด้วย เขาอยากจะเพิ่มราคา แต่เมื่อได้ยินเสียงของโมซัน เขาก็ยิ้มออกมาทันที “ สู้กันเลย การที่พวกเจ้าสู้กันเองก็มีแต่ประหยัดแรงของข้า”
เมื่อหยางเฉินได้ยินเสียงของวูเล่ยและโมซัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะด่าพวกนั้น “ เจ้าเฒ่าสองคนนี้คิดจะซื้อมันจริงๆรึ ”
“สบายใจได้ พวกนี้แค่มีเงิน สู้เจ้าไม่ได้หรอก !” เถาเถาที่นั่งอยู่บนพู่กันหัวเราะออกมา หยางเฉินเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน “ ถูกแล้ว ข้าไม่มีอะไรอื่นนอกจากเงิน ข้าไม่มีทางแพ้สองคนนี้แน่ !”
“ 1.8 ล้าน !” อยู่ๆก็มีเสียงที่ทำให้หยางเฉินต้องสะดุ้ง มีคนเพิ่มราคาถึง 1.8 ล้าน !
“ ห้องที่สามรึ ?” หยางเฉินได้ทำการส่งยันต์ 4 แผ่นให้กับเย่หลุนเพื่อทำการประมูล ไม่ใช่แค่ได้เงินมา 3 ล้านเท่านั้น แต่ยังรู้ว่าใครอยู่ในห้องไหนด้วย คนที่อยู่ในห้องที่สามคือนักล่าอสูรที่ชื่อคุยเชิง ซึ่งเป็นคนของหน่วยล่าอสูรเซียวเทียน
“ ยุ่งยากแล้ว ! มีอีกคนเข้ามาร่วมด้วย !” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย หน่วยล่าอสูรเซียวเทียนนั้นมีฐานะทัดเทียมกับหน่วยทลายอสูร ความแข็งแกร่งนั้นสูงอย่างมาก พวกนี้ไม่ใช่คนที่โมซัน, วูเล่ยและคนอื่นๆจะมาเทียบได้
“ ไม่ต้องกังวลไป เรามีเงินเยอะ !” เถาเถารีบปลอบหยางเฉินทันที
“ 1.81 ล้าน !”
เมื่อได้ยินเสียงนี้สีหน้าของหยางเฉินก็ต้องเปลี่ยนไปทันที มันกลับเป็นวูเล่ย ทำไมเขาถึงกล้าสู้กับหน่วยล่าอสูรกัน ? แค่รองหัวหน้าหน่วยก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว !
ไม่ใช่แค่หยางเฉินเท่านั้น แม้แต่โมซันและโมโกก็ต้องอึ้งกับการกระทำของวูเล่ย เขาบ้าไปแล้วรึ ? เขาถึงกับกล้าหาเรื่องหน่วยล่าอสูรเซียวเทียนแบบนี้ ?
“ หือ ?” ในห้องพิเศษชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา ชายคนนี้คือคุยเชิง เขาสวมชุดหนังคล้ายกับเสี่ยวหมิง และดูค่อนข้างมีความสามารถ
คุยเชิงอยากจะเพิ่มราคาอีกครั้ง แต่ตอนนั้นเองกลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะมีกระดาษสอดเข้ามาที่ด้านใน เมื่อเห็นกระดาษนั้น คุยเชิงก็ยิ้มออกมาและยอมแพ้ เขาไม่ได้เพิ่มราคาต่อ
เมื่อเห็นว่าคุยเชิงไม่เพิ่มราคาต่อ โมซันและเหอเจียต่างก็เผยรอยยิ้มออกมา พวกเขาพากันคิดในใจ ‘ วูเล่ยมีปัญหาแล้ว ! แม้ว่าเขาจะได้ผลมังกรไปจริงๆแต่ข้าเกรงว่าสุดท้ายเขาก็ต้องยอมทิ้งมันไป ! ’
“ 2 ล้าน !”
เมื่อราคาประกาศออกมา โมซัน, เหอเจีย, วูเล่ย และคุยเชิงต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที วูเล่ยถึงกับทำลายเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง หนวดของเขาสั่นไหวไปมาด้วยความโกรธ
“ ไปดูว่าใครอยู่ในห้องเบอร์ 9 !”
ชายหนุ่มด้านหลังวูเล่ยตอบกลับก่อนจะรีบออกจากห้องไปทันที ไม่นานเขาก็กลับมาหาวูเล่ยและบอกถึงผลการตรวจสอบ
วูเล่ยถึงกับชะงักไป เขาแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา “ คนพวกนี้มาทำอะไรที่เมืองนี่กัน ?”
หลังจากที่หยางเฉินได้ยินราคานี้ เขาก็ต้องเบิกตากว้าง ‘ห้องเบอร์ 9 รึ ? จากห้องพิเศษทั้งหมด เย่หลุนปฏิเสธที่จะบอกว่าใครอยู่ในห้องนี้ ‘