ตอนที่ 23 : ค้นหา
ในบ้านหลังหนึ่งภายในเมืองซูเซียนมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาสวมชุดสีเทา ดูซูบผอมมีหนวดเคราสีขาวห้อยลงมาที่อก เขากำลังนั่งสมาธิอยู่
“ ท่านปู่สาม หลานเอ๋อมีเรื่องจะถาม ” เด็กสาวคนหนึ่งในชุดเขียวเดินเข้ามาในห้อง เด็กสาวผู้นี้คือเว่ยหยานหลาน
“ หลานเอ๋อเจ้าคิดถึงบ้านและอยากให้ปู่พาเจ้ากลับไปรึ ? ” ชายชราค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา สายตาของเขาผันผวนเมื่อเขาเห็นเว่ยหยานหลาน เขาก็เผยรอยยิ้มออกมา
“ หลานเอ๋อไม่ได้อยากกลับไป แต่หลานเอ๋อมีเรื่องอื่นจะถามท่านปู่ ” เว่ยหยานหลานเดินเข้ามาหาชายชราแล้วนั่งลงไปพร้อมกับจับแขนของชายชราเอาไว้
ชายชรายิ้มและถามขึ้นมา “บอกมาได้เลย เจ้าต้องการให้ปู่ทำอะไรให้เจ้า ? ”
เว่ยหยานหลานเผยสีหน้ากังวลออกมา ” ท่านปู่สาม พี่เฉินหายตัวไป ท่านช่วยหลานเอ๋อตามหาเขาได้รึไม่ ? ”
“ กลับเป็นเรื่องเด็กนั่นนี่เอง เจ้าสบายใจได้เขาคงไม่ปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บหรอก ” ชายชราเหมือนจะไม่ได้ชอบใจในตัวหยางเฉินมากนัก
“ ท่านปู่สามพี่เฉินไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ” เว่ยหยานหลานทำแก้มป่องแล้วพูดขึ้นมา นางไม่ชอบให้คนอื่น ๆ พูดจาเสีย ๆ หาย ๆ กับหยางเฉิน
“ ก็ได้ๆ ปู่จะไม่ว่าเจ้าเด็กนั่นก็ได้ ” ชายชราส่ายหน้าและยิ้มออกมา “ปู่จะช่วยเจ้าหาตัวเด็กนั่นเองเจ้าไม่ต้องกังวลไป ”
“ ท่านปู่ ! ” เว่ยหยานหลานหน้าแดงขึ้นมาและจับแขนชายชราเขย่าไปมา ชายชราลูบหัวเว่ยหยานหลานและยิ้มออกมา “เขาคงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเจ็บตัว แต่ปู่ก็ชอบนิสัยของเขา ” ชายชราหลับตาลงก่อนจะขยับมือไปมาช้า ๆ ราวกับเพ่งสมาธิค้นหาอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นเมื่อเว่ยหยานหลานเห็นว่าชายชราหลับตาลง ตอนนั้นนางก็ได้หยุดพูด นางไม่กล้าจะรบกวนชายชรา เมื่อชายชราหลับตาลงก็มีพลังแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งห้อง ก่อนที่พลังจะกระจายไปทั่วทุกทิศทาง พลังนี้ไม่อาจจะมองเห็นได้ ไม่มีใครเห็นพลังนี้แม้แต่น้อย นี่ไม่ต้องนับการที่จะรับรู้ได้เลย
แทบจะพร้อมกันนั้นในโถงเถีย เย่หลุนที่กำลังทำความเคารพ ตรงหน้าของเขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดขาว ชายผู้นี้ดูสง่า คิ้วคมราวกับดาบ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยรอยยิ้มราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ เขาฟังที่เย่หลุนรายงานมา แต่ตอนนั้นเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังลึกลับแผ่มาถึงตัว พลังลึกลับนี้ก็ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะลึกลับมาพร้อมกับพลังนี้ “เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้า ” ในตอนนั้นเองพลังลึกลับก็กระจายออกไป แต่เสียงนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหูของชายชุดขาว มันจึงทำให้เขาเหงื่อชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง
“ ท่านประธาน ? ท่านเป็นอะไรรึ ? ” เย่หลุนมองไปที่ชายชุดขาวด้วยความสงสัย ชายหนุ่มคนนี้กลับเป็นประธานของโถงเถีย
“ ไม่เป็นไร ว่าต่อเถอะ ” แม้ว่าชายหนุ่มจะแสดงสีหน้าเยือกเย็นออกมา แต่ในใจของเขาไม่อาจจะสงบลงได้เลย “ มีคนที่เก่งกาจเช่นนี้อยู่ในเมือง ว่าแต่เขากำลังค้นหาอะไรกัน ? ”
“ นักล่าอสูรที่ขายยันต์ให้กับข้านั้นได้หนีเข้าไปในเขตหวงห้ามของภูเขาวูชาน ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่รึไม่ ” เย่หลุนพูดขึ้นมา “ ยันต์พวกนี้เพิ่งจะทำขึ้นมาไม่นาน ข้าเดาว่านักล่าอสูรนั้นน่าจะเป็นนักพรต ! ”
ชายในชุดขาวพูดขึ้นมา “ ดูเหมือนว่าข้าต้องเข้าไปดูในเขตหวงห้ามของภูเขาวูชานแล้ว หวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ไม่งั้นแล้วข้าคงเดินทางมาเสียเปล่า ”
ในห้องที่เว่ยหยานหลานอยู่ ชายชราก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ และมองไปที่เว่ยหยานหลานก่อนจะยิ้มออกมา “ ตอนนี้เขาอยู่ที่ภูเขา แต่ไม่ได้อยู่ในอันตรายอะไรเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ”
“ ภูเขารึ ? ด้วยความแข็งแกร่งของพี่เฉินแล้วที่นั่นมันอันตรายเกินไป ท่านปู่ท่านรีบไปช่วยเขาเร็วเข้า ! ” เว่ยหยานหลานแสดงสีหน้ากังวลและอ้อนวอนออกมา
“ เด็กนั่นมีผู้ช่วยอยู่ข้างกาย ผู้ช่วยนั่นมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะช่วยเขาได้ เพื่อความสบายใจของเจ้าแล้ว หากเขาพบกับอันตรายอะไรปู่จะไปช่วยเขาอย่างแน่นอน ” ชายชราหัวเราะออกมา
เมื่อได้ยินที่ท่านปู่พูดมา เว่ยหยานหลานก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายวันได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่งดงามของนางอีกครั้ง
....
“ เถาเถา ภูเขานี่ไม่มีสัตว์อสูรขอบเขตกำลังภายในแล้ว มันไม่มีคู่ต่อสู้เพื่อฝึกฝนวรยุทธ์กระบี่ได้อีก ” หยางเฉินเดินอยู่ในป่าเขาไม่ได้พบกับสัตว์อสูรกว่าครึ่งวันแล้ว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา และไม่รู้ว่าตอนนี้เว่ยหยานหลาน,กั้วติง และซงเทียนเอ๋อแทบจะเป็นบ้าเพราะเขาแล้ว
“ อย่าเพิ่งพูดมีบางอย่างกำลังมุ่งหน้าเข้ามา ! ” เสียงของเถาเถาดังขึ้นมา ตอนนั้นท่าทีเกียจคร้านของหยางเฉินจึงหายไปทันที เขาดึงกระบี่ออกมาจากด้านหลังและมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีระมัดระวัง เงาสีดำก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ และพุ่งออกมาดั่งสายฟ้าก่อนจะพุ่งเข้าหาเขา !
เมื่อเห็นบางอย่างที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้า หยางเฉินก็ใช้ก้าววายุอสนีเพื่อหลบ เงานั้นพุ่งตัดผ่านอากาศไปด้านหลังชของเขาทันที
หยางเฉินหันกลับไปมองก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไป “ อสูรหมูป่า ! ”
อสูรหมูป่านี้กลับเป็นสัตว์อสูรขอบเขตธุลีมันดูคล้ายหมู แต่เท้าของมันไม่ใช่กีบเท้าของหมู มันเป็นกรงเล็บที่แหลมคม คมยิ่งกว่าดาบ ปากของมันเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคมเรียงกัน ฟันของมันสามารถตัดผ่านกระดูกได้ ขนที่แหลมราวกับเข็มที่หลังทำให้มันดูดุดันพอ ๆ กับสิงโต
อสูรหมูนี้ร้องออกมาด้วยเสียงที่คล้ายกับหมู มันงอเขี้ยวและพุ่งเข้าหาหยางเฉินอีกรอบ ! เมื่อรู้สึกว่าเถาเถาไม่คิดจะช่วย หยางเฉินก็สบถออกมาในใจ จากนั้นเขาก็รีบหลบไปข้าง ๆ พร้อมกับฟันกระบี่เข้าใส่อสูรหมูป่า กระบี่นี้ราวกับลม ปราณกระบี่ได้พุ่งออกมาในพริบตา
ฉัวะ ! ปราณกระบี่ได้ฟันเข้าใส่ตัวอสูรหมูป่า แต่อสูรหมูป่าก็ไม่ได้โดนผ่าจนตาย หยางเฉินสบถออกมาในใจ ‘ บัดซบหมู่นี่หนังหนาชะมัด ! ’
แม้ว่าอสูรหมูจะโดนกระบี่นี่ฟันเข้าอย่างจัง แต่มันก็ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงนัก มันบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันก็ยังต้องตกใจกับพลังที่กระบี่แสดงออกมา มันถึงกับกระเด็นออกไป
หยางเฉินรวดเร็วอย่างมาก เขาราวกับสายลมและสายฟ้า เขาวิ่งวนไปรอบ ๆ หมู กระบี่นั้นฟาดฟันไปมาอย่างรวดเร็ว ฟันเข้าใส่ส่วนสำคัญของหมู ทั้งท้อง,ตา,จมูกและส่วนอื่น...
‘ เฮ้อ โจมตีแบบนี้ทำให้ข้าเสียเกียรติจริง ๆ ! ‘ เถาเถาที่อยู่ในพู่กันถอนหายใจออกมา อันที่จริงหยางเฉินเองก็หมดหนทางเช่นกัน หมูนี่น่ะแข็งแกร่ง ส่วนที่สำคัญที่สุดคือมันใช้ปราณได้เหมือนกับมนุษย์ มันทั้งใช้กรงเล็บและใช้หางฟาดได้ การโจมตีง่าย ๆ ของมันนั้นแฝงไปด้วยปราณ ทั้งตัวของมันถือว่าเป็นอาวุธได้
ดังนั้นหยางเฉินจึงต้องลอบโจมตีแบบโจร เขาต้องวิ่งวนไปเรื่อย ๆ และต้องหนีจากอีกฝ่าย โจมตีเมื่อสบโอกาสเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เจ็บตัว แทนที่จะเป็นเขา ยังไงซะแม้ว่าจะใช้ปราณกระบี่ออกมาได้ แต่พลังนั้นก็ไม่ได้มากเท่ากับการโจมตีของหมู
กรร....หมูตาแดงก่ำและคำรามออกมา นอกจากตามันแล้วส่วนสำคัญอื่น ๆ ล้วนแต่โดนหยางเฉินโจมตีทั้งหมด แล้วอย่างนี้มันจะไม่โกรธได้ยังไง ?
หมูกระทืบพื้นพร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นมา มันพุ่งเข้าหาด้านข้างของหยางเฉิน จนทำให้หยางเฉินสีหน้าเปลี่ยนไป เขาต้องรีบกระโดดและใช้กระบี่ในมือฟันเข้าที่ตาของหมู !
แต่ก็โชคร้ายที่หมูนั้นหลบได้ การโจมตีของหยางเฉินล้มเหลว หมูจึงได้กระโดดขึ้นและอ้าปากเพื่อจะกัดก้นของเขาทันที
‘ ฝันไปเถอะแม้แต่ก้นข้าเจ้าก็ไม่ได้เลียหรอก ไอ้หมูนี่มันโรคจิตจริง ๆ ! ’ หยางเฉินสบถในใจและรีบสะบัดกระบี่ไปด้านหลัง ในเวลาเดียวกันก็ใช้ก้าววายุอสนีเพื่อหลบหนีออกไป อย่าคิดว่าหยางเฉินโจมตีออกมามั่ว ๆ อันที่จริงแล้วเขาใช้ปราณทั้งหมดที่มีออกมาแล้ว แต่ก็โชคร้ายที่ผิวของหมูนั้นหนาเกินไป หากไม่ใช่เพราะกระบี่อสนีโลกันตร์นั้นเป็นสมบัติระดับกลาง และคมอย่างมากแล้ว หยางเฉินก็ไม่อาจจะทำร้ายมันได้เลยแม้แต่น้อย !
กระบี่ได้ฟันเข้าที่หัวของหมูจนตัดขนของมันออก พร้อมกับสะเก็ดไฟที่กระเด็นไปโดยรอบ แต่ก็ยังไม่อาจจะเฉือนเข้าเนื้อมันได้ หยางเฉินได้แต่ถอนหายใจและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เมื่อกระบี่ฟันเข้าที่หัวของหมู มันก็ทำให้หมูยิ่งโกรธขึ้นไปอีก หมูได้พุ่งเข้าหาหยางเฉินราวกับช้างตกมัน กรงเล็บของมันได้สะบัดเข้าใส่หยางเฉินจนทำให้เกิดเสียงตัดอากาศดังขึ้นมา
สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไป เขาไม่กล้าที่จะประมาทอีก เขารีบใช้ก้าววายุอสนี เพื่อจะถอย ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้โคจรพลังไปที่มือแสงสีทองได้ส่องประกายออกมาที่นิ้วของเขา ก่อนที่จะใช้กรงเล็บมังกรสะบัดออกไป จนเกิดเสียงตัดอากาศที่ดังสนั่นขึ้นมา !
ครืน ! แขนของหยางเฉินชาขึ้นมาทันที เขาเซถอยกลับมากว่า 4 – 5 ก้าว ก่อนจะประคองตัวได้ เขายังทำการรวบรวมปราณต่อแต่ตอนนั้นเขาก็พบว่าปราณในตันเถียนนั้นมาถึงจุดอิ่มตัวของมันแล้ว
หมูไม่ได้โจมตีทันที เพราะมันได้รับบาดเจ็บจากกรงเล็บมังกรของหยางเฉิน เลือดไหลออกมาจากกรงเล็บของมัน พลังของกรงเล็บมังกรนี่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ !
ตอนนั้นตันเถียนของหยางเฉินก็เต็มไปด้วยปราณ เขาไม่อาจจะคิดอะไรมากได้ และต้องหวังพึ่งโชค ปราณรอบตัวโดนสูบเข้ามาในตันเถียนพร้อมกับชั้นกำแพงที่เหมือนจะฉีกขาดออกจากกัน
แต่ตอนนั้นหมูก็ประคองตัวได้แล้ว มันได้พุ่งเข้าหาหยางเฉินก่อนที่หยางเฉินจะตะโกนขึ้น ” เถาเถาหากเจ้าไม่ลงมือ ข้าตกที่นั่งลำบากแน่ ! ”
ตอนนั้นหยางเฉินไม่อยากเสียโอกาสในการทะลวงผ่านทิ้ง หลังจากที่เถาเถาได้ยินที่หยางเฉินตะโกนออกมาเขาก็ได้ควบคุมพู่กันให้บินออกไป
ปัง !ปลายพู่กันเฉือนเข้าใส่ตัวหมูได้อย่างง่ายดาย ร่างของหมูโดนตัดขาดออกเป็นสองส่วนแล้วร่วงลงไปที่พื้น เลือดได้ไหลกระจายไปทั่ว
หยางเฉินได้นั่งสมาธิ ปราณรอบตัวของเขากระจายไปทั่วราวกับหมอก ปราณเหล่านี้โดนสูบเข้ามาในร่างอย่างต่อเนื่องชั้นกำแพงโดนปราณบีบอัดเข้าใส่ ปราณในตันเถียนได้กระจายออกไปทำให้ตันเถียนนั้นกว้างขึ้นไปด้วย พลังเริ่มเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หยางเฉินก็ดีใจขึ้นมา เขาได้พูดขึ้น “ หากข้าทะลวงผ่านได้ทุกวันก็คงจะดี ”
เถาเถาพุ่งออกมาจากพู่กันทันที เมื่อได้ยินที่หยางเฉินพูดมาเขาก็แทบจะร่วงลงมาที่พื้น เขามองไปที่หยางเฉินโดยไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี ‘ เขาคิดจะทะลวงผ่านทุกวันเลยรึ ? ’
ตอนนั้นหยางเฉินก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ แสงในตาสั่นไหว พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ปราณตอนนี้มีมากกว่าเดิมถึง 4 เท่า !เขาอดไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าครั้งนี้เข้าจะทำลายหินเพชรได้กี่ก้อนกัน ?
เถาเถาเองก็คาดหวังเช่นกัน แค่ขอบเขตกำลังภายในขั้น 3 ก็ทำลายหินได้ถึง 9 ก้อนแล้ว ไม่รู้ว่าขั้น 4 จะทำลายหินได้กี่ก้อนกัน ?