px

เรื่อง : ข้าจะเป็นราชาอมตะ (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 31 : สรรค์สร้าง


ตอนที่ 31 : สรรค์สร้าง

‘ไม่ หากเป็นแบบนี้ต่อไป เสี่ยวหยางต้องตายแน่ๆ ! ’ เถาเถาเริ่มกลัวขึ้นมาในใจ เขาไม่กล้าที่จะรอช้า และควบคุมพู่กันให้บินเข้าไปหาหยางเฉินทันที   ฟรืด ! พู่กันได้พุ่งเข้าไปหาลูกบอลปราณในมือของหยางเฉิน

แกร๊ก ! เสียงลูกบอลปราณแตกออกดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ สีหน้าของเทียนหลินและคนอื่นๆเปลี่ยนไปทันที ทั้งสี่พากันกระโดดขึ้นไปเพื่อแย่งลูกบอลปราณในมือของหยางเฉิน  แต่มันสายเกินไปแล้ว !

ปลายพู่กันได้เปล่งแสงสีม่วงออกมาและทำลายลูกบอลปราณทิ้งไป จากนั้นแสงสีม่วงก็ถูกดึงกลับมาที่ปลายพู่กันดังเดิม

ปราณที่แตกออกมานั้นโดนดูดซับโดยพู่กัน เมื่อเห็นแบบนั้นเทียนหลินก็ชะงักไปทันที

‘ หากไม่อาจจะได้ลูกบอลปราณมา งั้นก็ต้องยึดอาวุธจิตนี่มาให้ได้ ! ’ หลังจากที่นิ่งไปไม่นานทุกคนก็ได้พากันพุ่งเข้าไปหาพู่กัน ทั้งสี่ได้ทำการโจมตีออกมาจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ปราณในระยะรอบๆได้ปะทุออกมาพร้อมกับลมที่กระจายว่อนไปทั่ว

‘ คิดจะจับข้ารึ ?  พวกเจ้าทุกคนต้องตาย ! ’ เถาเถายิ้มในใจ รังสีอาฆาตได้ปะทุออกมา จากนั้นก็มีอักษรนสีม่วงบนตัวพู่กันที่ไหลไปมาอย่างต่อเนื่อง อักษรสีม่วงนับไม่ถ้วนได้อัดแน่นเต็มด้ามของพู่กัน

‘ อักษรแห่งผู้ถือครอง หุบเขาอักษร !’

ปลายพู่กันได้สะบัดไปมา อักษรต่างๆถูกเขียนออกมาเป็นพันครั้ง ความเร็วในการขีดเขียนนี้เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

การสะบัดแต่ละครั้งนั้นทำให้ปราณรอบๆพัดหวน มันเกิดเสียงพลังงานที่พุ่งทะลุมิติออกมา กลางอากาศนั้นมีปราณที่อัดแน่นจนกลายเป็นอักษรสีม่วงนับไม่ถ้วน อักษรแต่ละตัวมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ และอักษรเหล่านี้ก็แผ่พลังงานผันผวนอันน่ากลัวออกมา

อักษรถูกเขียนออกมาโดยมีพู่กันเป็นศูนย์กลาง มันระเบิดพายุพลังงานออกมา เสียงพลังที่ระเบิดออกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อักษรแต่ละตัวนั้นเหมือนจะมีพลังที่เพียงพอจะทำลายมิติได้ และพลังของมันก็สูงจนน่าตกใจ

ในอักษรนับพันเหล่านี้ มีอักษรขนาดใหญ่ 4 ตัวที่เด่นชัดออกมา อักษรเหล่านี้รวมเป็นคำว่า ‘การสรรค์สร้าง ’ พลังในอักษรทั้งสี่นั้นเมื่อตัดสินจากพลังที่ผันผวนออกมาแล้ว ก็ทัดเทียมกับการระเบิดตัวของผลึกเลือดสัตว์อสูรระดับปรมาจารย์ได้เลย

‘ นี่...เป็นไปได้อย่างไรกัน ! ‘ เทียนหลิน, หลงฉี, เซ่ามูและซงซานต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป ‘ นี่คือพลังที่แท้จริงของอาวุธจิตงั้นรึ ? ’

เมื่อเห็นอักษรสีม่วงได้กระจายไปทั่ว เทียนหลินและคนอื่นๆต่างก็พากันถอยกลับ ทุกคนต่างก็ใช้ความเร็วสูงสุดที่มีเพื่อหนีออกมา แต่อักษรเหล่านี้รวดเร็วอย่างมาก โดยเฉพาะอักษรทั้ง 4 ที่เร็วยิ่งกว่า

ซงซานบาดเจ็บอยู่แล้วบวกกับความจริงที่ว่าเขาอ่อนแอที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน เขาจึงเป็นคนแรกที่โดนโจมตี เมื่อโดนอักษรเหล่านี้ปกคลุม เมื่ออักษรระเบิดออกมา เขาก็กระเด็นออกมาอย่างแรง ปราณได้อัดแน่นในมือของเขารวมตัวกันเป็นดาบสายฟ้า

“ ดาบสายฟ้า !”

ดาบได้พุ่งออกไป มันคือดาบปราณ ดาบปราณได้แทงออกไปทั่วทุกทิศทาง แต่อักษรเหล่านี้ที่โดนแทงกลับไหลเข้าไปในดาบสายฟ้าของซงซาน ก่อนจะระเบิดออกมา

ซงซานอยู่ขอบเขตปรมาจารย์ ในตอนวิกฤตนั้นเขาก็รีบใช้เกราะปราณออกมา ปราณสีฟ้าได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งตัวของเขา แต่เกราะป้องกันนี้ก็คงอยู่ได้แค่ชั่วครู่เท่านั้น อักษรหลายร้อยตัวถูกทำลายไปก็จริงแต่อักษรด้านหลังก็ได้พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องและได้ระเบิดเข้าที่แขนของซงซาน

“ เซ่ามู ช่วยด้วย...” สีหน้าซงซาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาได้ตะโกนขอความช่วยเหลือพร้อมกับรีบถอยกลับมา

เซ่ามู ตอนนี้เขาได้วิ่งมาถึงทางออกแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องของซงซานเขาก็ลังเลไปชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็กัดฟันแน่นและหันกลับเพื่อที่จะหนีออกไปจากถ้ำ   ทั้งสามได้หนีออกมาพร้อมกัน แต่เซ่ามูช้ากว่าเทียนหลินและหลงฉีเล็กน้อย

“ อ๊า....” เสียงกรีดร้องของซงซานดังก้องไปทั่วจนดังเข้ามาถึงหูของทั้งสามคน มันทำให้ทั้งสามพากันขนลุก  ร่างของซงซาน โดนอักษรเหล่านั้นแทงทะลุ ใบหน้าของเขาดูบิดเบี้ยว สุดท้ายร่างกายของเขาก็ได้ระเบิดออก เลือดและเนื้อได้กระจายไปทั่วทุกที่

‘ พลังของการสรรค์สร้าง คิดว่าจะหลบได้ง่ายๆรึ ? พวกเจ้าประเมินพลังของมันต่ำเกินไปแล้ว ! ’ เถาเถาสบถในใจ เขาได้ควบคุมพู่กันให้ส่งอักษรออกไปข้างนอกถ้ำต่อเพื่อไล่ตามทั้งสามคนที่หนีไป

“ อ๊า...” อยู่ๆในถ้ำก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา เสียงร้องนี้เป็นเสียงของหยางเฉิน หลังจากที่เสียลูกบอลปราณไปแล้ว คลื่นอากาศที่ประคองตัวของเขาอยู่ก็ได้หายไป  หยางเฉินจึงได้ร่วงลงมาที่พื้น

“ ไม่ เสี่ยวหยางกำลังมีปัญหา !”  เถาเถาได้บังคับพู่กันและบินไปหาหยางเฉิน เขาจับตัวหยางเฉินเอาไว้และควบคุมให้พู่กันบินออกจากถ้ำไป

เมื่อพู่กันบินออกมาจากถ้ำ เมื่อมาถึงปากถ้ำก็พบกับหยดเลือดที่ตรงทางออกราวกับว่ามีใครกำลังบาดเจ็บ มันชัดแล้วว่าคนที่บาดเจ็บจะต้องเป็นหนึ่งในสามคนที่หนีออกมา

‘ คลื่นพลังอ่อนแอเสียจริง ๆเฮ้อ การที่เสี่ยวหยางดูดซับปราณเข้าไปในตัวแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเลย ! ’ เถาเถากอดหยางเฉินที่หมดสติและตัวชุ่มไปด้วยเลือดเอาไว้ ใบหน้าของเขาแสดงความกังวลออกมา

‘ มีพลังในร่างกายของเขามากเกินไป เขาต้องปลดปล่อยมันออกมา แต่เขาจะปลดปล่อยมันได้อย่างไร ? ’ เถาเถารู้สึกว่าพลังในร่างของหยางเฉินตอนนี้ปั่นป่วนเกินไป เขาต้องปล่อยมันออกมาบ้าง

แต่ตอนที่เถาเถากำลังคิดหาวิธีระบายพลังออกมานั้น มันก็มีเสียงครางดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “ อืมม...อ๊า...”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เถาเถาก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปยังที่มาของเสียงและพบกับหินงอกที่มีหญิงสาวในชุดสีชมพูนอนอยู่ หน้าของนางแดงก่ำ และรู้สึกว่านางกำลังหอบ นางฉีกเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเผยให้เห็นหน้าอกขนาดใหญ่  ซึ่งมันก็ไม่ใช่ใครอื่น นางคือฮัวเยว่นู

“ ร้อน...”  ฮัวเยว่นูฉีกเสื้อผ้าของตัวเองออกพร้อมกับครางออกมาเบาๆ ใบหน้าของนางดูเร่าร้อน ท่าทีหยิ่งทะนงที่เคยมีหายไป นางไม่รู้ตัวเลยว่านางกำลังทำอะไรอยู่

“ ระบายพลัง...” เถาเถาดีใจขึ้นมาทันที เขาบินไปหาฮัวเยว่นูก่อนจะวางหยางเฉินที่ตัวชุ่มไปด้วยเลือดไว้ข้างๆ ฮัวเยว่นู

หยางเฉินแทบจะหมดสติแล้ว สติของเขาพร่ามัว แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังกอดเขาเอาไว้ กอดนี้ทำให้เขารู้สึกสบายและอบอุ่น ดังนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปกอดอีกฝ่ายตอบ และคนที่กอดหยางเฉินนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นฮัวเยว่นู

ฮัวเยว่นูกอดหยางเฉินและจูบเข้าที่ปากของเขา ทั้งสองกอดและจูบกันอย่างดูดดื่ม หลังจากนั้นสักพักเสื้อผ้าบนร่างของฮัวเยว่นู ก็ถูกถอดออกไปจนหมด พวกเขาทำเรื่องอย่างว่ากันโดยไม่ยั้งมือ

ร่างที่นุ่มและขาวราวกับหยก ทั้งสองกอดและกลิ้งไปมาพร้อมกับเสียงครางที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เสียงร้องครางด้วยความพอใจดังขึ้นมาจากปากของฮัวเยว่นู นางดูอิ่มเอมและมีความสุขอย่างมาก...

เถาเถานั่งอยู่บนพู่กันและมองดูทั้งสองราวกับดูละครอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ดูตื่นเต้นกับฉากพลอดรักตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เขามองมันราวกับเป็นเรื่องทั่วไป ก่อนจะเอามือเท้าคางและยิ้มออกมา “ เด็กน้อยนี่แรงเยอะจริงๆ อนาคตเขาคงไร้ขีดจำกัดแน่”

หยางเฉินราวกับอยู่ในฝัน เขารู้สึกว่าพลังในตัวของเขาถ่ายเทออกไปอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บในตัวค่อยๆหายไป ผิวที่ฉีกของเขาเริ่มแห้ง หน้ากากที่ใช้ปลอมตัวเป็นเสี่ยวหมิงก็โดนทำลายไปด้วย

กระดูกที่หักของเขาก็ค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมาอย่างช้าๆ

หยางเฉินไม่รู้เลยว่าปราณภายในเลือดที่ไหลเข้าไปในกระดูกนั้นคืออะไร แม้ว่าเขาจะรู้แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีปราณนี่ในกระดูกของเขา

เสียงกระดูกที่ฟื้นฟูกลับมาดังไปถึงหูของเถาเถา เมื่อเขาได้ยินเสียงนี้เขาก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ ฟื้นฟูขึ้นมาแล้วรึ ? เป็นไปได้อย่างไร ? ”

เขาคิดว่า แม้ว่าหยางเฉินจะระบายพลังส่วนเกินออกมา แต่ก็เขาคงไม่อาจจะบ่มเพาะได้อีกต่อไป เขาคิดว่าร่างของหยางเฉินคงต้องพิการไปแล้ว แต่ตอนนี้ร่างของหยางเฉินกลับฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันทำให้เขายากจะทำใจเชื่อได้ พลังในร่างของเด็กนี่คืออะไรกัน ? ทำไมอาการบาดเจ็บเช่นนี้ถึงฟื้นฟูขึ้นมาได้ ?

ปราณในกระดูกสันหลังของหยางเฉินได้ไหลออกมาอีกครั้ง มันไหลไปตามแขนขาและโครงกระดูก ก่อนจะไหลไปที่ผิวและกระดูกส่วนต่างๆ อาการบาดเจ็บได้ฟื้นฟูขึ้นมาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง แผลที่แห้งบนผิวของเขาได้หลุดลอกออกไปเผยให้เห็นผิวหนังใหม่

‘เด็กนี่ถึงกับมีทักษะลับที่ส่งต่อกันมา มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวตนของเขานั้นพิเศษและมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ในหมู่กองกำลังที่ข้ารู้จักนั้น ไม่มีเลยสักกองกำลังที่จะมีร่างกายที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ’ เถาเถาพึมพำกับตัวเองและรู้สึกตะลึงในใจ

“ นี่..” ฮัวเยว่นูและหยางเฉินกอดกันไว้แน่น ร่างของทั้งสองนั้นแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งสองได้หลับไปในอ้อมกอดอีกฝ่าย บอกได้ว่านี่คือการปิดม่านที่แท้จริง

“ อาการบาดเจ็บของเสี่ยวหยางเกือบจะหายดีแล้ว แต่เขาได้ทะลวงผ่านไปถึงขั้น 8 แก่นด้านในของเขาอาจจะยังไม่มั่นคง เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาต้องค่อยๆควบแน่นการบ่มเพาะ” แม้ว่าหยางเฉินจะทะลวงผ่านมาได้ แต่เถาเถาก็ยังกังวลอยู่ดี

เถาเถามองไปที่ฮัวเยว่นูและยิ้มออกมา “ สาวน้อย เสี่ยวหยางเป็นคนช่วยเจ้าเอาไว้ แม้ว่าเขาจะทำเรื่องเช่นนี้แต่ก็ถือเสียว่าเป็นการตอบแทนให้กับเขาก็แล้วกัน ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแย่อะไรที่เจ้าจะได้เป็นสตรีของเสี่ยวหยาง อนาคตของเด็กคนนี้ต้องประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อย”

...

ผ่านไปสองวัน หยางเฉินก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาอยากจะตื่นขึ้นแต่ก็ไม่อาจจะตื่นขึ้นมาได้  ร่างกายของเขาล้าไปหมด เขารู้สึกได้ว่าเขากำลังโดนกอดโดยแขนคู่หนึ่งที่นุ่มและเนียน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะตื่นขึ้นมาสักเท่าไหร่

“ นุ่มจริงๆ มันราวกับสำลี ...” หยางเฉินเผยรอยยิ้มพอใจออกมา เขาไม่รู้ว่ากำลังบีบอะไรอยู่ มันเหมือนก้อนเนื้อสองก้อนตรงหน้า เขาจึงบีบมันอย่างพอใจ

‘เฮ้อ เด็กนี่..’ เถาเถาคอยดูแลหยางเฉินกว่าสองวันสองคืน เมื่อเห็นท่าทีของหยางเฉิน  เขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี ‘ หากมีผู้หญิงอยู่รอบตัว เด็กนี่คงไม่อยากจะตื่นอีก ’

“ อ่ะ...” ฮัวเยว่นูครางออกมา หน้าอกของนางเป็นรอยแดงช้ำ

ทั้งสองกอดกันแน่นอีกครั้ง แต่ตอนนั้นเมื่อปากของทั้งสองกำลังจะสัมผัสกันนั้น ฮัวเยว่นูก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อนางเห็นหยางเฉิน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที  เพี๊ยะ !  หยางเฉินโดนตบเต็มแรงจนเกิดเป็นรอยฝ่ามือที่หน้าของเขา

ด้วยความเจ็บที่ได้รับ  หยางเฉินจึงได้ตื่นและลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นฮัวเยว่นูที่โกรธจัดอยู่ตรงหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิด  ‘ ข้าไม่ได้ฝันไปรึ ? ‘


รีวิวผู้อ่าน