px

เรื่อง : ข้าจะเป็นราชาอมตะ (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 33 : นักล่า


ตอนที่ 33 : นักล่า

“ ออกมาสิ เจ้าคิดว่าข้าไม่เห็นเจ้ารึ ? “ นักล่าอสูรหนุ่มมองไปที่พุ่มไม้และฮึดฮัดออกมา

หยางเฉินที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้อดไม่ได้ที่จะสบถ ‘ หึ หากเจ้าเห็นข้าจริงๆ ทำไมถึงไม่มองทางที่ข้าอยู่ ? อยากจะหลอกข้ารึ ?  ตอนที่ข้าหลอกคนน่ะ เจ้ายังไม่เกิดด้วยซ้ำ ! ‘

‘ ไม่มีใครจริงๆรึ ?’ นักล่าอสูรพึมพำกับตัวเอง หลังจากที่มองไปรอบๆแล้วเขาก็ได้เดินทางออกไปต่อเพื่อไปรวมตัวกับคนอื่นๆ

แต่เมื่อนักล่าอสูรเดินทางออกไปไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ปราณสายฟ้านับไม่ถ้วนได้ผ่าลงไปที่พุ่มไม้และฟันเข้าใส่นักล่าอสูรคนนั้น ดาบปราณที่แหลมคมมาพร้อมกับลมอันรุนแรงจนฉีกชุดของนักล่าอสูรออก

“ ท่าไม่ดีแล้ว !”  สีหน้าของนักล่าอสูรเปลี่ยนไป เขารีบกระโดดถอยกลับ แม้ว่าเขาจะรวดเร็วแต่เขาก็ไม่อาจจะเร็วกว่าดาบอสนีโลกันตร์ไปได้ กระบี่สะบัดไปมาก่อนจะพุ่งเข้ามาหาเขา

นักล่าอสูรรีบดึงดาบของตนออกมาและฟันเข้าใส่กระบี่อสนีโลกันตร์แต่ดาบในมือของเขานั้นก็อยู่แค่ระดับทั่วไปเท่านั้น มันจะต้านทานกระบี่อสนีโลกันตร์ได้อย่างไรกัน ดาบของเขาโดนตัดออกเป็นชิ้นๆแล้วกระเด็นไปทั่ว

ก่อนที่นักล่าอสูรจะพูดจบ กระบี่อสนีโลกันตร์ก็ได้ฟันเข้าที่อกของเขา มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่เป็นนับครั้งไม่ถ้วน มันไม่ใช่ความเร็วในการฟันของหยางเฉิน แต่เป็นตัวกระบี่อสนีโลกันตร์เอง มันราวกับมีคนหลายสิบเข้าโจมตีชายคนนั้นพร้อมกัน

ฉัวะ !  นักล่าอสูรร่วงลงไปกับพื้น อกของเขาเต็มไปด้วยรู อวัยวะภายในนั้นไหลกองออกมาที่พื้น

หยางเฉินพุ่งออกมาจากพุ่มไม้และสูดหายใจเข้าลึกๆ โทสะของกระบี่อสนีโลกันตร์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตธุลีขั้น 1 จะรับได้ไหว

“ ผู้บ่มเพาะขอบเขตธุลีขั้น 6 นั้นรวดเร็วอย่างมาก แม้ว่าเจ้าจะลอบโจมตีแต่ก็ยังมีโอกาสที่อีกฝ่ายจะหลบได้อยู่ และเมื่ออีกฝ่ายมีความเร็วที่เหนือกว่า งั้นเจ้าก็ได้แต่ต้องป้องกันตัว” เถาเถายิ้มออกมา “ แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะเตือนเจ้าว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตธุลีขั้น 6 อยู่ที่ไหน เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ไปพบกับพวกเขา”

“ เถาเถา เจ้ารีบบอกมาว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน !” หยางเฉินอดใจไม่ไหว เขาอยากจะเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตธุลีเพื่อดูว่าเขาพอจะรับมือได้รึไม่

“ มีคนหนึ่งอยู่ทางซ้ายห่างออกไปจากที่นี่ไม่ไกลนัก  เขาอยู่ขอบเขตธุลีขั้น 2 !”

เมื่อได้ยินคำพูดของเถาเถา  หยางเฉินก็ได้ใช้ก้าววายุอสนีและเริ่มไล่ตามอีกฝ่ายไปทันที

เขาทำแบบนี้อยู่นาน ตอนแรกจากลอบโจมตีก็เปลี่ยนเป็นการเผชิญหน้ากับอีกฝ้าย  ความกล้าของหยางเฉินนั้นไม่ต้องเดาเลยว่ามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกเขาก็คิดจะฆ่าทีละคน แต่เมื่อเขาลงมือและมีคนเข้ามาเห็น เขาก็ต้องฆ่าคนที่เห็นไปด้วย ตอนแรกพวกนั้นก็คิดว่าเขาไม่ได้แกร่งมากนัก ดังนั้นจึงเข้ามาโจมตีเขาก่อน  เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา และชินกับการเป็นเป้าหมายของนักล่าอสูรเหล่านี้ไปแล้ว

นักล่าอสูรพวกนี้คอยปล้นและคร่าชีวิตผู้คนมานักต่อนักแล้ว ปกติแล้วนักล่าอสูรไม่คิดจะฆ่าใครตามใจ แต่ในป่านี้มีกฎเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือการฆ่าเท่านั้น  นักล่าอสูรส่วนมากนั้นล้วนแต่เป็นคนโลภและเจ้าเล่ห์ ดังนั้นผู้คนจึงต้องระวังตัวเมื่อพบกับนักล่าอสูรเข้า

ดังนั้นหยางเฉินจึงไม่ใจอ่อนกับคนพวกนี้ เขาได้ทำการควบคุมยันต์ในตัวเพื่อปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้ให้อยู่แค่ขอบเขตกำลังภายในขั้น 1 เพื่อหลอกล่อเหล่านักล่าอสูรเหล่านี้ให้เข้ามา

ด้วยวิธีนี้เขาจึงหลอกนักล่าอสูรได้หลายคน ตัวเขาเองจำไม่ได้ว่าฆ่านักล่าอสูรไปแล้วกี่คน  และเขาเองก็ได้เจอกับคนที่แข็งแกร่งอยู่บ่อยครั้ง หากไม่ใช่เพราะเถาเถาแล้ว หยางเฉินคงตกที่นั่งลำบาก

นักล่าอสูรเมื่อพบกับซากศพในป่า พวกเขาต่างก็พากันสงสัย แต่ข่าวนี้ไม่ได้แพร่กระจายออกไป นักล่าอสูรที่มาจากที่อื่นล้วนรู้สึกได้ถึงอันตราย ดังนั้นพวกเขาจึงพากันรวมกลุ่มอย่างน้อยก็ 3-5 คน

เมื่อไปถึงจุดรวมตัว พวกเขาก็ได้บอกกับหัวหน้าของตัวเองในเรื่องนี้  เหล่าหัวหน้าล้วนแต่อยู่ขอบเขตปรมาจารย์และแกร่งอย่างมาก เมื่อได้ยินข่าวนี้สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปและทุกคนต่างก็คิด ‘ แน่นอนว่าต้องเป็นเขา ชายผู้นั้นอยู่ในหุบเขานี้จริงๆ ’

หยางเฉินไม่รู้เลยว่าหัวหน้าทีมเหล่านั้นกำลังคิดว่าเขาเป็นคนอื่นอยู่ เพราะตอนนั้นเขากำลังจัดการกับศพนักล่าสองคน สองคนนี้เข้าโจมตีหยางเฉินก่อน แต่ก็ประเมินความแข็งแกร่งของหยางเฉินต่ำเกินไป จึงโดนหยางเฉินฆ่า

นักล่าอสูรก็สมกับเป็นนักล่าอสูร พวกนี้มีหนังสัตว์อยู่กับตัวหลายผืน  หยางเฉินตรวจดูกระเป๋าและอดไม่ได้ที่จะยินดีออกมา เขาเริ่มบอกตัวเอง ตราบใดไม่เอากระเป๋าพวกนี้ไปด้วยก็เพียงพอแล้ว ครั้งที่แล้วเป็นเพราะเขาเอากระเป๋าของพวกนั้นไปทั้งใบ เขาจึงโดนเซ่ามูและคนอื่นๆตามมาได้

“ เสี่ยวหยาง ก่อนที่นักล่าสองคนนี้จะมาล้อมเจ้า พวกเขาเหมือนจะวางบางอย่างไว้ในพุ่มไม้ เจ้าลองไปดูสิ บางทีอาจจะเป็นของดีก็เป็นได้ ”  เถาเถาส่งข้อความบอกกับหยางเฉิน

“ มีอย่างอื่นอยู่ด้วยรึ ? ” หยางเฉินเผยรอยยิ้มออกมา เขาเดินไปที่พุ่มไม้และมองเข้าไปด้านใน แน่นอนว่ามันมีบางอย่างซ่อนอยู่ด้านในจริงๆ ซึ่งมันเป็นถุงผ้าขนาดใหญ่

หยางเฉินโน้มเข้าไปดูแล้วเปิดถุงผ้าออก เมื่อเห็นของในถุงผ้า สีหน้าของหยางเฉินก็ต้องเปลี่ยนไป  “ กลับเป็นหญิงสาว !”

ด้านในถุงผ้านี้มีหญิงสาวในชุดดำผมปะบ่า หน้าตาของนางดูงดงาม จมูกเป็นสันทำให้นางดูขึงขัง  นางไม่ใช่แค่เป็นคนที่สวยแต่ยังดูมีเสน่ห์ นางดูราวกับวีรสตรี

หยิ่งทะนง, งดงามและสูงส่ง...เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ หยางเฉินก็อดไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้น

เมื่อเปิดถุงผ้าออก นางก็ได้มองไปที่หยางเฉิน ทั้งสองสบตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“ สาวน้อย เจ้าโดนคนยัดใส่ถุงได้อย่างไร ?” หยางเฉินถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

นางไม่ได้ตอบกลับอะไรออกมา และลุกขึ้นนั่ง ตาสีดำคู่นั้นของนางมองไปที่หยางเฉิน ซึ่งมันทำให้หยางเฉินอึดอัดอย่างมาก

“ เจ้าหูหนวกรึ ? หรือว่าเป็นใบ้ ?”  หยางเฉินมองไปยังหญิงสาวตรงหน้าและถามขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆกลับมา

เมื่อไม่ได้คำตอบ หยางเฉินก็ต้องส่ายหน้าและกางมือออกทำท่าหมดหนทาง “ ข้าอยากอุ้มเจ้าออกจากถุงผ้านี้ ข้าจะถือว่าพยักหน้าคือการตกลง ส่ายหน้าคือไม่ตกลง เข้าใจหรือไม่”

ผู้หญิงในชุดดำไม่ได้พยักหน้ารึส่ายหน้า ดังนั้นมันทำให้หยางเฉินแทบจะเป็นบ้า เขาอดไม่ได้ที่จะคิดในใจ ‘ รึว่านางโง่ รึมีปัญหาทางสมองกัน ? ’

“ หากเจ้าไม่ตอบ ข้าจะถือว่าเจ้าตกลง”  หยางเฉินยื่นมือออกมาโอบเอวของนางเอาไว้แล้วอุ้มนางขึ้นมา

นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าของนางเผยท่าทีเอียงอายออกมา  หยางเฉินเห็นแบบนั้นก็รีบยิ้ม “ ไม่ต้องอายไปหรอก ข้า หยางเฉิน เป็นสุภาพบุรุษพอ ข้าไม่ได้คิดเอาเปรียบเจ้า เจ้าสบายใจได้  !”

แต่หยางเฉินไม่เห็นว่านางกำหมัดแน่น นางถึงกับกัดปากตัวเองแล้วหลับตาลง

‘ โตขนาดนี้แล้วยังอายอีก ‘ หยางเฉิน ส่ายหน้าและยิ้มออกมา “ ข้าจะว่างเจ้าลง”  เขาพูดจบก็วางนางลงกับพื้นเพื่อให้นางได้พิงต้นไม้

“ เจ้าหูหนวกรึไง ? เจ้าไม่คิดจะพูดอะไรกับข้าหน่อยรึ ?”  เมื่อไม่ได้ยินคำตอบจากนาง หยางเฉินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา  “ เจ้าคงเป็นใบ้จริงๆ หากเป็นเช่นนั้นข้าคงไม่อาจจะรู้ชื่อเจ้าได้ ใช่สิ เจ้าเขียนได้รึไม่ ? ”

นางลืมตาขึ้นมาและมองไปที่หยางเฉิน และเหมือนจะโกรธอย่างมาก อกของนางกระเพื่อมไปมาไม่หยุด

“ อย่าเพิ่งหงุดหงิดไป แม้ว่าเจ้าจะหูหนวกแต่ข้าก็ไม่ได้คิดดูถูกเจ้า”  หยางเฉินนั่งลงตรงหน้านางและถอนหายใจออกมา “ น่าชื่นชมจริงๆที่เจ้าไม่อาจจะขยับร่างกายได้ แต่ก็ยังรอดมาถึงตอนนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางก็เบิกตากว้างราวกับจะกลืนกินหยางเฉินให้ได้

“ เสี่ยวหยาง นางเหมือนไม่มีปราณในตัว นางไม่น่าจะเป็นผู้บ่มเพาะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงโดนนักล่าอสูรจับตัวมา หรือมันเป็นเพราะความสวยของนางรึไม่ ?” เถาเถาพูดขึ้นมา

หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะสงสัย นักล่าอสูรจับหญิงสาวคนนี้มาทำไมกัน ? รึว่ามันเป็นเพราะความสวยของนางจริงๆ ?

“ ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าเอานางไปด้วยจะดีกว่า การพานางไปด้วยมีแต่จะสร้างปัญหาให้กับตัวเจ้า”  เถาเถาพูดขึ้น “ ให้นางอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”

สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไป หากมีเขาคนเดียวในโลกนี้ เขาอาจจะทิ้งนางไว้เพียงลำพัง แต่เขาไม่อาจจะทิ้งคนที่ไม่อาจจะดูแลตัวเองได้ในที่แบบนี้ เขาไม่อาจจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ

นางเห็นสีหน้าของหยางเฉินที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องก็ยักคิ้ว เพราะนางเหมือนเดาออกว่าหยางเฉินกำลังคิดอะไรอยู่

“ ข้าไม่รู้ว่าบ้านเจ้าอยู่ที่ไหน ดังนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังเมืองซูเซียน เจ้าแค่พยักหน้าก็พอหากตกลง” หยางเฉินคิดว่านางคงไม่พยักหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดหวังอะไร แต่นางกลับพยักหน้าตอบรับ

เมื่อเห็นว่านางพยักหน้า  หยางเฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ เมื่อเจ้าไม่อาจจะขยับตัวได้ อย่างนั้นข้าจะแบกเจ้าขึ้นหลัง เจ้าไม่ต้องกังวลไป”  เขาพูดขึ้นพร้อมกับแบกนางขึ้นหลัง

ผู้หญิงในชุดดำมองไปที่หยางเฉิน  ตาของนางสะท้อนแสงแปลกๆออกมา แต่โชคร้ายที่เขาไม่เห็นสีหน้าและสายตาของนาง

“ เสี่ยวหยาง อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า เซ่ามูและคนอื่นๆไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ หากเจ้าพบกับพวกเขา ข้าก็ทำได้แค่ปกป้องเจ้า แต่ข้าไม่อาจจะปกป้องนางได้”  เถาเถาพูดขึ้นมา

หยางเฉินยิ้มออกมา เมื่อเขาบอกว่าจะพานางกลับไปที่เมืองซูเซียน งั้นเขาก็ไม่คิดจะกลับคำ ตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตกำลังภายในขั้น 8  มันได้เวลาที่จะกลับไปแล้ว กั้วติงยังรอผลมังกรจากเขาอยู่





รีวิวผู้อ่าน