ตอนที่ 35 : ไล่ล่าและหนี
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินกำลังจะหนี ซูหลงก็ฮึดฮัดออกมา “ คิดจะหนีรึ ? เจ้าคิดว่าจะหนีข้าได้งั้นรึ ? ” เมื่อพูดจบเขาก็ใช้ความเร็วสูงสุดในการไล่ตามหยางเฉินเข้าไปในป่า คนที่เหลือเองก็พากันไล่ตามเพื่อไปล้อมหยางเฉินเอาไว้
ตอนที่หยางเฉินหลบการโจมตีของหยานควนนั้น เขาเหมือนจะไม่ได้แกร่งอะไรซึ่งต่างจากคลื่นพลังที่แผ่ออกมา ในมุมมองของ ซูหลงแล้ว มันมีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง หนึ่งคือหยางเฉินแสร้งทำเป็นยอดฝีมือ ส่วนอย่างที่สองคือหยางเฉินน่าจะบาดเจ็บและไม่อาจจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็นไปได้แบบไหน แต่ซูหลงก็กล้าที่จะไล่ตามหยางเฉินไป แม้ว่าความแข็งแกร่งของหยางเฉินจะอยู่ขอบเขตธุลีขั้น 7 จริงๆแต่เขาก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
ซูหลงรวดเร็วอย่ามาก ในพริบตาเขาก็ได้เข้าไปใกล้หยางเฉินแล้ว หยางเฉินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่พุ่งมาจากด้านหลังก็รู้ว่ามีคนไล่ตามเขามา เขาอดไม่ได้ที่จะสบถในใจ ‘ เถาเถา เจ้าบัดซบนี่ ! หากเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าคงตายจริงๆแล้ว ! ’
ตอนนั้นเองก็มีร่างในชุดขาวโผล่มาในป่า ร่างนี้เข้ามาขวางหน้าหยางเฉินเอาไว้ และพูดขึ้น “ เจ้าเด็กเหลือขอ ในที่สุดข้าก็พบเจ้าเสียที ตายซะ !”
เมื่อพูดจบก็มีแส้ฟาดตัดอากาศตรงเข้าใส่ที่หน้าอกของหยางเฉิน แส้นั้นห่อหุ้มไปด้วยปราณสีฟ้า ลมได้พัดหวนกระจายไปทั่วไม่ว่าแส้นั้นจะผ่านไปที่ไหนก็ตาม ก่อนที่แส้จะมาถึงสีหน้าของหยางเฉินก็รู้สึกราวกับว่าอยู่ท่ามกลางน้ำแข็งและหิมะ
“ นังบ้านี่! ” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที หญิงสาวคนนี้ไม่มาเวลาอื่นแต่กลับมาหยุดเขาไว้ในช่วงอันตรายเช่นนี้ นางคิดจะฆ่าเขาจริงๆรึไง ? และคนที่โผล่มานี้กลับเป็น ฮัวเยว่นู !
ซูหลงเห็นคนมาขวางทางหยางเฉินเอาไว้ก็เผยสีหน้าพอใจออกมา ‘ สวรรค์ช่วยข้าไว้จริงๆ ! ’ เขายื่นมือออกไปเพื่อจับหญิงสาวในชุดดำที่อยู่บนหลังของหยางเฉิน และหากจับได้เขาก็จะได้สร้างผลงานชิ้นใหญ่ขึ้นมา
ฮัวเยว่นูที่แต่เดิมคิดจะโจมตีหยางเฉิน แต่เมื่อเห็นซูหลงที่ยื่นมือมากำลังจะจับหยางเฉิน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที นางเริ่มกังวลขึ้นมา นางบิดข้อมือพร้อมกับแส้ที่เปลี่ยนทางไปฟาดเข้าใส่ซูหลงแทน !
‘ นังบ้านี่คิดจะทำอะไรกัน ? ’ ซูหลงแสดงสีหน้าตกใจออกมา เขารู้สึกได้ถึงพลังจากแส้ของฮัวเยว่นู แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดึงมือกลับมา
‘ ดี ดีจริงๆ ฮ่าฮ่า...’ หยางเฉินแอบดีใจ เมื่อซูหลงต้องถอยกลับไปเพราะฮัวเยว่นู เขาก็รีบพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าพร้อมกับหญิงสาวชุดดำ เขาใช้ก้าววายุอสนีออกมาอย่างเต็มที่
แม้ว่าเขาจะอยู่แค่ขอบเขตกำลังภายในแต่ปราณในตัวของเขานั้นก็หนาแน่นอย่างมาก มันแทบทัดเทียมกับขอบเขตธุลีได้ เมื่อรวมกับที่ว่านี่เป็นวรยุทธ์ที่โดดเด่น ความเร็วของเขาจึงเหนือกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตธุลีทั่วไป นักล่าอสูรส่วนมากที่ล้อมเขาเอาไว้นั้นอยู่แค่ขอบเขตธุลีขั้นต้น หากไม่ขึ้นมาขอบเขตปรมาจารย์แล้วก็ไม่อาจจะไล่ตามเขาได้เลย
ฮัวเยว่นูหันกลับ เมื่อเห็นหญิงสาวที่อยู่บนหลังของหยางเฉินนางก็สีหน้าบิดเบี้ยวไป นางพึมพำออกมาด้วยท่าทีเย็นชา “ เจ้านี่โรคจิตจริงๆ !”
ในตอนที่ฮึดฮัดนั้นนางก็บิดตัวแล้วไล่ตามหยางเฉินไป
ซูหลงชะงักไปชั่วครู่เพราะฮัวเยว่นู เขาสบถออกมาก่อนจะไล่ตามพวกนั้นไปต่อ
ฮัวเยว่นูและซูหลงไล่ตามมาจากทางด้านหลัง ในหูของหยางเฉินมีเสียงของทั้งสองดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“ เจ้าลามก”
“ เจ้าเด็กบัดซบ !”
“ เจ้าโจรน้อย !”
คำด่าแบบนี้ทำให้ปากของหยางเฉินกระตุกอย่างต่อเนื่อง
‘ นางคิดจะทำอะไรกัน ? ’ หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจออกมา ‘ มีเรื่องกับพวกโจรยังดีกว่ามีเรื่องกับนางเสียอีก !’
ตอนที่หยางเฉินถอนหายใจออกมานั้น เสียงลมก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เพราะฮัวเยว่นูกำลังจะตามทัน ตอนนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะคิดอย่างรวดเร็ว ‘ ทางซ้ายไปไม่ได้ มันมีสัตว์อสูรอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีแต่ทางขวาเท่านั้น ’
ตอนนั้นเองหญิงสาวในชุดดำก็ได้พูดขึ้นมา “ มีแม่น้ำอยู่ตรงหน้าเจ้า เจ้ารีบไปทางขวา เราจะซ่อนอยู่ในแม่น้ำนั้น”
“ เจ้า..ไม่ได้เป็นใบ้รึ ?” หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะตกใจ หญิงสาวคนนี้ทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก นางเหมือนไม่ได้มีพลังอะไรแต่กลับเอาชนะหยานควนได้อย่างง่ายดาย นางเหมือนจะพูดไม่ได้แต่สุดท้ายกลับพูดออกมา
“ อย่า..มัวไร้สาระ...รีบไปได้แล้ว..” ลมหายใจของหญิงสาวชุดดำนั้นอ่อนแรงอย่างมาก นางหน้าซีดเผือด นางแทบจะไม่มีแรงที่จะพูดออกมา
หยางเฉินอยากจะถามหาความจริงแต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่จะมาถาม ดังนั้นเขาจึงกัดฟันแน่นและวิ่งไปทางด้านขวา ใช้เวลาไม่นานเขาก็พบกับแม่น้ำ มีต้นไม้ทั้งสองข้างทางและมีกิ่งไม้ที่ห้อยลงมาที่แม่น้ำ
เมื่อมาถึงริมแม่น้ำ หยางเฉินก็ไม่ลังเลที่จะดึงเถาวัลย์มารัดตัวเองกับหญิงสาวในชุดดำเอาไว้ จากนั้นก็ดึงเถาวัลย์ที่ห้อยจากต้นไม้ใหญ่ก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำ แม่น้ำนี้เย็นจัด น้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวกรากอย่างมาก แม้ว่าจะมีเถาวัลย์อยู่ แต่หยางเฉิน ก็เกือบโดนกระแสน้ำพัดไปแล้ว
หญิงสาวในชุดดำเกือบจะหมดสติแล้ว หากไม่ใช่เพราะหยางเฉินมัดนางไว้กับตัวด้วยเถาวัลย์ นางคงโดนน้ำซัดไปแล้ว
หยางเฉินได้ยินเสียงฝีเท้าที่ริมฝั่งตามมาด้วยเสียงตะโกนของฮัวเยว่นู “ เจ้าคนบัดซบ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ เจ้าหนีข้าไม่ได้หรอก !”
เสียงของนางค่อยๆจางหายพร้อมกับวิ่งตามริมน้ำไป ตอนที่ฮัวเยว่นูกำลังวิ่งออกไปนั้น ซูหลงก็มาถึง เขามองไปรอบๆแล้วฮึดฮัดออกมา “ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะหนีข้าไปได้ ” เมื่อฮึดฮัดจบเขาก็เร่งความเร็วแล้ววิ่งไปตามริมฝั่งต่อ
หยางเฉินไม่กล้าจะออกมาทันที เขากังวลว่าซูหลงและคนอื่นๆจะกลับมาที่นี่อีก แต่ทว่ามันกลับไม่ใช่ชูหลงแต่เป็นอีกคนที่กลับมา นางกลับมาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดและมองไปรอบๆก่อนจะพึมพำออกมา “ ไม่อยู่ที่นี่จริงๆ” นางพึมพำออกมาและวิ่งออกไปอีกครั้ง
‘ แค่ลูกไม้เล็กๆน้อยกลับคิดจะหลอกข้ารึ ฮึ่ม ! ’ หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะฮึดฮัดในใจ หากมีคนมองว่าเขาอายุแค่ 15 ปี งั้นแน่นอนว่าต้องเสียใจในอนาคต
เมื่อเห็นว่าซูหลงและคนอื่นๆจากไปแล้ว หยางเฉินก็กำเถาวัลย์ไว้แน่นและดึงตัวเองขึ้นมาช้าๆก่อนจะลอยกลับขึ้นมาที่ผิวน้ำ แต่ตอนนั้นเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น น้ำในแม่น้ำกลับปั่นป่วนขึ้นมา มันเกิดคลื่นและสูบทั้งสองกลับลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว
หยางเฉินรีบคว้าเถาวัลย์เอาไว้แน่น แต่มันสายเกินไปแล้ว ด้วยกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากนี้ก็ทำให้เถาวัลย์ขาดทันที เขากับหญิงสาวในชุดดำโดนน้ำซัดออกไป และดูเหมือนว่าทั้งสองจะไหลไปชนกับหินรอบๆ พวกเขาไม่แม้แต่จะหายใจได้เลย
“ เถาเถา ! เจ้าบัดซบ !” หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะตะโกนด่าออกมาด้วยความโกรธ แต่จากนั้นน้ำก็ได้ซัดเข้ามาในปากและจมูกของเขา จนทำให้เขาหน้าแดงและหายใจไม่ได้ ในเวลาเดียวกันเขาก็ราวกับลูกบอลที่โดนซัดไปมาในน้ำไม่อาจจะควบคุมร่างกายตัวเองได้เลย
‘ เฮ้อ อาการบาดเจ็บของนางหนักหนาจริงๆ ถึงขนาดนี้แล้วนางก็ยังไม่ลงมือ ’ เถาเถาควบคุมพู่กันให้ลอยออกมา ฟรืด ! พู่กันได้เลี้ยวกลับ ปลายของพู่กันได้ตัดกระแสน้ำใกล้ๆของหยางเฉินออก ผิวน้ำจนถึงพื้นดินนั้นโดนตัดขาดออกโดยพู่กัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไหลมาสมทบกันในเวลาอันสั้นนี้
แทบจะพร้อมกันนั้นพู่กันก็ได้ขยายขนาดขึ้น ปลายพู่กันได้ช้อนเอาเถาวัลย์บนตัวของหยางเฉินแล้วหันกลับพาหยางเฉินและหญิงสาวชุดดำขึ้นมาที่ผิวน้ำ ในพริบตาก็มาถึงบนผิวน้ำได้ ตอนที่น้ำไหลมาสมทบกันนั้น น้ำก็ได้ไหลไปตามกระแสน้ำต่อ
พู่กันบินไปที่ชายฝั่ง ก่อนจะวางหยางเฉินและหญิงสาวในชุดดำลงก่อนจะลดขนาดตัวเองลงเหลือแค่ 10 เซนติเมตร เถาเถาพุ่งออกมาและนั่งอยู่บนพู่กันแล้วพึมพำออกมา “ ก่อนหน้าที่นางไม่ได้บาดเจ็บนั้นนางต้องแข็งแกร่งอย่างมากแน่ๆ ทำไมนักล่าอสูรพวกนี้ถึงจับตัวนางกัน ?”
“ แค่ก แค่ก...” หยางเฉินที่นอนอยู่บนชายฝั่งได้สำลักน้ำออกมา เขารีบลุกขึ้นนั่งและมองไปที่เถาเถาก่อนจะด่าออกมา “ เถาเถา ข้าเกือบตายเพราะเจ้า”
“ เจ้าก็ยังไม่ตายไม่ใช่รึ ? ข้าบอกแล้วว่าข้าจะช่วยเจ้าในตอนที่อันตรายจริงๆ” เถาเถายิ้มออกมา
หยางเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ แทนที่จะทะเลาะกับเถาเถาเขากลับหันไปมองหญิงสาวชุดดำที่หมดสติอยู่ หน้าของนางซีดราวกับกระดาษไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย
“ นางบาดเจ็บหนัก มันไม่ได้มีคลื่นพลังแผ่ออกมาจากตัวของนางเหมือนแต่ก่อน แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจะมองความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางออกได้ นางต้องปกปิดมันเอาไว้เป็นอย่างดี ข้าเดาว่านางคงกลัวว่าเจ้าจะเอาเปรียบนางตอนที่นางอ่อนแอ ดังนั้นจึงปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้ ” เถาเถาพูดขึ้นมา
“ นางยังไม่ตายสินะ ?” หยางเฉินมองไปที่หญิงสาวในชุดดำ อย่างไรซะนางก็ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แม้ว่านางจะปกป้องตัวเองแต่ หยางเฉินก็ยังคิดจะตอบแทนบุญคุณนี้อยู่ดี ตามหลักการของเขาแล้ว หากเขาติดค้างใครไว้ เขาก็ต้องชดใช้ หากคนอื่นติดค้างเขา เขาก็จะเอาคืนเป็นสิบเท่า
“ ข้าไม่รู้ ข้าไม่ใช่หมอ ข้าไม่รู้ว่านางบาดเจ็บอย่างไร” เถาเถาส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ นางช่วยเจ้าก่อนหน้านี้ก็เพื่อตัวนางเอง เจ้าไม่ได้ติดค้างอะไรนาง ทำไมเจ้าถึงช่วยนางไว้ ทำไมเจ้าไม่ปล่อยนางทิ้งไว้ที่นี่”
หยางเฉินยิ้มออกมาและส่ายหน้า เขาไม่ได้เห็นด้วยกับคำพูดของเถาเถา เขาบอกแล้วว่าเขาจะพานางกลับไปยังเมืองซูเซียน ก็ต้องพากลับไปที่เมืองซูเซียนให้ได้ เขาไม่มีทางผิดคำพูด นี่คือหลักการของเขา แม้ว่าจะเดินทางมาที่โลกนี้ แต่หลักการของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม
“ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าจะห่วงอะไรนางหนักหนา” เถาเถาส่ายหน้า “ เราไม่อาจจะรักษานางได้ แต่ข้าก็มียาฟื้นฟูอยู่บ้าง บางทีมันอาจจะประคองอาการบาดเจ็บของนางได้บ้างก็เท่านั้น”
“ ยาฟื้นฟูรึ ? หยางเฉินยื่นมืออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม” เอามา แต่อย่าคิดตั้งเงื่อนไขอะไรกับข้าเชียวละ”
“ เจ้าเห็นข้าเป็นคนแบบนั้นรึ ?” เถาเถาไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี ‘ข้าเป็นแค่จิต ข้าจะเอาเปรียบใครได้อย่างไร ’ เถาเถาส่ายหน้าและกางมือออกก่อนจะมีกล่องหยกปรากฏขึ้นมา เขาส่งมันให้กับหยางเฉินแล้วพูดขึ้น “ เสี่ยวหยาง ข้าน่ะเป็นคนดีพอ”
หยางเฉินรับกล่องหยกและยิ้มออกมา “ ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะเป็นคนดี”