ตอนที่ 36 : บัวหวงห้ามโลหิต
ยาถูกป้อนเข้าไปในปากของหญิงสาวชุดดำที่หมดสติและไม่อาจจะกินยาด้วยตัวเองได้
“ หากเจ้าไม่อยากจะตาย เจ้าก็ควรกินยานี่เสีย ” หยางเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ‘ ข้าควรทำอย่างไรดี ? ข้าจะป้อนยาให้นางได้รึ ? ’ แค่คิดเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ ‘ ใช่สิ หากเจ้าไม่อาจจะกินยาเองได้ ข้าป้อนให้เจ้าก็ได้’
“ เสี่ยวหยาง ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าป้อนนางจะดีกว่า หากนางตื่นขึ้นมา นางจะไล่ล่าเจ้าเหมือนหญิงสาวก่อนหน้านี้” เถาเถาพูดขึ้นมา
หยางเฉินไม่ได้สนใจคำพูดของเถาเถาและมองไปยังหญิงสาวชุดดำก่อนจะยิ้มออกมา “ ข้าพยายามจะช่วยเจ้า หากมีอะไรไม่พอใจ ข้าหวังว่าเจ้าจะยกโทษให้ข้า “ เขาอมยาไว้ในปากแล้วโน้มตัวลงไปป้อนยาใส่ปากของหญิงสาวชุดดำ
ในตอนที่ริมฝีปากสัมผัสกัน หญิงสาวชุดดำก็ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย นางเห็นว่ามีคนกำลังจูบนางอยู่ นางอยากจะยกมือขึ้นเพื่อผลักอีกฝ่ายออกแต่นางไม่มีแรงมากพอ
นางรู้สึกว่ามีบางอย่างไหล่ผ่านคอไปก่อนจะไหลไปถึงท้อง ความอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว ในพริบตาร่างกายที่อ่อนแอก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมา ใบหน้าของนางจากที่ซีดเซียวก็เริ่มแดงขึ้น
นางกลับลืมตาขึ้นมา เมื่อพบกับหยางเฉิน นางก็เผยสายตาอาฆาตออกมาทันที มือของนางกำไปที่คอของหยางเฉินไว้แน่น
“ พี่สาว เจ้าเข้าใจผิดไป...” หยางเฉินหน้าแดง เขารู้จากเถาเถาแล้วว่าหญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะแกร่งได้ถึงเพียงนี้ !
นางดูอาฆาตเขาอย่างมาก มือของนางออกแรงมากขึ้นไปอีก และดูเหมือนว่านางคิดจะฆ่าหยางเฉินจริงๆ แต่ตอนนั้นเองกลับมีเสียงดังขึ้นมา เมื่อนางหันกลับไปมองนางก็เห็นบางอย่างพุ่งเข้าที่หว่างคิ้วของนาง มันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนด้วยความแข็งแกร่งที่นางมีตอนนี้แล้วไม่อาจจะหลบได้
ในพริบตาของสิ่งนั้นก็พุ่งมาถึงหว่างคิ้วของนาง ลมนั้นพัดอย่างรุนแรงจนผมของนางปลิวไปตามลม
ตอนที่นางแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมานั้น หยางเฉินก็ได้ตะโกนขึ้น “ อย่าฆ่านาง !”
สิ่งที่โจมตีนางนั้นกลับเป็นพู่กัน !
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน พู่กันก็หยุดโดยห่างจากคิ้วของนางแค่เพียง 3 นิ้วเท่านั้น หากเดินหน้าต่ออีกนิด นางคงตายในทันที
“ สมบัติจิตระดับสูง !” หญิงสาวชุดดำมองไปที่พู่กันด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ นางแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหยางเฉินจะมีสมบัติจิตอยู่กับตัว
“ พี่สาว เจ้า แค่ก...ช่วยปล่อยมือก่อนจะได้รึไม่ ?” หยางเฉินเริ่มหน้าแดงขึ้นมา เขาแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
หญิงสาวชุดดำลังเลไปชั่วครู่แล้วคลายมือออก หยางเฉินล้มลงไปกองกับพื้นและหอบหายใจออกมา เขาเอามือกำไปที่คอของตัวเองแล้วบ่นออกมา “ ข้าสาบานว่าจะไม่ช่วยสตรีผู้ใดอีก !”
“ ช่วยข้ารึ ?” หญิงสาวชุดดำสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตอนนั้นนางก็รู้สึกว่าเหมือนมียาที่ทรงพลังอยู่ในร่างกายของนาง มันเพราะยานี้ที่ทำให้นางถึงอาการดีขึ้น เด็กหนุ่มตรงหน้าช่วยนางไว้จริงๆรึ ?
“ ข้าบอกแล้วว่าข้าช่วยชีวิตเจ้า เจ้ายังคิดจะฆ่าข้าอีกรึ ?” หยางเฉินพึมพำออกมา ตอนที่เขาพูดนั้นเขาก็ได้หยิบเอาพู่กันไปเหน็บไว้ที่เอว
เถาเถาไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย เขาไม่อยากให้หญิงสาวชุดดำรับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา
“ แม้ว่าเจ้าจะช่วยข้า แต่เจ้าก็ไม่ควร...” หญิงสาวชุดดำหน้าแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่านางจะพูดไม่จบแต่ก็เข้าใจความหมายได้
หยางเฉินลูบจมูกด้วยท่าทีเขินอาย แต่โชคดีที่เขาหน้าหนา เขาแค่ยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ ข้าเองก็ฝืนทำ เจ้าไม่อาจจะกินยาได้เอง ดังนั้นข้าจึงได้แต่ใช้วิธีนี้เพื่อป้อนยาให้เจ้า”
“ วิธีพิเศษรึ ? ” หลังจากที่อึ้งได้ไม่นานหญิงสาวชุดดำก็หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง ไม่นานนางก็กลับไปแสดงสีหน้าเย็นชาดังเดิม นางเปลี่ยนท่าทีไปอย่างรวดเร็วจนหยางเฉินแปลกใจ
คำพูดของหยางเฉินโดนนางขัดเอาไว้ นางฮึดฮัดออกมา “ แม้ว่าเจ้าจะยังเด็กแต่ข้าก็ยังไม่แก่มากนัก เจ้าจะเรียกข้าว่าพี่ได้อย่างไร ?”
หยางเฉินหัวเราะออกมาและต้องเปลี่ยนคำพูด “ ถ้าอย่างนั้น....แม่นาง..”
นางหรี่ตาลง สายตาของนางราวกับจะฆ่าคนได้ หยางเฉินถึงกับกลืนน้ำลายและเปลี่ยนคำพูดอีกครั้ง “ สาวน้อย ข้า หยางเฉิน เจ้าช่วยบอกชื่อเจ้าได้รึไม่ ?”
“ ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า ทำไมข้าควรจะบอกชื่อของข้าให้เจ้ารู้ด้วย ?” หญิงสาวชุดดำพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเย็นชา “ แม้ว่าเจ้าจะช่วยข้าเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจจะบังคับให้ข้าบอกชื่อกับเจ้าได้”
หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ‘ บัดซบ ทำไมข้าถึงเจอแต่สตรีที่เสียสติกัน ? ’ เขาส่ายหน้า “ สาวน้อย เมื่ออาการบาดเจ็บของเจ้าฟื้นฟูแล้ว งั้นก็บอกลากันตรงนี้ก็แล้วกัน !” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าป่าไปทันที
“ ช้าก่อน เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ เจ้าคิดจะไปง่ายๆแบบนี้รึ ?” หญิงสาวชุดดำลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หยางเฉินอึ้งไป เขาหันกลับไปมอง การช่วยชีวิตคนอื่นมันผิดกฎรึอย่างไร ? นางถึงกับไม่ยอมปล่อยเขาไปเลยรึ ? นางบ้าไปแล้วจริงๆ ‘
“ เมื่อข้ายังไม่ได้ตอบแทน เช่นนั้นเจ้าก็ต้องติดตามข้าไป เจ้าไม่อาจจะไปไหนได้ !” หญิงสาวชุดดำแสดงท่าทีหยิ่งทะนงออกมา น้ำเสียงของนางหนักแน่นอย่างมาก
“ สาวน้อย เจ้าปล่อยข้าไปได้รึไม่ ? ข้าไม่อยากได้อะไรตอบแทนจากเจ้า” หยางเฉินหัวเราะออกมาก่อนจะหันกลับตั้งใจจะเดินออกไป
“ ไม่ ข้าไม่เคยติดหนี้บุญคุณใคร เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าก็อยากจะช่วยชีวิตเจ้าเช่นกัน เพื่อความเสมอภาค” หญิงสาวชุดดำวิ่งไล่ตามหยางเฉินไปทันที ดูเหมือนว่านางไม่คิดจะปล่อยหยางเฉินไปจริงๆ
“ เสี่ยวหยาง ถึงพลังของนางยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ แต่มันไม่เสียหายหากนางจะติดตามเจ้าไป บางทีนางอาจจะช่วยเจ้าได้ เพราะระหว่างนี้ข้าไม่อาจจะปรากฏตัวออกมาได้” เถาเถาพูดขึ้น “หลังจากที่กลับไปยังเมืองซูเซียน มันก็ยังไม่สายที่จะแยกตัวกับนาง”
หยางเฉินเมื่อได้ยินแบบนั้นก็หันกลับไปมองหญิงสาวชุดดำ ตอนที่เขากำลังจะพูดนั้น นางก็ได้พูดขึ้นมา “ ไม่ต้องพูด !” นางจับแขนของหยางเฉินเอาไว้แล้วไปหลบที่หลังต้นไม้
“ เกิดอะไรขึ้นกัน ?” หยางเฉินกระซิบข้างๆหูหญิงสาวชุดดำ
นางรู้สึกเหมือนกำลังเข้าใกล้ลมร้อนๆจนทำให้นางใจสั่น นางจึงรีบควบคุมสติและพูดขึ้น “ มีคนอยู่ตรงหน้า และแข็งแกร่งอย่างมาก อีกฝ่ายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ”
แทบจะทันทีนั้นเถาเถาก็ได้กระซิบบอก “ เสี่ยวหยาง นางพูดถูก มีคนมาจริงๆ คลื่นพลังไม่ได้อ่อนแอเลย แทบจะทัดเทียมกับ เทียนหลินได้”
‘ เทียนหลินมารึ ? ‘ ตอนที่หยางเฉินกำลังคาดเดาอยู่นั้นก็มีร่างหนึ่งพุ่งผ่านไป ร่างนี้รวดเร็วอย่างมาก มีใบไม้นับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาตามร่างที่ผ่านไป
คนที่มานี้หยุดอยู่ห่างจากหยางเฉินและหญิงสาวชุดดำไปประมาณ 50 เมตร สุดท้ายหยางเฉินก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย คนที่มานี้อยู่ในชุดเขียว คิ้วคมกริบราวกับดาบ ใบหน้าหล่อเหลา เขาดูสง่าและสูงส่ง
“ โม่เชิงซวน !” หญิงสาวชุดดำพึมพำออกมา เสียงของนางเบาอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะอยู่ข้างๆ หยางเฉินแล้วคงไม่ได้ยิน
โม่เชิงซวนมองไปรอบๆ ผ่านไปสักพักเขาก็ดึงเอาคัมภีร์และกระบี่อย่างละ 8 เล่มออกมา เมื่อเห็นของเหล่านั้น หยางเฉินก็มองไปที่ในมือของโม่เชิงซวน อีกฝ่ายใส่แหวนอยู่ ซึ่งมันคือแหวนมิติ
‘ เขาคิดจะทำอะไร ? ’ หญิงสาวชุดำยักคิ้วและพึมพำกับตัวเอง
ตอนที่หยางเฉินและหญิงสาวชุดดำกำลังคาดเดากันอยู่นั้น โม่เชิงซวนก็ได้โยนกระบี่ในมือออกไป กระบี่ทั้ง 8 เล่มบินออกไป...และปักลงไปที่พื้นล้อมรอบตัวเขาเอาไว้
หลังจากนั้น โม่เชิงซวนก็ได้โยนคัมภีร์ในมือออกไปอีก คัมภีร์ได้ลอยไปยังกระบี่ทั้งแปด มันลอยอยู่ที่บนด้ามจับ และแทบจะพร้อมกันนั้นก็มีคัมภีร์อีกเล่มโผล่มาในมือของโม่เชิงซวน เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะวางมันลงกับพื้น
“ สวรรค์, โลก, ซวน, เฉียน, คุน, หยิน หยาง ผนึก ! เปิด ” โม่เชิงซวนกำมือและชี้ไปที่ไปบนอากาศ คัมภีร์บนกระบี่ได้ลอยขึ้นแล้วเปล่งแสงออกมา แสงนี้กระจายไปทุกทิศทางแล้วครอบคลุมตัวของเขาเอาไว้
ในตอนที่แสงสลายไป หยางเฉินก็มองเข้าไป คัมภีร์ที่กางออกนั้นมีอักษร 1 ตัวในแต่ละคัมภีร์ มันคือคำพูดที่โม่เชิงซวนพูดมาตะกี้นี้
“ หวังว่าจะขังเขาได้ บัวหวงห้ามโลหิตกำลังจะโตเต็มที่...” ในตอนที่พูดกับตัวเองนั้น โม่เชิงซวนก็เหยียบไปบนคัมภีร์ที่วางอยู่บนพื้น ในพริบตากระบี่และคัมภีร์ทั้งหมดก็มีหมอกมาปกคลุมก่อนจะหายไป
“ ภาพลวงตารึ ?” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที ตอนนั้นโม่เชิงซวนก็หันกลับและวิ่งเข้าไปในป่าต่อ เมื่อเห็นแผ่นหลังของ โม่เชิงซวน สีหน้าของหยางเฉินก็ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ด้านหลังของโม่เชิงซวนมีคำว่า ’ช่าง’ ปักอยู่ ชุดที่เทียนหลินและโม่เชินซวนใส่นั้นเหมือนกัน แต่ความต่างมีแค่สีเท่านั้น ‘ พวกนี้มาจากนิกายเดียวกัน ‘ หยางเฉินคิดในใจ
“ บัวหวงห้ามโลหิต !” หญิงสาวชุดดำสีหน้าเปลี่ยนไป
‘ มีของดีอยู่ที่นี่ด้วย ’ เถาเถาแปลกใจ หลังจากที่แปลกใจได้ไม่นาน เขาก็ได้บอกกับหยางเฉิน “ เสี่ยวหยาง บัวหวงห้ามโลหิตนี้เป็นของดี เราต้องแย่งมันมาให้ได้”
สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาอ่านตำรามาหลายเล่มแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องบัวหวงห้ามโลหิตมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้คุณค่าของมัน แต่เมื่อเถาเถาบอกว่ามันเป็นของดี งั้นก็ต้องเป็นของดี
ตอนนั้นหญิงสาวในชุดดำก็พูดขึ้น “ เจ้ารอข้าที่นี่ ข้าจะรีบกลับมา !” พูดจบนางก็ก้าวออกไป และมุ่งหน้าไปตามทางที่โม่เชิงซวนจากไป
‘ รึว่านางก็มาที่นี่เพื่อบัวหวงห้ามโลหิตเช่นกัน ? ‘ หลังจากที่เงียบได้ไม่นาน หยางเฉินก็รีบตามนางไปพร้อมกับหัวเราะออกมา “ รอก่อน ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
หญิงสาวชุดดำอยากจะปฏิเสธเพราะนางรู้ว่าหยางเฉินนั้นอ่อนแอเกินไป แต่เมื่อนางเห็นพู่กันที่เอวของหยางเฉินแล้ว นางก็กลืนคำพูดของตัวเองไป เมื่อมีพู่กันอยู่ งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหากับหยางเฉิน