ตอนที่ 37 : โจรปล้นสมบัติ
หยางเฉินและหญิงสาวชุดดำเดินทางผ่านป่าให้เงียบที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่นานหลังจากนั้นนางก็หยุด หยางเฉินเองก็หยุด ทั้งสองไปซ่อนตัวในพุ่มไม้และมองไปยังหุบเขาที่อยู่ไกลออกไป
พวกเขาไปถึงปากหุบเขาที่กว้างกว่า 10 เมตร มันมีสัตว์อสูรตัวใหญ่อยู่ สัตว์อสูรตัวนี้ยาวประมาณ 5 เมตร มันเหมือนกับเสือดำยกเว้นแค่ตัวของมันที่มีลายพาดสีแดงเลือดอยู่
“ เสือดาวลายเลือด !” หยางเฉินอึ้งไป สัตว์อสูรนี่แกร่งอย่างมาก บอกได้ว่าแค่เกิดมาก็อยู่ขอบเขตบรรพจารย์แล้ว ตัดสินจากขนาดของมันแล้ว มันจะต้องอยู่ขอบเขตราชาแน่ๆ
“ เสี่ยวหยาง มันคือสัตว์อสูรตัวนี้แหละที่แผ่พลังออกมาก่อนหน้านี้ เหตุผลว่าทำไมมันถึงแผ่พลังออกมาก็คงเป็นเพราะบัวหวงห้ามโลหิตอยู่ด้านในหุบเขา ดังนั้นมันจึงไม่กล้าอยู่ห่างจากหุบเขานี้ และกำลังเฝ้าบัวหวงห้ามโลหิตอยู่ ” เถาเถาส่งข้อความบอกกับหยางเฉิน
“ มันเฝ้าบัวหวงห้ามโลหิตงั้นรึ ?” หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย มันมีเสือดาวลายเลือดเฝ้าอยู่ที่นี่ แม้ว่าจะมีเถาเถาคอยช่วย แต่ก็เกรงว่าคงไม่ง่ายที่จะชิงบัวหวงห้ามโลหิตมาได้?
หากเป็นแต่ก่อนมันคงยากที่จะจัดการ แต่ตอนนี้...โม่เชิงซวนได้วางค่ายกลเอาไว้แล้ว เดาว่าคงใช้เพื่อจัดการกับสัตว์อสูรตัวนี้ ข้าคงไม่จำเป็นจะต้องลงมือ” หญิงสาวชุดดำพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นนางก็เผยรอยยิ้มออกมา
ในตอนที่นางพูดนั้น ก็เห็นโม่เชิงซวนพุ่งเข้าไปที่หุบเขาก่อนจะไปยืนอยู่บนหินข้างๆหุบเขาแล้วหัวเราะออกมา “ เจ้าคิดดูรึยัง ? หากเจ้าให้บัวหวงห้ามโลหิตกับข้า ข้าก็จะแลกมันกับดอกไร้รูป”
“ ดอกไร้รูป” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากมีดอกไร้รูป สัตว์อสูรขอบเขตปรมาจารย์ก็อาจจะขึ้นไปถึงขอบเขตนักรบได้ แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นเป็นสัตว์อสูรขอบเขตนักรบ แต่ก็เพียงพอจะข้ามไป 3 ขอบเขตได้
แน่นอนหากดอกไร้รูปถูกเปลี่ยนเป็นยาไร้รูป มันก็จะเพิ่มโอกาสสำเร็จมากขึ้นไปอีก แต่ปัญหาคือการปรุงยา ในตลาดนั้นไม่อาจจะซื้อหายาไร้รูปได้ง่ายๆ
เสือดาวลายเลือดเงยหน้าขึ้นมองมาโม่เชิงซวนและยิงแสงออกมาจากนัยน์ตา มันได้คำรามออกมา เสียงนั้นกระจายไปทั่วทุกทิศทางสร้างลมกระโซกขึ้นมา จนกิ่งไม้สั่นไหวไม่หยุด ชัดแล้วว่ามันไม่ตกลงกับข้อเสนอของโม่เชิงซวน
“ เฮ้อ หากเจ้าไม่ตกลง งั้นข้าคงต้องแย่งมันมา” โม่เชิงซวนยิ้มออกมา เขากางมือออกก่อนจะมีกระบี่สี่เล่มปรากฏขึ้นมาในมือ เขาได้โยนกระบี่ของเขาออกไป กระบี่ได้พุ่งตัดอากาศและฟันเข้าใส่เสือดาวลายเลือดทันที !
“ สมบัติขั้นกลางรึ ?” หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะอึ้ง ชายคนนี้รวยจริงๆ เทียนหลินเองก็มีสมบัติขั้นสูงอยู่กับตัว โม่เชิงซวนคงจะเป็นศิษย์น้องของอีกฝ่าย เพราะดูจากความร่ำรวยที่แสดงออกมาแล้ว พวกนี้ถือว่าไม่น้อยหน้ากันเลย
กรร ! หยางเฉินอึ้งไป เสือดาวลายเลือดกระโดดขึ้น มันรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ และทิ้งไว้แต่ภาพติดตา มันได้หลบกระบี่ทั้งสี่เล่ม ร่างของมันเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศแล้วพุ่งเข้าหาโม่เชิงซวน
‘ เร็วจริงๆ ’ เมื่อเห็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อของเสือดาวลายเลือด หยางเฉินก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาเคยเห็นความเร็วของขอบเขตราชาขั้น 9 จากเทียนหลิน แต่หากเทียบกับเสือดาวลายเลือดแล้ว มันก็ยังไม่อาจจะเทียบได้
แต่สิ่งที่ทำให้หยางเฉินตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่เห็นโม่เชิงซวนแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย เมื่อเห็นเสือดาวลายเลือดพุ่งเข้าหา ในพริบตา โม่เชิงซวนกลับลอยขึ้นแล้วหนีออกไปหลายสิบเมตร ในตอนที่ถอยไปนั้นเขาก็ได้ใช้ทักษะกระบี่จักรพรรดิด้วยมือทั้งสองข้าง กระบี่บินทั้งสี่ได้พลิกตัวกลับแล้วฟันเขาใส่เสือดาวลายเลือดอีกครั้ง
เสือดาวลายเลือดนั้นเร็วก็จริง แต่กระบี่บินก็ไม่ได้ช้ากว่ามันเลย ในพริบตาก็ได้เข้าไปถึงหลังของเสือดาวลายเลือดแล้ว กระบี่ปราณได้กระจายไปทั่วทุกทิศทาง จนทำให้พื้นที่ในระยะ 10 ตารางเมตรนั้นเต็มไปด้วยรู
กระบี่ปราณกระจายไปทุกทิศทางและเฉือนกิ่งไม้นับไม่ถ้วน กิ่งไม้และใบไม้กระจายไปทั่วท้องฟ้า
“ แกร่งจริงๆ !” หยางเฉินหรี่ตาลง เถาเถาบอกว่าเสือดาวลายเลือดนี่อยู่ขอบเขตราชาเพียงพอที่จะทัดเทียมกับผู้บ่มเพาะที่เพิ่งขึ้นไปขอบเขตจักรพรรดิได้ แต่โม่เชิงซวนผู้นี้กลับสู้กับเสือดาวลายเลือดได้โดยที่ไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย ?
หญิงสาวชุดดำเห็นแบบนั้นแต่สีหน้าของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย นางยังคงจับจ้องไปยังทางเข้าหุบเขา
แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง !
กระบี่บินทั้งสี่ได้ปะทะกับกรงเล็บของเสือจนทำให้ประกายไฟกระเด็นไปทั่ว กระบี่บินถูกปัดกลับมาและบินไปหาโม่เชิงซวน ในตอนที่รับกระบี่นั้นร่างของโม่เชิงซวนก็แผ่พลังลมออกมา ลมอันรุนแรงได้พันรอบตัวเขาเอาไว้
ฟู่ ! ลมนี้ได้พัดกลับไปในป่าพร้อมกับรอยไถลลึกที่พื้น ต้นไม้โดยรอบโดนโค่นออกและโดนพัดไปพร้อมกับลมนี้ทันที
กรร ! เสือดาวลายเลือดคำรามออกมา มันได้พุ่งไล่ตามโม่เชิงซวนไป ในพริบตามันก็ได้หายไปในป่า เมื่อเห็นว่าโม่เชิงซวนวิ่งออกไป หยางเฉินก็คิดถึงค่ายกลที่โม่เชิงซวนได้เตรียมเอาไว้ ค่ายกลนั้นคงถูกเตรียมเอาไว้ใช้เพื่อจัดการกับเสือดาวลายเลือดตัวนี้อย่างแน่นอน
“ รีบไป อีกไม่นานเขาก็คงกลับมา !” หญิงสาวชุดดำได้พุ่งออกมาจากพุ่มไม้และมุ่งหน้าเข้าไปที่หุบเขา
“ เสี่ยวหยาง ฟังนาง รีบเข้าไปในหุบเขาก่อน !” เถาเถาควบคุมพู่กันและลากหยางเฉินไปยังหุบเขา
เมื่อหยางเฉินมาถึงหุบเขา เขาก็พบกว่าใจกลางหุบเขานั้นไม่มีอะไรเลย รอบตัวมีแต่กำแพง แต่ใจกลางพื้นที่โล่งนั้นมีบ่อเลือดซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 10 เมตร ดอกบัวสีแดงเลือดอยู่ใจกลางบ่อนั้นและกำลังแผ่แสงสีแดงออกมา
บัวหวงห้ามโลหิต !
หญิงสาวชุดดำหันไปมองหยางเฉิน “ ข้าจะช่วยเจ้าให้ได้บัวหวงห้ามโลหิตนี่ไป เราจะได้ไม่ติดค้างต่อกัน”
“ เจ้าไม่ได้ติดค้างอะไรข้า” หยางเฉินยิ้มออกมา “ แต่เมื่อเจ้าอยากช่วยข้า อย่างนั้นข้าก็ไม่ปฏิเสธ”
“ ข้าชื่อลั่วปิง เจ้าอย่าเรียกข้าว่าคนใบ้อีก ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า !” ในตอนที่นางพูดนั้นนางก็ได้พุ่งไปยังบ่อเลือดทันที
“ คนใบ้รึ ?” หยางเฉินยิ้มออกมา “ ข้ารับปากว่าจะไม่เรียกเจ้าว่าคนใบ้อีก อย่างมากข้าก็จะเรียกแค่ในใจ !”
เมื่อได้ยินที่หยางเฉินพูดมา ลั่วปิงก็สีหน้าเปลี่ยนไป นางพึมพำออกมา “ เด็กน้อยนี่ ! ” ตอนที่นางพึมพำนั้นมือของนางก็กำลังจะสัมผัสกับดอกบัวแต่ตอนนั้นเองกลับมีลำแสงนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากดอกบัว
“ ฮึ่ม !” ลั่วปิงพ่นลมหายใจออกมา นางกระดิกนิ้วปล่อยไอเย็นออกมา คลื่นพลังอันหนาวเย็นได้กระจายไปทุกทิศทาง แสงสีเลือดที่กำลังพุ่งมาหาตัวนางก็โดนแช่แข็งไปทันทีก่อนจะแตกออกแล้วหายไป
ปราณอันหนาวเย็นไม่ได้หยุด มันแผ่ไปทั่วทั้งบ่อเลือด บ่อเลือดก็โดนแช่แข็งไปด้วย ดอกบัวเองก็โดนแช่แข็งไปเช่นกัน ลั่วปิงลงไปที่บ่อเลือดที่โดนแช่แข็งก่อนจะเด็ดดอกบัวออกมา นางหันกลับแล้วรีบพุ่งกลับออกมาทันทีราวกับตกใจกับอะไรบางอย่าง !
‘ นางบาดเจ็บจริงๆรึ ? ’ หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะสงสัยในใจ นางแกร่งแค่ไหนกัน ? แม้ว่าจะบาดเจ็บแต่ก็ยังแกร่งได้ถึงเพียงนี้
“ เป็นไปได้อย่างไร ? สัตว์อสูรกลับมาที่หุบเขาแล้ว ไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มนั้นล่อเสือดาวออกไปแล้วรึ ? เสี่ยวหยางรีบไปหานางเร็วเข้า !” เถาเถาส่งข้อความบอกหยางเฉิน ตอนที่ส่งข้อความไปนั้นพู่กันก็ได้บินไปหาหยางเฉินทันที
“ มันกลับมาแล้วรึ ?” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที เขาไม่กล้าคิดอะไรต่อและรีบใช้ก้าววายุอสนีถอยกลับไปหาลั่วปิงอย่างรวดเร็ว
กรร...เสียงคำรามดังสนั่นเข้ามาถึงในหุบเขา เมื่อเสียงคำรามนั้นมาถึง สัตว์อสูรตัวหนึ่งก็ได้โผล่มาตรงหน้าของหยางเฉินและลั่วปิง สัตว์อสูรตัวนี้รูปร่างเหมือนกับหมาป่าแต่หัวของมันเป็นหมี ขนาดของมันใหญ่โตอย่างมาก ใหญ่ยิ่งกว่าเสือดาวลายเลือดเสียอีก
“ หมีหมา !” ลั่วปิงและหยางเฉินแทบจะตะโกนชื่อมันออกมาพร้อมกัน หมีหมาและเสือดาวลายเลือดนั้นอยู่ระดับเดียวกัน ความแข็งแกร่งแทบจะทัดเทียมกันได้ แต่หมีหมานั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ส่วนเสือดาวลายเลือดนั้นเด่นเรื่องความเร็ว
หมีมองมาที่หยางเฉินและลั่วปิง เมื่อเห็นดอกบัวในมือของลั่วปิง มันก็ได้แสดงสายตาไม่พอใจออกมา มันยกกรงเล็บขึ้นแล้วฟาดลงมา ปราณได้ครอบคลุมพื้นที่หลายสิบตารางเมตร และแผ่ออกมาพร้อมกับกรงเล็บ พลังอันน่ากลัวได้กดทับเข้าใส่หยางเฉินและลั่วปิงราวกับคลื่น !
ในตอนที่พลังนี้กดทับลงมา พื้นดินก็เริ่มทรุดและแตกออกราวกับใยแมงมุม
‘ ฮึ่ม สัตว์อสูรนี่ ! ข้าไม่อยู่ในสายตาเจ้าเลยสินะ ! ‘ เถาเถาฮึดฮัดในใจ เขาควบคุมพู่กันแล้วฟันตัดอากาศ พังพลังที่พุ่งเข้ามาหาลั่วปิงทิ้งทันที !
ตอนนั้นพู่กันก็ได้ตัดไปที่พื้น พื้นดินที่เต็มไปด้วยรอยร้าวก็โดนแยกออกพร้อมกับหินที่กระจายไปทั่ว
ความคมของพู่กันนั้นทำให้สีหน้าของลั่วปิงเปลี่ยนไป ในใจของนางเองก็อดคิดไม่ได้ ‘ สมบัติจิตนี่เหมือนจะได้รับความเสียหาย ...’
ในตอนนั้นหมีก็เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่พู่กันก่อนจะคำรามออกมา กรงเล็บของมันได้ฟาดลงไปกับพื้น ตูม ! พื้นดินแตกออก ก่อนจะมีดินและหินจำนวนมากพุ่งเข้ามาใส่พู่กันทันที!
‘ สัตว์อสูรก็ยังเป็นสัตว์อสูรอยู่วันยังค่ำ ไม่รู้ตัวเลยสินะว่ากำลังจะตาย ! ‘ เถาเถาไม่พอใจอย่างมาก หมีนี่ไม่อยู่ในสายตาเขาด้วยซ้ำ เขาโคจรปราณ ภายใต้การควบคุมของเขา พู่กันก็ได้ฟันออกไป พู่กันได้ฟันออกไปเป็นพันๆครั้งในพริบตา
สร้างสรรค์ !
อักษรหลายล้านตัวได้ลอยอยู่ในอากาศ ก่อนจะรวมตัวกันเป็นพายุแล้วโจมตีทุกทิศทาง หินและดินที่พุ่งมาจากพื้นก็โดนอักษรเหล่านี้กันเอาไว้และพังมันลงจนเปลี่ยนเป็นผุยผง หลังจากนั้นอักษรก็ได้พุ่งต่อราวกับคลื่นปกปิดท้องฟ้าและปิดทางหนีของหมีตัวนั้นเอาไว้ !