ตอนที่ 38 : หลอกลวง
เมื่อเห็นอักษรเข้ามาปกคลุม หินและทรายรอบๆตัวของหมีก็เหมือนจะปะทุขึ้นไปตาม หมีฮึดฮัดออกมา หินและทรายที่ปลิวไปทั่วนั้นได้หมุนวนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันรวมตัวกันจนกลายเป็นกำแพงหนา อักษรได้พุ่งทะลุกำแพงดินก่อนจะทำให้ดินนั้นแตกออกเผยให้เห็นข้างใน แต่หมีนั้นกลับหายตัวไปแล้ว มันมีรูขนาดใหญ่ที่พื้น รูนี้มืดและลึกอย่างมาก ไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดสู่ที่ใด
ตอนที่หยางเฉิน มองไปรอบๆเพื่อหาว่าหมีอยู่ที่ไหนนั้น ลั่วปิงก็จับมือเขาแล้วตะโกนขึ้นมา “ ถอย !” พูดจบนางก็ดึงของหยางเฉินถอยกลับไปกว่า 10 เมตรอย่างรวดเร็ว
ปัง !
ลั่วปิงและหยางเฉินกระโดดขึ้นไปก่อนที่จะมีหินและทรายพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำพุ มันพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงระเบิดนี้ดังก้องไปทั่วหุบเขา
เมื่อถอยกลับมาได้หลายสิบเมตร หยางเฉินก็อดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยนไป หากเขาหลบไม่ทัน งั้นพายุหินที่พุ่งเข้ามานั้นต้องฆ่าเขาได้แน่ๆ
“ หากข้าไม่บาดเจ็บ เจ้าคงไม่กล้าทำตัวหยิ่งทะนงเช่นนี้ต่อหน้าข้า !” ลั่วปิงเผยสีหน้าอาฆาตแล้วฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา
‘ คิดว่าหากลงไปใต้ดินแล้วข้าจะจัดการกับเจ้าไม่ได้รึ ? ’ เถาเถาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในใจ ฟรืด ! พู่กันได้หมุนวนในอากาศก่อนจะพุ่งลงไปในรูนั้นทันที
‘ เถาเถา จะเป็นอันตรายไหมนะ ? ‘ หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเถาเถา หมีหมานี่อยู่ขอบเขตราชาขั้นสูง พลังโจมตีของมันน่าทึ่งอย่างมาก เขาเห็นมันมากับตาตัวเองแล้ว
“ นี่คือบัวหวงห้ามโลหิต ข้าจะไปช่วยพู่กันก่อน !” ลั่วปิงส่งดอกบัวให้กับหยางเฉินก่อนจะพุ่งลงไปที่รู้นั่น ตามพู่กันลงไป
บัวหวงห้ามโลหิตโดนแช่แข็งเพราะไอเย็นของลั่วปิง ตอนที่หยางเฉินรับบัวนั้นมา ความหนาวเหน็บก็ลามไปจนถึงข้างในกระดูก
เขารีบเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติ แต่ถึงจะรีบทำเช่นนั้นแต่มือของเขาก็ยังแดงอยู่ดี
‘ แม้ว่าเจ้าจะเกลียดข้า แต่ก็ไม่น่าเย็นชากับข้าเช่นนี้ ? ’ หยางเฉินมองมือที่แดงของตัวเองแล้วเผยสีหน้าหมดหนทางออกมา
ตอนนั้นเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมาจากพื้นดินด้านล่าง พื้นดินสั่นไหวราวกับว่ากำลังจะแตกออกจากกัน พื้นดินทรุดลงไปอย่างต่อเนื่อง หยางเฉินมองไปที่พื้นดินรอบตัวที่กำลังจะทรุดลง เขาอดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยนไป “ นับหนึ่งถึงสามสิบหกแล้วค่อยไปรึหนีตอนนี้เลย !”
ในตอนที่พูดกับตัวเองอยู่นั้น หยางเฉินก็พุ่งออกมาจากหุบเขา ในพริบตาเขาก็มาถึงทางออกของหุบเขา แต่ตอนที่เขามาถึงทางออกนั้น เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมา “ เจ้าคนลามก ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอเสียที !”
หยางเฉินเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งได้พุ่งออกมาจากป่า หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮัวเยว่นู นางคือคนที่ หยางเฉินมองว่าเป็นสัตว์ประหลาด เขาต้องหลบหน้านางตลอดที่เจอ และไม่รู้เหตุใดนางถึงได้ตามติดเขาไม่เลิก
“ ข้าช่วยเจ้าจากเงื้อมมือศิษย์พี่ของเจ้า เจ้าควรยั้งมือและปล่อยข้าไปได้แล้ว ตกลงรึไม่ ?” หยางเฉินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นรอยยิ้มของหยางเฉิน ใบหน้าอันงดงามของฮัวเยว่นูก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าทำไมนางถึงไม่กล้ามองรอยยิ้มนั้นของเขาโดยตรง นางจึงต้องเชิดหน้าขึ้นและมองหยางเฉินเป็นครั้งคราว แต่ตอนนั้นหยางเฉินก็หันกลับและวิ่งเข้าไปด้านในหุบเขาเร็วกว่าตอนที่เขาออกมาเสียอีก
“ เจ้าเด็กลามก !” ฮัวเยว่นูหน้าซีดไป เมื่อเห็นว่าหยางเฉินกำลังจะเข้าไปในหุบเขา นางก็วิ่งเข้าไปตาม
ด้วยความแข็งแกร่งของหยางเฉินแล้ว เขาจะหนีฮัวเยว่นูได้รึ? ตอนที่เขากำลังจะเข้าไปในหุบเขา แส้ของฮัวเยว่นูก็ได้ฟาดผ่าอากาศปิดทางของเขาเอาไว้ราวกับหมอกดำ
‘ นังบ้า ! ’ หยางเฉินสบถใจ ตอนที่แส้ฟาดลงมานั้นแม้มันจะไม่โดนที่หน้าอกของเขา แต่ลมที่ปะทะเข้ามาก็ส่งผลต่อเขาอยู่ดี
พรึบ ! หยางเฉินกลิ้งไปกับพื้นเพื่อหลบ เขากลิ้งอยู่หลายตลบก่อนจะประคองตัวได้และนั่งลงกับพื้น แต่หากไม่ใช่เพราะฮัวเยว่นู ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเขาแต่แรกอยู่แล้ว งั้นเขาคงไม่อาจจะหลบแส้นี่ได้
“ เจ้าลามก เจ้าจะหนีอีกรึไม่ ? ทำไมเจ้าไม่หนีล่ะ ?” ฮัวเยว่นูมองไปที่หยางเฉินด้วยสายตาเย็นชา มือของนางพันแส้เล่นและเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าวๆอย่างช้าๆ
หยางเฉินกางแขนออกแล้วพูดขึ้นมา “ ข้าไม่หนีแล้ว หากเจ้าอยากจะฆ่าข้าก็ลงมือเสีย ข้าจะไม่ขัดขืน ฮึ่ม ! ข้าคงได้แต่โทษตัวเองว่ามีตาหามีแววไม่ ข้าช่วยคนแต่กลับกำลังจะโดนเขาฆ่าตอบ” เขาพูดพร้อมกับหลับตารอความตาย
“ เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้ารึ?” ฮัวเยว่นูฮึดฮัดออกมาแต่ก็ไม่ได้ลงมือ
‘ ข้าคงได้แต่เสี่ยง หากนางจำได้ว่าข้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ บางทีนางอาจจะปล่อยข้าไป ’ หยางเฉินแอบปลอบใจตัวเอง
ทันใดนั้นหยางเฉินก็พูดขึ้น “ สาวน้อย เจ้าคงคิดจะฆ่าข้า แม้ว่าข้าจะช่วยชีวิตเจ้า แต่ตอนที่เจ้าไม่ได้สติ ข้ากลับทำบางอย่างที่เป็นการดูหมิ่นเจ้า มันถือว่าเป็นเรื่องผิดจริง ความผิดนั้นถึงตาย !”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและดูจริงใจ สายตาของเขาดูเด็ดเดี่ยวราวกับพร้อมที่จะตายอย่างไรอย่างนั้น
“ ได้ ข้าจะจัดให้ตามที่เจ้าหวัง !” ฮัวเยว่นูกำแส้ไว้แน่นและยกแส้ขึ้นมา นางทำท่าราวกับกำลังจะฟาดแส้ออกมา
แต่ในตอนนั้น หยางเฉินกลับพูดขึ้น “ ช้าก่อน !”
“ ทำไม ? เจ้ากลัวตายขึ้นมาแล้วรึ ?” ฮัวเยว่นูมองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าไม่พอใจ สายตาของนางดูหมิ่นเขาอย่างมาก
“ เจ้าเข้าใจผิดไป ข้าไม่ได้กลัวตาย แต่ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าก่อนตาย” หยางเฉินเผยสีหน้าเศร้าสร้อยออกมา “ พิษที่เจ้าโดนนั้นไม่อาจจะใช้ยาแก้พิษได้ ดังนั้น...”
แต่หลังจากนั้นหยางเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาได้แต่ถอนหายใจแล้วหลับตาก่อนจะส่ายหน้า “ ไม่สิ ข้าไม่พูดอะไรแล้ว เจ้ารีบฆ่าข้าเถอะ !” เขาพูดออกมาเสียงดังราวกับคำพูดที่มาจากหัวใจ
“ เจ้า...” มือที่ยกแส้กลับเหมือนจะอ่อนแรงขึ้นมา รอยยิ้มของหยางเฉินได้ปรากฏขึ้นมาในใจของนางอีกครั้ง จากนั้นน้ำตาของนางก็ไหลออกมา
‘ ดูเหมือนว่าจะสำเร็จ นางไม่ได้ใจร้าย ’ หยางเฉินลืมตาขึ้นมอง เมื่อเห็นสีหน้าของฮัวเยว่นู สุดท้ายเขาก็แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ตอนที่หยางเฉินกำลังจะคลายความกังวลอยู่นั้น ฮัวเยว่นูก็สะบัดแส้ เมื่อเห็นแส้สะบัดหยางเฉินก็ทิ้งความคิดทั้งหมดในหัวลงไปทันที ‘ บัดซบ ! ข้าแสดงถึงขนาดนี้ แต่เจ้าก็ยังคิดจะฆ่าอยู่อีก เจ้านี่ใจดำจริงๆ ! ’
แส้ยังไปไม่ถึงตัวของหยางเฉิน แต่อยู่ๆนางก็หันกลับแล้วฟาดแส้ออกไปอีกทาง
“ หัวหน้าหน่วยเซียวเทียน !” หยางเฉินลืมตาขึ้นและพบหลงเซิงที่กำลังพุ่งออกมาจากด้านนอกหุบเขา มันกลับเป็นว่าคนที่ฮัวเยว่นูคิดจะจัดการไม่ใช่เขา แต่เป็นหลงเซิงต่างหาก
“ ข้าเป็นสมาชิกหน่วยเซียวเทียน ข้าไม่คิดจะเป็นศัตรูกับเจ้า เจ้าอย่าบังคับข้าจะดีกว่า !” หลงเซิงหลบการโจมตีของฮัวเยว่นู แล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ ฮึ่ม ! หากเจ้าคิดจะทำอะไรเขา ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับข้า อย่าคิดว่าเจ้าเป็นสมาชิกของหน่วยเซียวเทียนแล้วข้าจะเกรงกลัวเจ้า !” ฮัวเยว่นูมองไปที่หลงเซิงด้วยสายตาเย็นชา
หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยนไป เขาดีใจอย่างมาก ไม่คิดเลยว่านางจะมาช่วยเขา ดูเหมือนว่าการโกหกนั้นจะไม่สูญเปล่า สุดท้ายก็ทำให้นางใจเย็นลงได้
“ สาวน้อย เจ้ารนหาที่ตายแท้ๆ !” หลงเซิงฮึดฮัดออกมา เขาพุ่งเข้ามาหาฮัวเยว่นูทันที ปราณได้อัดแน่นเป็นเสือดำ เสือดำพุ่งตัดอากาศก่อนจะพุ่งเข้าใส่ฮัวเยว่นู !
‘ อาวุธแบบไหนกัน ? ’ หยางเฉินสีหน้าเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ว่าเสือดำที่อัดแน่นจากปราณนี้มีพลังที่น่ากลัวอย่างมาก หากมันระเบิดออกมา มันอาจจะทำลายพื้นที่นี่ไปก็เป็นได้ !
“ ฮึ่ม ! ลูกไม้ง่อยๆ !” ฮัวเยว่นูฮึดฮัดออกมา นางหมุนตัวแล้วฟาดแส้ออกไป ลมได้หมุนเป็นพายุปกคลุมระยะกว่าสิบเมตรในพริบตา แส้ราวกับวิญญาณที่ร่ายรำไปมาพันรอบเสือดำเอาไว้ เมื่อฮัวเยว่นูดึงแส้ เสือดำก็ได้เปลี่ยนเป็นปราณสีดำนับไม่ถ้วนกระจายไปโดยรอบ
แต่ตอนที่นางกำลังสู้กับเสือดำอยู่นั้น หลงเซิงก็ได้เตรียมตัวเสร็จแล้ว เขาได้สะบัดมือออกไปหลายครั้งก่อนจะมีเสือดำปรากฏตัวขึ้นมา เสือดำเหล่านั้นต่างก็พุ่งเข้าหาฮัวเยว่นูพร้อมกัน มันราวกับคลื่นสีดำที่ซัดเข้าหานาง
ตอนนั้นหยางเฉินได้ถอยกลับมาหลายสิบเมตรแต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บจากสายลมที่เหมือนนักรบใบมีด แม้ว่าทั้งสองจะสู้กันแต่เขาก็ไม่มีโอกาสเข้าไปยุ่งได้เลย เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ‘ ข้ายังอ่อนแอเกินไป ’
ตอนที่หยางเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่นนั้น เขาก็เห็นว่าร่างของฮัวเยว่นูร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว นางพุ่งผ่านหมอกดำพร้อมกับแส้ที่สะบัดเข้าทำลายเสือดำไปหนึ่งตัวในทุกครั้งที่สะบัดแส้
‘ ข้าอาจจะช่วยได้ ’ สายตาของหยางเฉินเปลี่ยนไป เขาราวกับนึกอะไรบางอย่างออก ตอนนั้นเขาก็ได้ใช้ก้าววายุอสนีเข้าไปในสนามรบ
เมื่อเข้ามาในพื้นที่ต่อสู้แล้ว หยางเฉินก็รู้สึกราวกับโดนเข็มจิ้มไปทั้งตัว ไอเย็นที่แผ่ออกมาจากแส้ของฮัวเยว่นูนั้นรุนแรงจริงๆ
หยางเฉินทนต่อความเจ็บปวดเอาไว้แล้วตะโกนออกมา “ ฮ่าฮ่า อาจารย์ได้ให้ผลึกเลือดสัตว์อสูรขอบเขตบรรพจารย์กับข้ามา 3 อัน สุดท้ายก็ได้ใช้เสียที” ตอนที่พูดนั้นก็มีของสามอย่างลอยออกจากมือและพุ่งเข้าไปหาหลงเซิงทันที !
“ผลึกเลือดสัตว์อสูรขอบเขตบรรพจารย์รึ !” สีหน้าของหลงเชิงเปลี่ยนไป เขาสงสัยขึ้นมาทันทีว่าหยางเฉินน่าจะเป็นคนของกองกำลังใหญ่ เมื่อเห็นของสามอย่างที่ลอยเข้ามาหาเขา เขาก็รีบถอยทันที
แต่ตอนที่เขากำลังจะหลบไปนั้น แส้ของฮัวเยว่นูก็ได้ฟาดเข้ามา สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไป เขาคิดจะหลบแต่ผลึกเลือดก็ได้ลอยเข้ามาแล้ว ดังนั้นเขาต้องรับแส้ของฮัวเยว่นูเอาไว้
แขนซ้ายของเขามีเลือดไหลออกมา เขาอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วลุกขึ้นก่อนจะหนีออกไป
ก่อนที่เขาจะประคองตัวได้ กระบี่ปราณนับไม่ถ้วนก็ได้พุ่งเข้ามาตรงหน้าของเขา กระบี่ปราณเหล่านี้รวดเร็วดั่งสายฟ้า ราวกับว่ามีสายฟ้านับไม่ถ้วนผ่าลงมา
หลงเซิงหน้าถอดสีไป เขารีบถอยกลับเพื่อจะหลบ แต่ทันใดนั้นด้านหลังของเขากลับมีเสียงดังขึ้นมา แส้ของฮัวเยว่นูได้ฟาดและพันรอบคอของเขาเอาไว้ ฮัวเยว่นูบิดข้อมือเพื่อรัดแส้ให้แน่นขึ้นจึงทำให้คอของหลงเซิงโดนตัดไป ก่อนจะตายทันที !
คนที่ใช้กระบี่ปราณปิดทางหลงเซิงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยางเฉิน หลังจากที่ฟันกระบี่ออกมาสุดกำลัง ปราณในตัวของเขาก็หมดไป หน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ การโจมตีไม่ได้มีพลังมากนัก การโจมตีของเขาเรียกได้ว่าเป็นเงาของสายฟ้าในวรยุทธ์กระบี่สายฟ้า แต่เขาไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจวรยุทธ์นี้มากนัก เขาแค่โคจรปราณเข้าไปในกระบี่ก็เพียงพอแล้ว
แต่หากหลงเซิงไม่ลังเลและโจมตีโต้กลับ หยางเฉินคงต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย