ตอนที่ 40 : จักรวรรดิแดวู
“ ข้าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง หากเจ้าอยู่กับข้า ข้ากลัวว่าเจ้าอาจจะต้องตายไปด้วย” ลั่วปิงกินยาได้ของหยางเฉินช่วยชีวิตไว้และติดค้างบุญคุณของหยางเฉิน นางจึงไม่อยากให้เขาติดตามนางมา เพราะมันจะทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
‘ นางคิดได้ดี แต่ข้าไม่อาจจะหนีไปไหนได้ หากเขาไล่ตามข้ามา เถาเถาเพียงลำพังคงไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ’ หยางเฉิน พึมพำในใจก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ เมื่อข้ารับปากกับเจ้าแล้วข้าก็ไม่มีทางที่จะทิ้งเจ้า เจ้าสบายใจได้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้แข็งแกร่งนักแต่ข้าก็มีความสามารถที่จะปกป้องตัวเองได้อยู่”
เมื่อได้ยินที่หยางเฉินพูดมา ลั่วปิงก็ซึ้งใจอีกครั้ง นางถอนหายใจออกมา นางไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่กลับมองไปที่พู่กันทีเอวของหยางเฉิน แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เสียดาย “ สมบัติจิตของเจ้านั้นเหมือนจะได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่อาจจะแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้ เฮ้อ !”
“ สมบัติจิตรึ ?” หยางเฉินยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
“ เร็วเข้า รีบไปหาที่เงียบๆเพื่อดูดซับพลังของยาในร่าง แม้ว่าเขาจะมาแต่เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัว” ในตอนที่พูดนั้น ลั่วปิงก็ได้วิ่งออกไปต่อ
‘ ทำไมข้าถึงมาเจอกับหญิงสาวที่ดีแบบนี้ ? ‘ หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งๆออกมา ก่อนจะใช้ก้าววายุอสนีไล่ตามลั่วปิงไป ประสบการณ์ตลอดหลายเดือนมานี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาอ่อนแอเกินไป หากไม่ใช่เพราะเถาเถาแล้ว แค่นักล่าอสูรทั่วไปก็ยังฆ่าเขาได้ เขาอยากที่จะแกร่งขึ้นไปอีก
ตอนที่ลั่วปิงและหยางเฉินเดินทางอยู่ในป่านั้น อยู่ๆก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ! ได้มีเสียงดังขึ้นในส่วนลึกของป่าพร้อมกับมีหอกพุ่งตัดอากาศและเสียงตะโกนดังขึ้น
“ หอกไฟผกผัน ! ตายซะ !”
ทันใดนั้นก็มีหอกไฟพุ่งออกมา และที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือยังมีไฟพุ่งออกมารอบตัวหอกอย่างต่อเนื่อง พลังงานในหอกนั้นทำให้มิติถึงกับบิดเบี้ยวไป ต้นไม้รอบๆได้รับผลจากคลื่นความร้อนไปด้วย มันโดนเผาในพริบตาและเปลี่ยนเป็นเถ้า พื้นดินเองก็ยังโดนทำลายไปด้วย
สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที นี่มันพลังแบบไหนกัน ? มิติถึงกับบิดเบี้ยว หากเขาโดนหอกนี่เข้า เขาคงตายอย่างแน่นอน
“ โม่ซานหยวน !” สีหน้าของลั่วปิงเปลี่ยนไป ในพริบตานางก็ได้พุ่งไปหาหยางเฉิน แสงสีทองส่องประกายขึ้นมาพร้อมกับใบมีดปีกผีเสื้อที่ปรากฏขึ้นมาในมือของนาง ทุกที่ที่มีดนั้นผ่านไปจะมีน้ำแข็งเข้าปกคลุม มันได้แช่แข็งทุกอย่างและเปลี่ยนเป็นเศษน้ำแข็งไปในทันที
หอกโดนแช่แข็งไป แม้แต่ไฟที่ปะทุออกมาก็ยังโดนแช่แข็งไปด้วย เมื่อเห็นแบบนั้น หยางเฉินก็ต้องตะลึง มันเยือกเย็นจนน่ากลัว !
“ ไป !” ลั่วปิงจับมือของหยางเฉินแล้วหันกลับก่อนจะหนีออกไปต่อ หยางเฉินหันกลับไปมองที่ลั่วปิงก็พบว่าสีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก นางหน้าซีดเผือด ที่มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา อาการบาดเจ็บของนางแย่ลงอีกแล้ว !
“ เสี่ยวหยาง นางบาดเจ็บอยู่แล้ว ตะกี้นี้นางไม่สนใจอาการบาดเจ็บและใช้พลังทั้งหมดออกมา ตอนนี้อาการบาดเจ็บมันจึงกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง นางต้องหาที่พักเพื่อดูดซับยา ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต” ในตอนที่บอกกับหยางเฉิน เถาเถาก็ได้ทำการควบคุมพู่กันให้บินออกไปพร้อมกับขยายขนาดขึ้น “ให้นางจับข้าเอาไว้ อีกฝ่ายจะตามมาทันในไม่ช้า !”
หยางเฉินหันกลับไปหาลั่วปิงทันที “ จับพู่กันเอาไว้ ! ” ตอนที่พูดนั้นเขาก็ได้ยื่นมือออกไปจับพู่กันเอาไว้ ในเวลาเดียวกันลั่วปิงก็พยักหน้า นางทนต่ออาการบาดเจ็บในร่างและยื่นมือออกมาจับพู่กันเอาไว้
ซู่ ! เถาเถาได้โคจรปราณเข้าไปในพู่กันก่อนที่พู่กันจะพุ่งออกไปพาหยางเฉินและลั่วปิงพุ่งเข้าไปในป่าต่อ
ตอนที่ทั้งสองหนีไปในป่านั้น ก็มีอีกสามร่างโผล่มา สองคนนั้นหยางเฉินรู้จักเป็นอย่างดี มันคือเทียนหลินและหลงฉี ส่วนอีกคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนใส่ชุดสีแดง หน้าตาของเขาดูดุดันอย่างมาก
“ กลับเป็นอาวุธจิตแต่โชคร้ายที่เหมือนจะได้รับความเสียหายมา” ในตอนที่พูดนั้นชายวัยกลางคนก็ยื่นมือออกมาจับหอกที่โดนแช่แข็ง ด้วยพลังเพียงเล็กน้อยน้ำแข็งที่เกาะบนหอกก็แตกออกทันที
“ ลุงโม่ สมบัติจิตนั่นน่าจะเป็นของนักล่าอสูร ไม่คิดเลยว่ามันจะตกมาอยู่ในของมือหญิงสาวคนนั้น” เทียนหลินแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา นักล่าอสูรที่เขาพูดถึงคือเสี่ยวหมิง ซึ่งก็เป็นหยางเฉินที่ปลอมตัวมา
“ หญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดา” จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป โม่ซานหยวนถอนหายใจออกมา “ หากไม่ใช่เพราะลิงสายฟ้าอินทนิลแล้ว แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้ นางโชคดีจริงๆ ไม่ใช่แค่ได้สิ่งนั้นมา แต่กลับยังได้สมบัติจิตมาครองอีกด้วย”
“ นางเองรึที่ได้มันไป ?” เทียนหลินและหลงฉีมองหน้ากัน พวกเขาเหมือนจะคาดเดาตัวตนของลั่วปิงออกทันที
“ แม้ว่านางจะไม่บาดเจ็บ แต่ข้าก็ต้องแย่งสมบัติจิตมาให้ได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่นางอยู่ในสภาพปางตายเลย อีกอย่างแล้วของสิ่งนั้นก็จะต้องเป็นของข้าอยู่แล้ว ไป่เซียวเทียนและฮันหยุน เมื่อพวกเจ้ามาถึง ของสิ่งนั้นอาจจะตกมาอยู่ในมือของข้าแล้ว ฮ่าฮ่า....” โม่ซานหยวนเร่งความเร็วตามไปทันที ตัวของเขาเหมือนกับโดนปราณรอบตัวลากไป เขาก้าวขึ้นไปในอากาศแล้วตาม หยางเฉินและลั่วปิงไปทันที
‘ หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่อาจจะสลัดเขาหลุดได้ แม้ว่าจะใช้ปราณทั้งหมดก็ตาม ! ’ ในพู่กันนั้น เถาเถารับรู้ได้ว่าโม่ซานหยวนกำลังไล่ตามเขาอยู่ สีหน้าของเขาจึงตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
“ บางทีเราอาจจะซื้อเวลาได้บ้าง ” ลั่วปิงมองไปที่หยางเฉิน “ รังของมันน่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด มันคงตามหาข้าไปทั่วทุกที่ และคงไม่คิดว่าข้าจะไปซ่อนที่รังของมัน”
หยางเฉินไม่รู้ว่าจะฟังคำพูดของลั่วปิงดีรึไม่ แต่ตอนนั้นเถาเถากลับพูดขึ้นมา “ ฟังนาง ตอนนี้เราไม่อาจจะไปที่อื่นได้ ข้ารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งหลายอันกำลังมุ่งหน้ามาหานาง รีบหนีไปก่อนจะดีกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของเถาเถา หยางเฉินก็พยักหน้าให้กับลั่วปิงทันที
ฟู่ ! พู่กันได้แบกทั้งสองคนหนีไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกศรที่ถูกยิงออกไป ไม่นานพวกเขาก็พบกับป่าที่เต็มไปด้วยสีม่วง แทบทุกอย่างในป่านั้นเป็นสีม่วงทั้งหมด
พู่กันได้พาทั้งสองคนเข้ามาในป่าอินทนิลและมุดเข้าไปในถ้ำ หินในถ้ำเองก็เป็นสีม่วงเช่นกัน พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นแร่แบบไหนกัน
“ ข้าหวังว่าเขาคงจะไม่กลับมาในเร็วๆนี้ ไม่งั้นแล้ว...” ลั่วปิงร่วงลงมาจากพู่กัน สีหน้าของนางแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ เจ้าดูดซับยาไปก่อน ข้าจะเฝ้าข้างนอกให้เอง ตราบใดที่ข้าไม่ตาย ข้าจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาด้านในเป็นอันขาด !” หยางเฉิน ไม่ได้โกหก นี่คือความคิดจากใจจริงของเขา เพราะหากลั่วปิงไม่อาจจะฟื้นฟูพลังกลับมาได้ เขากับเถาเถาก็จะตกอยู่ในอันตราย คนที่มานี้ไม่ได้มาหาแค่ลั่วปิงเท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชิงพู่กันไปอีกด้วย
“ ทำไมเจ้า...” ลั่วปิงยังพูดไม่ทันจบ หยางเฉินก็ได้พุ่งออกจากถ้ำไปจนนางไม่ทันได้พูดอะไรต่อ
ลั่วปิงมองไปที่แผ่นหลังของหยางเฉินที่หายออกไป นางอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าเศร้าสร้อยออกมา “ เด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงดีกับข้าถึงเพียงนี้ ?” โชคร้ายที่หยางเฉินไม่อาจจะได้ยินคำพูดของลั่วปิงได้ เพราะตอนนั้นเขาออกไปนอกถ้ำแล้ว
“ เถาเถา ยาที่เจ้าให้ข้ามาอยู่ระดับไหนกัน ด้วยความแข็งแกร่งของข้าแล้ว ข้าปรุงมันขึ้นมาได้รึไม่?” หยางเฉินมองไปที่พู่กันที่ลอยอยู่ตรงหน้าแล้วถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ยาระดับต่ำ เพราะข้าน่ะมีแต่ของระดับสูงเท่านั้น” เถาเถามุดออกมาจากพู่กันและมองไปที่หยางเฉินด้วยท่าทีภูมิใจ
“ เจ้าต้องการเงินไม่ใช่รึ ? มันจะดีกว่าหรือไม่หากจะเอาสมบัติทั้งหมดที่เจ้ามีนำไปประมูล เจ้าจะได้มีเงินไว้ใช้” หยางเฉินลูบจมูกแล้วยิ้มออกมา
“ ฮึ่ม เจ้าว่าข้าไม่คิดเรื่องนี้รึ ? ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว หากเจ้านำของมีค่าพวกนี้ไปประมูล ข้ากลัวว่าไม่เกิน 3 ชั่วโมงเจ้าคงโดนหมายหัว จากนั้นเจ้าคงตายโดยไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ” เถาเถามองไปที่หยางเฉินด้วยสายตาดูถูกราวกับมองคนโง่
“ นายท่าน ป่าที่นี่ดูแปลกๆ ทั้งหินและต้นไม้ต่างก็เป็นสีม่วง” ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในป่า มันทำให้สีหน้าของ หยางเฉินเปลี่ยนไปทันที
“ มีคนกำลังมา” หยางเฉินรีบเอาหน้ากากออกมาจากแหวนมิติทันที ตอนที่เขาล่าเหล่านักล่าอสูร เขาได้ทำหน้ากากขึ้นมาหลายอัน หากเขาสวมหน้ากากแล้วอ้างชื่อหน่วยเซียวเทียนก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายกลัวได้ เพราะเขาไม่อยากให้ใครมารบกวนลั่วปิงที่กำลังรักษาตัวอยู่ในถ้ำ
หลังจากที่ใส่หน้ากากและใส่ชุดนักล่าอสูรแล้ว หยางเฉินก็ได้เปลี่ยนเป็นนักล่าอสูรวัย 20 ปี คลื่นพลังที่แผ่ออกมาเพิ่มขึ้นทันที มันขึ้นมาอยู่ขอบเขตปรมาจารย์ขั้น 7
ในตอนนั้นก็มีคนหลายสิบคนเดินออกมาจากป่า พวกนั้นสวมชุดเกราะ ,รองเท้าหนัง, มีมีดเหน็บอยู่ที่เอวและมีคำว่า ‘ หยู’ ปักไว้บนเกราะที่อกด้านซ้าย เมื่อเห็นคนเหล่านั้น หยางเฉินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงสงครามในโลกที่เขาจากมา คนยุคนั้นก็เหมือนจะแต่งตัวเช่นนี้ตอนทำสงคราม
เกราะที่หัวหน้ากลุ่มใส่นั้นเหมือนจะดีกว่าเกราะของคนอื่นๆ สีของมันก็ต่างกัน มันเป็นสีเหลืองทอง หยางเฉินมองไปที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและดูเย็นชาผู้นั้น
‘ จักรวรรดิแดวู ’ หยางเฉินไม่ใช่ว่าเพิ่งเคยเห็นคนที่แต่งตัวแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาเคยเห็นตอนที่อยู่ในเมืองซูเซียนมาแล้ว ซึ่งคำว่า ‘หยู’ บนอกนั้นก็แสดงให้เห็นว่าพวกนี้เป็นคนของจักรวรรดิแดวู
“ นักล่าอสูรรึ ?” หัวหน้ากลุ่ม เมื่อเห็นหยางเฉินก็แสดงสายตาดูถูกออกมา ไม่รู้ว่าเขาดูหมิ่นหยางเฉินรึนักล่าอสูรกันแน่