ตอนที่ 41 : กระบี่
“ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าคงเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยเซียวเทียนสินะ ? ข้าได้ยินมาว่านักล่าอสูรผ่านการฆ่าฟันมามากมาย ข้าอยากเจอกับนักล่าอสูรมาตลอด” ชายหนุ่มในชุดเกราะสีทองมองไปที่หยางเฉินด้วยสายตาเย็นชาราวกับโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน
‘ ข้าดูต่ำต้อยไปหน่อยรึ ? ดูเหมือนว่าข้าต้องเลือกหน้าตาคนก่อนจะปลอมตัวเสียแล้ว ข้าต้องดูก่อนว่าหน้าตานั่นผ่านเกณฑ์รึไม่ ’ หยางเฉินแอบพึมพำกับตัวเองแล้วมองไปที่หยูเหวินยีและยิ้มออกมา “ ข้าไม่ชอบยุ่งกับใครและไม่ชอบให้ใครมายุ่งด้วย”
“ ฮึ่ม ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ? เจ้ากล้าดีอย่างไรที่มาขัดคำสั่งเหนือหัว” ด้านหลังหยูเหวินยี มีชายวัยกลางคนจมูกงุ้มราวกับปากเหยี่ยวฮึดฮัดออกมา
หยางเฉินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขามองไปที่ชายวัยกลางคนแล้วฮึดฮัดออกมาเช่นกัน “ เหตุใดข้าต้องพูดกับหมาเช่นเจ้าด้วย ?”
“ รนหาที่ตาย !” ชายวัยกลางคนสีหน้าหม่นลง เขาก้าวออกมาคิดจะสั่งสอนหยางเฉิน เขาเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตปรมาจารย์ขั้น 8 ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวหยางเฉินแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็รู้ว่าเจ้านายของเขาเกลียดนักล่าอสูรเป็นที่สุด แน่นอนหยูเหวินยีต้องชื่นชมการกระทำของเขามากแน่ๆ
ตอนที่ชายวัยกลางคนกำลังก้าวออกมา หยูเหวินยีก็ได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ ซูหลี่ ข้าให้เจ้าลงมือรึไง ?”
“ ผู้น้อยยอมรับผิด โปรดเหนือหัวยกโทษให้ผู้น้อยด้วยเจ้าค่ะ !” ซูหลี่ก้มหน้าลงด้วยท่าทีเคารพ เขารู้ว่าหยูเหวินยีคงไม่ลงโทษเขา แต่มันทำให้เขาเสียหน้า
“ จำไว้ว่าครั้งหน้าหากข้าไม่อนุญาต เจ้าอย่าคิดลงมือเอง” ในตอนที่พูดนั้น หยูเหวินยีก็ได้หันกลับไปมองหยางเฉินและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ วันนี้เจ้าต้องสู้กับข้า ไม่งั้นแล้วก็มีแค่ความตายเท่านั้นที่รอเจ้าอยู่”
‘ ชายคนนี้คงเกลียดนักล่าอสูรมากจนต้องการปลิดชีวิตข้าเลยรึ ? หากคิดว่าข้าจะยอมง่ายๆ งั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว ’ หยางเฉินคิดในใจ ‘ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่ตราบใดที่มาหาเรื่องข้า แม้แต่ราชาข้าก็จะฆ่า ’
ตอนที่ในใจหยางเฉินเกิดความอาฆาตขึ้นมานั้น เถาเถาก็ได้ส่งข้อความเข้ามาในหู “ เด็กจากจักรวรรดิเล็กๆแต่กลับกล้ายกตัวว่ายิ่งใหญ่ต่อหน้าข้า เขาคงไม่รู้ว่าความตายเป็นอย่างไร เสี่ยวหยาง ข้าจะช่วยเจ้าฆ่าพวกนี้เอง !”
แน่นอนว่าหยางเฉินไม่จำเป็นจะต้องถามความเห็นใคร หลักการของเขานั้นคือเขาไม่อาจจะเสียเปรียบใครได้ เมื่ออีกฝ่ายต้องการชีวิตเขา
งั้นก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเอาชีวิตอีกฝ้ายด้วย
หยางเฉินมองไปที่หยูเหวินยีและยิ้มมุมปากออกมา “ กระบี่ไม่มีตา เรานักล่าอสูรไม่เคยปราณีใคร เจ้าไม่กังวลว่าจะโดนข้าฆ่ารึ ? ”
“ กล้าดีนัก !” ทหารพากันดึงกระบี่ออกมาจากเอวและตะโกนขึ้นมา สายตาพวกนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาต สายตาอาฆาตนี้ไม่ด้อยกว่าสายตาของนักล่าอสูรเลย คนในกองทัพเองก็ฆ่าคนมามากมายเช่นกัน ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่านักล่าอสูร
“ ดี ! ข้าอยากเห็นจริงๆว่าเจ้าจะฆ่าข้าอย่างไร !” หยูเหวินยีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาเหมือนกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก เขานั้นอยู่ขอบเขตปรมาจารย์ขั้น 9 แล้ว วรยุทธ์ที่เขาฝึกฝนก็เป็นวรยุทธ์ขั้นสูง หากแม้แต่คนขอบเขตปรมาจารย์ขั้น 7 ก็ยังปะมือกับเขาไม่ได้ งั้นคงเป็นเรื่องตลกอย่างมากที่จะมาฆ่าเขา
หยูเหวินยีหันไปมองทหารนและโบกมือก่อนจะให้สัญญาณกับทหารให้ใจเย็นลง “ ห้ามให้ใครเข้ามายุ่ง ไม่งั้นแล้วข้าจะใช้กฎกองทัพลงโทษพวกเจ้า !”
เหล่าทหารพากันเก็บกระบี่เข้าไปในฝักก่อนจะยืดอกแล้วตะโกนออกมา “ เข้าใจแล้วขอรับ !” เสียงของพวกเขาราวกับสายฟ้าที่ทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นไหว เสียงนั้นดังก้องไปทั่วป่าอยู่สักพัก
“ เด็กนี่ดูมั่นใจจริงๆ เหนือหัวยังไม่แกร่งพอ ข้าต้องระวัง หากเหนือหัวตกอยู่ในอันตราย ข้าเกรงว่าชีวิตของข้าคงจบสิ้นไปด้วย” ซูหลี่มองไปที่หยางเฉินโดยไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
“ ข้าไม่ฆ่าคนไร้ชื่อ บอกชื่อของเจ้ามา !” หยูเหวินยีเดินเข้ามาอย่างช้าๆและมองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าดูถูก นี่คือนิสัยของคนจักรวรรดิแดวู ไม่เคยเห็นหัวใครอยู่ในสายตา
‘เฮ้อ ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าใครเป็นเจ้าของใบหน้านี้ แต่ข้าจะตามเขาไปนรกไม่ได้ งั้นยืมชื่อเจ้าก่อนก็แล้วกัน ’ หยางเฉินแอบถอนหายใจและมองไปที่หยูเหวินยี “ จำชื่อข้าไว้ให้ดีๆ ข้า...เสี่ยวหมิง !”
“ เสี่ยวหมิง...” หยูเหวินยีฮึดฮัดออกมา “ แค่นักล่าอสูร ข้าจะให้เจ้ารู้เองว่าวรยุทธ์ของเจ้าไม่ได้มีค่าอะไรต่อหน้าข้าเลย”
หยางเฉินยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้า “ ช่างน่าเสียดาย ข้ากลัวว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ใช้วรยุทธ์ออกมาด้วยซ้ำ”
‘ รึว่าเขาปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้ ! ’ สีหน้าของหยูเหวินยีเริ่มเปลี่ยนไป ตอนที่เขาสงสัยอยู่นั้นพู่กันก็ได้พุ่งออกมาจากเอวของหยางเฉินด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ หลังจากนั้นปลายของพู่กันก็พุ่งไปจนเกือบจะถึงหว่างคิ้วของหยูเหวินยี พร้อมกับเสียงตัดอากาศที่ดังไปทั่ว
“ ไม่ เหนือหัวกำลังตกอยู่ในอันตราย !” ซูหลี่สีหน้าบิดเบี้ยวไป เขาไม่ทันได้คิดและรีบพุ่งออกไป แต่เขาก็ยังช้าอยู่ดี ส่วนทหารคนอื่นๆก็ยังไม่ทันได้สติด้วยซ้ำ
เสียงตัดอากาศดังก้องขึ้นมาในหูของทุกคน มันเหมือนกับเสียงแห่งความตาย หยูเหวินยีหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดว่าจะมีบางอย่างโจมตีเขากะทันหันเช่นนี้ นี่ไม่ต้องนับความเร็วของพู่กันที่รวดเร็วอย่างมากเลย
ในตอนวิกฤตนั้น ยันต์ก็ได้โผล่มาในมือของหยูเหวินยี แกร๊ก ! ยันต์ได้ฉีกขาดออกพร้อมกับแสงที่ระเบิดไปทั่วทุกทิศทางก่อตัวเป็นบอลแสงครอบคลุมตัวของเขาเอาไว้
พู่กันได้ปะทะกับบอลแสง แต่สิ่งที่ทำให้หยางเฉินและพู่กันตกใจคือปลายของพู่กันนั้นไม่อาจจะแทงทะลุบอลแสงนี้ไปได้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าพลังของบอลแสงนี้มากกว่าพลังของเถาเถา
ซูหลี่และคนอื่นๆพากันกลัวจนแทบไม่อาจจะหายใจได้ แต่เมื่อเห็นว่าหยูเหวินยีอยู่ในบอลแสง พวกเขาก็พากันเผยสีหน้ายินดีออกมา จากนั้นเหล่าทหารก็พากันพุ่งเข้าไปหาพู่กัน....
ทุกคนพากันชักกระบี่ออกมาและฟันเข้าใส่พู่กัน ! เสียงใบมีดตัดอากาศดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
‘ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าคงต้องสั่งสอนพวกเจ้าเสียแล้ว ! ’ เถาเถาอดไม่ได้ที่จะสบถในใจ ในสายตาของเขาแล้วคนเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกเลย
พู่กันขยายขนาดขึ้นมาจนยาวกว่า 1 เมตร ปลายของพู่กันได้ตัดอากาศออกไป ในพริบตาพู่กันก็ได้ฟันเข้าใส่เหล่าทหาร ปลายพู่กันตัดกระบี่ของพวกนั้นทิ้ง พลังที่เหลือไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อยและฟันเข้าใส่ที่หน้าอกของพวกนั้นต่อ
ฉัวะ....ทหารหลายสิบคนพากันร่วงลงไปกับพื้นแทบจะพร้อมกัน เลือดได้พุ่งกระจายออกมาจากอกของพวกเขา ทุกคนต่างก็ตายไปในทันที
“ เปลี่ยนขนาดได้ตามใจ..สมบัติจิตงั้นรึ..” ซูหลี่สีหน้าซีดเซียว เขาไม่อาจจะคิดอะไรออก ได้แต่หันกลับเพื่อที่จะหนี และได้แต่หวาดกลัวอย่างมาก สมบัติจิตไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับมือไหว แค่วินาทีเดียวก็เพียงพอที่มันจะฆ่าเขาเป็นพันๆครั้งได้แล้ว
‘ คิดจะหนีรึ ? เจ้าคิดว่าจะหนีได้รึ ? ’ อย่ามองรูปลักษณ์ที่ไร้พิษภัยของเถาเถา เพราะความจริงแล้วมันคือสัตว์ประหลาดที่ไร้ปรานี เมื่อโดนหาเรื่อง เถาเถาก็จะฆ่าทุกคนที่เข้ามาดูถูก นี่คือหลักการของเถาเถา เถาเถาได้สอนหยางเฉินเอาไว้ แต่โชคร้ายที่หยางเฉินไม่โหดร้ายพอ
ฟู่ ! พู่กันพุ่งเข้าหาซูหลี่ การเคลื่อนไหวของมันเร็วอย่างมาก มันตัดผ่านระยะห่างหลายร้อยเมตรได้ในพริบตา และสุดท้ายพู่กันก็พุ่งเข้าใส่ที่ด้านหลังของซูหลี่ทันที
เมื่อรับรู้ได้ถึงลมที่พัดมาจากด้านหลัง ซูหลี่ก็เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เขาตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว “ อย่าฆ่าข้า” แต่โชคร้ายที่มันสายเกินไปแล้ว ! พู่กันได้หดขนาดลงและแทงเข้าที่หัวของซูหลี่พร้อมกับเลือดที่กระจายออกมา ซูหลี่ร่วงลงไปกองกับพื้นและตายไปในทันที
เมื่อพู่กันฆ่าซูหลี่เสร็จ หยูเหวินยีก็ได้วิ่งเข้าไปในป่าคิดที่จะหนี แต่พู่กันจะยอมให้เขาหนีไปได้อย่างไร ? พู่กันเลี้ยวกลับแล้วพุ่งเข้าใส่หยูเหวินยีเพื่อหวังจะจัดการกับอีกฝ่ายทันที !
หยูเหวินยีได้ยินเสียงตัดสายลมมาจากด้านหลังก็สีหน้าเปลี่ยนไป เขาตะลึงอย่างมาก
แต่ตอนนั้นเอง ในมือของหยูเหวินยีกลับมียันต์โผล่มาอีกอัน เมื่อเห็นยันต์นั้น หยางเฉินก็หรี่ตาลงและพึมพำออกมา ‘ เขาเป็นใครกัน ? ทำไมถึงมั่งคั่งขนาดนี้ ! ’
แกร๊ก ! ยันต์ในมือของหยูเหวินยีฉีกขาดออกอีกครั้ง พร้อมกับแสงที่ระเบิดออกมาก่อตัวเป็นบอลแสงครอบคลุมตัวของเขาเอาไว้ แทบจะพร้อมกันนั้นพู่กันก็ได้ปะทะกับบอลแสง ปัง พู่กันนั้นคมแค่ไหนกัน ? แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจจะแทงทะลุบอลแสงนี้ได้
“ เด็กน้อย เจ้าจงภูมิใจเถอะที่ทำให้ข้าใช้ปราณออกมาได้ !” เถาเถาหงุดหงิดอย่างมาก ความอาฆาตพรั่งพรูออกมาทันที การฆ่าผู้บ่มเพาะขอบเขตปรมาจารย์นั้นถึงกับต้องทำให้เขาเอาจริงขนาดนี้ มันถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับเขาอย่างมาก
ตอนที่เถาเถากำลังโคจรปราณเข้าไปในพู่กันนั้น ความเร็วของพู่กันก็เพิ่มขึ้นไปอีก ปลายพู่กันส่องแสงออกมา ในพริบตาพู่กันก็ได้พุ่งเข้าใส่ที่หว่างคิ้วของหยูเหวินยีอีกรอบ
‘ เร็วจริงๆ ! ’ หยูเหวินยีสีหน้าเปลี่ยนไป ครั้งนี้เขาไม่มีโอกาสที่จะเอายันต์ออกมาอีกแล้ว ความเร็วของพู่กันสูงอย่างมาก ปลายพู่กันยังมาไม่ถึงแต่แค่ลมที่พัดเข้ามาก็ทำให้เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดได้แล้ว แค่ลมนี้ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้
ตอนนั้นเองกลับมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา “ ใครกล้าฆ่าเจ้าชายจักรวรรดิแดวู เจ้ากล้าดีมาจากไหนกัน ?”
ฟรึบ ! เมื่อเสียงตะโกนสิ้นสุดลงก็มีกระบี่ยาวพุ่งออกมาจากป่า กระบี่นี้ฟันผ่าอากาศราวกับจะตัดมิติออกจากกันได้ เสียงตัดอากาศดังก้องไปทั่ว
กระบี่ปราณพุ่งออกมาจากกระบี่ก่อตัวเป็นพายุ ต้นไม้ในระยะหลายร้อยเมตรโดนฟันราบเป็นหน้ากลอง กระบี่ยาวได้ระเบิดพลังที่น่าเหลือเชื่อออกมา ไม่นานมันก็ได้พุ่งเข้าหาพู่กัน !
ปัง ! กระบี่ปราณได้ฟันเข้าใส่พู่กันจนกระเด็นปักลงไปที่พื้น พื้นดินในระยะหลายสิบเมตรแตกร้าวราวกับใยแมงมุมที่กระจายไปทั่ว แต่พู่กันกลับไม่เสียหายแม้แต่น้อย
“ เถาเถา !” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไป เขารีบใช้ก้าววายุอสนีพุ่งไปหาพู่กัน แต่ตอนนั้นเถาเถาในพู่กันก็ได้ส่งข้อความมาหาเขา “ อย่าเข้ามา อีกฝ่ายแข็งแกร่งอย่างมาก”
ตอนที่เถาเถาส่งข้อความมานั้นก็มาร่างหนึ่งพุ่งมาข้างๆหยูเหวินยี หลังจากที่หยูเหวินยีเห็นอีกฝ่าย เขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่สั่น “อาจารย์ สมบัติจิต...”
“ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว อาจารย์เห็นแล้ว ” เสียงของเขาแหบแห้ง น้ำเสียงของชายคนนี้เย็นชาอย่างมาก