ตอนที่ 43 : ความลับของพู่กัน
“ ไป่เซียวเทียน เจ้ากล้าสู้กับข้ารึไม่ ? หากเจ้าชนะ สมบัติจิตนี้เป็นของเจ้า” สีหน้าของหยวนชีดูแน่วแน่อย่างมาก เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ไป่เซียวเทียนยิ้มออกมา เขาไม่ได้ตกลงรึปฏิเสธแต่กลับมองไปที่หยางเฉินแล้วยิ้มออกมา “ น้องชาย เจ้าจะให้สมบัติจิตนี้กับเขารึ ?”
หยางเฉินยิ้มออกมาก่อนจะมองไปที่ไป่เซียวเทียนและหยวนชี สุดท้ายเขาก็มองไปที่ไป่เซียวเทียน “ นายท่าน ข้าคือสมาชิกของหน่วยเซียวเทียน หากข้าได้สมบัติใดๆมา ข้าก็ต้องส่งมันให้กับหน่วยเซียวเทียน”
“ ฮ่าฮ่า..” ไป่เซียวเทียนยิ้มออกมา “ พูดได้ดี จากวันนี้ไปข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นรองหัวหน้าหน่วย”
“ เด็กน้อย เจ้ากล้าดีนิ” หยวนชีฮึดฮัดออกมา “ หากเจ้ากล้าขนาดนี้ เจ้าคงมีความแข็งแกร่งเพียงพอ ไม่งั้นแล้วเจ้าอาจจะตายเร็วๆนี้ก็ได้ เจ้าคิดให้ดีๆ ว่าเจ้าอยากจะให้มันกับใครกัน ?”
“ หยวนชี เจ้าไม่ต้องข่มขู่เขา เจ้าอยากสู้กับข้าไม่ใช่รึ ? ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ ข้าอยากจะรู้ว่าแม่ทัพกองทัพหวงห้ามนั้นจะมีความสามารถเพียงใดกัน !” ไป่เซียวเทียนยังคงยิ้มออกมา เขาเหมือนไม่ได้กังวลอะไรเลย
“ ได้ ข้าก็อยากเห็นจริงๆว่าเจ้าจะรับมือกับข้าได้กี่กระบวนท่ากัน !” หยวนชีฮึดฮัดออกมาแล้วฟันกระบี่เข้าใส่ไป่เซียวเทียนทันที หึ่ง ! ไม่ว่ากระบี่ปราณจะผ่านไปที่ไหนก็จะมีพายุก่อตัวขึ้นมาที่นั่น พายุกระจายไปทั่วทุกทิศทางแล้วพัดขึ้นบนท้องฟ้า พื้นดินด้านล่างแตกร้าวราวกับใยแมงมุม ต้นไม้ในระยะ 1 กิโลเมตรต้องโค่นล้มเพราะพายุนี้
พลังของกระบี่นี้รุนแรงจนหยางเฉินต้องตะลึง นี่คือพลังที่แท้จริงของขอบเขตราชารึ ?
ไป่เซียวเทียนยังคงเยือกเย็นดังเดิม เมื่อเห็นพายุที่พุ่งเข้ามา เขาก็ได้กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนอากาศ หยางเฉินรู้สึกได้ว่ามีเงาพุ่งผ่านไป เขาไม่อาจจะมองการเคลื่อนไหวของไป่เซียวเทียนได้ทันเลย มันรวดเร็วเกินไป ! มันไม่อาจจะเอาขอบเขตบรรพจารย์มาเทียบได้แม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันเขาก็ถอยกลับมา แสงสีทองในมือไป่เซียวเทียนได้ส่องประกายขึ้นพร้อมกับกงจักรได้ปรากฏขึ้นมาในมือ กงจักรนี้คมอย่างมาก
ไป่เซียวเทียนโยนกงจักรออกไป หึ่ง ! กงจักรสีทองได้บินออกไปหมุนวนอย่างต่อเนื่อง มันแผ่แสงสีทองออกมา แสงสีทองนี้ราวกับใบมีดที่ตัดทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้แต่ต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไปก็ยังโดนตัดได้ พายุที่พุ่งเข้ามาก็ยังโดนตัดขาดไปด้วย สุดท้ายพายุนั้นก็สลายไป
“ กงจักรห้าธาตุ !” แน่นอนว่าหยวนชีก็เคยได้ยินมาว่าไป่เซียวเทียนมีสมบัติล้ำค่าอยู่กับตัว บอกกันว่ามันมีถึง 5 ชิ้น หากทั้งห้าชิ้นรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า มันไม่อาจจะเอาสมบัติทั่วไปมาเทียบได้เลย
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงพลังของกงจักรห้าธาตุเป็นอย่างดี แต่หยวนชีนั้นมากประสบการณ์ในการต่อสู้
“ เจ้าจะใช้พลังเพียงเท่านี้มาชิงเอาสมบัติจิตไปจากข้ารึ ?” ไป่เซียวเทียนยื่นมือออกไปรับกงจักรเอาไว้และมองไปที่หยวนชีด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้เลยว่าเขาเยาะเย้ยอีกฝ่ายอยู่รึไม่
ถึงอย่างนั้นหยวนชีก็ถือว่านี่เป็นการเยาะเย้ยเขา เขาจึงฮึดฮัดออกมา “ หากเจ้าคิดจะใช้แค่กงจักรนั่น เจ้าคงไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”
“ อาจจะเป็นเช่นนั้น...” ไป่เซียวเทียนยิ้มออกมา เขาไม่ได้ยอมรับรึปฏิเสธ
หยวนชีโกรธจัด เขากำลังจะโจมตีด้วยกระบี่ แต่ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา เงานี้พุ่งผ่านไปก่อนจะพุ่งไปหาหยางเฉินราวกับลูกศรที่พุ่งตัดท้องฟ้า ความเร็วนั้นสูงจนน่าเหลือเชื่อ
“ ถอย !” เถาเถากังวลอย่างมากและรีบส่งข้อความบอกหยางเฉินก่อนจะควบคุมพู่กันให้พุ่งเข้าหาคนที่พุ่งเข้ามา
หยางเฉินยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ปัง ! พู่กันได้แทงปะทะกับหอกจนเกิดประกายไฟกระเด็นออกมา ส่วนพู่กันก็ถึงกับกระเด็นออกไป !
ฟู่ ! พู่กันพุ่งเข้าไปปักที่กำแพงหินด้านหลังของหยางเฉิน ด้วยพลังสะท้อนจากพู่กันจึงทำให้กำแพงนั้นแตกร้าวออก สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที
ในพริบตา หยางเฉินก็พบกับคนที่ลอบโจมตี เขาถือหอกไว้ในมือ มันคือโม่ซานหยวนที่ไล่ตามเขามาก่อนหน้านี้
หลังจากที่โม่ซานหยวนปัดพู่กันกลับไปได้ เขาก็ได้ก้าวเข้ามา สุดท้ายเขาก็พุ่งผ่านหยางเฉินไปและมาถึงข้างกำแพงได้ เขาจับพู่กันที่ปักอยู่บนกำแพง ในตอนที่โม่ซานหยวนยื่นมือไปจับพู่กันนั้น หยางเฉินก็ได้ใช้กระบี่อสนีโลกันตร์ฟันเข้าใส่โม่ซานหยวนทันที เขารู้ว่าเขาไม่อาจจะจัดการกับอีกฝ่ายได้ แต่เขาก็ไม่อาจจะมองดูอีกฝ่ายชิงเอาพู่กันไปง่ายๆได้เช่นกัน
“ รนหาที่ตาย !” โม่ซานหยวนไม่ได้หันกลับ นี่ไม่ต้องนับการตอบโต้เลย เขาแค่แผ่ปราณออกมาสะท้อนกระบี่กลับไปก็เท่านั้น
พลังสะท้อนไหลกลับมาตามกระบี่เข้ามาถึงแขนของหยางเฉินทันที กระดูกแขนของหยางเฉินหักออก ทั้งตัวของเขากระเด็นออกไปไกลหลายร้อยเมตร ไม่รู้ว่าจะเป็นรึตาย
แม้ว่าหยางเฉินไม่อาจจะหยุดโม่ซานหยวนได้ แต่ก็ทำให้หยวนชีและไป่เซียวเทียนพุ่งเข้ามาทัน
ไป่เซียวเทียนและหยวนชีลงมือแทบจะพร้อมกันจากทางซ้ายและขวา ฝ่ามือได้ตบเข้าใส่โม่ซานหยวน ปราณได้พุ่งเข้าใส่โม่ซานหยวนราวกับคลื่น พลังของฝ่ามือกดทับลงมาพร้อมกับพายุที่ก่อตัวขึ้น
โม่ซานหยวนสีหน้าเปลี่ยนไป เขาต้องถอยกลับขึ้นไปบนอากาศเพื่อหลบการโจมตีของทั้งสองคน ตูม ! ในตอนที่เขาหลบไปนั้นพลังของทั้งสองฝ่ามือก็ได้ปะทะกัน มันราวกับคลื่นขนาดใหญ่สองอันที่เข้าปะทะกันอย่างแรง พลังได้กระจายไปทั่วทุกทิศทาง พื้นดินยุบลงหลายเมตร รอยร้าวกระจายไปทั่ว
พลังนี้แผ่ไปถึงกำแพงหินที่อยู่ไม่ไกลนัก กำแพงนั้นแตกออก ถ้ำที่ลั่วปิงอยู่เองก็ถล่มลงมาด้วย ดินและหินในถ้ำร่วงลงมาอยู่สักพัก
หยูเหวินยีที่ดูการต่อสู้อยู่ก็ต้องตะลึง เขารีบถอยกลับออกมาหลายร้อยเมตร สุดท้ายก็ออกมานอกระยะคลื่นพลังของฝ่ามือได้ ไม่ไกลจากเขานักก็มีหยางเฉินที่นอนหมดสติอยู่
ในเวลาเดียวกันพู่กันก็โดนฝังอยู่ในกำแพงที่ถล่มลงมา
“ ไป่เซียวเทียน เจ้ากลับร่วมมือกับหยวนชี เจ้ากลายเป็นลูกน้องของจักรวรรดิแดวูตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?” ที่กลางอากาศนั้น โม่ซานหยวนก็มองไปที่ไป่เซียวเทียนและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ ผู้อาวุโสของวังกลับลอบโจมตีคนของหน่วยเซียวเทียน ในฐานะหัวหน้าหน่วยแล้ว แน่นอนว่าข้าคงไม่อาจจะอยู่เฉยได้ เจ้าจะบอกว่าข้าร่วมมือกับจักรวรรดิแดวูได้อย่างไร ?” ไป่เซียวเทียนยังคงยิ้มออกมาดังเดิม “ เจ้าคงมาเพราะของสิ่งนั้นใช่รึไม่ ? ”
“ เจ้าเองก็ด้วยไม่ใช่รึ ?” โม่ซานหยวนยิ้มออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสองคน หยวนชีก็เผยสีหน้าสงสัยออกมา “ ของที่พวกเจ้าพูดถึงคืออะไรกัน ?”
แกร๊ก ! ในตอนที่ทั้งสามพูดคุยกันอยู่นั้น พู่กันก็บินออกมาจากกองหิน เมื่อพวกเขาเห็นพู่กัน สีหน้าของทั้งสามก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
‘น่าอับอาย น่าอดสู ข้าสาบานว่าสักวันข้าจะจัดการกับพวกเจ้า ! ’ ในพู่กันนั้นตาของเถาเถาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ ตอนนั้นเขาเห็นว่าหยางเฉินนอนอยู่ที่พื้นและบาดเจ็บ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยนไป “ เสี่ยวหยาง เจ้าจะตายไม่ได้ !”
ฟู่ ! พู่กันพุ่งเข้าไปหาหยางเฉิน
“ คิดจะไปไหนกัน ?” ไป่เซียวเทียน, โม่ซานหยวน และหยวนชีพากันพุ่งเข้าหาพู่กันทันที
แต่ทุกคนไม่รู้เลยว่าพู่กันมีมิติของตัวเอง ตอนนั้นเถาเถาที่อยู่ในมิติ เมื่อเห็นทั้งสามล้อมเขาเอาไว้ เถาเถาก็ตาแดงก่ำ เขาฮึดฮัดออกมา ‘ หากเกิดอะไรขึ้นกับเสี่วหยาง แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บแค่เล็กน้อย ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้าให้หมด ! ‘
ในตอนที่ฮึดฮัดออกมานั้น เถาเถาก็ได้ยื่นมือออกไปแล้วดึงอากาศตรงหน้า มิติด้านในพู่กันฉีกขาดออก ผ่านรอยแตกนั้นกลับมีมิติที่ใหญ่กว่าเก่า ด้านในนั้นคือมิติที่ไร้ขอบเขตซึ่งเต็มไปด้วยไฟ
เมื่อเถาเถาฉีกมิติออก ก็เผยให้เห็นทะเลไฟสุดลูกหูลูกตา และมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทะเลไฟ “ ข้าเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าคิดจะใช้พลังของข้ารึ ? ”
“ อย่ามัวไร้สาระ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะช่วยข้ารึไม่ ?” เถาเถาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ ทำไมข้าต้องช่วยเจ้า ? อย่าลืมว่าหากไม่ใช่เพราะเจ้านายของเจ้าแล้ว ข้าคงไม่โดนขังไว้ที่นี่ !” เสียงในทะเลไฟดูโกรธแค้นอย่างมาก น้ำเสียงของเขาบ่งบอกได้ว่าเขาแค้นเคืองแค่ไหน
“ เจ้าน่าจะรู้ว่าหากข้าตายไป เจ้าคงพบจุดจบไม่ต่างกัน!” เถาเถาฮึดฮัดออกมา สายตาเขาแสดงท่าทีดูถูกออกมา
“ เจ้าคิดจะตายเพื่อเด็กน้อยนี่รึ ? ข้าไม่เชื่อ” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากทะเลไฟ
“ ข้าเคยโกหกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? หากเจ้าไม่เชื่อ งั้นข้าก็ไม่อาจจะทำอะไรได้” ในตอนที่พูดนั้น เถาเถาก็ได้ยกมือขึ้นตั้งใจจะผนึกมิติ
แต่ตอนที่เถาเถากำลังจะผนึกรอยแตกมิติ เสียงนั้นก็ดังขึ้นมาจากทะเลไฟอีกครั้ง “ ร่างของเจ้าได้รับความเสียหายหนักเกินไป ข้าไม่อาจจะใช้พลังเหนือกว่าขอบเขตปรมาจารย์ได้ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะช่วยเจ้าฆ่าคนเหล่านี้ได้ ทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลาไว้เท่านั้น !”
“ ดี !” เถาเถาดีใจแต่สีหน้าก็ยังคงดูเย็นชาดังเดิม
เถาเถากับตัวตนลึกลับในทะเลไฟพูดคุยกันจบในพริบตาเดียว เพราะในโลกด้านนอกไป่เซียวเทียนและคนอื่นๆกำลังยื่นมือออกมาจับพู่กันที่บินไปหาหยางเฉินอยู่
“ อาวุธจิตเป็นของข้า !”
ทั้งสามตะโกนและยื่นมือออกมาเพื่อที่จะคว้าพู่กันเอาไว้ ในเวลาเดียวกันก็สะบัดมืออีกข้างเข้าใส่คู่ต่อสู้ พวกเขาอยากเอาพู่กันนี้มาครอง และไม่คิดจะยั้งมือแม้แต่น้อย
“ คิดจะยึดครองข้ารึ ? พวกเจ้าต้องชดใช้ !” ในพู่กันนั้นตาของเถาเถาเป็นประกายพร้อมกับรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมา
ตอนที่ไป่เซียวเทียนและคนอื่นๆยื่นมือมาจับพู่กันนั้นก็มีไฟปะทุออกมาจากพู่กันพันครอบพู่กันเอาไว้ พู่กันได้กลายเป็นสีแดงขึ้นมาทันที
พู่กันถูกห่อหุ้มไปด้วยไฟ มิติรอบตัวของมันบิดเบี้ยวไป
ฟู่ ! พู่กันเลี่ยวกลับแล้วฟันออกไป จากนั้นท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยไฟ ไฟเหล่านี้ร้อนแรงอย่างมาก จนทำให้มิติบิดเบี้ยวไป ในพริบตาเดียวพื้นที่ในระยะหลายร้อยตารางเมตรกลับเต็มไปด้วยไฟ
ไฟเหล่านี้ปะทุออกมาราวกับคลื่นและพุ่งเข้าใส่ไป่เซียวเทียน, โม่ซานหยวน และหยวนชี อย่างรวดเร็ว !