px

เรื่อง : ข้าจะเป็นราชาอมตะ (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 46 : เย่ลั่ว


ตอนที่ 46 : เย่ลั่ว

“ สมบัติจิตของจักรวรรดิแดวูนั้นถูกส่งต่อกันมาตั้งแต่รุ่นของบรรพชน คนอื่นจะสยบมันเพื่อยึดครองได้รึ เจ้าอย่าเปลี่ยนเรื่องจะดีกว่า รีบบอกวิธีควบคุมพู่กันนี่มาเดี๋ยวนี้ !”  หยวนชีมองไปที่หยางเฉินแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ งั้นก็ต้องบอกว่าข้าไม่รู้วิธีควบคุมสมบัติจิต” หยางเฉินโล่งอกขึ้นมาทันที เขารู้ว่าตอนนี้เขายังรอดอยู่

“ เด็กน้อย อาจารย์ข้าถามเจ้าอยู่ ทำไมเจ้าไม่ตอบ ?” เท้าของหยูเหวินยีกดลงไปหนักยิ่งกว่าเก่าจนทำให้หยางเฉินเจ็บขึ้นไปอีก

‘ เจ้าเด็กบัดซบ ! ‘ หลังจากที่สบถในใจ หยางเฉินก็รีบพูดขึ้นมา “ ระ..ร่างกายข้า...อ่อนแอเกินไป...ไม่อาจจะ...”

ก่อนที่หยางเฉินจะพูดจบ หยวนชีก็ได้พูดขึ้นมา “ ปล่อยเขา มีข้าอยู่ที่นี่ เขาหนีไม่ได้หรอก !”

หยูเหวินยีพยักหน้า ตอนที่เขากำลังจะยกเท้าออกไปนั้น เขากลับเพิ่มแรงมากขึ้นไปอีก หยางเฉินฮึดฮัดออกมาก่อนจะโดนเตะไปที่หลังอีกครั้ง แต่หยางเฉินก็ไม่ได้ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว แต่นั่นก็เป็นเพราะอาการบาดเจ็บของหยูเหวินยีจึงทำให้เขาอ่อนแอลงไปอย่างมาก  หากเขาไม่บาดเจ็บบางทีหยางเฉินอาจจะโดนเตะจนตายไปแล้วก็เป็นได้ เพราะหยูเหวินยีนั้นอยู่ถึงขอบเขตปรมาจารย์

แน่นอนว่าหยวนชีนั้นมองออกว่าหยูเหวินยีแอบทำเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ถือสาหยูเหวินยีแม้แต่น้อย เขามองไปที่หยางเฉินแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เด็กน้อย บอกมาได้รึยัง ?”

หยางเฉินลุกขึ้นนั่งโดยวางมือไว้ที่พื้นก่อนจะมองไปที่พู่กันที่ลอยอยู่ เขาเผยรอยยิ้มออกมา “ มันไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าที่จะทำให้สมบัติจิตยอม  ข้าได้มันมาเพราะความบังเอิญ ถึงข้าอยากจะทิ้งมันแต่ก็ไม่อาจจะทำได้”

เถาเถาที่อยู่ในพู่กัน เมื่อได้ยินที่หยางเฉินพูดมา ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ‘ เสี่ยวหยาง เจ้าจงใจให้ข้าหนี เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว เมื่อเป็นเพื่อนกันวันหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นไปตลอดกาล เจ้ายังกล้าขนาดนี้ แล้วข้าจะปอดแหกได้อย่างไร ? ’

หยวนชีไม่ได้ยินเสียงของหยางเฉินแม้แต่น้อย เขาฮึดฮัดออกมาด้วยท่าทีหมดความอดทน “ อย่าพูดไร้สาระ ไม่งั้นแล้วอย่าหาว่าข้าทารุณเจ้า”

‘ เจ้าเฒ่าคนนี้ไม่ได้หลอกง่ายๆ ข้าไม่รู้วิธีครอบครองสมบัติจิต นี่ไม่ต้องนับการสยบมันได้เลย หากข้าแต่งเรื่องไป มันก็มีแต่จะดูพิรุธ ข้าควรทำอย่างไรดี ? ’ หยางเฉินรีบคิดหาวิธีในหัว แต่ก็ไม่อาจจะหาวิธีไหนที่ดูเข้าท่าได้เลย

เมื่อเห็นหยางเฉินก้มหน้าและไม่มีทีท่าว่าจะเปิดปากพูด หยวนชีก็ฮึดฮัดออกมา “ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ข้าคิดวิธีดีๆออกแล้ว ตราบใดที่เจ้าตาย สมบัติจิตนี่ก็จะไร้เจ้าของ !”  เขาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาเพื่อจะลงมือปลิดชีวิตของหยางเฉิน

สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที เขาอยากจะลุกขึ้นแล้วถอยกลับ แต่เขาก็ไม่มีแรงมากพอ เขาไม่อาจจะขยับตัวได้ และได้แต่รอความตายเท่านั้น

‘ ท่าไม่ดีแล้ว ! ’ เถาเถาเองก็หน้าถอดสีเช่นกัน ฟรืด ! ตอนนั้นพู่กันได้พุ่งแทงเข้าใส่หยวนชีทันที !

“ ฮึ่ม !” หยวนชีฮึดฮัดออกมา เขาสะบัดมือพร้อมกับลมที่ก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงกันพู่กันเอาไว้

ปัง ปัง ...เถาเถาควบคุมพู่กันให้โจมตีกำแพงลมอย่างบ้าคลั่งพร้อมประกายไฟที่กระจายไปโดยรอบ แต่ก็ไม่อาจจะแทงทะลุกำแพงลมนี้ได้เลย  เถาเถาอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้ากังวลออกมา

“ ตายซะ !”  หลังจากที่หยวนชีกันการโจมตีของพู่กันเอาไว้ได้ มือของเขาก็พุ่งเข้าใส่หยางเฉิน  !

หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ เจ้าเฒ่า หากข้ารอดไปได้ ข้าจะฆ่าเจ้าจนไม่เหลือแม้แต่ซาก !”  สีหน้าเขาไม่ได้มีความกลัวแม้แต่น้อย สายตาของเขาก็ดูเด็ดเดี่ยวอย่างมาก  

หยวนชีฮึดฮัดออกมาอีกครั้ง เขาไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหยางเฉินแม้แต่น้อย  หยูเหวินยีที่อยู่ไกลออกไปก็ฮึดฮัดออกมาเช่นกัน เขาไม่ลืมว่าหยางเฉินเคยเกือบฆ่าเขามาแล้ว

เมื่อเห็นว่าหยวนชีกำลังจะตบหยางเฉินจนตาย ในพริบตาก็มีเสียงดังขึ้น ลูกธนูได้พุ่งตัดอากาศและระเบิดปราณหยินออกมา ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ไหน ต้นไม้ใบหญ้าก็จะโดนแช่แข็งไปด้วย ก่อนที่สุดท้ายจะโดนกัดกร่อนจนเป็นผุยผง

ลูกธนูนี้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ปราณอันหนาวเย็นมีพลังเพียงพอที่จะทำลายที่นั่นได้ มันเต็มไปด้วยปราณแห่งความตาย ลูกธนูนี้เล็งเป้าและกำลังยิงมาที่หัวของหยวนชี.....มีคนกำลังจะช่วยชีวิตหยางเฉินเอาไว้

“ นี่...” หยวนชีได้ยินเสียงลูกธนูพุ่งตัดอากาศมาก็เงยหน้าขึ้นและพบกับอากาศหนาวเย็นที่กัดกร่อนต้นไม้ใบหญ้ารอบตัว มันจึงทำให้เขาอึ้งและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ ธนูซวนเฮา !”

ตอนที่อุทานออกมานั้นเขาก็ไม่มีเวลาให้คิด จึงรีบถอยกลับมาด้วยความเร็วสุดกำลัง ด้วยความเร็วขอบเขตราชา แต่ก็ไม่อาจจะสลัดการระเบิดของลูกธนูได้

ทุกคนต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ใครเป็นผู้ยิงลูกธนูนี้มา ? ด้วยความแข็งแกร่งของหยวนชีที่อยู่ขอบเขตราชาแล้ว เขาถึงกับไม่อาจจะหลบพลังของลูกธนูนี้ได้เลย

“ เย่ลั่ว จักรวรรดิแดวูไม่เคยหาเรื่องเจ้า ทำไมเจ้าถึงคิดจะฆ่าข้า !” ในตอนที่หยวนชีถอยไปนั้น เขาก็ได้ตะโกนออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่ก็แฝงไปด้วยความกลัว

ปัง !  ทันใดนั้นกลับมีเสียงดังขึ้น เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ลูกธนูที่ยิงเข้าใส่หยวนชีก็กลายเป็นควันดำแล้วสลายไป

หยวนชีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาใจสั่นและมองเข้าไปในป่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ชายชุดขาวเดินออกมาจากป่า ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนคนเดียวกับที่เย่หลุนจากโถงเถียเรียกว่าหัวหน้า เขายิ้มแย้ม รอยยิ้มของเขาราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทุกคนที่เห็นต่างก็รู้สึกเป็นกันเองเพราะรอยยิ้มนี้

เขาเดินเข้าไปหาหยางเฉิน   เมื่อเถาเถาเห็นแบบนั้นก็ควบคุมพู่กันเข้าไปขวางหน้าหยางเฉินเอาไว้ ปลายพู่กันชี้ไปที่ชายชุดขาวที่กำลังเดินเข้ามา

 

“ หากข้าคิดจะทำร้ายเจ้า ข้าคงไม่มาช่วยเจ้าหรอก” ชายชุดขาวยิ้มออกมา แทนที่จะเดินเข้ามาหาหยางเฉินต่อ เขากลับหันกลับไปมองหยวนชีและหยูเหวินยี “ เขาเป็นศิษย์ของข้า เขาคงไม่ได้ทำให้พี่หยวนไม่พอใจหรอกนะ ?”

“ ศิษย์งั้นรึ ” หยวนชีและหยูเหวินยีสีหน้าเปลี่ยนไป ความแข็งแกร่งของชายตรงหน้านี้แข็งแกร่งอย่างมาก มันไม่ใช่คนที่พวกเขาจะไปหาเรื่องได้ จักรวรรดิแดวูไม่กล้าหาเรื่องคนแข็งแกร่งเช่นนี้

เมื่อได้ยินที่ชายชุดขาวบอกว่าหยางเฉินเป็นศิษย์ ท่าทีของหยวนชีก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขายิ้มออกมา “แน่นอน น้องชายคนนี้ไม่ได้ทำอะไรให้เราไม่พอใจ น่าชื่นชมจริงๆที่ น้องเย่มีศิษย์ที่สูงส่งเช่นนี้”

“ ขอบคุณที่ชม” ชายชุดขาวหัวเราะออกมาและพูดขึ้น “ เราสองคนมีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกัน ขอรบกวนพี่หยวนให้กลับไปก่อนเถอะ”

“ กลับไปก่อนงั้นรึ ?”  สีหน้าของหยวนชีและหยูเหวินยีบิดเบี้ยวไป คนของจักรวรรดิแดวูยอมรับการดูถูกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

หลังจากนั้นไม่นาน หยวนชีก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ งั้นเราคงต้องขอตัวก่อน เราไม่อยากรบกวนธุระของเจ้ากับศิษย์” หยูเหวินยี ป้องมือคำนับก่อนจะหันกลับแล้วเดินเข้าไปในป่า ตอนที่หยวนชีหันกลับไปนั้น สีหน้าเขากลับหม่นลงทันที

หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงในใจ ‘ เขาเป็นใครกัน ? แม้แต่คนของจักรวรรดิแดวูก็ไม่กล้ามีเรื่องกับเขา ? ทำไมเขาถึงบอกว่าข้าเป็นศิษย์ของเขากัน ? ’

ตอนที่หยางเฉินกำลังสับสนอยู่นั้น ชายชุดขาวก็พูดสิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าเก่า ชายชุดขาวกลับหัวเราะออกมาและพูดขึ้น “ เอาของบนหน้าเจ้าออกไปได้แล้ว เจ้าหลอกสายตาข้าไม่ได้หรอก”

หยางเฉินถึงกับอึ้งไป  ชายชุดขาวคนนี้รู้ว่าเขาสวมหน้ากากอยู่ หลังจากที่อึ้งได้ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา เขารีบถอดหน้ากากออกตามที่อีกฝ่ายบอกแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม  “ ผู้อาวุโสเย่ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าสวมหน้ากากหนังมนุษย์อยู่ ?”

“ นี่เรียกว่าหน้ากากหนังมนุษย์รึ ?” ชายชุดขาวสงสัยกับชื่อของมันและมองไปที่หน้ากากในมือของหยางเฉิน ก่อนจะยิ้มออกมา “ เหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงเห็นบางอย่างบนหน้าของเจ้าก็เป็นเพราะข้าเองก็เป็นนักพรตเช่นกัน”

“ นักพรต !”  หยางเฉินตกใจ แต่เถาเถาในพู่กันไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย เขารับรู้ได้ถึงยันต์ในตัวของชายขุดขาวแต่แรกแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าชายชุดขาวเองก็เป็นนักพรตเช่นกัน

“ เจ้าบอกชื่อเจ้ากับข้าจะได้รึไม่ ?” ชายชุดขาวถามออกมาตรงๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะบังคับหยางเฉิน

“ ท่านยังไม่ได้บอกชื่อของท่านเลย แล้วเหตุใดข้าจึงต้องบอกชื่อของข้ากับท่านด้วย ?” หยางเฉินถามกลับ เขาไม่รู้เป้าหมายกับการที่อีกฝ่ายมาช่วยเขา  ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเปิดเผยตัวตนของเขาทันที

ชายชุดขาวยิ้มออกมา “ ข้าชื่อเย่ลั่ว เจ้าบอกชื่อของเจ้าได้รึยัง ?” เขารู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นระวังเขาอย่างมาก เขาจึงชื่นชมความกล้าของเด็กหนุ่มคนนี้ยิ่งกว่าเก่า แค่ขอบเขตกำลังภายในแต่กลับไม่กลัวเขา มันหายากจริงๆ !

“ ข้าไม่ได้รับปากว่าจะบอกชื่อข้ากับท่าน ท่านคิดไปเอง” ตอนนั้นน้ำเสียงของหยางเฉินก็เปลี่ยนไป เขาลูบจมูกแล้วพูดขึ้น “ ไม่ เมื่อท่านช่วยชีวิตข้า ข้าก็จะบอกชื่อกับท่าน ข้า หยางเฉิน”

“ หยางเฉิน...” เย่ลั่วพึมพำชื่อของหยางเฉินออกมา หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดขึ้น “ เจ้าคงสงสัยว่าเหตุใดข้าถึงช่วยเจ้าสินะ ? ”

“ ใช่ ข้าเห็นว่าท่านไม่ได้สนใจสมบัติจิตที่ข้ามี” หยางเฉินพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ “ เพราะข้าเป็นนักพรต นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านช่วยข้ารึ ? ”

สีหน้าของเย่ลั่วเปลี่ยนไป สายตาของเขาแสดงความแปลกใจออกมา ที่เขาช่วยหยางเฉินเอาไว้ นั้นเป็นเพราะหยางเฉินเป็นนักพรต หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้แล้ว เขาคงไม่สนใจชีวิตของหยางเฉิน

หยางเฉินเห็นว่าสีหน้าของเย่ลั่วเปลี่ยนไปชั่วขณะ ก็มั่นใจอย่างมากว่าเขาคิดถูก

“ หือ ? แล้วเหตุใดเจ้าถึงคิดว่าข้าไม่ได้มาช่วยเจ้าเพราะสมบัติจิต ?” เย่ลั่วมองไปที่หยางเฉินด้วยความสนใจ เขาชื่นชมหยางเฉินมากขึ้นเรื่อยๆ ความฉลาดและการสังเกตที่เด็กนี่แสดงออกมานั้น ไม่ใช่สิ่งที่เด็กน้อยอายุเพียงเท่านี้จะมีได้




รีวิวผู้อ่าน