ตอนที่ 47 : ปล้นหินผลึก
เมื่อเย่ลั่วถามหยางเฉิน หยางเฉินก็พบว่าอาการบาดเจ็บภายนอกของเขาฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว เขาตกใจอย่างมาก และไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร และคิดว่าเถาเถาคงป้อนยาให้กับเขา
หลังจากที่ตกใจได้ไม่นาน เขาก็กลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นยืนและมองไปที่เย่ลั่วแล้วยิ้มออกมา “ เพราะตอนที่ท่านเข้ามา ท่านไม่ได้มองสมบัติจิต ดังนั้นท่านกับหยวนชีนั้นต่างกัน ท่านไม่ได้สนใจเรื่องสมบัติจิตเลยแม้แต่น้อย ”
“ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แล้วเจ้ารู้เป้าหมายที่แท้จริงที่ข้าช่วยเจ้าได้อย่างไร ?” เย่ลั่วถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ ท่านไม่ได้มาเพื่อสมบัติจิตที่ข้ามี ข้าแค่เด็กน้อยธรรมดา ดังนั้นเหตุผลเดียวที่ท่านช่วยข้าอาจจะเป็นเพราะฐานะนักพรตของข้า” หยางเฉินพูดขึ้นมาด้วยท่าทีมั่นใจแต่ในใจของเขานั้นกลับคิด ‘ ข้าหวังว่าเขาคงไม่ได้มาที่นี่เพราะเตายาราชาอมตะหรอกนะ ’
“ ใช่ มันหายากที่เด็กอย่างเจ้าจะมีความคิดเช่นนี้ด้วยอายุที่ยังน้อย” หลังจากที่หัวเราะได้ไม่นาน เย่ลั่วก็พูดขึ้นต่อ “ เจ้าอยากรับข้าเป็นอาจารย์รึไม่ ?”
หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
ในตอนที่หยางเฉินกำลังแปลกใจอยู่นั้น เถาเถาก็ได้ส่งข้อความบอกกับหยางเฉิน “ เสี่ยวหยาง เรายังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เราไม่อาจจะรีบตกลงกับเขาได้”
เมื่อได้ยินที่เถาเถาบอกมา หยางเฉินก็มองไปที่เย่ลั่วก่อนจะส่ายหน้า “ ขอบคุณผู้อาวุโสเย่ที่เมตตา แต่ข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว ข้าไม่อยากรับใครเป็นอาจารย์เพิ่มอีก ข้าหวังว่าผู้อาวุโสเย่จะยกโทษให้ข้าด้วย”
เย่ลั่วเผยสีหน้าผิดหวังออกมา แต่แทนที่จะโกรธเขากลับยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ หากเจ้าเป็นนักพรตได้ งั้นก็ต้องมีอาจารย์ ดูเหมือนว่าเราคงไม่มีวาสนาต่อกัน เฮ้อ”
หยางเฉินลูบจมูก เขาไม่ได้เสียดายเลยแม้แต่น้อย เพราะเถาเถานั้นอาวุโสกว่าเย่ลั่วอย่างมาก มันไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเสียดายอีกฝ่าย เขาเข้าใจดีว่าหากเย่ลั่วมาเป็นอาจารย์ของเขา ความลับของเขาอาจจะรั่วไหล ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยง
“ นี่คือตราสามขั้น เมื่อเจ้ามีปัญหาก็นำตรานี้ไปหาคนของโถงเถีย พวกเขาจะแจ้งกับข้าเอง จากนั้นข้าจะมาช่วยเจ้า” เย่ลั่วโยนตราสีดำให้กับหยางเฉิน
หยางเฉินรับตรามาและพบคำสามคำที่สลักไว้ด้านบน ‘ฉิน ชาง ฮั่น‘ เขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่เมื่อได้ยินที่เย่ลั่วบอกมาว่าตราบใดที่เขามีตรานี้ เขาก็ไปหาเย่ลั่วได้ทุกเมื่อ เมื่อมีปัญหา
หยางเฉินมองไปที่เย่ลั่วด้วยความแปลกใจและถามขึ้น “ ผู้อาวุโสเย่ ทำไมท่าน...”
“ เจ้าไม่ต้องถาม อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง หากข้ามีบางอย่างให้เจ้าทำ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธ” เย่ลั่วยิ้มออกมา เขาดูไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายแอบแฝงอยู่เลย
“ ผู้อาวุโสเย่ช่วยชีวิตข้าไว้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ตรานี่แต่ข้าก็รับปากกับท่าน” หยางเฉินยิ้มออกมา “ นี่ไม่ต้องพูดถึงกับการที่ท่านให้ตรานี่กับข้าเลย ข้ายิ่งเต็มใจที่จะตกลง ”
มีของดีแต่ไม่รับไว้ก็คงมีแต่คนโง่เท่านั้น หยางเฉินไม่มีทางคืนตรานี่ให้กับเย่ลั่วแน่
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เย่ลั่วก็ยิ้มออกมา “ เมื่อถึงเวลาข้าจะมาหาเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่คืนคำ” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปและพูดต่อ “ ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว แม้ว่าจะมีสมบัติจิตคอยปกป้อง แต่ก็อันตราย งั้นข้าจะไปส่งเจ้าเอง”
หยางเฉินอยากจะพูดออกมาแต่สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าพลังของยาในตัวโดนดูดซับไป ปราณในตันเถียนถึงขีดจำกัดอีกครั้ง ชั้นกำแพงเหมือนกำลังจะพัง
“ เสี่ยวหยาง เจ้าต้องยับยั้งปราณในร่าง หลังจากที่บ่มเพาะอีกไม่กี่วัน เจ้าก็น่าจะทะลวงผ่านขั้น 9 ได้ มันไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องพื้นฐานในอนาคต” เถาเถาในพู่กันรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในตันเถียนของหยางเฉินก็ส่งข้อความบอก
เมื่อได้ยินที่เถาเถาบอกมา หยางเฉินก็นั่งลงไปกับพื้นแล้วเริ่มทำสมาธิ เขาไม่กังวลว่าเย่ลั่วจะโจมตีเขา หาก เย่ลั่วคิดจะฆ่าเขาคงไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้
‘ เด็กนี่กำลังจะทะลวงผ่าน ‘ เย่ลั่วไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี เด็กนี่ถึงกับคิดจะให้เขาคอยคุ้มกัน ช่างกล้าจริงๆ
ในตอนนั้น ร่างกายของหยางเฉินรายก็ถูกล้อมไปด้วยปราณ ปราณไหลวนรอบตัวของเขาราวกับสายน้ำ มันทำให้เกิดลมจนทำให้ผมของเขาสะบัดไปมา ปราณในตันเถียนของเขาเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงขีดจำกัดในพริบตา
ชั้นกำแพงกลับพังลงเพราะปราณ ปราณได้ไหลเข้าไปในตันเถียนของหยางเฉิน พลังได้กระจายไปรอบตัว ปราณได้ไหลไปทั่วตัวของเขาราวกับเขื่อนที่กำลังจะแตก มันทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นไปอีก
กระดูกของเขาถึงกับลั่น หยางเฉินรู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลัง และถึงกับรู้สึกว่าเขาสามารถฉีกสัตว์อสูรขอบเขตธุลีได้ด้วยมือเปล่า
‘เด็กนี่แข็งแกร่งจริงๆ ! ’ สีหน้าของเย่ลั่วสะท้อนความแปลกใจออกมา ตามที่เขาคาดการณ์ไว้แล้ว ความแข็งแกร่งของ หยางเฉิน ในตอนนี้สามารถทำลายหินเพชรได้ถึง 20 ก้อน มันทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ
ภายใต้สายตาตะลึงของเย่ลั่ว พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของหยางเฉินก็เริ่มหายไป พื้นที่โดยรอบกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง หยางเฉินลืมตาขึ้นมา แสงในตาของเขาเป็นประกายคมกริบราวกับดาบ
“ เสี่ยวหยาง อย่าเพิ่งทดสอบพลังในตอนนี้ อย่างไรเสียเขาก็ให้ตรากับเจ้าแล้ว อย่าให้มันเสียเปล่า” ตอนนั้นเถาเถาก็ส่งข้อความมาบอกพร้อมกับควบคุมพู่กันให้บินไปเหน็บที่เอวหยางเฉิน แต่เย่ลั่วไม่รู้ว่าเป็นเถาเถาที่ควบคุมพู่กันให้ลอยกลับไป
เมื่อได้ยินที่เถาเถาบอกมา หยางเฉินก็สงสัยขึ้นมา เขาไม่ทันได้ถามอะไรเย่ลั่ว ตอนที่เขาสงสัยอยู่นั้นเถาเถาก็ได้ส่งข้อความมาบอกอีกครั้ง “ อันที่จริง ลั่วปิงยังไม่ไปไหน นางโดนโม่ซานหยวนและคนอื่นๆล้อมเอาไว้ เจ้าจงขอให้เย่ลั่วไปช่วยนาง เราอาจจะช่วยนางกลับมาได้”
สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที เขาไม่คิดที่จะรีรอและลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองไปที่เย่ลั่วแล้วพูดขึ้นมา “ ผู้อาวุโสเย่ ข้าอยากจะให้ท่านช่วยชคนคนหนึ่ง ไม่รู้ว่า...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่ลั่วก็พยักหน้าและหัวเราะออกมา “ ข้าบอกแล้วว่าข้าจะช่วยเจ้า เจ้าแค่บอกมาว่าเจ้าจะช่วยใครก็พอ”
“ พูดไปผู้อาวุโสอาจจะไม่รู้จัก ข้าพาท่านไปจะดีกว่า !” ในตอนที่พูดนั้น หยางเฉินก็ได้นำทางเข้าไปในป่ามุ่งหน้าไปที่รังเก่าของลิงสายฟ้า
เย่ลั่วยิ้มออกมา เขาเหมือนไม่ได้กังวลเรื่องอันตรายแม้แต่น้อย เขาตามหยางเฉินไปโดยไม่ลังเล
ไม่นานหลังจากนั้น หยางเฉินและเย่ลั่วก็มาถึงป่าอินทนิล ตอนนั้นป่าอินทนิลโดนทำลายไปหลายพื้นที่ ไม่โดนเผาด้วยไฟก็โดนแช่แข็ง....ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่นี่
“ นี่...” เย่ลั่วมองไปรอบๆแล้วพึมพำกับตัวเอง “ พลังของลั่วปิง, กงจักรห้าธาตุของไป่เซียวเทียน, ไฟของโม่ซานหยวนและคนสุดท้าย....ไม่คิดเลยว่าฮั่นหยุนจะมาที่นี่ด้วย ทำไมพวกเขาถึงสู้กันหนักหน่วงเช่นนี้ ?”
“ ผู้อาวุโสเย่ ท่านรู้จักนางใบ้ ..” พูดไปแล้ว หยางเฉินก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน “ ท่านรู้จักลั่วปิงด้วยรึ ? คนที่ข้าอยากช่วยคือนาง !”
เย่ลั่วไม่ได้ถามเหตุผลจากหยางเฉิน เขาไม่ได้ถามว่าหยางเฉินกับลั่วปิงเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่กลับพูดขึ้นมา “ ด้วยการที่มีฮั่นหยุนคอยช่วยนาง นางไม่น่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิต เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หยางเฉินก็โล่งอก ชัดแล้วว่าเขารับปากว่าจะปกป้องลั่วปิง แต่...เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ต้องรู้สึกผิดขึ้นมาอีกรอบ
“ ทำไมพวกเขาถึงได้ทำเช่นนี้ ?” เย่ลั่วคิ้วขมวดก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไป ร่างของเขาสั่นไหวก่อนจะปรากฏตัวขึ้นในอีกที่ ที่ที่เขาไปนั้นกลับเป็นที่ที่ลั่วปิงรักษาตัวก่อนหน้านี้ และตอนนี้มันพังกลายเป็นซากไปแล้ว
“เสี่ยวหยาง รีบไปเร็วเข้า เขาเหมือนจะพบบางอย่าง” เถาเถาพูดขึ้น
หยางเฉินพยักหน้าแล้วใช้ก้าววายุอสนีเร่งความเร็วออกไป ในพริบตาเขาก็โผล่มาข้างๆ เย่ลั่ว เขามองตามสายตาของเย่ลั่วและพบกับผลึกสีฟ้าเล็กๆในกองหิน
“ หินผลึก !” ในพู่กันนั้น เมื่อเถาเถาเห็นผลึกนี้ก็สีหน้าเปลี่ยนไป หลังจากที่แปลกใจได้ไม่นานเขาก็พึมพำออกมา “ ข้าคิดว่าเหตุผลที่พวกนั้นไล่ล่าลั่วปิง ก็เพราะลั่วปิงมีหินผลึกกับตัว นี่คือที่ที่นางรักษาตัวอยู่ เดาว่านางคงดูดซับพลังของมันไปแล้ว เฮ้อ โชคดีจริงๆ มียาของเสี่ยวหยางรวมกับหินผลึกคอยช่วย ไม่แปลกใจที่นางจะทะลวงผ่านได้”
เถาเถาคิดหาเหตุผลว่าทำไมลั่วปิงถึงกล้าอยู่เพียงลำพัง ซึ่งก็เดาว่าเพราะความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก โชคร้ายที่ความแข็งแกร่งของเถาเถากลับลดลงมา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของลั่วปิงจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเพิ่มมาถึงระดับไหน
ตอนที่เถาเถาคิดอยู่นั้น เย่ลั่วก็ยื่นมือออกมาใช้นิ้วจิ้มไปที่ผลึกบนพื้นที่หมดพลังไปแล้ว เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วพึมพำออกมา “ ไม่แปลกเลยที่พวกเขาถึงได้สู้กัน โชคร้ายที่พลังงานด้านในโดนดูดซับไปแล้ว นางได้หินผลึกไปจริงๆ มันมีปราณน้ำอยู่ด้านใน ? รึบางทีอาจจะมีผลึกน้ำอยู่ในภูเขามังตัง”
จากทุกคนที่อยู่ที่นี่ มีแค่หยางเฉินเท่านั้นที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ดูจากสีหน้าของเย่ลั่วแล้ว ของสิ่งนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ เด็กน้อย เจ้าออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เจ้าไม่อาจจะอยู่ที่นี่ได้นานนัก ข้าจะช่วยเจ้าตามหาลั่วปิง หากมีข่าวอะไร ข้าจะไปยังเมืองซูเซียนเพื่อพบเจ้า “ ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่ลั่วก็ได้ก้าวออกไปเหลือทิ้งไว้แต่ภาพติดตา ก่อนจะหายตัวไปในป่า
“ เสี่ยวหยาง เจ้ารู้รึไม่ว่านางได้อะไรมา ?” เถาเถาโผล่ออกมาจากพู่กันและลอยอยู่ตรงหน้าหยางเฉิน
หยางเฉินลูบจมูกแล้วพึมพำออกมา “ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ข้าก็มั่นใจว่ามันเป็นสมบัติหายาก”
“ มันเรียกว่าหินผลึก หากข้าเดาไม่ผิดแล้วมันน่าจะเกี่ยวข้องกับเศษหินนี่ เพราะหินผลึกนั้นเป็นผลึกพลังงานที่เสื่อมโทรมมาจากการพัฒนาของผลึกน้ำ มันอาจจะเป็นผลลัพธ์ของผลึกน้ำที่นิกายกระบี่ค้นพบก็ได้” เถาเถาพูดขึ้นมา