"ทำไมอยู่ๆ พวกมันถึงโผล่ออกมามากขนาดนี้?"
วูชินที่ยืนขมวดคิ้ว บ่นออกมาหลังจากเห็นมอนสเตอร์ที่กำลังรวมกลุ่มกันอยู่
พวกมอนสเตอร์นี้ลักษณะพฤติกรรมคล้ายๆกับตอนที่อัลเฟ่นโดนบุก
พวกมันจะเริ่มต้นจากการยึดพื้นที่ใกล้เคียงโดยรอบ เพื่อสั่งสมกำลังพลสร้างฐาน หลังจากนั้นจะเริ่มออกล่าสิ่งมีชิวิตบนโลกเพื่อพลังงาน ...
"หึ ไอบ้าไมวิชเอ๊ย "
เขาใช้เวลาในการสู้กับไอบ้านั่นมากเกินไป แต่เรื่องโชคร้ายมันไม่ได้อยู่ที่เวลาที่เสียไป กลับเป็นการที่เขาต้องเสียอัศวินแห่งความตายไปถึง10ตน
"ทักษะฟื้นฟูจากพื้นที่ นี่มันแสบจริงๆ"
ในการต่อสู้กับผู้ปกครองมิติในฐานะผู้ท้าทายหรือนักผจญภัย การต่อสู้เต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะผู้ปกครองมิติสามารถดึงพลังงานจากพื้นที่มาฟื้นฟูตัวเองได้
ถ้าวูชินได้เจอไมวิชบนโลกภายนอก หรือเจอกับเขาบนดาวอัลเฟ่น แค่เขาและอัศวินแห่งความตาย2ตน ก็สามารถจัดการมันได้อย่างไม่ลำบาก แต่เพราะมันได้ใช้พลังจากพื้นที่ของมันทำให้เขาต้องเสียอัศวินแห่งความตายไปถึง10ตน
"อ่า ฉันจะไปเก็บกวาดที่ไหนก่อนดี? "
มีสถานที่ใกล้เคียงกับเขาถึง7แห่ง ที่คาดว่าน่าจะมีผู้ปกครองมิติ กำลังสั่งสมกำลังพล
ถ้าปล่อยให้พวกมันจัดตั้งฐานหรือระดมกำลังพลเสร็จสิ้น คงเพิ่มความลำบากในการกวาดล้าง ดังนั้นเขาต้องพยายามจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
"ไอพวกบ้านั่นก็ดันไม่ทิ้งมือถือไว้ให้ก่อนที่จะไป"
ก่อนที่เขาจะลงดันเจี้ยนเขาฝากมือถือไว้ที่ซังฮุน น่าจะเหลือทีมสนับสนุนไว้สักคน แทนที่จะอพยพไปกันหมด ...
ยังโชคดีที่วูชินมีวิธีติดต่อนอกเหนือจากโทรศัพท์
[นายอยู่ไหน?]
วูชินสามารถใช้การติดต่อทางจิตกับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ของเขาได้ ในฐานะที่เป็นนักกลยุทธ์ในการทำสงครามชิงมิติ โดแจมินจึงสามารถสื่อสารกับเขาได้
[พะ..พี่หรอครับ?]
[ฉันถามว่า นายอยู่ไหน?]
[อ่า สงสัยฉันจะประสาทหลอนก่อนตาย...]
[……พี่ครับบบบบบบ]
[ ...... .]
หลังจากมึนไปอยู่ครู่หนึ่งแจมินก็โพล่งออกมา
[พี่! ตอนนี้สถานการณ์แย่มาก ผมติดอยู่ในสถานีกระจายเสียง]
[สถานีกระจายเสียง? นายไปที่นั่นทำไม? ทำไมไม่อยู่ที่ออฟฟิศกิลด์?]
[หลังพี่สาวผมไปงานเลี้ยง ผมก็เลยออกมา ตอนนี้ผมอยู่ที่สถานี MBS ]
วูชินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานึกขึ้นมาได้ว่า โดจีวอนไปงานเลี้ยงรุ่น
[พี่สาวนายไปที่ไหนนะ?]
[เอ? พี่น่าจะไปที่โรงแรม BB ... .. ]
หน้าวูชินเครียดขึ้นมาทันที ในรายงานสถานที่ทั้ง7แห่ง ดูเหมือนโรงแรมBBจะเป็นหนึ่งในนั้น
[ระวังตัวไว้ อย่าฝืนสู้ ฉันจะส่งโดลเซ่ไป]
[ครับ….]
ตอนนี้อัศวินแห่งความตายที่เสียไป10ตนเขายังไม่สามารถเรียกใช้ได้ ต้องรอระยะเวลาฟื้นฟู
เท่ากับว่าตอนนี้วูชินยังเหลืออัศวินแห่งความตายให้ใช้งาน44ตน
พื้นที่มิติของเขายังอยู่ในระเวลาคุ้มกันเขาจึงไม่ค่อยกังวลอะไรมาก เขาตัดสินใจทิ้งเรลิกซ์จากเผ่าราทิคไว้คุ้มกันดันเจี้ยนของเขาเพียงตนเดียว
เขาอัญเชิญอัศวินแห่งความตายออกมา43ตน
"โดลเซ่ กับ บีบีมานี่"
“ฮู่มม โกกกก, เอ๋ นี่โลกนิเมี๊ยววว "
นานแล้วที่ไม่ได้ถูกเรียกมาที่โลก บีบียิ้มกว้างออกมา เหล่าอัศวินแห่งความตายที่เหลือทำการเรียกนักรบโครงกระดูกในสังกัดออกมา วูชินเริ่มทำการแบ่งกำลังพล
เขาตัดสินใจจะแยกกองกำลังของเขาเพื่อไปควบคุมสถานการณ์ทั้ง7แห่งในเวลาเดียวกัน
ในการรับมือผู้ปกครองมิติ1คน เขาเลือกที่จะใช้อัศวินแห่งความตาย10คนรับมือ
เขาแบ่งอัศวินแห่งความตาย40ตน ออกเป็น4ทีม
"นายแล้วก็นายไปที่นี่ ฯลฯ"
[รับคำสั่ง ท่านราชา!]
วูชินหันไปมอง บีบี และโดลเซ่
"พวกเธอไปสถานี MBS เพื่อช่วยเหลือ แจมิน แล้วก็จัดการมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆ "
"ได้เลยเมี๊ยวววว ท่าทางงานนี้จะสนุก!
บีบีเอาคทาเวทมนตร์ออกมาก่อนที่เธอจะขี่มันบินไป โดยมีโดลเซ่วิ่งตามไปด้านล่าง
"คิบะ นายไปที่อแลนดัล อ่อ แล้วก็อย่าไปสู้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์ล่ะ "
[... รับทราบ ราชา]
น้ำเสียงเขาดูไม่พอใจและผิดหวัง แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางขัดคำสั่ง ตอนนี้วูชินไม่รู้ว่าซังกูและแฮซอลอยู่ที่ไหน แต่เขาไม่ได้ห่วงอแลนดัลมากนักเพราะที่นั่นมีเมโลดี้อยู่ เมื่อเขาคิดถึงครอบครัวของเขา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเสียขึ้นมาอีกรอบ เพราะไมวิชแท้ๆ
"ไอบ้านั่น ถ้าเจออีกจะฆ่าให้ตาย "
เขาฆ่าไมวิชไปแล้ว แต่วูชินก็ตั้งใจจะฆ่ามันทุกครั้งที่ได้เจอ
เขาได้เสียอัศวินแห่งความตายไปอย่างไม่จำเป็น ที่สำคัญไอบ้าไมวิชนี่ก็ให้ค่าEXPน้อยมาก ไม่พอที่จะให้เขาเลเวลเพิ่มไปถึง80 มันเป็นการขาดทุนอย่างแรง
"ถ้าตอนนี้ฉันเรียกเจนิสได้ล่ะก็ ... "
ถ้าเขามีเจนิสผู้เป็นอาจารย์ของเขา ไอพวกผู้ปกครองมิติพวกนี้จะไม่เป็นปัญหาอะไรเลย
"ฉันควรไปได้เสียที" สุดท้ายวูชินก็อัญเชิญมอนสเตอร์ที่คุ้นเคย ก่อนที่เขาจะบินออกไป
ฮู่มมมมมมมมมมมมม!
ชิงชิงวิ่งข้ามถนน ทิ้งเศษซากปรักหักพังและศพมอนสเตอร์ไว้ด้านหลัง ก่อนที่จะกระโดดส่งตัวบินขึ้นไปบนฟ้า
***
ชั้นสองของสถานีกระจายเสียง MBS
มีคน17คน อาศัยอยู่ด้านหลังประตูที่กั้นไว้ด้วยเฟอนิเจอร์ต่างๆ
โดแจมินกุมมือของซูจีเอาไว้แน่น
ไม่รู้ว่าความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการที่จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี มันส่งไปถึงเธอหรืออย่างไร? ทำให้เธอไม่ค่อยรู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ในตอนนี้สักเท่าไร
ชายหนุ่มที่เธอชอบกลายเป็นผู้มีพลังและมาปกป้องเคียงข้างเธอ ที่สำคัญเขายังมาหาเธอในสถานการณ์ที่สิ้นหวังที่สุด
ไม่รู้ว่าเขาสร้างความโรแมนติกและความมหัศจรรย์แบบนี้ได้อย่างไร?
แต่สำหรับไอดอลคนอื่นๆมันต่างกัน
"เฮ่ ฉันคิดว่าพวกเรากำลังจะออกไป แล้วนายหยุดทำไม? "
จุนซังที่อยู่กลุ่มเดียวกับโทนี่พูดออกมา ท่าทางของเขายังตื่นเต้นและหวาดกลัวอยู่
ผู้มีพลังโผล่มาช่วยเขา และจัดการมอนสเตอร์ที่คุกคามพวกเขา แต่ผู้มีพลังคนนั้นก็หยุดลงและสั่งให้พวกเขาหลบซ่อน ตอนนี้พวกเขาต้องการหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เขาดันสั่งให้หลบซ่อนแบบนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
"ตอนนี้แจมินบาดเจ็บอยู่นะ"
แจมินปกป้องทุกคนและเข้าสู้กับมอนสเตอร์เพียงลำพัง ตอนนี้สภาพของแจมินดูไม่ค่อยดีนักที่ไหล่ของเขามีร่องรอยกรงเล็บบาดเป็นแผลลึกซ้ำท้องของเขายังถูกแทงทะลุ
“แม่งเอ๊ย รู้แล้วว่ามันเจ็บอยู่ แล้วไง มันเป็นผู้มีพลังไม่ใช่หรอไง "
"คุณพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง? ไม่เห็นแก่ตัวมากไปหน่อยหรอ! "
"เหอะ คุณเป็นเด็กใหม่รึไง! นี่อยู่วงไหนเนี่ย กล้าขึ้นเสียงแบบนี้กับผู้ใหญ่งั้นหรอ ... "
ซูจีจ้องหน้าจุนซังเขม็ง แจมินเป็นคนที่เธอชอบมาตั้งแต่สมัยมัธยมก่อนที่เขาจะหายไป มาตอนนี้มีคนมาว่าเขาแบบนี้อีก อารมณ์ของเธอกำลังจะระเบิดออกมา
"ซูจี ผมไม่เป็นอะไรมาก"
“แจมิน... .”
“ฮ่า”
หน้าแจมินซีดมาก เขาแทบจะถึงขีดจำกัดแล้วตอนเขาได้รับการติดต่อมาจากวูชิน ตอนนี้พี่กำลังส่งคนมาช่วย เขาเลยไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองทำอะไรเสี่ยงๆ
เขาแค่รอให้ความช่วยเหลือมาถึง
"แฮ่ก แฮ่ก"
เขาไม่ได้รู้สึกอ่อนแรงเพราะบาดแผล สาเหตุมาจากร่างกายของเขากำลังจะพยายามฟื้นฟูบาดแผลตังหาก
เลือด…….
เขากระหายเลือด เขาเริ่มคุมสติไม่อยู่เพราะความกระหายเลือด เขากำลังฝืนตัวเองอย่างเต็มที่
“แจมิน นายดูอาการไม่ดีเลย "
"แฮ่ก แฮ่ก ฉันสบายดี "
"อย่ามาโกหก แกรีบฟื้นฟูตัวเอง แล้วพาพวกเราออกไปจากที่นี่ซะ "
สายตาของทั้ง17คนต่างมองมายังจุนซัง ด้วยแววตาที่แตกต่างกัน
มีทั้งคนที่รู้สึกขอบคุณแจมินที่เขาอุตส่าห์มาช่วย อย่างไรก็ตามมีพวกนักร้องและนักแสดงที่คิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ผู้มีพลังต้องทำอยู่แล้วจึงไม่ได้ขอบคุณอะไร
แจมินรู้สึกโมโหเมื่อได้ฟังคำพูดของจุนซัง
เขาแค่ต้องการมาช่วยซูจี ส่วนชีวิตของคนพวกนี้เขาไม่ได้สนใจอะไรสักนิด
"แล้วคุณต้องการช่วยผมฟื้นฟูไหมล่ะ?"
“เฮอะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกต้องมีวิธี "
แจมินหรี่ตาลงเมื่อได้ฟังคำพูดของจุนซัง ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องอดกลั้นความโกรธ เขาเลยจ้องมองไปที่จุนซังอย่างก้าวร้าว
"แล้วคุณจะให้เลือดผมได้ไหมล่ะ ถ้าคุณอยากให้ผมฟื้นฟูไวๆ? ทันทีที่ผมได้ดื่มเลือด บาดแผลของผมจะหายอย่างรวดเร็วรวมทั้งฟื้นฟูความเหนื่อยล้าด้วย "
“...... .”
วิธีการที่น่ากลัวนี้ ทำให้จุนซังพูดไม่ออก
"ถ้าคุณอยากจะหนีออกจากทีนี่ งั้นทำไมคุณไม่เสียสละเลือดสักเล็กน้อยเพื่อส่วนรวมล่ะ?"
"ทะ ... ทำไมต้องเป็นฉัน ... "
จุนซังเริ่มกระอักกระอ่วนก่อนที่จะถอยหลังออกไปหลายก้าว แววตาของแจมินทำให้เขาหวาดกลัว ไม่ต่างอะไรกับกบที่ถูกงูจ้อง
"ถ้าคุณไม่กล้า งั้นก็หุบปากไป"
"ฮึ่ม แกไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร? ฉันคือจุนซัง จุนซังนะเว้ย"
แน่นอนเขารู้ว่าจุนซังเป็นใคร ดาราชายยอดนิยมของเกาหลีใครจะไม่รู้จักล่ะ
แจมินคร้านจะสนใจอะไรเขาอีกจึงหันศรีษะไปทางอื่น
ซูจีมองแจมิน ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามา
"ฉันจะให้นาย"
"อะไรหรอ?"
"เลือดฉันไง"
“...... .”
"เห็นยังงี้ฉันก็บริจาคเลือดบ่อยนะ"
แจมินมองซูจีด้วยความประหลาดใจ แววตาที่เธอมองเขามันแฝงไปด้วยความห่วงใยและความกังวลใจ
"เอ่อ..."
แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้เขาเริ่มลำบาก ความกระหายของแจมินทำให้เขาอยากจะกัดและดูดเลือดของเธอ
"ไม่ ผมไม่อยากทำแบบนั้น"
ถ้าเขากัดและดื่มเลือดเธอ เธอก็ไม่ได้จะเปลี่ยนเป็นแวมไพร์อะไรแบบนั้น
แจมินสามารถเลือกได้ว่าจะให้คนที่กัดเป็นหรือไม่เป็น เขาก็แค่ต้องหยุดเมื่อไม่ได้รับเลือดแค่จำนวนหนึ่ง ... แต่เขาไม่มีความกล้าพอที่จะให้ซูจีเห็นอีกด้านของตัวตนเขา
“อ่า ฉันไม่ต้องการแบบนั้น "
แจมินกำลังฝืนตัวเองอย่างหนักเขาเลือกที่จะหันหน้าออกไปเพื่อหลบสายตาเธอ ถ้ายังมองตาของเธอเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะฝืนความรู้สึก
เขาอยากฟื้นฟูบาดแผลของเขา แต่เหตุผลแค่นี้ไม่พอทำให้เขาดื่มเลือดของเธอ
ดื่มเลือดเพื่อสนองความต้องการของเขา
ไม่มีทาง เขาจะไม่ดื่มเลือดของซูจีเพื่อสนองความต้องการสกปรกแบบนี้แน่ๆ
กึง, ฮู่มมมมมม กึงงงง!
ทุกคนเริ่มกังวลกับมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านนอก ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับแจมิน
ฮู่มมมมมมมมมม!
ความรู้สึกกังวลของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงดังจากมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านนอก ซูจีไม่รีรออีกต่อไป เธอยื่นแขนของเธอไปที่ปากของแจมิน
"ดูดเร็ว"
"เอ่อ อ่า อึก"
ข... เขาไม่ควรทำอย่างนี้ ... แจมินรู้สึกเขินเมื่อกัดแขนของซูจี
"อึก อึก"
เลือดของซูจีถูกดูดอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเพราะความเจ็บปวดเล็กน้อย
'วะ ... หวานจัง'
เลือดที่ขายในร้านกาแฟในพื้นที่มิติ ไม่สามารถเทียบได้กับเลือดของเธอ ความรู้สึกกลมกล่อมและสดชื่นของเลือดทำให้แจมินรู้สึกดื่มด่ำ บาดแผลที่ไหล่ของเขาหายอย่างรวดเร็วและรูบนหน้าท้องของเขาก็เริ่มปิดสนิท
"อ่าห์"
แจมินเอาปากออกมาจากแขนซูจี เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของเขา
'ฉัน ... ฉันดื่มเลือดของ ซูจี ... '
เขาไม่สามารถซ่อนแววตาสั่นไหวของเขาได้ ซูจีรีบกอดเขาไว้ราวกับว่าเธอรับรู้ความรู้สึกของเขา
ไม่ใช่เพราะแจมินคนเดียวหรอ ที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อปกป้องเธอ?
เธอคิดว่านี่แค่เป็นการบริจาคเลือดธรรมดา
"…ฉันไม่เป็นไร"
“ซะ ซูจี”
"ไม่เป็นไรนะ"
“ซูจี”
แจมินกอดซูจีทั้งน้ำตาเขารู้สึกดีที่มีคนอื่นนอกจากวูชินและพี่สาว เข้าใจในตัวเขา เขารู้สึกดีมากตอนนี้ที่แสดงตัวตนออกไป
"เฮอะ เลิกทำเรื่องไร้สาระ แล้วออกไปจัดการมอนสเตอร์ด้านนอกได้แล้ว! "
ความกลัวของจุนซังเพิ่มขึ้นถึงขีดสุดเขาเลยตะโกนออกไปด้วยความบ้าคลั่ง
“อ่า ปากคุณนี่ร้ายกาจจริงๆ ... "
เมื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแจมินก็เริ่มลุกขึ้นยืน ตาของเขาเบิกกว้างเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเจอสาวน้อยขี่คทาเวทมนตร์ลอยอยู่
"ฮิฮิ เจออาจารย์แล้วเมี๊ยววว!"
"หะ..หัวหน้า บีบี"
กำลังเสริมมาช่วยแล้ว ถ้ารู้แบบนี้เขาคงไม่ดื่มเลือดของซูจี ...
บีบีโดดลงมาจากไม้เท้าเวทย์มนตร์ของเธอ โดลเซ่ก็กระโดดลอยข้ามหัวเธอขึ้นมา
ตึงงงงง
"ฮิฮิฮิ แจมินกลัวมั้ย เมี๊ยวววว? "
"ใช่ นี่คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว "
"ฮิฮิ ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วเมี๊ยวว "
แจมินรู้สึกโล่งใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่นะที่คำพูดของบีบีมันน่าเชื่อถือแบบนี้?
อย่างไรก็ตามทุกคนไม่ได้คิดแบบเดียวกับแจมิน
"ตัวประหลาดบ้านี่คืออะไร?"
จุนซังที่หวาดกลัวและขวัญเสียจากการตายของโทนี่ พ่นคำพูดหยาบคายออกมา
"แล้วแกเป็นใครล่ะ เมี๊ยว?"
"อะไร? เด็กน้อยนี่ไม่รู้หรอ ว่าฉันเป็นใคร? "
"แล้วฉันจะไปรู้ได้ไง เมี๊ยวววว?"
"ฉันคือจุนซัง จุนซังไง ลีจุนซังนะเว้ย
แก้มของบีบีมุ่ยนิดหน่อยเมื่อได้ยินคำพูดเขา
"ฉันจะไปรู้หรอ? แต่แกดูสกปรกและโสโครกมาก "
"เด็กน้อย! กล้าพูดแบบนี้เสียสติไปแล้วหรอ? "
บีบีเริ่มโมโหกับจุนซัง
เด็กน้อยเป็นหนึ่งในคำที่เธอเกลียดที่สุด
"แกอยากตาย หรอเมี๊ยววว?"
"อะไร?"
"ปากดียังงี้ อย่าอยู่เลยเมี๊ยววว"
"อะไรวะ... ."
จุนซังที่กำลังโกรธ อยู่ๆก็ตาเหลือกแล้วล้มลง ตอนนี้เขาถูกเล่นงานด้วยมายาจิต เขาจะจมอยู่ในความฝันที่หวาดกลัวและสิ้นหวัง สุดท้ายเขาก็จะตาย
"ปากดีนัก เมี๊ยววว"
บีบีอารมณ์เสีย เธอหันไปหาแจมินและพูดขึ้นมา
"รีบออกไปจากที่นี่ก่อน ฉันจะไปจับแมวตัวใหญ่ก่อนเมี๊ยววว "
"ครับ"
เป็นเพราะเสียงพูดคุยที่ดังเกินไป?
มีเสือดำสามตัวบุกเข้ามา และส่งเสียงร้องคำราม
ฮู่มมมมมมมมมมมม
เมื่อพบผู้คนหลายคน เสือดำดีใจมากเมื่อมันได้เจออาหารที่มากมายแบบนี้
"ลูกแมวน้อย ลูกแมวน้อยยย!"
เมื่อสายตาของเสือดำมองไปที่เด็กน้อย ... ตามันก็เหลือขึ้นและล้มลง
"ป่ะ แจมินรีบไปกันเถอะ เมี๊ยววว"
“...... .”
บีบีโบกมือ แจมินและซูจีก็เดินตามเธอไป ผู้คนรอบๆก็เริ่มทยอยเดินตามมา ไม่มีใครอยากถูกทิ้งไว้ด้านหลัง สมาชิกไอดอลที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับจุนซัง แบกร่างของจุนซังขึ้นหลังแล้วเดินตามมา
“เมี๊ยวว? จะแบกศพมาทำไมล่ะ โยนทิ้งไปสิเมี๊ยวว "
“...... .”
จุนซังยังหายใจอยู่ แล้วจะให้เขาทำยังไง ...
"ตามสบายนะเมี๊ยว อยากเสียแรงเปล่าประโยชน์ก็เชิญ"
เมื่อฝันร้ายจากมายาจิตสิ้นสุดลง คนๆนั้นจะตาย
คนที่เธอสนใจมีแค่แจมินเท่านั้น คนอื่นไม่ได้มีความสำคัญอะไร
เมื่อออกมาจากสถานีกระจายเสียง เธอจ้องมองไปที่ต้นไม้ขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางลานจอดรถ สิงโตตัวใหญ่ยักษ์ที่เฝ้าพิทักษ์ต้นไม้ กำลังเดินตรงมาทางเธอ