บทที่ 2
จะไปที่ไหน
“ระหว่างที่ข้าสลบไปก่อนหน้านี้ เจ้าจงบอกข้าว่าพวกเรานั้นออกมาจากเมืองหลวงเป็นเวลานานเท่าใดแล้ว? และที่นี่คือที่ไหน?”
แม่ทัพหนุ่ม หยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับมาว่า “ทูลฝ่าบาท ที่นี่อยู่ใกล้กับด่านคานาอัน ชายแดนใต้ของอาณาจักร ข้าน้อยคุ้มกันท่านออกมาจากวังหลวงเป็นเวลา 5 วันแล้ว”
“ระหว่างเดินทางท่านถูกยิงด้วยลูกธนูอาบยาพิษจึงทำให้สลบไสลมาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากหารือกันแล้วข้าคิดจะพาท่านไปยังอาณาจักรหยุนฉินเพื่อหลบเลี่ยงชั่วคราว และรายงานเรื่องการก่อกบฏของอ๋องเฉิง ต่อจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ เพื่อหวังให้จักรพรรดิส่งทหารมาปราบปรามพวกเขา”
ในขณะที่เขาพูดยังคงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ก้มหน้ากล่าวอย่างละอายใจว่า “ผู้น้อยทำให้ฝ่าบาทบาดเจ็บขอให้ฝ่าบาทลงโทษข้าด้วย”
หลี่มู่ฟานมองไปที่แม่ทัพหนุ่ม และเหล่าทหารที่สวมเสื้อคลุมเปื้อนเลือดจากนั้นกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ท่านแม่ทัพลุกขึ้นเถิด หากไม่ใช่เพราะท่านแม่ทัพและเหล่าทหารใช้ชีวิตของพวกเจ้าช่วยเหลือข้า ข้าก็คงตายไปแล้ว! พวกเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
เขาหยุดอยู่ชั่วครู่และมองไปที่การแสดงออกที่ท้อแท้ของทุกคนและพูดว่า “แม่ทัพหลิว ท่านคิดว่าอาณาจักรหยุนฉินจะช่วยข้าทวงประเทศคืนได้หรือไม่?”
หลิวหลงได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปเขาหันไปสบตากับ ฟานชิงเยว่ และหัวหน้าองครักษ์คนอื่นๆที่อยู่ข้างๆ เขาพูดขึ้นอย่างลังเลว่า
“ฝ่าบาท ท่านเป็นกษัตริย์ที่ถูกต้องของจักรวรรดิหยุนฉิน หากทางจักรวรรดิรู้ว่ามีโจรก่อกบฏพวกเขาจะไม่เมินเฉยอย่างแน่นอน!”
หลี่มู่ฟาน ส่ายหัวเบาๆและกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงของพระราชวังในครั้งนี้ อ๋องเฉิงและคนอื่นๆได้ฉวยโอกาสในวันที่ข้านั้นแต่งงาน เห็นได้ชัดว่าเขาได้วางแผนไว้นานแล้ว หากไม่มีการยินยอมจากจักรวรรดิพวกเขาคงไม่กล้าลงมืออย่างแน่นอน ดังนั้นเชื่อเถอะแม้ว่าพวกเราจะไปเรียกร้องกับจักรวรรดิก็คงจะไม่มีใครสนใจ
“อ๋องเฉิงผู้ทรยศ คงตกลงกับจักรวรรดิและสัญญาว่าจะให้กำไรมหาศาลแก่จักรวรรดิ เพื่อที่จักรวรรดิจะทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งไว้”
คนที่พูดคือแม่ทัพหญิง ฟานชิงเยว่ เห็นเพียงสีหน้าเคียดแค้นของเธอ หากอ๋องเฉิงอยู่ที่นี่ อาจจะถูกเธอผ่าออกเป็น 2 ส่วนก็ได้
มองไปที่แม่ทัพหญิงที่กอดตัวเองอยู่เพื่อให้ความอบอุ่น
“แม่ทัพฟานพูดมีเหตุผล ผู้นำระดับสูงของจักรวรรดิเขาคงได้รับผลประโยชน์มากมาย ข้าเกรงว่าหากเราไปที่จักรวรรดิหยุนฉินจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น”
หลี่มู่ฟาน แอบมองทุกคนและเห็นว่าพวกเขาดูวิตกกังวล แต่พวกเขาก็ยังยืนอยู่อย่างเงียบๆโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หลี่มู่ฟาน กล่าวชมในใจ “ช่างเป็นคนดีเสียจริงๆ!”
“แม่ทัพหลิว พวกเราเหลือทหารกี่คน?”
“ทูลฝ่าบาท ตลอดทางที่หนีรอดมาจนถึงบัดนี้ พี่น้องหลายคนได้เสียสละ ตอนนี้กองพันองครักษ์ของข้าเหลือเพียง 255 คนเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่มู่ฟาน ก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ
“แม่ทัพหลิว ท่านเคยไปชายแดนมาก่อน เล่าสถานการณ์พื้นที่แนวชายแดนของราชอาณาจักรให้ข้าฟังหน่อย”
หลิวหลงตอบทันที “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ฝ่าบาท ทางทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรมีพรมแดนติดกับอาณาจักรหยุนฉิน มีเพียงด่านคานาอันเพียงด้านเดียว และมีทหารไม่ถึงหมื่น”
“ตะวันตกเป็นอาณาจักรซีเหอ ซึ่งเป็นอาณาจักรของ หยุนฉิน การป้องกันก็อ่อนแอเช่นกัน ส่วนทางเหนือของอาณาจักรเป็นดินแดนของชนเผ่ากระทิงเถื่อน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเผ่ากระทิงเถื่อนและชนเผ่าอื่นๆบนทุ่งหญ้าได้ปล้นสะดมทางใต้เป็นครั้งคราว สร้างแรงกดดันให้อาณาจักรไม่น้อย ดังนั้นผู้มีฝีมือในประเทศส่วนใหญ่จึงรวมตัวกันอยู่ที่นี่”
“สำหรับทางทิศตะวันออก เป็นดินแดนของเผ่าเอลฟ์มาโดยตลอด ท่านก็รู้ว่าเผ่าเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์อันลึกลับ ซึ่งห่างไกลจากเผ่ามนุษย์อย่างข้าที่จะต่อก่อนได้ ดังนั้นนอกจากทหารรักษาการณ์ที่จำเป็นแล้วทางทิศตะวันออกไม่มีการป้องกันใดๆเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดกับเผ่าเอลฟ์”
“เผ่าพันธุ์ระดับลึกลับงั้นหรอ?”
หลี่มู่ฟาน อึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบสนองทันที