บทที่ 25
ก้าวข้ามจากจุดเริ่มต้น
10 วันต่อมา
หลี่มู่ฟาน และพรรคพวกตั้งแคมป์อยู่ในป่าทึบซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองสุริยันจันทรา หลังจาก 20 วันของการเดินทางทั้งวันทั้งคืนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงปลายทาง
หลี่มู่ฟาน หลิวหลง และ ฟานชิงเยว่ ยืนอยู่บนยอดเขามองออกไปไกล
ฟานชิงเยว่พูดขึ้นว่า “นายน้อย ต่อไปนี้พวกเราจะใช้ชีวิตอยู่ในที่โล่งด้านล่างนี้ใช่ไหม?”
หลี่มู่ฟาน พยักหน้าและชี้ไปที่ป่าที่อยู่ด้านล่างจากนั้นกล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนดูนั่นสิ ภูเขา 3 ด้านล้อมรอบและด้านหลังเป็นแม่น้ำหยุนชาง แม่น้ำสายใหญ่แยกจากภูเขาทั้ง 3 ลูก และกลายเป็นกำแพงธรรมชาติ แม่น้ำสายใหญ่เองก็เป็นเส้นทางน้ำที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน มันไหลสู่แม่น้ำและสามารถถอยร่นไปตามแม่น้ำได้ จึงเป็นที่ที่ต้องแย่งชิงกัน”
“ทางตะวันตกเป็นป่าทึบ ช่วงแรกๆพวกเราไม่ควรที่จะเปิดเผยตัวมากเกินไป ป่าแห่งนี้สามารถปกป้องฐานทัพได้ ทางทิศตะวันตกนี้ยังเป็นที่ราบของชนเผ่ามากมาย แม้ว่าที่นั่นจะเป็นเผ่าเอลฟ์แต่พวกเราก็ยังปกครองกันเอง จึงไม่มีอะไรต้องกังวล นอกจากนี้ที่นี่อยู่ภายใต้วงล้อมของภูเขาสามลูก ลมพัดไม่แรง น้ำไม่ท่วม บนเขายังมีลำธารเล็กๆไหลลงมาเป็นน้ำพุบนภูเขา ซึ่งถือว่าเป็นฮวงจุ้ยของเสือและมังกร!”
หลิวหลงกล่าวขึ้นทันทีว่า “นายน้อยช่างมีพรสวรรค์และกล้าหาญ ข้านับถือท่านมาก!”
แม้ว่าฟานชิงเยว่จะมีระดับการบ่มเพาะที่ดี แต่นางก็ไม่มีความรู้เรื่องกลยุทธ์ นางแค่ฟังออกเพียงครึ่งเดียว และก็ไม่สนใจไปได้อีกตราบใดที่นางสามารถติดตาม หลี่มู่ฟาน ได้ แค่นั้นก็ถือว่าเป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง
หลังจากมองขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง หลี่มู่ฟาน ก็กล่าวว่า “ ไปแจ้งเหล่าทหารให้มารวมตัวกันที่ลานโล่ง ข้ามีเรื่องจะกล่าว”
หลังจากเวลาประมาณ 1 ก้านธูป ในป่าทึบมองเห็นทหารมากกว่า 200 นาย หลี่มู่ฟานกล่าวเสียงดังว่า “พี่น้องทั้งหลายในอนาคตที่นี่คือที่เราจะตั้งรกรากอยู่ อย่ามองว่าที่นี่เป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่า พวกเจ้าจะต้องเชื่อว่าพวกเราจะสร้างตึกที่สูงนับหมื่นจั้งและตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่แห่งนี้ วันหน้าเราจะต้องสร้างสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นเมืองใหญ่และมั่นคงอย่างแน่นอน!”
“พวกเจ้าเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับข้า พวกเจ้าถือดาบและสวมเกราะต่อสู้อย่างกล้าหาญในสนามรบ แต่ตอนนี้พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องฆ่าศัตรูอีกต่อไป พวกเจ้าบางคนอาจต้องถอดชุดเกราะแล้วใส่ชุดของเกษตรกร วางดาบลงและถือจอบขึ้น แต่อย่าลืมว่าพวกเจ้าเป็นนักรบที่ดีที่สุดของอาณาจักรตั้งแต่ต้นจนจบ! อย่าละเลยการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ทุกวัน สักวันหนึ่งพวกเจ้าจะต้องจับอาวุธขึ้นมาอีกครั้งและกลายเป็นแม่ทัพใหญ่!”
เหล่าทหารถูกคำพูดของ หลี่มู่ฟาน กระตุ้นพวกเขายกดาบยาวขึ้นก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า “ทรงพระเจริญ!ทรงพระเจริญ!ทรงพระเจริญ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่มู่ฟาน ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ สองมือยกขึ้นทำให้ทุกคนในที่นี้เงียบลงทันที
“เริ่มแบ่งงานเดี๋ยวนี้ หลิวหลง!นำนักรบผู้กล้าหาญ 50 คนสร้างทีมต่อสู้และท่านเป็นหัวหน้าหน่วย
“รับทราบ”
หลิวหลงตอบด้วยความตื่นเต้น
“ อาเฉียง ! เจ้าสร้างกองทหารช่าง 50 คนเจ้าเป็นหัวหน้าหน่วยรับผิดชอบในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในค่าย!”
หลังจากหลายวันมานี้ อาเฉียง ได้อยู่กับผู้คนและเริ่มมีความเป็นมนุษย์มากขึ้นเขาจึงตอบเสียงดังว่า
“ อาเฉียง รับทราบ!”
“ ชุ่ยฮัว! เจ้าจงสร้างทีมปลูกพืช 30 คน เจ้าเป็นหัวหน้าทีมรับผิดชอบปลูกพืชอาหารและปกป้องแหล่งอาหารของดินแดน!”
“รับทราบ”
เสียงใสก้องกังวานของหญิงสาวดังออกมาเช่นเดียวกับ อาเฉียงหลายวันมานี้ ชุ่ยฮัว ได้ติดต่อพูดคุยกับมนุษย์มากขึ้นนางจึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
“ จางเถี่ย ฟังคำสั่ง!”
“เจ้าตั้งทีมตัดหิน 40 คน เจ้าเป็นหัวหน้าหน่วย รับผิดชอบตัดหิน เพื่อให้แน่ใจว่ามีหินเพียงพอในค่าย!”
“รับทราบ”
จางเถี่ย คำรามออกมาด้วยความไม่พอใจ หลี่มู่ฟาน เดินไปหา จางเถี่ย และมอบดาบให้กับจางเถี่ย
“ ฝ่าบาท ท่าน…”
หลี่มู่ฟาน ตบไหล่ของเขาเบาๆและกล่าวว่า “ดินแดนแห่งนี้ต้องสร้างขึ้นใหม่ให้มั่นคง วัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญก็คือหินลายครามที่แข็งผิดปกติ ดาบธรรมดาไม่สามารถทำลายได้ พวกเราจะนำหินเหล่านั้นเป็นกำแพงค่าย ดาบของข้ายังคมอยู่ มันน่าจะช่วยเจ้าประหยัดเวลาได้มาก”
“แต่..”
จางเถี่ย ได้ยินดังนั้นใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“รับไปเถอะ จะคิดเรื่องไร้สาระทำไมกัน!”
หลี่มู่ฟาน ยัดดาบยาวเข้าไปในอ้อมแขนของ จางเถี่ย โดยไม่มองหน้าเขา หลี่มู่ฟานก้าวกลับมาที่ตำแหน่งเดิมและตะโกนว่า
“อาโชวอยู่ที่ไหน?”
ท่ามกลางฝูงชนมีชายหนุ่มรูปงามสวมเสื้อคลุมหนังหมาป่าเดินออกมาข้างหน้าและคุกเข่าข้างหนึ่ง
“ฝ่าบาทมีคำสั่งใดหรือ?”
เมื่อ 10 วันก่อน หลี่มู่ฟาน ได้เข้าไปในพื้นที่เกมโลกใหม่ หลังจากนั้นหลังจากนั้นเข้าใช้เงิน 1m เขาก็ซื้อการ์ดผู้ติดตามมา 1 ใบซึ่งราคาแสนโหดจนแทบปวดใจ
เมื่อเห็น อาโชว คุกเข่าลงและเรียกเขาว่าฝ่าบาท เขารู้สึกโกรธและคำรามออกมาว่า “ อาโชว! ยืนขึ้น ข้าได้บอกไปก่อนนี้แล้วว่าอย่าเรียกข้าว่าฝ่าบาท?”
เหล่าทหารและ อาโชว ได้รู้จักกันมาประมาณ 10 วันแล้วและรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้มีนิสัยเป็นเช่นไร ดังนั้นการกระทำของเขาจึงไม่แปลก
อาโชว มองหน้า หลี่มู่ฟาน อย่างไร้เดียงสาใบหน้าเล็กๆของเขาเต็มด้วยความคับข้องใจ
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่มู่ฟาน กับพูดไม่ออก
“เจ้าพาคน 30 คนจัดตั้งทีมเพาะเลี้ยงสัตว์อสูร ฝึกสัตว์และเลี้ยงมัน..”
“รับทราบ”
หลังจากปรับความคิดแล้ว หลี่มู่ฟาน ก็พูดต่อ “กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มตีเหล็ก อาเฉียง เจ้าเป็นหัวหน้าชั่วคราว ชุ่ยฮัว เป็นรองหัวหน้าชั่วคราว พวกเจ้าเลือกนักรบ 30 คนรับผิดชอบในการสร้างเกราะอาวุธและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆในค่าย!”
อาเฉียง และ ชุ่ยฮัว ตอบรับพร้อมกัน “ รับทราบ”
“ ฟานชิงเยว่”
“ มีนักรบที่เหลืออีก 6 คน เจ้าเป็นหัวหน้าหน่วยจัดตั้งทีมสายลับ เพื่อรับผิดชอบในการติดตามสื่อสารข่าวคราวนอกค่ายและภายในค่าย นอกจากนี้เจ้าจะต้องรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินประจำวันของข้า!”
“รับทราบ”
ฟานชิงเยว่ ตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ งานของนางเป็นสายลับครึ่งหนึ่งและเป็นสาวใช้ครึ่งหนึ่ง ในฐานะผู้หญิงเพียงคนเดียวในค่ายนี้นอกจาก ชุ่ยฮัว มีนางเพียงคนเดียวที่คอยปรนนิบัตินายน้อย ตลอดการเดินทางนางดูแล หลี่มู่ฟาน อยู่ตลอด ดังนั้นหน้าที่นี้จึงเหมาะที่จะเป็นนางมากที่สุด
หลังจากแบ่งกลุ่มเสร็จ หลี่มู่ฟาน ก็ตะโกนว่า “ทุกคนแบ่งงานกันชั่วคราวเมื่อดินแดนของเราเติบโตขึ้น พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำเรื่องเหล่านี้อีก ตอนนี้งานหลักของพวกเราคือสร้างที่พักอาศัยชั่วคราว หัวหน้าทีมเลือกคนเสร็จแล้วเริ่มตัดต้นไม้และสร้างบ้านไม้ทันที!”
“รับทราบ!”
ทุกคนรับทำเสียงดัง ทหารทุกคนคิดว่า ฝ่าบาทก็คือ ฝ่าบาท แม้แต่คำพูดไม่กี่คำก็สามารถจัดการทุกอย่างในฐานทัพได้อย่างเป็นระเบียบ หากเขายังเป็นกษัตริย์อยู่เชื่อว่าวันหนึ่งจะต้องเป็นถึงจักรพรรดิอย่างแน่นอน