บทที่ 29
เด็กน้อยกลัวผี
ในตอนกลางคืนป่าเงียบสงัด เหล่าทหารในค่ายต่างหลับสนิทกันหมดแล้ว สายลมเย็นพัดผ่านทำให้รู้สึกเย็นเฉียบเมื่อยืนอยู่หน้าประตูห้อง หลี่มู่ฟานหดคอลง กระชับเสื้อผ้าบางๆและเดินไปที่มุมของค่าย
“ฮือ- ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ครั้งหน้าต้องเอาเสื้อผ้าฝ้ายกับผ้าห่มกลับมาบ้าง”
เขาคิดอยู่ในใจในขณะที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้และถอดกางเกงออกอย่างคล่องแคล่ว
หลี่มู่ฟาน เพิ่งแก้ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะเสร็จ และกำลังจะกลับเข้าไปในกระโจม จู่ๆเขาก็เห็นฉากที่ทำให้ขนหัวลุก
ในป่าไม่ไกลจากค่ายทหาร มีโครงกระดูกสวมเกราะอยู่กลุ่มหนึ่ง ประเด็นก็คือทหารโครงกระดูกกลุ่มนี้ไม่มีเท้า! ดาบในมือของพวกมันเป็นสนิม เกราะมีคราบเลือดขาดรุ่งริ่ง ธงใหญ่บนไหล่ถูกย้อมด้วยเลือดสีดำ ราวกับกลุ่มผีที่กำลังลอยไปทางตะวันออกของค่ายอย่างไร้สุ้มเสียง
“ทหารผีข้ามแดน!” หลี่มู่ฟาน ตกใจจนตัวสั่นเขารีบเอามือปิดปากแน่น และกัดปลายลิ้นอย่างแรงเพื่อบังคับให้สงบสติอารมณ์ เขากวาดสายตามองคร่าวๆและพบว่าจำนวนทหารผีมีอย่างน้อย 400-500 ตน
เขาเดินอย่างระมัดระวังไปที่ห้องและเปิดประตูอย่างเงียบๆหลังจากที่เข้ามาในห้องที่อบอุ่นเขาถอนหายใจเบาๆ
“ ทหารผีพวกนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีคนปักหลักอยู่ในบริเวณนี้”
หลี่มู่ฟาน ไม่ได้มุดเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นของ ฟารชิงเยว่ แต่ค่อยๆสวมชุดเกราะและยกดาบยาวของแม่ทัพขึ้นมา (ดาบใหญ่ของเขาได้มอบให้กับ จางเถี่ย ไปแล้ว) จากนั้นค่อยๆเดินออกจากห้องอีกครั้ง
เขาเดินเบาๆไปที่ห้องถัดไป และเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นฉาก ที่ทำให้เขารู้สึกอับอาย
“บ้าเอ๊ย! อาเฉียง ชุ่ยฮัว ทำไมพวกเจ้าไปล็อกประตู ยามทำกิจกรรมบนเตียง ห๊า?
ในขณะเดียวกันทั้งสองคนก็ตื่นตกใจ ชุ่ยฮัว ตกใจจนเกือบกระโดดเมื่อเห็น หลี่มู่ฟาน
อาเฉียง ยิ้มเตือน “ นายน้อย ดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้ ท่าน…”
ทั้งสองคนเริ่มมีความเป็นมนุษย์มากขึ้นและไม่มีสีหน้าเฉยเมยอีกต่อไป
หลี่มู่ฟาน ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เขาชี้ออกไปนอกห้องและกระซิบว่า “ ข้างนอกมีเรื่องอะไรพวกเจ้าออกไปดูด้วยกันกับข้า”
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ทั้ง 3 คนซ่อนตัวอยู่ที่หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากค่าย มองดูทหารผีค่อยๆหายไปในยามค่ำคืน ชุ่ยฮัว เปล่งเสียงต่ำว่า “นายน้อย ทหารผีกลุ่มนี้ดูเหมือนไม่สนใจค่ายของพวกเรา”
“ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่หากยังไม่เข้าใจก็ยากที่จะสงบจิตใจได้ ไปกันเถอะ พวกเราตามพวกมันไป”
อาเฉียง และ ชุ่ยฮัว ไม่ได้คัดค้านพวกเขาทั้งสามคนเดินตามทหารผีเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวัง
การติดตามเข้าไปในป่าครั้งนี้ใช้เวลาถึง 2 ชั่วยาม ความมืดยิ่งลึกล้ำเข้าไปอีก!
หลี่มู่ฟาน เดินตามทหารผีไปที่ตีนเขาทางตะวันออกของค่าย และเห็นทหารผีหายไปทีละคนบนเส้นทางลับ หลี่มู่ฟาน ขมวดคิ้วและหยุดลง
เส้นทางบนภูเขาข้างหน้าไม่รู้ว่าจะนำพาไปทางไหน แต่เส้นทางนั้นกลับเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ ไม่มีหมอกที่ตีนเขาแต่มารวมกันที่เส้นทางสายนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็แสดงให้เห็นว่าเส้นทางสายนี้มีปัญหา
หลี่มู่ฟาน ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาจะไม่บุกเข้าไปตรงๆ เขาวางแผนที่จะพาคนของเขามาที่นี่อีกครั้งหลังจากวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อเขากำลังจะถอย กับดวงตาพร่ามัวและเมื่อลืมตาขึ้นเขาก็อยู่ในหมอกหนาเสียแล้ว
ความตกใจนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หลี่มู่ฟาน รู้สึกขนลุกขนพองทันที
“นายน้อย!”
เสียงของ อาเฉียง ดังขึ้นข้างหูของเขา หลี่มู่ฟาน รีบ เอื้อมมือออกไปคว้าแขนของ อาเฉียง และมืออีกข้างขวาแขนของ ชุ่ยฮัว เอาไว้พูดอย่างร้อนรนว่า
“เร็วเข้า จับมือกันที่นี่เต็มไปด้วยหมอกพวกเราไม่สามารถแยกกันเดินได้”
“นายน้อยพวกเราควรทำอย่างไรดี!”
“อย่าตื่นตระหนก! จับมือกันแล้วถอยหลังเราจะกลับไป!”
แต่ถึงอย่างนั้นบริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยหมอกหนาจนมองไม่เห็นเส้นทางกลับ
ด้วยความทรงจำของพวกเขาทั้งสามคนเดินไปยังทิศทางเดียวกันแต่ไม่ว่าพวกเขาจะเดินนานแค่ไหนก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากหมอกได้
หัวใจของ หลี่มู่ฟาน ค่อยๆสงบลง จากนั้น อาเฉียง ก็พูดว่า “ศิลาจารึกนี้อีกแล้ว!นายท่านดูเหมือนว่าพวกเราจะกลับมาที่เดิม!”
“ศิลาจารึกงั้นหรอ?ทำไมฉันไม่เห็นมัน?”
ชุ่ยฮัว กล่าว “นายท่านพวกเรากำลังวนเวียนอยู่ที่เดิม ข้าเห็นแผ่นหินนี้มา 8 ครั้งแล้ว!”
ทั้งสองคนมีสายตาและความจำที่ดีกว่า หลี่มู่ฟาน เมื่อได้ยินพวกเขาพูด หลี่มู่ฟานก็เกิดความคิดในใจ
“พาข้าไปดูหน่อย!”
หลี่มู่ฟาน ยืนอยู่ใต้แผ่นหินสูง 3 จั้ง ใบหน้าของ หลี่มู่ฟาน เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ข้างบนแผ่นศิลาสีอาทิตย์นี้มีอักษรอยู่ทุกทิศทุกทางและไม่ใช่อักษรทั่วไปของทวีปเทียนเหิง
“ตาย!”
มีคำว่าตายสีแดงเข้มถูกสลักบนหินก้อนใหญ่
“นี่….”
หลี่มู่ฟาน รู้สึกขนลุกหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาอาจจะไม่เข้าใจตัวอักษรสี่เหลี่ยมนี้ แต่สำหรับ หลี่มู่ฟาน กลับจำมันได้ในทันที!
นี่คือภาษาจีน!มันเป็นตัวอักษรแบบดั้งเดิมโบราณ!
เขาตกใจมาก คลื่นยักษ์โถมกระหน่ำในหัวใจของเขา
“ทำไมที่นี่ถึงมีอักษรจีนปรากฏขึ้น!”
อาเฉียง แผ่นหิน 8 แผ่นที่เราผ่านมามีคำนี้เขียนไว้หรือไม่?
อาเฉียงพูดอย่างลังเลว่า “ นายท่าน หมอกหนาเกินไป ข้ามองไม่ชัดนัก แต่ดูเหมือนว่าอักษรบนแผ่นหินอื่นๆจะไม่มีรูปร่างเช่นนี้..”
“เร็วเข้า ไปกันต่อ พวกเราไปดูอักษรบนแผ่นหินอื่นๆกันดีกว่า”
พวกเขาเดินต่อไปไม่นานเสียงใสกังวานของ ชุ่ยฮัว ก็ดังขึ้น
“นายท่านรีบมาดูนี่ ด้านหน้าทางขวามือมีแผ่นหินอยู่แผ่นหนึ่ง”
“บาดเจ็บ!”
บนแผ่นหินก้อนนี้เป็นอักษรจีนสีแดงเข้ม “บาดเจ็บ!”
“ตาย?บาดเจ็บหรอ? นี่ต้องการให้พวกเราตายหรือบาดเจ็บหรอ?
ขนแขนของ หลี่มู่ฟาน ลุกโชน
“ไป!มองหาแผ่นหินอื่นๆ!”
ทั้ง 3 คนเดินอยู่ในหมอกควันและพบแผ่นหินอีกครั้ง
“ตาย!”
เป็นคำว่าตายเหมือนเดิม
“นี่พวกเรากลับมาที่เดิมนั้นหรือ?”
หลี่มู่ฟาน รู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่ อาเฉียง ที่อยู่ข้างๆพูดว่า
“นายท่านตามทิศทางของข้าพวกเราได้เดินกลับมา!”
เขาชะงักเล็กน้อยเขาจำได้ว่า ชาวอาณานิคมของเขาทั้งสองคนนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าคนปกติถึง 40% เขาโกรธและคำรามออกมา
“ไอ้บ้า!ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรก มานำทางสิ!”