บทที่ 36
มีแต่เรื่องไร้สาระ
“พูดจบแล้วหรือยัง?”
เมื่อเอลฟ์หนุ่มได้ยินเช่นนั้นเขาก็ตกตะลึง
“เจ้าพูดไร้สาระอะไร!”
หลี่มู่ฟาน คำรามออกมาทันที “ไอ้เวร!ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ฆ่ามัน!”
เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังตะโกนขึ้น หลิวหลง อาเฉียง และ ชุ่ยฮัว ก็พุ่งนำหน้าเหล่าทหารราวกับพายุหมุน
“เจ้า พวกเจ้า...เผ่าพันธุ์มนุษย์ก่อกบฏยังงั้นหรอ!”
อูเหล่าเปา ไม่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์กลุ่มนี้จะกล้าลงมือ พวกเขาไม่รู้ถึงความน่าเกรงขามของเผ่าเอลฟ์เลยอย่างนั้นหรือ? แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันตั้งตัวเขาก็กรีดร้องออกมาเพราะถูกหลิวหลงฟันจนล้มคว่ำ
เผ่าก็อบลินมีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับสามัญชนทั่วไปแล้วจะเป็นศัตรูของหน่วยองครักษ์ได้อย่างไร?
ในสนามรบมีสมาชิกกลุ่มทหารองครักษ์ 50 คนกำลังต่อสู้กับก็อบลินราวกับกำลังตัดแตงโมหรือไม่ก็หั่นผัก การฟาดฟันแต่ละครั้งเก็บเกี่ยวชีวิตของพวกก็อบลินไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
“เจ้ามนุษย์ ช่างหาญกล้ายิ่งนัก พวกเจ้าต้องการท้าทายอำนาจเผ่าเอลฟ์ของข้าเหรอ?”
เอลฟ์ชายตะโกนด้วยความโกรธแล้วยิงลูกศร 3 ดอกใส่ หลี่มู่ฟาน แต่เขาก็ได้ยิน “ติงติงติง” ลูกดอกทั้ง 3 ถูก ฟานชิงเยว่ ขวางเอาไว้
เมื่อแม่ทัพหญิงได้กินยาหมาป่าพยัคฆ์และยาเป่ยหยวนทำให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และอยู่ในระดับหลอมรวมร่างกายระดับหนึ่ง แม้แต่เผ่าเอลฟ์ที่เชี่ยวชาญการยิงธนูก็ไม่สามารถฝ่าการป้องกันของนางได้
ในพริบตาเผ่าก็อบลินก็พ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวง
เมื่อเห็นว่าก็อบลินหลายร้อยตัวไม่สามารถต้านทานผู้พิทักษ์ทั้ง 50 ของ หลี่มู่ฟาน ได้ เอลฟ์หนุ่มก็ตะโกนขึ้นว่า “เร็วเข้า!ปกป้ององค์หญิง รีบถอยก่อน!”
รถม้าค่อยๆหันกลับไป หลี่มู่ฟาน เห็นดังนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“ชิงเยว่ ส่งสัญญาณ”
“ ฟิ๊ว”
ดอกไม้ไฟระเบิดในอากาศ ดอกไม้ไฟที่สวยงามค่อยๆก่อตัวเป็นอักษร “หมิง” เป็นเวลานาน
ระเบิดสัญญาณนี้เป็นของใช้ในยุคศักดินา หลี่มู่ฟาน เป็นคนทำขึ้นเมื่อเข้าสู่มิติโลกใหม่ครั้งที่ 2 เพื่อรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิด แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ใช้งานรวดเร็วเช่นนี้
และคำว่า “หมิง”เป็นคำว่าสุริยันและจันทรารวมเข้าด้วยกัน”
“ทุกคน รีบกำจัดศัตรูและไล่ตามรถม้าขององค์หญิงเอลฟ์ไป!”
เขาคำรามและรีบพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับ ฟานชิงเยว่
ที่ค่าย จางเถี่ย ที่เปลือยกายท่อนบนกำลังตัดหินอยู่ทันใดนั้นเขาก็เห็นดอกไม้ไฟสว่างขึ้นบนท้องฟ้าและยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นคำว่า “หมิง”!
เขาโยนค้อนยักษ์และคำรามเสียงดัง “ฝ่าบาทกำลังประสบปัญหาพวกเราขึ้นม้า!แล้วไปฆ่าพวกมันซะ!”
ในสนามรบหน้าหมู่บ้านของมนุษย์ตอนนี้กำลังมีการต่อสู้กันไปมา แม่ทัพทั้ง 3 ของ หลี่มู่ฟาน ราวกับเสือที่หลุดเข้าไปในฝูงแกะ ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ เผ่าก็อบลินได้แต่ร้องไห้เรียกหาพ่อแม่
เหล่าทหารองครักษ์ก็เก่งกาจไม่แพ้กัน คนที่ได้กินยา เป่ยหยวนเข้าไปมีพละกำลังใกล้เคียงกับขอบเขตหลอมรวมร่างกายอีกทั้งในมือของเขายังมีอาวุธระดับสามัญขั้นกลาง แล้วเผ่าก็อบลินจะต้านทานได้อย่างไร?
ชาวบ้านที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งต่างตกตะลึง
ความรุนแรงนี้คืออะไรนี่มันเรื่องใหญ่มากไปแล้ว!
ชายหนุ่มคนนั้นเข้าโจมตีและจัดการพวกก็อบลินที่มีจำนวนกว่าหลายเท่าในพริบตา พวกเขายังคงเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือไม่?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่โจรกบฏเผ่ามนุษย์ดุร้ายขนาดนี้?
ในช่วงเวลาแค่ครึ่งก้านธูป เผ่าก็อบลิน 300 ตัวพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
“อาเฉียง ชุ่ยฮัว! พวกเจ้าพาคนครึ่งหนึ่งไล่ตามรถม้าไป ต้องจับองค์หญิงเอลฟ์เป็นๆ!”
“รับทราบ นายน้อย!”
“หลิวหลง! ปิดกั้นสถานที่แห่งนี้และห้ามใครออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต!”
“ รับทราบ!”
หลิวหลงตะโกนและเริ่มกระจายกำลังทหารของเขาปิดล้อมสถานที่อย่างเป็นระเบียบสมกับที่เป็นแม่ทัพใหญ่
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่มู่ฟาน จึงพยักหน้าอย่างพอใจเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นานการต่อสู้ก็จบลง พวกเขามองไปพวกก็อบลินที่คุกเข่าอยู่ เขาคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะกล่าวว่า “เฉินหยาง เจ้าพาพวกเชลยเข้าไปในหมู่บ้านก่อน แล้วรอกำลังเสริมของ จางเถี่ย!”
“ รับทราบ!”
เฉินหยางเป็นรองหัวหน้าทีมต่อสู้ ชายหนุ่มที่เก่งมากไปด้วยความสามารถความแข็งแกร่งของเขาใกล้เคียงกับหลอมรวมร่างกายระดับ 1 แต่ร่างกายของเขาอ่อนแอกว่า จางเถี่ย เล็กน้อย
“นอกจากนี้พวกชาวบ้านก็ต้องจับตาดูพวกเขาเช่นกันอย่าปล่อยให้พวกเขาเดินออกจากที่นี่”
“นายน้อยวางใจได้”
หลี่มู่ฟาน พยักหน้าและตะโกนว่า “หลิวหลง ชิงเยว่ ตามข้าไปดูกันว่าองค์หญิงเอลฟ์ผู้นี้มีต้นสายปลายเหตุมาจากอะไรกันแน่!”