px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
บทที่ 137 - Blood Golem (2)


“ฮื้มมมม แมวตัวใหญ่ยักษ์เลยเมี๊ยวว "

สิงโตขนาดยักษ์จูเปีย คำรามออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของบีบี

[ไม่มีใครมีชีวิตรอดหลังจากเรียกข้าเช่นนั้น]

“เมี๊ยววววว”

บีบีส่ายหน้าหนีหลังจากเห็นรูปร่างของจูเปีย

[เจ้าช่างกล้านักนะ]

จูเปียหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อสังเกตท่าทางของบีบี ขณะเดียวกันเขาก็ประเมินความสามารถของบีบีด้วย หลังจากทำสงครามมานาน เขารู้ดีว่าการตัดสินบุคคลอื่นจากรูปร่างภายนอกมันจะลงเอยยังไง ความผิดพลาดแบบนี้มีให้เห็นกันนักต่อนักแล้ว

เด็กน้อยนี่ มีกลิ่นอายน่าหวาดกลัว

จูเปียที่กำลังเดินเข้ามาหยุดร่างลง ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเผชิญหน้ากัน สภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลง

หิมะเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า และเขาเกลียดหิมะมากที่สุด

'เวทย์น้ำแข็งอย่างงั้นหรอ?'

จูเปียส่ายหัวอย่างแรง ความรู้สึกมันแตกต่าง

นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ นี่มันภาพมายา ...

ประกายตาของจูเปียคมกล้าขึ้นมา เขาแยกเขี้ยวขู่บีบี เขารู้สึกว่าเด็กน้อยตรงหน้าแตกต่างจากศัตรูที่เคยเจอมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงตัวตนของบีบี หลังจากที่เจอการจู่โจมด้วยภาพมายา

[เจ้าเป็นพวกรัตติกาลกลืนฝัน]

เธอไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจอย่างแน่นอน เพราะว่าความสามารถของเด็กสาวตรงหน้าคล้ายคลึงกับพวก ไนท์แมร์และซัคคิวบัส พวกที่สามารถเข้าไปควบคุมความฝันผู้อื่นได้

ตาของจูเปียส่องกระกายแสงออกมา หิมะและบรรยากาศรอบๆก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิม จูเปียเห็นบีบียืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า

"เมี๊ยววว ดูเหมือนการโจมตีของฉันจะไม่ได้ผล ตอนฉันอยู่คนเดียวสิน้า"

[เทคนิคเด็กๆ]

ผลการต่อสู้คงเปลี่ยนแปลงอย่างมากหากจูเปียถูกครอบงำความคิดและติดอยู่ในภาพมายา แต่ตอนนี้จูเปียรู้สึกผ่อนคลายเมื่อไม่ได้ติดอยู่ในความสามารถของบีบี

"นายเป็นอะไรกับ จูเปียล งั้นหรอเมี๊ยว?"

บัลลังก์สูงสุดทำดับ2 จูเปียล

ใบหน้าของจูเปียเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของบีบี

[เป็นน้องชายคนเล็ก]

“อ๊อ นายเป็นพี่น้องกับไอหมาบ้าตัวนั้นหรอกหรอเมี๊ยว? "

[ ...... .]

สายตาของจูเปียเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อมองไปที่บีบี

[เท่าที่ข้ารู้มา โลกปีศาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับโลกนี้ แล้วเจ้ามาขวางทางข้าทำไม?]

บีบียิ้มกว้างออกมา ท่าทางของเธอดูสบายๆแตกต่างจาก ท่าทางระวังตัวของจูเปียอย่างมาก

เอาจริงๆเธอก็ไม่ได้อยากจะสนทนากับเขาหรอก แต่อยากรู้ว่าเขามีแผนอะไร?

เธอได้เห็นต้นไม้ด้านหลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มันขยายตัวแทบจะทุกนาที

"นายท่านของฉัน ชอบโลกใบนี้มากเลยน่ะ เมี๊ยว"

[เจ้านาย?]

"นายไม่เคยไปอัลเฟ่นหรอเมี๊ยว?"

[อัลเฟ่น? สนามรบของผู้ปกครองมิติชั้นเยี่ยมนั่นน่ะหรอ?]

"ฮี่ฮี่ แสดงว่านายคงไม่รู้จักเจ้านายฉันดีพอสินะ เมี๊ยว "

[อะไร?]

"นายท่านของฉันน่ากลัวมากเมี๊ยว"

[ ...... .]

ปีศาจน้อยตัวนี้พูดเรื่องอะไรของมัน?

"ฮิฮิ มาเริ่มกันได้ยังเมี๊ยว? เห็นต้นไม้กำลัง โตขึ้นๆ รู้สึกขัดหูขัดตาน่ะเมี๊ยว "

[ ...... .]

เธอพูดถูก ถ้าต้นไม้นี้เติมพลังงานจนเต็ม มันจะเป็นฐานที่มั่นระหว่างพื้นที่มิติกับดาวใบนี้

อย่างไรก็ตามต้นไม้นี้ยังต้องการเติมพลังงานอีกถึงหนึ่งวันเต็มๆมันถึงจะทำงานได้

จูเปียหันศีรษะไปทางต้นไม้ และมองขึ้นไป

การต่อสู้ควรให้คนอื่นทำ เขาค่อนข้างแตกต่างจากคู่แฝดของเขาจูเปียล เขาไม่ได้เก่งกาจแบบนั้น

ฮู่ม

เสือดำที่อยู่รอบๆถูกเขาเรียกมารวมตัวกัน พวกมันมีมากกว่า200ตัว ไม่ใช่อะไรที่นักเวทย์มายาจะจัดการได้ง่ายๆ

"ฮิฮิ ดอลเซ่จัง แลกหน้าที่กันเมี๊ยว "

โกกกกกกกก

เมื่อโดลเซ่เดินเข้ามา รถทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็ถูกดึงดูดเข้ามายังแกนกลางของเขาแล้วเริ่มหลอมรวม

กึงงงงง กึงงงง กึงงงงงง

รถถูกสลายแยกส่วนแล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายโกเลม น้ำมันและเชื้อเพลิงต่างๆถูกแยกออกและไหลไปทั่วทั้งตัว ทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิง

โกกกกกกก ตึงงง ตึงงงง!

โดลเซ่ กระแทกกำปั้นทั้งสองข้างเข้าหากัน ก่อนที่จะพุ่งไปยังฝูงเสือดำ

ตูมมมมม,ตูมมมม!

บีบีพูดกับแจมิน ในขณะที่เธอสำรวจต้นไม้ยักษ์

"นักเรียนแจมิน เราจะขุดรากถอนโคนต้นไม้นั้นก่อนที่เราจะกลับ "

"ครับ"

ซูจีและกลุ่มไอดอลที่อยู่ด้านหลังแจมิน พวกเขาปิดปากเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขากลัวจะดับอนาถแบบจุนซังถ้าพวกเขาพูดอะไรไม่เข้าหูขึ้นมา

***

ณ อแลนดัล

ซังกูและแฮซอลที่ยืนอยู่ด้านหน้าของลานฝึกซ้อม กำลังมองไปยังทิศทางที่หอนัมซานตั้งอยู่อย่างกังวล

"นายคิดว่ามันจะถูกทำลายไหม?"

"ผมว่าไม่น่าเหลือ"

หอนัมซานมันถูกทำลายไปแล้วครั้งหนึ่งตอนปรากฏการณ์ดันเจียนแตกออกครั้งแรก มันถูกสร้างใหม่เมื่อไม่นานมานี้เนื่องจากมันถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล อย่างไรก็ตามดูเหมือนหอนี้จะถูกทำลายโดยมังกรอีกครั้ง

ซังกูชี้นิ้วไปยังมังกรตัวนั้น

"เธอคิดว่าเธอฝึกให้มันเชื่องได้เปล่า?"

"... มันคงยากมากๆเลยล่ะ"

เธอจะฝึกมอนเสตอร์มังกรขนาดมหึมาตัวนั้นได้อย่างไร? เธอรู้ได้แทบจะทันทีว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับไวเวิร์นสองตัวที่บินอยู่รอบๆมังกรตัวนั้น เธอคิดว่าไม่ใช่ปัญหา

“เอ เราจะลำบากนะถ้าเกิดเจอพวกบินได้จู่โจม เราจะทำยังไงดีล่ะถ้ามันบินมาทางนี้? "

ความกังวลของซังกูเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ขนาดเครื่องบินรบสามลำยังทำอะไรมันไม่ได้ หากมันมาทางนี้จริงๆคงเป็นปัญหาใหญ่

ขีปนาวุธและมิสไซล์จากเครื่องบินรบไม่สามารถทำอะไรบาเรียของมันได้เลย แถมมันใช้แค่ลมหายใจก็เป่าเครื่องบินร่วงระนาว

[ฮื่ม แค่มังกรตัวนั้นไม่ใช่คู่มือของพวกข้า]

“โอ้วว! เจ๋งงงงสิ ท่านอัศวิน "

ดวงตาของซังกูกระพริบตอบรับคำพูดของแรมสัน อัศวินแห่งความตาย3ตนได้กลับมาคุ้มกันอแลนดัล ส่วนคนอื่นๆที่เหลือกำลังกวาดล้างมอนสเตอร์ในกรุงโซล

มันไม่เป็นปัญหาอะไรหากมอนสเตอร์ยังรวมตัวกันไม่เสร็จเสร็จก่อนที่วูชินมาถึง แต่หากมันรวมกำลังกันได้แล้วบุกมา ก็เป็นหน้าที่ของซังกู,แฮซอล และอัศวินแห่งความตาย3ตนในการรับมือ

ตอนนี้พวกเขาต้องการให้วูชินกลับมาถึงโดยเร็วที่สุด รวมถึงอัศวินแห่งความตายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

"มันไม่เป็นไรหรอที่ส่ง บีบีกับโดลเซ่ไปกันแค่สองคน?"

เมโลดี้ เอียงคอสงสัยกับคำถามของซังกูเล็กน้อย

"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกเขา อสุราจอมทำลายล้าง และ แม่มดเจ้ามายา แค่2คนก็เหลือเฟือ "

“อ่อ ยังงั้นหรอ? แล้วมีผู้ปกครองมิติออกมาจากดันเจี้ยนด้วยรึเปล่า? มอนสเตอร์ระดับเดียวกันกับมังกรตัวนั้นคงไม่ได้อยู่รอบๆหรอกนะ ? "

ซังกูชี้ไปที่มังกร

"เราไม่ต้องส่งอัศวินแห่งความตายไปเผื่อไว้ ในกรณีที่พวกเขาเจอมอนสเตอร์ระดับนั้นหรอ?"

เมโลดี้หัวเราะเบาๆ

"เอาจริงๆ ถ้านับความสามารถในการต่อสู้ด้วยตัวเอง อสุราจอมทำลายล้าง แข็งแกร่งที่สุดในหมู่อัศวินแห่งความตายทั้งหมด"

"หือ อะไรนะ?"

ด้วยความสงสัยจากคำพูดของเมโลดี้ซังกูเลยมองไปยังแรมสันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ซังกูและแฮซอลเคยฝึกซ้อมด้วยการจับคู่ประลองกับอัศวินแห่งความตาย

เขาได้รับประสบการณ์ต่อสู้มากมายด้วยตัวเขาเอง

โดลเซ่แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรอ? ตอนเขาฝึกไม่เห็นโดลเซ่จะเก่งกาจอะไรขนาดนั้น

แรมสันไม่พูดอะไรออกมา ราวกับว่ายืนยันคำพูดของเมโลดี้ว่าถูกต้อง

[คอยดูโกเลมตนนั้นกำราบมังกร]

“อ่า”

ซังกูยักไหล่ของเขา คนของวูชินแข็งแกร่งมากเขารู้ แต่เขาไม่เคยเห็นโดลเซ่แสดงความสามารถอะไรนอกจากเอาไว้จัดการมอนสเตอร์เล็กๆน้อยหรือพวกมอนสเตอร์ลิ่วล้อทั้งหลาย

"อสุราจอมทำลายล้าง เป็นทัพหน้าของอแลนดัลเสมอ"

เมโลดี้ตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงตอนที่ยังเป็นศัตรูกัน

“หืม ผมไม่เคยรู้มาก่อน"

อาจจะเป็นเพราะมอนสเตอร์ ที่ออกมาในเวลาที่เขาล่าพร้อมกับโดลเซ่มันอ่อนแอเกินไป? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็จำได้ว่าครั้งหนึ่งโดลเซ่เคยหยุดการแตกออกของดันเจี้ยนในสหรัฐด้วยตัวคนเดียว

วูชินมักจัดการบอสด้วยตัวเองเสมอดังนั้นซังกูจึงคิดว่าโดลเซ่มีไว้เก็บพวกลิ่วล้อทั้งหลาย ...

"หืม? เหมือนพวกเวรนั้นจะเตรียมพร้อมที่จะเดินทัพแล้ว? "

ไวเวิร์นได้รวมตัวกันอยู่รอบๆหอนัมซานพวกมันบินกันอย่างเป็นระเบียบเหมือนการจัดทัพเสร็จสิ้นแล้ว ซังกูพยายามสงบใจเมื่อเห็นพวกมันเรียงตัวกันเป็นกองทัพ

"หัวหน้ากิลด์ รีบกลับมาเถอะ ได้โปรด ... "

"โอ้ ผู้อมตะ"

แฮซอล และ เมโลดี้ ก็อยากให้ วูชินรีบกลับมา

***

ที่จอดรถเต็มไปด้วยมอนสเตอร์เสือดำมองไกลๆ มันแลดูมืดมิดมาก

มันเต็มไปด้วยเลือดและซากศพของเสือดำ กลิ่นสนิมคละคลุ้งไปในอากาศ จูเปียไม่คิดจะลงมือด้วยตัวเองหากลูกน้องของเขายังไม่ตายหมด ถ้าเขามีพลังงานเขาจะเรียกออกมาอีกเท่าไรก็ได้

การรอให้ศัตรูอ่อนล้าก่อนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขา

[ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เหลือพลังแล้ว]

จูเปียลุกขึ้นยืน เขาต่างจากพี่น้องของเขา เขามักจะต่อสู้ด้วยความรอบคอบ เขามักตัดสินใจใช้พลังงานของเขา เพื่อทำให้ศัตรูอ่อนล้า

กึง กึง ฮู่มมมมมม ซู่วววว

เสียงดังทุกครั้งที่โดลเซ่ก้าวเดิน ถังแก๊สและน้ำมันลุกติดไฟ มองไปตอนนี้มันดูคล้ายกับโกเลมไฟเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามดูเหมือนโดลเซ่จะเคลื่อนไหวแตกต่างจากตอนแรก

ฟุ่บบบบ

ร่างใหญ่ของจูเปียบินมาจู่โจมโดลเซ่ด้วยความรวดเร็ว

ตูมมมมม!

ทุกการโจมตีด้วยกรงเล็บ แผ่นเหล็กที่ติดอยู่กับโดลเซ่ถูกฉีกกระเด็นออกไป

ตูมมมม ตูมมมม! ฮู่มมมมม!

จูเปียเอียงคอหลบหมัดของโดลเซ่ ก่อนที่เขาจะใช้หัวพุ่งชนสวนกลับไป แตกต่างจากคำพูดที่เคยกล่าวไว้ สุดท้ายสไตล์การต่อสู้ของจูเปียก็เหมือนสัตว์ป่า

[โกกกกก โกกกก]

โดลเซ่คำรามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาพยายามแล้ว แต่จูเปียก็แข็งแกร่งมาก ที่สำคัญความเร็วของจูเปียมันเยอะเสียจนโดลเซ่ได้แต่ยืนงงไม่สามารถตอบโต้อะไรได้

สำหรับผู้ที่เฝ้ามองการต่อสู้พวกเขารับรู้ได้ทันทีว่าความสามารถในการรบแตกต่างกันอย่างมาก

“ฮือ ฮึก เราจะทำยังไงกันดี?"

"พวกเราไม่รอดแน่"

ถ้าโดลเซ่แพ้และถูกฆ่าคิวต่อไปก็คือพวกเขา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกองกำลังสนับสนุนหรือผู้มีพลังไม่ได้มาช่วยเหลือพวกเขาเลย

"โถ่เอ๊ย เขาควรจะสร้างร่างกายของเขาด้วยรถจากต่างประเทศ"

ชายคนนั้นบ่นออกมาหลังจากที่เห็นร่างกายของโดลเซ่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แจมินเห็นดังนั้นก็เริ่มหันไปหาบีบี

"หัวหน้าบีบี มีอะไรที่พวกเราทำได้บ้างไหม"

"ฮิฮิ แน่นอนว่ามีเมี๊ยว? "

เธอยังคงนั่งเฉยๆและใบหน้ายังมีรอยยิ้ม เรื่องนี้ทำให้แจมินรู้สึกคลายกังวลลงมา

"นายรู้มั้ย ว่าทำไม ดอลเซ่จัง ที่น่ารักของเราจึงมีชื่อว่า อสุราจอมทำลายล้าง?"

"เพราะตัวเขาใหญ่หรอครับ?"

"นั่นก็ถูก แล้วรู้เหตุผลของคำว่าจอมทำลายล้างไหม?"

“อ่า ผมไม่รู้ครับ"

แจมินจะรู้ได้ยังไง? เขาไม่แม้แต่ จะเคยไปอัลเฟ่น

“หุหุ ดอลเซ่จัง จะน่ากลัวมากถ้าเขาโมโห นายรู้ไหมทำไมฉันถึงมาด้วยกันกับเขา? "

"ผม ... ผมก็ไม่รู้ครับ?"

"ถ้า ดอลเซ่จัง โมโห ฉันเป็นคนเดียวบนโลกที่หยุดเค้าได้ เมี๊ยวว "

“...... .”

“ฮ้า แมวตัวนี้เจอปัญหาหนักแน่นอนเมี๊ยวว "

เมื่อคำพูดบีบีจบลงเสียงคำรามกึกก้อง ดังขึ้นมา

โกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!

ขณะที่ร่างของโดลเซ่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จู่ๆ ชิ้นส่วนทั้งหมดรวมถึงร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆกระจายไปทั่ว

วิ้งงงงงงง

จูเปียหัวเราะดัง เมื่อเห็น แกนกลางของโดลเซ่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ

[มันจบสิ้นแล้วงั้นรึ?]

คำพูดเหล่านี้ไม่ควรใช้กับกลุ่มของผู้อมตะ

วู้มมมมมมมมมมมม!

แกนกลาง หรือหัวใจของโกเลม หมุนด้วยความเร็วสูง เลือดทั้งหมดถูกดูดไปรวมที่มัน

วิ้งงงงงงงงงงงงง ฟู่มมมมมม

เลือดสีแดงทั้งหมดถูกดูดลอยไปที่แกนกลาง ความเร็วในการดูด มองไกลๆเหมือนกับพายุสีเลือดกำลังก่อตัว

โกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แกนกลางที่อยู่บริเวณหัวใจ เลือดทั้งหมดก่อเป็นร่างกายขึ้นมา มันเล็กกว่าจะเป็นโดลเซ่ตัวเดิมมันสูงราวๆ2เมตรและมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แรงกดดันและกลิ่นอายน่าสยดสยองแผ่ออกมา

ขนาดตัวของโดลเซ่ร่างนี้จะขึ้นอยู่กับปริมาณเลือดที่อยู่รอบๆ

แต่มันไม่ค่อยสำคัญเท่าไร เพราะเขาจะตัวใหญ่ขึ้นเมื่อฆ่าและเรียกเลือดจากศัตรู

[โกกกกกก!]

จูเปียมองไปที่โดลเซ่และรู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง

[ไม่ใช่แกตัวเดียวที่แปลงร่างได้]

ร่างกายจูเปียเริ่มสั่น สภาวะรูปร่างของเขาไม่คงที่ ร่างกายของเขาเล็กลงและพลังงานที่แผ่กระจายออกมามันหนาแน่นกว่าตอนแรก

ขาหลังของเขายืด ยืนตรงเหมือนมนุษย์ ขาหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไปคล้ายๆกับมือ กรงเล็บยาวขึ้น หางของเขาหดสั้นลงและแข็งตัวราวกับดาบ

รูปร่างคล้ายๆกับมนุษย์หมาป่า

เขากลายเป็นครึ่งสิงโตครึ่งมนุษย์ ความสามารถในการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

[บอลโลหิต]

จูเปียเริ่มออกวิ่ง ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมาก

ฟุ่บบบบบบ กึงงงงงง!

แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้โดลเซ่แตกต่างจากเดิมเหมือนอยู่คนละมิติ ตั้งแต่เกิดมาจูเปียไม่เคยเห็นใครเร็วขนาดนี้มาก่อน

ตูมมมม, ตูมมมม, ตูมมมมม!

หมัดถูกส่งไปตะบันหน้าของจูเปียอย่างต่อเนื่อง สติของเขาแทบจะหลุดลอย เขาพยายามต่อต้านอย่างเต็มที่ในที่สุดเขาก็ใช้กรงเล็บทะลวงเข้าไปในร่างของโดลเซ่สำเร็จ

จากนั้นเลือดของโดลเซ่ก็แข็งตัว

[อั๊คคค อะไรกัน?]

มือและกรงเล็บของเขาถูกผนึกติดกับร่างกายของโดลเซ่

ร่างกายของโกเลมไม่มีจมูกหรือปาก แต่จูเปียสัมผัสได้ว่าตอนนี้มันกำลังยิ้ม

ตูมมมมม, ตูมมมมม!

โดลเซ่ส่งกำปั้นไปตะบันหน้าจูเปียอย่างต่อเนื่อง

[ดะ ... เดี๋ยวก่อน ... ]

ตูมมมม, ตูมมมมม!

จะจัดการไอตัวประหลาดบ้าๆฆ่าไม่ตาย แบบนี้ยังไงดี?

เขาต้องทำลายแกนกลางของโกเลม มือขวาของเขายังติดอยู่ในร่างดังนั้นเขาจึงใช้มือซ้ายพยายามหาแกนกลาง ที่จำได้ว่าอยู่บริเวณหัวใจ .. แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พบอะไร

"บ้าเอ๊ย มันเคลื่อนย้ายแกนกลางได้"

จูเปียเริ่มโอดครวญเมื่อตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาติดแหง็กอยู่ในร่างของโดลเซ่

โดลเซ่หัวเราะ หลังจากนั้น เขาเริ่มใช้ท่า เฮดบัต โขกไปที่หัวจูเปีย อย่างต่อเนื่อง

โป๊กกกก, โป๊กกกก, โป๊กกกก!

ราวกับหัวของเขาทำจากของเล่นราคาถูกมันโยกไปโยกมาเหมือนจะหลุด สุดท้ายหัวของจูเปียก็แตกออกเหมือนแตงโมตกตึก แต่โดลเซ่ก็ยังไม่หยุดเขายังคงเฮดบัต จนกระทั่งส่วนคอของจูเปียเละเหมือนโจ๊ก

ร่างกายของจูเปียค่อยๆกลายเป็นแสงสีเทา ก่อนที่จะสลายหายไป โดลเซ่คำรามออกมาเมื่อเห็นจูเลียหายไป

[โกกกกกกกกกกกกกกกกกกก]

เขาต้องการทำลายศัตรู เขาต้องการดื่มเลือด เลือดดดด ต้องการเลือด

เขาต้องการทำลายล้างและเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิต

สายตาของ โดลเซ่ หันไปทาง แจมิน และผู้รอดชีวิต

[โกกกกกกก]

ตึงงง, ตึงงงง!

ราวกับโดลเซ่เป็นเจ้าพ่อเงินกู้ ที่กำลังจะไปทวงเงินจากลูกหนี้ ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว ตอนนี้โดลเซ่ไม่สามารถแยกแยะมิตรหรือศัตรูออกใช่ไหม? บีบีเริ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าโดลเซ่ที่มีแรงกดดันมหาศาล

รีวิวผู้อ่าน