“ฮื้มมมม แมวตัวใหญ่ยักษ์เลยเมี๊ยวว "
สิงโตขนาดยักษ์จูเปีย คำรามออกมาหลังจากที่ได้ยินคำพูดของบีบี
[ไม่มีใครมีชีวิตรอดหลังจากเรียกข้าเช่นนั้น]
“เมี๊ยววววว”
บีบีส่ายหน้าหนีหลังจากเห็นรูปร่างของจูเปีย
[เจ้าช่างกล้านักนะ]
จูเปียหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อสังเกตท่าทางของบีบี ขณะเดียวกันเขาก็ประเมินความสามารถของบีบีด้วย หลังจากทำสงครามมานาน เขารู้ดีว่าการตัดสินบุคคลอื่นจากรูปร่างภายนอกมันจะลงเอยยังไง ความผิดพลาดแบบนี้มีให้เห็นกันนักต่อนักแล้ว
เด็กน้อยนี่ มีกลิ่นอายน่าหวาดกลัว
จูเปียที่กำลังเดินเข้ามาหยุดร่างลง ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเผชิญหน้ากัน สภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลง
หิมะเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า และเขาเกลียดหิมะมากที่สุด
'เวทย์น้ำแข็งอย่างงั้นหรอ?'
จูเปียส่ายหัวอย่างแรง ความรู้สึกมันแตกต่าง
นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ นี่มันภาพมายา ...
ประกายตาของจูเปียคมกล้าขึ้นมา เขาแยกเขี้ยวขู่บีบี เขารู้สึกว่าเด็กน้อยตรงหน้าแตกต่างจากศัตรูที่เคยเจอมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงตัวตนของบีบี หลังจากที่เจอการจู่โจมด้วยภาพมายา
[เจ้าเป็นพวกรัตติกาลกลืนฝัน]
เธอไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจอย่างแน่นอน เพราะว่าความสามารถของเด็กสาวตรงหน้าคล้ายคลึงกับพวก ไนท์แมร์และซัคคิวบัส พวกที่สามารถเข้าไปควบคุมความฝันผู้อื่นได้
ตาของจูเปียส่องกระกายแสงออกมา หิมะและบรรยากาศรอบๆก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิม จูเปียเห็นบีบียืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้า
"เมี๊ยววว ดูเหมือนการโจมตีของฉันจะไม่ได้ผล ตอนฉันอยู่คนเดียวสิน้า"
[เทคนิคเด็กๆ]
ผลการต่อสู้คงเปลี่ยนแปลงอย่างมากหากจูเปียถูกครอบงำความคิดและติดอยู่ในภาพมายา แต่ตอนนี้จูเปียรู้สึกผ่อนคลายเมื่อไม่ได้ติดอยู่ในความสามารถของบีบี
"นายเป็นอะไรกับ จูเปียล งั้นหรอเมี๊ยว?"
บัลลังก์สูงสุดทำดับ2 จูเปียล
ใบหน้าของจูเปียเกร็งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของบีบี
[เป็นน้องชายคนเล็ก]
“อ๊อ นายเป็นพี่น้องกับไอหมาบ้าตัวนั้นหรอกหรอเมี๊ยว? "
[ ...... .]
สายตาของจูเปียเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อมองไปที่บีบี
[เท่าที่ข้ารู้มา โลกปีศาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับโลกนี้ แล้วเจ้ามาขวางทางข้าทำไม?]
บีบียิ้มกว้างออกมา ท่าทางของเธอดูสบายๆแตกต่างจาก ท่าทางระวังตัวของจูเปียอย่างมาก
เอาจริงๆเธอก็ไม่ได้อยากจะสนทนากับเขาหรอก แต่อยากรู้ว่าเขามีแผนอะไร?
เธอได้เห็นต้นไม้ด้านหลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มันขยายตัวแทบจะทุกนาที
"นายท่านของฉัน ชอบโลกใบนี้มากเลยน่ะ เมี๊ยว"
[เจ้านาย?]
"นายไม่เคยไปอัลเฟ่นหรอเมี๊ยว?"
[อัลเฟ่น? สนามรบของผู้ปกครองมิติชั้นเยี่ยมนั่นน่ะหรอ?]
"ฮี่ฮี่ แสดงว่านายคงไม่รู้จักเจ้านายฉันดีพอสินะ เมี๊ยว "
[อะไร?]
"นายท่านของฉันน่ากลัวมากเมี๊ยว"
[ ...... .]
ปีศาจน้อยตัวนี้พูดเรื่องอะไรของมัน?
"ฮิฮิ มาเริ่มกันได้ยังเมี๊ยว? เห็นต้นไม้กำลัง โตขึ้นๆ รู้สึกขัดหูขัดตาน่ะเมี๊ยว "
[ ...... .]
เธอพูดถูก ถ้าต้นไม้นี้เติมพลังงานจนเต็ม มันจะเป็นฐานที่มั่นระหว่างพื้นที่มิติกับดาวใบนี้
อย่างไรก็ตามต้นไม้นี้ยังต้องการเติมพลังงานอีกถึงหนึ่งวันเต็มๆมันถึงจะทำงานได้
จูเปียหันศีรษะไปทางต้นไม้ และมองขึ้นไป
การต่อสู้ควรให้คนอื่นทำ เขาค่อนข้างแตกต่างจากคู่แฝดของเขาจูเปียล เขาไม่ได้เก่งกาจแบบนั้น
ฮู่ม
เสือดำที่อยู่รอบๆถูกเขาเรียกมารวมตัวกัน พวกมันมีมากกว่า200ตัว ไม่ใช่อะไรที่นักเวทย์มายาจะจัดการได้ง่ายๆ
"ฮิฮิ ดอลเซ่จัง แลกหน้าที่กันเมี๊ยว "
โกกกกกกกก
เมื่อโดลเซ่เดินเข้ามา รถทุกคนที่อยู่รอบๆ ก็ถูกดึงดูดเข้ามายังแกนกลางของเขาแล้วเริ่มหลอมรวม
กึงงงงง กึงงงง กึงงงงงง
รถถูกสลายแยกส่วนแล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายโกเลม น้ำมันและเชื้อเพลิงต่างๆถูกแยกออกและไหลไปทั่วทั้งตัว ทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิง
โกกกกกกก ตึงงง ตึงงงง!
โดลเซ่ กระแทกกำปั้นทั้งสองข้างเข้าหากัน ก่อนที่จะพุ่งไปยังฝูงเสือดำ
ตูมมมมม,ตูมมมม!
บีบีพูดกับแจมิน ในขณะที่เธอสำรวจต้นไม้ยักษ์
"นักเรียนแจมิน เราจะขุดรากถอนโคนต้นไม้นั้นก่อนที่เราจะกลับ "
"ครับ"
ซูจีและกลุ่มไอดอลที่อยู่ด้านหลังแจมิน พวกเขาปิดปากเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขากลัวจะดับอนาถแบบจุนซังถ้าพวกเขาพูดอะไรไม่เข้าหูขึ้นมา
***
ณ อแลนดัล
ซังกูและแฮซอลที่ยืนอยู่ด้านหน้าของลานฝึกซ้อม กำลังมองไปยังทิศทางที่หอนัมซานตั้งอยู่อย่างกังวล
"นายคิดว่ามันจะถูกทำลายไหม?"
"ผมว่าไม่น่าเหลือ"
หอนัมซานมันถูกทำลายไปแล้วครั้งหนึ่งตอนปรากฏการณ์ดันเจียนแตกออกครั้งแรก มันถูกสร้างใหม่เมื่อไม่นานมานี้เนื่องจากมันถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล อย่างไรก็ตามดูเหมือนหอนี้จะถูกทำลายโดยมังกรอีกครั้ง
ซังกูชี้นิ้วไปยังมังกรตัวนั้น
"เธอคิดว่าเธอฝึกให้มันเชื่องได้เปล่า?"
"... มันคงยากมากๆเลยล่ะ"
เธอจะฝึกมอนเสตอร์มังกรขนาดมหึมาตัวนั้นได้อย่างไร? เธอรู้ได้แทบจะทันทีว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับไวเวิร์นสองตัวที่บินอยู่รอบๆมังกรตัวนั้น เธอคิดว่าไม่ใช่ปัญหา
“เอ เราจะลำบากนะถ้าเกิดเจอพวกบินได้จู่โจม เราจะทำยังไงดีล่ะถ้ามันบินมาทางนี้? "
ความกังวลของซังกูเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ขนาดเครื่องบินรบสามลำยังทำอะไรมันไม่ได้ หากมันมาทางนี้จริงๆคงเป็นปัญหาใหญ่
ขีปนาวุธและมิสไซล์จากเครื่องบินรบไม่สามารถทำอะไรบาเรียของมันได้เลย แถมมันใช้แค่ลมหายใจก็เป่าเครื่องบินร่วงระนาว
[ฮื่ม แค่มังกรตัวนั้นไม่ใช่คู่มือของพวกข้า]
“โอ้วว! เจ๋งงงงสิ ท่านอัศวิน "
ดวงตาของซังกูกระพริบตอบรับคำพูดของแรมสัน อัศวินแห่งความตาย3ตนได้กลับมาคุ้มกันอแลนดัล ส่วนคนอื่นๆที่เหลือกำลังกวาดล้างมอนสเตอร์ในกรุงโซล
มันไม่เป็นปัญหาอะไรหากมอนสเตอร์ยังรวมตัวกันไม่เสร็จเสร็จก่อนที่วูชินมาถึง แต่หากมันรวมกำลังกันได้แล้วบุกมา ก็เป็นหน้าที่ของซังกู,แฮซอล และอัศวินแห่งความตาย3ตนในการรับมือ
ตอนนี้พวกเขาต้องการให้วูชินกลับมาถึงโดยเร็วที่สุด รวมถึงอัศวินแห่งความตายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"มันไม่เป็นไรหรอที่ส่ง บีบีกับโดลเซ่ไปกันแค่สองคน?"
เมโลดี้ เอียงคอสงสัยกับคำถามของซังกูเล็กน้อย
"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกเขา อสุราจอมทำลายล้าง และ แม่มดเจ้ามายา แค่2คนก็เหลือเฟือ "
“อ่อ ยังงั้นหรอ? แล้วมีผู้ปกครองมิติออกมาจากดันเจี้ยนด้วยรึเปล่า? มอนสเตอร์ระดับเดียวกันกับมังกรตัวนั้นคงไม่ได้อยู่รอบๆหรอกนะ ? "
ซังกูชี้ไปที่มังกร
"เราไม่ต้องส่งอัศวินแห่งความตายไปเผื่อไว้ ในกรณีที่พวกเขาเจอมอนสเตอร์ระดับนั้นหรอ?"
เมโลดี้หัวเราะเบาๆ
"เอาจริงๆ ถ้านับความสามารถในการต่อสู้ด้วยตัวเอง อสุราจอมทำลายล้าง แข็งแกร่งที่สุดในหมู่อัศวินแห่งความตายทั้งหมด"
"หือ อะไรนะ?"
ด้วยความสงสัยจากคำพูดของเมโลดี้ซังกูเลยมองไปยังแรมสันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ซังกูและแฮซอลเคยฝึกซ้อมด้วยการจับคู่ประลองกับอัศวินแห่งความตาย
เขาได้รับประสบการณ์ต่อสู้มากมายด้วยตัวเขาเอง
โดลเซ่แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรอ? ตอนเขาฝึกไม่เห็นโดลเซ่จะเก่งกาจอะไรขนาดนั้น
แรมสันไม่พูดอะไรออกมา ราวกับว่ายืนยันคำพูดของเมโลดี้ว่าถูกต้อง
[คอยดูโกเลมตนนั้นกำราบมังกร]
“อ่า”
ซังกูยักไหล่ของเขา คนของวูชินแข็งแกร่งมากเขารู้ แต่เขาไม่เคยเห็นโดลเซ่แสดงความสามารถอะไรนอกจากเอาไว้จัดการมอนสเตอร์เล็กๆน้อยหรือพวกมอนสเตอร์ลิ่วล้อทั้งหลาย
"อสุราจอมทำลายล้าง เป็นทัพหน้าของอแลนดัลเสมอ"
เมโลดี้ตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงตอนที่ยังเป็นศัตรูกัน
“หืม ผมไม่เคยรู้มาก่อน"
อาจจะเป็นเพราะมอนสเตอร์ ที่ออกมาในเวลาที่เขาล่าพร้อมกับโดลเซ่มันอ่อนแอเกินไป? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็จำได้ว่าครั้งหนึ่งโดลเซ่เคยหยุดการแตกออกของดันเจี้ยนในสหรัฐด้วยตัวคนเดียว
วูชินมักจัดการบอสด้วยตัวเองเสมอดังนั้นซังกูจึงคิดว่าโดลเซ่มีไว้เก็บพวกลิ่วล้อทั้งหลาย ...
"หืม? เหมือนพวกเวรนั้นจะเตรียมพร้อมที่จะเดินทัพแล้ว? "
ไวเวิร์นได้รวมตัวกันอยู่รอบๆหอนัมซานพวกมันบินกันอย่างเป็นระเบียบเหมือนการจัดทัพเสร็จสิ้นแล้ว ซังกูพยายามสงบใจเมื่อเห็นพวกมันเรียงตัวกันเป็นกองทัพ
"หัวหน้ากิลด์ รีบกลับมาเถอะ ได้โปรด ... "
"โอ้ ผู้อมตะ"
แฮซอล และ เมโลดี้ ก็อยากให้ วูชินรีบกลับมา
***
ที่จอดรถเต็มไปด้วยมอนสเตอร์เสือดำมองไกลๆ มันแลดูมืดมิดมาก
มันเต็มไปด้วยเลือดและซากศพของเสือดำ กลิ่นสนิมคละคลุ้งไปในอากาศ จูเปียไม่คิดจะลงมือด้วยตัวเองหากลูกน้องของเขายังไม่ตายหมด ถ้าเขามีพลังงานเขาจะเรียกออกมาอีกเท่าไรก็ได้
การรอให้ศัตรูอ่อนล้าก่อนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขา
[ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เหลือพลังแล้ว]
จูเปียลุกขึ้นยืน เขาต่างจากพี่น้องของเขา เขามักจะต่อสู้ด้วยความรอบคอบ เขามักตัดสินใจใช้พลังงานของเขา เพื่อทำให้ศัตรูอ่อนล้า
กึง กึง ฮู่มมมมมม ซู่วววว
เสียงดังทุกครั้งที่โดลเซ่ก้าวเดิน ถังแก๊สและน้ำมันลุกติดไฟ มองไปตอนนี้มันดูคล้ายกับโกเลมไฟเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามดูเหมือนโดลเซ่จะเคลื่อนไหวแตกต่างจากตอนแรก
ฟุ่บบบบ
ร่างใหญ่ของจูเปียบินมาจู่โจมโดลเซ่ด้วยความรวดเร็ว
ตูมมมมม!
ทุกการโจมตีด้วยกรงเล็บ แผ่นเหล็กที่ติดอยู่กับโดลเซ่ถูกฉีกกระเด็นออกไป
ตูมมมม ตูมมมม! ฮู่มมมมม!
จูเปียเอียงคอหลบหมัดของโดลเซ่ ก่อนที่เขาจะใช้หัวพุ่งชนสวนกลับไป แตกต่างจากคำพูดที่เคยกล่าวไว้ สุดท้ายสไตล์การต่อสู้ของจูเปียก็เหมือนสัตว์ป่า
[โกกกกก โกกกก]
โดลเซ่คำรามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาพยายามแล้ว แต่จูเปียก็แข็งแกร่งมาก ที่สำคัญความเร็วของจูเปียมันเยอะเสียจนโดลเซ่ได้แต่ยืนงงไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
สำหรับผู้ที่เฝ้ามองการต่อสู้พวกเขารับรู้ได้ทันทีว่าความสามารถในการรบแตกต่างกันอย่างมาก
“ฮือ ฮึก เราจะทำยังไงกันดี?"
"พวกเราไม่รอดแน่"
ถ้าโดลเซ่แพ้และถูกฆ่าคิวต่อไปก็คือพวกเขา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกองกำลังสนับสนุนหรือผู้มีพลังไม่ได้มาช่วยเหลือพวกเขาเลย
"โถ่เอ๊ย เขาควรจะสร้างร่างกายของเขาด้วยรถจากต่างประเทศ"
ชายคนนั้นบ่นออกมาหลังจากที่เห็นร่างกายของโดลเซ่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แจมินเห็นดังนั้นก็เริ่มหันไปหาบีบี
"หัวหน้าบีบี มีอะไรที่พวกเราทำได้บ้างไหม"
"ฮิฮิ แน่นอนว่ามีเมี๊ยว? "
เธอยังคงนั่งเฉยๆและใบหน้ายังมีรอยยิ้ม เรื่องนี้ทำให้แจมินรู้สึกคลายกังวลลงมา
"นายรู้มั้ย ว่าทำไม ดอลเซ่จัง ที่น่ารักของเราจึงมีชื่อว่า อสุราจอมทำลายล้าง?"
"เพราะตัวเขาใหญ่หรอครับ?"
"นั่นก็ถูก แล้วรู้เหตุผลของคำว่าจอมทำลายล้างไหม?"
“อ่า ผมไม่รู้ครับ"
แจมินจะรู้ได้ยังไง? เขาไม่แม้แต่ จะเคยไปอัลเฟ่น
“หุหุ ดอลเซ่จัง จะน่ากลัวมากถ้าเขาโมโห นายรู้ไหมทำไมฉันถึงมาด้วยกันกับเขา? "
"ผม ... ผมก็ไม่รู้ครับ?"
"ถ้า ดอลเซ่จัง โมโห ฉันเป็นคนเดียวบนโลกที่หยุดเค้าได้ เมี๊ยวว "
“...... .”
“ฮ้า แมวตัวนี้เจอปัญหาหนักแน่นอนเมี๊ยวว "
เมื่อคำพูดบีบีจบลงเสียงคำรามกึกก้อง ดังขึ้นมา
โกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!
ขณะที่ร่างของโดลเซ่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จู่ๆ ชิ้นส่วนทั้งหมดรวมถึงร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆกระจายไปทั่ว
วิ้งงงงงงง
จูเปียหัวเราะดัง เมื่อเห็น แกนกลางของโดลเซ่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
[มันจบสิ้นแล้วงั้นรึ?]
คำพูดเหล่านี้ไม่ควรใช้กับกลุ่มของผู้อมตะ
วู้มมมมมมมมมมมม!
แกนกลาง หรือหัวใจของโกเลม หมุนด้วยความเร็วสูง เลือดทั้งหมดถูกดูดไปรวมที่มัน
วิ้งงงงงงงงงงงงง ฟู่มมมมมม
เลือดสีแดงทั้งหมดถูกดูดลอยไปที่แกนกลาง ความเร็วในการดูด มองไกลๆเหมือนกับพายุสีเลือดกำลังก่อตัว
โกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แกนกลางที่อยู่บริเวณหัวใจ เลือดทั้งหมดก่อเป็นร่างกายขึ้นมา มันเล็กกว่าจะเป็นโดลเซ่ตัวเดิมมันสูงราวๆ2เมตรและมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แรงกดดันและกลิ่นอายน่าสยดสยองแผ่ออกมา
ขนาดตัวของโดลเซ่ร่างนี้จะขึ้นอยู่กับปริมาณเลือดที่อยู่รอบๆ
แต่มันไม่ค่อยสำคัญเท่าไร เพราะเขาจะตัวใหญ่ขึ้นเมื่อฆ่าและเรียกเลือดจากศัตรู
[โกกกกกก!]
จูเปียมองไปที่โดลเซ่และรู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง
[ไม่ใช่แกตัวเดียวที่แปลงร่างได้]
ร่างกายจูเปียเริ่มสั่น สภาวะรูปร่างของเขาไม่คงที่ ร่างกายของเขาเล็กลงและพลังงานที่แผ่กระจายออกมามันหนาแน่นกว่าตอนแรก
ขาหลังของเขายืด ยืนตรงเหมือนมนุษย์ ขาหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไปคล้ายๆกับมือ กรงเล็บยาวขึ้น หางของเขาหดสั้นลงและแข็งตัวราวกับดาบ
รูปร่างคล้ายๆกับมนุษย์หมาป่า
เขากลายเป็นครึ่งสิงโตครึ่งมนุษย์ ความสามารถในการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
[บอลโลหิต]
จูเปียเริ่มออกวิ่ง ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมาก
ฟุ่บบบบบบ กึงงงงงง!
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้โดลเซ่แตกต่างจากเดิมเหมือนอยู่คนละมิติ ตั้งแต่เกิดมาจูเปียไม่เคยเห็นใครเร็วขนาดนี้มาก่อน
ตูมมมม, ตูมมมม, ตูมมมมม!
หมัดถูกส่งไปตะบันหน้าของจูเปียอย่างต่อเนื่อง สติของเขาแทบจะหลุดลอย เขาพยายามต่อต้านอย่างเต็มที่ในที่สุดเขาก็ใช้กรงเล็บทะลวงเข้าไปในร่างของโดลเซ่สำเร็จ
จากนั้นเลือดของโดลเซ่ก็แข็งตัว
[อั๊คคค อะไรกัน?]
มือและกรงเล็บของเขาถูกผนึกติดกับร่างกายของโดลเซ่
ร่างกายของโกเลมไม่มีจมูกหรือปาก แต่จูเปียสัมผัสได้ว่าตอนนี้มันกำลังยิ้ม
ตูมมมมม, ตูมมมมม!
โดลเซ่ส่งกำปั้นไปตะบันหน้าจูเปียอย่างต่อเนื่อง
[ดะ ... เดี๋ยวก่อน ... ]
ตูมมมม, ตูมมมมม!
จะจัดการไอตัวประหลาดบ้าๆฆ่าไม่ตาย แบบนี้ยังไงดี?
เขาต้องทำลายแกนกลางของโกเลม มือขวาของเขายังติดอยู่ในร่างดังนั้นเขาจึงใช้มือซ้ายพยายามหาแกนกลาง ที่จำได้ว่าอยู่บริเวณหัวใจ .. แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พบอะไร
"บ้าเอ๊ย มันเคลื่อนย้ายแกนกลางได้"
จูเปียเริ่มโอดครวญเมื่อตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาติดแหง็กอยู่ในร่างของโดลเซ่
โดลเซ่หัวเราะ หลังจากนั้น เขาเริ่มใช้ท่า เฮดบัต โขกไปที่หัวจูเปีย อย่างต่อเนื่อง
โป๊กกกก, โป๊กกกก, โป๊กกกก!
ราวกับหัวของเขาทำจากของเล่นราคาถูกมันโยกไปโยกมาเหมือนจะหลุด สุดท้ายหัวของจูเปียก็แตกออกเหมือนแตงโมตกตึก แต่โดลเซ่ก็ยังไม่หยุดเขายังคงเฮดบัต จนกระทั่งส่วนคอของจูเปียเละเหมือนโจ๊ก
ร่างกายของจูเปียค่อยๆกลายเป็นแสงสีเทา ก่อนที่จะสลายหายไป โดลเซ่คำรามออกมาเมื่อเห็นจูเลียหายไป
[โกกกกกกกกกกกกกกกกกกก]
เขาต้องการทำลายศัตรู เขาต้องการดื่มเลือด เลือดดดด ต้องการเลือด
เขาต้องการทำลายล้างและเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิต
สายตาของ โดลเซ่ หันไปทาง แจมิน และผู้รอดชีวิต
[โกกกกกกก]
ตึงงง, ตึงงงง!
ราวกับโดลเซ่เป็นเจ้าพ่อเงินกู้ ที่กำลังจะไปทวงเงินจากลูกหนี้ ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว ตอนนี้โดลเซ่ไม่สามารถแยกแยะมิตรหรือศัตรูออกใช่ไหม? บีบีเริ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าโดลเซ่ที่มีแรงกดดันมหาศาล