px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
บทที่ 140 – ผู้นำพาความตายและหายนะ (3)


"อ่า ไม่นึกเลยว่านาย จะใฝ่เรียนรู้ขนาดนี้"

"เอ่อ ผมป่าวถามเพราะอย่างนั้นพี่ ... "

"อ่า อย่าเร่งฉัน เดี๋ยวเขาก็ได้ออกมาแล้ว "

“ป่าวเลยพี่ ผมป่าวเร่งน๊ะะะะะ ... "

ซังกูอยากจะถามเหลือเกิน ว่าจำเป็นต้องให้พ่อมดอมตะคนนั้นเป็นอาจารย์เขาจริงๆหรอ

"ฉันค่อนข้างมั่นใจ"

ซังกูเริ่มกังวลอย่างมาก

"นายรอดแน่"

วูชินเอามือไปแตะไหล่ซังกู

"แล้วนายจะเป็นนักเวทย์เพลิงที่เก่งที่สุดในโลก"

“พี่ ... .”

เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่า การเรียนเวทมนต์มันจะน่าหวาดกลัวเหมือนเอาชีวิตไปทิ้งอะไรแบบนี้ ...

"พักสักหน่อยเถอะ"

“...... .”

วูชินเดินไปที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ท่าทางของเมโลดี้เริ่มกังวลและหวาดกลัวอย่างมาก

"คุณเล่าประวัติของฉันสินะ?"

"ข้า ... ข้าทำผิดมหันต์!"

เมโลดี้คุกเข่าของนางลงไปตรงหน้าวูชิน สีหน้าเธอเหมือนคนกำลังจะร้องไห้

"... ถ้าคุณไม่อยากตาย ทำไมไม่รีบลุกขึ้น?"

เธอเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เพราะถูกเลือกโดยธิดาเทพของเธอ เธอเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ เป็นข้ารับใช้ของพระเจ้า แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังมานั่งคุกเข่า ราวกับว่าเขาเป็นพระเจ้า ซึ่งเขาไม่ชอบเป็นอย่างมาก

เขาเป็นมนุษย์

"ค่ะ"

เมโลดี้ลุกขึ้นยืนในทันที ตอนนี้วูชินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสนใจคำพูดของเมโลดี้ ที่กล่าวกับพวกซังกูเมื่อครู่นี้

เขาเริ่มสนใจในประวัติศาสตร์ของอัลเฟ่น

"ดันเจี้ยนแรกบนอัลเฟ่น ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อ200ปีก่อนใช่ไหม?"

"ใช่แล้วค่ะ ท่าน"

"แล้วเมื่อไหร่ที่ผู้ปกครองมิติเริ่มเข้ามารุกรานในอัลเฟ่น?"

"ประมาณ100ปีที่แล้วค่ะ"

“...... .”

วูชินคำนวณอะไรบางอย่างในหัว แล้วเขาก็เริ่มขมวดคิ้ว

ดันเจี้ยนแรกของโลก เกิดขึ้นเมื่อ5ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ก็มีผู้ปกครองมิติออกมาแล้ว ทุกอย่างมันเร็วเกินไปรึเปล่า?

"แต่อัลเฟ่นยังสามารถยื้อมาได้ถึง100ปีเลยหรอ? แล้วเธอคิดว่าโลกนี้จะทนได้ถึงกี่ปี? "

"ดันเจี้ยนบนโลกกับอัลเฟ่นค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมาก ข้าไม่อาจคาดการณ์ได้จริงๆค่ะ... "

“อืมม... .”

การสื่อสารและความสามารถในการกระจายข่าวสารของโลกรวดเร็วเป็นอย่างมาก

ถ้ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นบนโลก ไม่เกินพรุ่งนี้ทั้งโลกจะได้รับรู้ นี่คือความรวดเร็วของข่าวสารในยุคนี้

แค่คนบนโลกทั้งหมดไม่ใช่นักสู้ ผู้คนส่วนมากหวาดกลัวเรื่องพวกนี้

ส่วนที่อัลเฟ่น แม้ข่าวสารจะช้ากว่า แต่มักมีผู้กล้าเกิดขึ้นเสมอๆ เพื่อนำพาผู้คนให้รู้วิธีการรับมือถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้น และทุกคนบนดาวก็ช่วยกันอย่างเต็มที่

วูชินจ้องไปที่เมโลดี้ เธอก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของวิหาร อาเรีย

"ฉันมีงานให้คุณทำ"

"งานอะไรคะ?"

"ช่วยทำให้โซอาตื่นขึ้น"

“...... .”

คำพูดของวูชินทำให้เมโลดี้ประหลาดใจ เธอแหงนมองเขาด้วยสายตากลมโตร่าวกับลูกกระต่าย

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลายเป็น ผู้เผยพระวจนะหรือผู้ที่สามารถติดต่อกับพระเจ้าแล้วเป็นตัวแทนพระองค์ เมโลดี้มีประสบการณ์ในด้านนี้ และเธอรู้ดีว่ามันไม่ได้ง่ายเลยที่จะเป็นอย่างนั้น

"ท่านแน่ใจแล้วหรือคะ?"

"ฉันไม่มีทางเลือก"

เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว นี่เกี่ยวพันกับการปกป้องโลก

"โลกต้องมีผู้นำ ที่สามารถยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คน"

“...... .”

เมโลดี้เห็นด้วยกับคำพูดของวูชิน

เขาพยายามที่จะกลายเป็นผู้นำของโลกแล้ว เขาพยายามนำผู้คนด้วยความแข็งแกร่ง และความสามารถของเขา แต่มันได้ผลบางส่วนกับผู้มีพลังเท่านั้น ประชาชนธรรมดา ยังไม่ยินยอมรบเพื่อเขา

แต่ตอนนี้โลกอาจจะถึงกาลอวสาน ก่อนที่เขารวบรวมผู้มีพลังได้เสียอีก

ทุกอย่างจะสูญสลาย ทั้งอารยธรรม จริยะธรรม ความหวัง มันจะสลายหายไปหมดถ้าถึงวันที่โลกถูกยึดครอง ตอนนี้เขาต้องการให้มีใครสักคนที่สามารถเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนได้

วูชินรู้สึกจุกในอก

น้องสาวของเขากลายเป็นเมล็ดพันธ์ของพระเจ้า

แต่เขาไม่รู้ว่าจะเป็นของพระเจ้าองค์ไหน

อาจเป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่ผู้คนเคารพบูชากันมายาวนาน หรืออาจจะเป็นเทพเจ้าโบราณที่ไม่มีใครรู้จัก เขาไม่สามารถระบุได้เลย ...

น้องสาวเขาอาจจะกลายเป็นผู้เผยพระวจนะ ของพระเจ้าที่ไม่มีคนรู้จัก นั่นจะยิ่งทำให้โซอามีชะตากรรมที่ยากลำบากขึ้นไปอีก แต่ตอนนี้วูชินไม่มีทางเลือก

"โซอาต้องรอด"

การปฏิเสธและไม่ยอมรับพระเจ้าหลังจากเป็นเมล็ดพันธ์ สิ่งที่รออยู่คือความตาย

"ถ้าเป็นพระเจ้าที่ชั่วร้าย ล่ะคะ?"

“ฮ่าฮ่า”

วูชินหัวเราะออกมา

"คุณคิดว่า พระเจ้ามันมีดีหรือเลวด้วยหรอ?"

“...... .”

"ทุกอย่างอยู่ที่ความเชื่อ ถ้าคุณเชื่อว่าดีมันก็ดี ถ้าไม่มันก็เลว "

“...... .”

เมโลดี้เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารอาเรีย เธอจึงไม่ค่อยอยากจะฟังคำพูดของผู้อมตะ ที่คอยต่อต้านสักเท่าไร แต่เธอก็ไม่มีความกล้าพอที่จะโต้แย้งเขา

"ช่วยให้โซอาตื่น พระเจ้าน่ะไม่มีองค์ไหนเลวหรอก "

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้โซอาฟื้นขึ้นมา

แต่เมโลดี้เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ เรื่องแบบนี้มีแต่เธอเท่านั้นที่ทำได้

“จะพยายามค่ะ”

เมื่อวูชินได้ยินคำตอบของเมโลดี้ เขาก็เริ่มหันไปสนใจมังกรขนาดใหญ่ที่หอนัมซาน

"เอาล่ะ ฉันจะไปลามังกรก่อนแล้วกัน" เมื่อเห็นมังกรบนหอนัมซาน วูชินแสยะยิ้มออกมา

"ผมจะช่วยพี่เอง"

วูชินส่ายหัว เมื่อได้ฟังคำพูดของซังกู

"นายกับแฮซอลคอยจัดการมอนสเตอร์รอบๆ ที่จะบุกเข้ามาเถอะ"

“ได้ครับพี่”

ช่วยไม่ได้ที่วูชินบอกมาอย่างนี้ แสดงว่ามันอันตรายและเกินความสามารถของเขา ซังกูไม่ใช่คนหยิ่งผยอง นับตั้งแต่ที่เขากลายเป็นผู้มีพลัง พี่วูชินมักสอนเขาเสมอๆ ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของผู้มีพลังคือ ประเมินกำลังของศัตรูไม่ดีพอ และความประมาท

การจัดการมังกรแค่ตัวเดียว วูชินไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งใคร หรือใช้กองกำลังทั้งหมดของเขา

แค่มี10อัศวินความตายก็เหลือแหล่แล้ว ให้โดลเซ่ปะทะโดยตรง เขาและอัศวินแห่งความตายคนอื่นคอยก่อกวน สุดท้ายให้บีบีอาศัยช่องว่างใช้ภาพมายาจัดการ ก่อนที่เขาจะปิดเกมส์ เป็นเรื่องง่ายๆแค่นี้

แต่ตอนนี้มอนสเตอร์ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งนัมซาน ดังนั้นช่วยไม่ได้ที่เขาไม่อาจเรียกกองกำลังที่ส่งไปยังจุดต่างๆกลับมา

"หรือจะไปเพิ่มเลเวลให้เรียกเจนิสได้ก่อนดี"

ค่าประสบการณ์ของเขาใกล้เต็มหลอดแล้ว

มันไม่น่าจะเกิน2นาทีหากจะเก็บค่าประสบการณ์ให้เต็ม

มอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆเขาถือเป็น ค่าประสบการณ์ชั้นดี

เขารู้สึกดีนิดหน่อยที่ ดันเจี้ยนของโซลแตกออกอย่างวุ่นวาย เพราะทำให้มีมอนสเตอร์ออกมาเป็นจำนวนมากให้เขาได้เก็บค่าประสบการณ์

วูชินวิ่งเข้าสนามรบทันทีเขาไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าในการเพิ่มค่าประสบการณ์อีกแล้ว

ฟุ่บบบบบ!

วูชินสะบัดมือไปข้างหน้าส่งหอกกระดูกทะลุหน้าผากมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้ามาจู่โจมเขา ง่ายดายราวกับเอาไม้แทงกระดาษเปียกน้ำ

กี๊ซซซซซ!

หอกพลังวิญญาณพุ่งไปจู่โจมค้างคาวที่อยู่บนฟ้า แม้มันจะสามารถหลบหลีกได้บ้าง แต่สุดท้ายพวกมันก็ตายและหล่นลงมาราวกับใบไม้ร่วง

ฉัวะ!

หลังจากที่สกิลสายนักรบเขาเพิ่มขึ้น อีกหนึ่งอาวุธที่เขาใช้บ่อยที่สุดก็คือขวาน มันสามารถใช้จัดการศัตรูได้ดี ขวานของเขาบั่นคอศัตรูได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องจู่โจมอะไรมากแค่ทีเดียวก็จบ

แค่ระยะเวลาไม่นานรอบๆวูชินก็เต็มไปด้วยซากศพของมอนสเตอร์

ไอมอนสเตอร์พวกนี้มันอ่อนแอหรือการโจมตีของเขามันรุนแรงเกินไปกันแน่นะ?

วูชินยิ้มกว้างเมื่อเห็นมอนสเตอร์เริ่มถอยกลับจากความหวาดกลัว

"คิดว่าพวกแกจะหนีไปได้หรอ?"

แคร่ก แคร่กก ครืนนนน!

มีซากศพมากมาย และแน่นอนย่อมมีกระดูกให้เลือกใช้เต็มไปหมด

วูชินสร้างกำแพงกระดูกออกมาปิดกั้นทัพมอนสเตอร์ โดยใช้โครงกระดูกจากศพรอบๆเป็นสื่อกลาง

ฟู่ววววววว!

พิษจากสกิล ระเบิดพิษ ได้แผ่กระจายออกมาจากตัวของวูชิน ไม่นานรอบๆก็เต็มไปด้วยควันสีเขียวจากพิษร้าย มอนสเตอร์ที่ถูกพิษทยอยล้มลงโดยที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรได้ และเมื่อพวกมันกลายเป็นศพ วูชินก็ใช้ระเบิดซากศพออกมาต่อเนื่องทันที โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องขยับไปไหนให้เหนื่อยแรง

ถ้าไม่ต้องสนทีมเวิร์คหรือพันธมิตร สไตล์การต่อสู้ของวูชินก็อันตรายมากและเขามีลูกเล่นมากมาย ซึ่งส่วนนี้ซังกูก็ได้รับการสั่งสอนมาจากเขา

"ลุกขึ้น!"

แกรก แกร่กก กี๊!

หลังจากระเบิดพิษและระเบิดซากศพ มอนสเตอร์ก็ตายลงเป็นจำนวนมาก วูชินก็เรียกกองทัพนักเวทย์โครงกระดูกออกมาทันที ตอนนี้นักเวทย์โครงกระดูกของเขามีพลังทำลายไม่ด้อยไปกว่าผู้มีพลังระดับB

เวทมนตร์ของพวกมันมีพลังทำลายไม่ใช่น้อย ข้อเสียอย่างเดียวคือการที่พวกมันสามารถใช้ออกได้แค่เวทย์บทเดียวตามสายธาตุของพวกมันแค่นั้นเอง

แม้พวกมันจะสามารถใช้ได้แค่เวทย์เดียว แต่วูชินไม่ได้เรียกออกมาแค่ตัวเดียวเสียหน่อย เขาสามารถเรียกนักเวทย์โครงกระดูกได้หลายตัว และเมื่อมันออกมาหลายตัวธาตุของแต่ละตัวก็แตกต่างกัน พวกมันสามารถใช้ได้ ทั้ง ไฟ สายฟ้า พิษ น้ำแข็ง และนักเวทย์โครงกระดูกเหล่านี้ ก็สามารถเรียกออกมาได้เรื่อยๆ นั่นทำให้กองทัพของวูชินมีประสิทธิภาพมาก

"ฆ่ามันให้หมด!"

กี๊ กี๊ กี๊

ราวกับพวกโครงกระดูกหัวโกร๋นกำลังหัวเราะ หลังจากได้ฟังคำสั่งวูชิน พวกมันกระหน่ำเวทย์โจมตีไปยังเหล่ากองทัพมอนสเตอร์ด้านหน้ากวาดล้างพวกมันในทันที เมื่อวูชินเข้ามาร่วมรบเหล่าอัศวินแห่งความตายที่ทำการรบอยู่รอบๆ ก็เหมือนได้พักหายใจ พวกมันเรียกกองทัพโรงกระดูกของตนขึ้นมา และคอยเก็บกวาดศัตรูที่เหลือรอดจากการโจมตีของวูชิน

99.9%

ในขณะนั้นมังกรที่เกาะอยู่ที่หอนัมซานก็บินมาหาวูชินเมื่อได้เห็นการโจมตีที่รุนแรงของเขา มันคิดว่าปล่อยให้วูชินลงมือตามใจชอบแบบนี้ต่อไปกองทัพของมันต้องไม่เหลือซากแน่ๆ เมื่อมังกรบินออกมาจากหอนัมซานจะสังเกตุได้ว่าที่หอนัมซานมีเถาองุ่นเลือดพันอยู่รอบหออันแสดงว่ามันกำลังทำอะไรบางอย่างกับหอนัมซาน

แน่นอนมันกำลังสร้างฐานที่มั่นการเชื่อมต่อ เพื่อให้มันใช้พลังได้เต็ม100%

แต่การสร้างยังต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งวัน ไม่ใช่เรื่องยากที่วูชินจะฆ่ามันก่อนแล้วค่อยไปทำลายฐานที่มั่นเชื่อมต่อของมัน

มังกรบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าและเริ่มสูดลมหายใจเข้า ตัวมันพองขึ้นเล็กน้อย

"อืม นี่ค่อนข้างแย่แหะ"

เขาจะป้องกันลมหายใจระเบิดมังกรได้หรือไม่?

สำหรับวูชินเขาไม่เป็นอะไรแน่นอนเพราะมีเกราะพลังวิญญาณ ... แต่คนที่อแลนดัลล่ะเขาจะทำยังไง?

<เลเวลอัพ!>

ราวกับเสียงจากสวรรค์วูชินรู้สึกโล่งใจมาก วูชินรีบเรียกเขาออกมาทันที

“เจนิส”

อาจารย์ผู้ปลูกฝังความกล้าหาญและความโหดเหี้ยมให้แก่วูชิน

เขาได้ช่วยวูชินทำลายล้างศัตรูมากมาย เขาเป็นที่ปรึกษาชั้นเลิศที่คอยส่งเสริมให้วูชินก้าวขึ้นมาเป็นราชาแห่งอแลนดัลที่อัลเฟ่น

ชายผู้ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยเป็นมหาปราชญ์แห่งอัลเฟ่น

เพื่อปกป้องดาวอัลเฟ่น เขาเปลี่ยนตัวเองจากมนุษย์ให้กลายเป็นพ่อมดอมตะ ที่บ้าคลั่งและชั่วร้าย

นักเวทย์ที่มีชีวิตนิจนิรันดร์ พ่อมดอมตะเจนิส

ฟู่มมมมมม!

ไอแห่งความตายแผ่พุ่งหลอมรวมร่างกายของเขาขึ้นมา ร่างกายที่เป็นโครงกระดูกสวมผ้าคลุมสีดำขาดๆ ฝ่ามือทั้งสองข้างเปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งความมืดที่กระจายออกมาอย่างน่าพรั่นพรึง แม้เสื้อคลุมของเขาจะไม่ต่างอะไรจากนักเวทย์โครงกระดูก แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นมีอำนาจและแรงกดดันต่างกันมหาศาล

แสงสีแดงส่องออกมาจากเบ้าตาที่ว่างเปล่า

[นายท่าน! อัลเฟ่นปลอดภัยแล้วหรือไม่?]

เสียงของช่างสั่นสะเทือนจิตใจของผู้ฟัง มันมีอำนาจและแฝงไว้ด้วยพลังบางอย่างที่จะทำให้ผู้ใดที่ได้ฟังต้องสยบ

วูชินต้องจับหูของเขาเมื่อได้ฟังเสียงของเจนิส

"ยัง ตอนนี้ช่วยฉันป้องกันสิ่งนั้นก่อน? "

วูชินชี้ไปบนท้องฟ้า ด้านบนมีมังกรทอง ราจากุยอิ ที่กำลังสูดลมหายใจรวบรวมพลังเวทย์พร้อมที่จะใช้ลมหายใจระเบิดมังกรออกมา

[พลังเวทย์และอำนาจของข้าหายไปไหนหมด?]

"อ่อใช่"

วูชินรีบเปิดหน้าต่างสกิลของเขาอย่างรวดเร็ว เขาใส่แต้มทักษะของเขา ลงไปในทักษะ 'อัญเชิญพ่อมดอมตะ'ทันที มันเปลี่ยนจาก1เป็น99ด้วยความรวดเร็ว ร่างกายของเจนิสเรืองแสงกระพริบถี่ยิบออกมา

ตอนนี้เสื้อผ้าคุลมสีดำขาดๆของเขาแปรสภาพเป็นผ้าคลุมสีดำสนิทราวกับรัตติกาลไร้แสง ด้านหลังผ้าคลุมปรากฏวงเวทย์สีแดงเลือดน่าสะพรึ่งกลัว มงกุฎบนหัวได้ถูกสร้างขึ้นมันกอปรไปด้วยอัญมณี5สี พวกมันเปล่งแสงเรืองรองออกมา กลิ่นอายความมืดที่อยู่รอบฝ่ามือ เข้มข้นราวกับจะดูดกลืนได้แม้กระทั่งแสงสว่าง

ฟู่ ฮ่าาาา!

ราวกับเสียงความดันจากหม้ออบไอน้ำดังขึ้น

เสียงที่ว่ามาจาก ราจากุยอิบนอากาศ ที่ปล่อยลมหายใจระเบิดมังกรออกมา

ในพริบตา โล่ที่ใสราวกับแก้วโปร่งแสงได้ถูกกางขึ้นปิดแผ่นฟ้า เจนิสสร้างมันขึ้นมาเพียงแค่สะบัดมือเท่านั้น

ตูมมมมมมมมมมมมมมมมม!

บาเรียจากพลังเวทย์ก่อตัวขึ้นรับการปะทะจากลมหายใจระเบิดมังกรของราจากุยอิได้ทันเวลา พลังทำลายมหาศาลที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าระเบิดนิวเคลียปะทุขึ้นกลางอากาศ อากาศด้านบนเหนือบาเรียถูกแผดเผาสลายหายไปสิ้น หากแต่บนพื้นดินนั้นแทบไม่มีผลกระทบอะไรเลย

"อ่า ทันเวลาพอดี"

[จะเอามันให้มาเป็นเพื่อนชิงชิงไหม?]

"มันเป็นลูกน้องทราเน็ต ไร้ประโยชน์สำหรับฉัน ฆ่ามันซะ "

เมื่อผู้ปกครองมิติถูกฆ่ามันจะกลายเป็นแสงสีเทาแล้วสลายหายไป ไม่เหลือแม้แต่โครงกระดูกแล้วจะสร้างมังกรกระดูกยังไง?

[แล้ว ‘การประหารแห่งแทรช’ ล่ะ?]

"ฉันก็ค้นหาอยู่ แต่ยังหามันไม่พบ"

เขาได้พยายามค้นหาในร้านค้าแห่งความสำเร็จกับร้านค้ามิติแต่ก็ยังไม่พบ ในบรรดาชุดและอาวุธที่ทรงอานุภาพและมีอำนาจมากที่สุดที่เขารู้คือชุดเซ็ทแห่งแทรช ในส่วนของอาวุธมันชื่อว่า การประหารแห่งแทรช แต่เขายังไม่สามารถหาเบาะแสหรืออุปกรณ์ที่จะสร้างมันขึ้นมา ได้พบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่

เจนิสก็ได้บอกให้วูชินทำการค้นหาอาวุธชิ้นนี้ต่อไป

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน มังกร ก็ค่อยๆบินลงมา

ราจากุยอิ จ้องไปยังนักเวทย์อันเด้ด ที่สามารถป้องกันลมหายใจระเบิดมังกรของเขาwfh

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบ พ่อมดอมตะที่ทรงพลังบนโลกนี้

[โลกยังไม่ได้ถูกเชื่อมต่อจากผู้ใด แล้วทำไมเจ้าถึงสามารถใช้พลังมหาศาล ราวกับเป็นผู้มีพลังบนโลกกัน?]

คำพูดของราจากุยอิทำให้ดวงตาของเจนิสเปล่งแสงสีแดงออกมาดั่งเลือด

[พวกเศษสวะน่ารังเกียจ!]

โทสะของเจนิสที่มีต่อทราเน็ตนั้นมากมายยิ่งนัก

วูชินยักไหล่ของเขา

"เราจะคุยกันต่อหลังคุณฆ่าไอมังกรนี่"

[ตามที่สั่งผู้ปกครอง!]

พ่อมดอมตะตั้งใจเรียกวูชินว่าผู้ปกครองออกมา จากที่แต่ก่อนเขาจะเรียกวูชินว่านายท่าน

มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่วูชินก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ พ่อมดอมตะสู้กับพวกผู้ปกครองของทราเน็ตมาคนเดียวตลอด200ปีก่อนที่จะได้เจอกับวูชิน ตอนนี้วูชินต้องรู้สึกขอบคุณเขามากที่เขายังฟังคำสั่งของตน

[แผดเผาทำลายมันให้สิ้น เพลิงนรกโลกันต์!] ฟู่มมมมมมมม!

เปลวเพลิงทมิฬพวยพุ่งออกมาจากเจนิส มันแทบไม่ต่างอะไรจากเปลวเพลิงจากขุมนรก เวทมนตร์ที่ทรงพลังมหาศาลเช่นนี้กลับถูกเจนิสใช้ออกมาด้วยความเร็วปานสายฟ้า หากพูดไปก็คงไม่มีใครทำใจเชื่อได้ลง

[อะไรกัน?]

อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!

ปีกของมันถูกแผดเผาด้วยเพลิงนรกโลกันต์ก่อนที่แรก ก่อนที่จะลามไปทั่วตัวโดยที่มันไม่สามารถทำอะไรได้

ฟึ่บฟั่บ, ฟึบฟั่บ!

ปีกของมังกรกระพืออย่างรวดเร็ว ลมที่แผ่ออกมากวาดทุกอย่างออกไปรอบๆ ซากรถและกองทัพนักเวทย์โครงกระดูกปลิวกระเด็นกระดอนออกไป กระจกบ้านเรือนและอาคารทุกหลังแตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆ

อ๊าคคคคคคคคคคคคค!

มังกรกระพือปีกไปมาก่อนที่มันจะบินว่อนไร้ทิศทางพุ่งเข้าชนอาคารก่อสร้างรอบๆพังทลายลง หลังจากที่มันพุ่งชนอาคารมากมายในที่สุดมันก็หยุดลง

มันเกือบจะดับไฟนรกโลกันต์ไม่ได้

ถ้ามันไม่ได้เป็นมังกร ... ไฟนรกโลกันต์คงเผาผลาญชีวิตมันจนสิ้น

[แกกล้าดียังไง! บังอาจมาก ที่กล้ายั่วโทสะข้า!]

มันเชื่อมต่อกับโลกด้วยใจที่หยิ่งผยองและมั่นใจ มันไม่คิดว่าวันนี้มันจะถูกทำให้อับอายราวกับลูกหมาแบบนี้

[หึหึ นี่แค่เรียกน้ำย่อยเล็กๆน้อย แค่นี้มันยังไม่สาสมกับความแค้นของข้า]

ได้ฟังคำพูดไม่แยแสของเจนิส ตอนนี้ราจากุยอิโมโหหนักมาก มันถูกเพลิงนรกแผดเผาแทบวอดวาย ซ้ำยังเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาพ่อมดอมตะผู้นั้น มันไม่อยากถูกจู่โจมด้วยไฟนรกเช่นนั้นอีก การดิ้นรนเมื่อครู่เป็นความอัปยศอย่างยิ่งในชีวิต มันบินชนนู่นนี่นั่นไม่ต่างอะไรกับลูกหมาตกน้ำ

ฮู่มมมมมมม!

ปีกของมังกรกางออกจนสุด มันส่งเสียงคำรามดังก้องออกมา คลื่นเสียงของมันมีผลต่อจิตใจของทุกสรรพชีวิตรอบๆ มันสร้างความหวาดกลัว และลดความกล้าในจิตใจของศัตรูที่ได้ยิน ทำให้ทุกสิ่งหวาดกลัวจนต้องวิ่งหนีมัน

แต่น่าเสียดายที่พ่อมดอมตะไม่มีหู ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขยับออกจากที่เดิมแม้สักคืบ เขายังยืนเผชิญหน้ากับมังกรโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว

[อา สงสัยพลังเพลิงของข้าเมื่อครู่คงเบาเกินไป?]

พลังเวทย์มหาศาลเริ่มไหลมาร่วมที่คฑาเวทมนตร์ของพ่อมดอมตะ

ครืนนนนน ครืนนน ครืนนนนน ผืนดินเริ่มแตกออก ราวกับลาวาใต้โลกกำลังแทรกตัวขึ้นมาบนพื้น กองลาวาจำนวนมหาศาลกองแล้วกองเล่าผุดออกมาจากพื้นดินรอบๆ ไอความร้อนมหาศาลจากเพลิงนรกใต้โลกแผ่ออกมาจนแทบจะหลอมละลายโลหะและสิ่งที่อยู่รอบๆให้สลายกลายเป็นผุยผง กองลาวาเหล่านั้นจะค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างบางอย่าง

ปรากฏร่างมังกรเก้าหัวออกมาจากแต่ละกองลาวา ร่างกายพวกมันระอุไปด้วยไอความร้อนจากเพลิงนรกใต้โลก ผิวกายของมันมีลาวาไหลรินออกมาตลอดเวลา ความร้อนแรงที่แผ่ออกมานั้น ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเปลวเพลิงนรกโลกันต์เมื่อครู่ แลดูมันจะมากกว่าด้วยซ้ำ

เจนิสเรียกไฮดราโลกันต์ออกมา

ก๊าซซซซซซซซ!

เพื่อความแน่นอน เขาได้เรียกออกมาถึง 100 ตัว

หัวทั้ง900ของไฮดราโลกันต์อ้าปากออกมา ก่อนที่จะหันไปยัง ราจากุยอิ

รีวิวผู้อ่าน