บทที่ 148 – เตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง 2
หน้าทางเข้าดันเจี้ยน ทางออกที่ 1 ของสถานีโซล ตอนนี้เต็มไปด้วยฝูงชนมากมาย
มีแผงลอยขายอาหารและนักข่าวที่มารอเก็บภาพมากมายอยู่รอบๆบริเวณ แต่ไม่มีนักข่าวคนไหนกล้าเข้ามา
มีเพียงคนเดียวในโลกเท่านั้นที่สามารถดึงดูดนักข่าวได้ขนาดนี้
เสียงแฟรชรัวถี่ยิบดังขึ้น แต่ก็ยังคงไร้นักข่าวที่กล้าเดินเข้าไปสอบถามกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง
วูชินกำลังกินอาหารบางอย่างตรงแผงลอยหน้าทางเข้าดันเจี้ยน
"นี่อร่อยมาก"
"หัวหน้าลองกินซุปนี้ดู"
ซังฮุนหยิบถ้วยใส่ซุปให้แก่วูชิน
วูชินมองไปยัง บลังก้า ซังกู แฮซอล และเมโลดี้ ที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นไล่กาอยู่ด้านข้าง
"ไม่หาอะไรกินสักหน่อยล่ะ" วูชินเอ่ยถามออกมา
"ไม่ดีกว่าพี่? นี่เรากำลังจะเข้าดันเจี้ยนนี้หรอ? "
"ใช่ แต่ตอนนี้กำลังรออีก 1 คน"
"หือใครอะพี่? ใครกันหว่าที่จะมาอีก? "
"อ่า"
เมื่อได้ฟังคำถามของซังกู วูชินจังหึนไปถามกับซังฮุน
"นายติดต่อเขาแล้วใช่ไหม?"
"เรียบร้อยแล้วครับ"
ไม่นานนัก ก็มีชายคนหนึ่งแหวกฝูงนักข่าวเข้ามา
"โย่ว น้องคัง"
"แพคจุงโด ก็มาด้วย?" เสียงซุบซิบของนักข่าวดังขึ้น
แพคจุงโดเดินฉีกยิ้มกว้าง มาพร้อมกับเลขาของเขา จุงชานซุง
แพคจุงโดทำตัวสบายๆอย่างมาก ในปากของเขาคาบปากกาไว้ด้ามหนึ่ง
“เอ่อ? หัวหน้ากิลด์ แพคมาทำไรที่นี่อ่ะ? "
แพคจุงโด ยิมให้กับซังกูที่กล่าวถามออกมา
"ฮ่าฮ่า ฉันจะมาทำอะไรล่ะ? ตอนนี้พวกเราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ฮ่าฮ่า"
อ่อ สงสัยพี่คงเรียกเขามา
ดูเหมือนพี่จะค่อนข้างถูกใจแพคจุงโดถึงให้เขาเข้าร่วมทีมด้วย
“อ่าเราต้องการ ตัวแท็งค์สักคน " (ตัวแท็งค์ คือคนที่คอยไปดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์ ,ตัวล่อตรีน)
ซังกูสงสัยจึงกล่าวถามกับวูชิน เพราะปกติตัวหลักในการล่อมอนสเตอร์คือเขา
"แล้วผมล่ะพี่?"
วูชินสแยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะ ยกถ้วยโอเด้งลง
"นายต้องแยกไปฝึกต่างหาก"
“... ว๊ากกกกก”
เขากำลังจะเจอกับนรกเร็วๆนี้!
ซังกูทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ วูชินเบนสายตาไปหาแฮซอล
"เรามีคนคอยไคท์ และสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูพร้อมทั้งสร้างความเสียหายได้" (ไคท์ คือคนที่สามารถเข้าจู่โจมและถอยออก รักษาระยะห่างระหว่างศัตรูไม่ให้มันเข้าถึงตัว)
เขาหัวเราะเล็กน้อย เมื่อมองไปที่บลังก้า
"เรายังมีตัวแท็งค์สำรอง ที่สามารถใช้สกิลสนับสนุนได้"
หลังจากนั้นวูชินก็เบนสายตามายังเมโลดี้พร้อมกล่าวขึ้นมา
"เรายังมีฮีลเลอร์ ไว้คอยรักษาชีวิตผู้อื่น" (ฮีลเลอร์คือผู้รักษา คอยใส่สกิลเพิ่มพลังชีวิต,มานา)
เมื่อวูชินพูดจบ ซังกูก็กระพริบตา
"พี่ยังไม่มีคนทำเดเมจหลัก ให้เป็นหน้าที่ผมดีมั้ย... " (ตัวเดเมจหลัก คือคนที่สามารถจู่โจมได้รุนแรง สร้างความเสียหายจำนวนมากให้แก่ศัตรู)
"ฉันมีคนอื่นรับหน้าที่นี้แล้ว นายแยกออกไปได้อย่างสบายใจ "
“เอื้อออออ...... .”
เขาไม่สามารถหลบหลีกหายนะครั้งนี้ได้ ค่อนข้างสิ้นหวังเล็กน้อย
วูชินเลียซอสที่อยู่บนถ้วยจนเกลี้ยง ก่อนที่จะหันมาถามซังฮุน
"ไอนี่มันราคาเท่าไร?"
"ทั้งหมด 100$ ครับ"
"หืม ถ้วยนึง 20$? "
"ครับ"
ซังฮุนหัวเราะก่อนที่จะจ่ายเงินให้กับแม่ค้าสาว จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังดันเจี้ยน ทางออกที่ 1 ของสถานีโซล เมื่อพวกเขาออกไปกองทัพนักข่าวก็พุ่งตรงไปยังแผงลอยขายอาหารที่วูชินกินเมื่อสักครู่
แชะๆๆๆ
พวกเขาได้เก็บภาพขณะที่วูชินกินอาหารเมื่อสักครู่ แล้วพวกเขาก็มาระดมถ่ายภาพอาหารตรงแผงลอยที่วูชินกิน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะเอาภาพพวกนี้ไปทำอะไร คงจะเป็นการโปรโมทอาหารล่ะมั้ง?
วูชินหันไปถามซังฮุนที่ดูท่ากำลังหงุดหงิดอะไรบางอย่าง
"ตอนนี้พวกเราอยู่ในเขตเกาหลีใช่ไหม?"
"ใช่ครับ"
"ไปกว้านซื้อที่บริเวณนี้"
หลังจากได้ยินคำกล่าวของวูชิน ซังฮุนก็ฉีกยิ้มกว้าง
"หัวหน้าคิดเหมือนผมเลย ว่าบะหมี่ถ้วยละ 20$ มันแพงเกินไป ผมจะกว้านซื้อที่รอบๆนี้เองแล้วจะเก็บภาษีพวกมันให้หนักเลย "
เปี๊ยะะะะะ! โอ๊ยยย
วูชินตบไปที่หลังศีรษะของซังฮุนอย่างแรง
"นายคิดว่าฉันงกเหมือนนายหรือไง? ฉันแค่อยากซื้อที่เผื่อไว้ อาจจะต้องใช้พื้นที่ด้านหน้าดันเจี้ยนติดตั้งอะไรบางอย่าง เลยต้องการที่ว่างเอาไว้ก่อน "
"อ่อครับ…."
ซังฮุนลูบหัวป้อยๆ ก่อนที่จะยืนส่งพวกเขาเข้าดันเจี้ยน
"ขอให้เดินทางปลอดภัยครับหัวหน้า"
ในฐานะเลขาของหัวหน้ากิลด์ KH จุงชานซุง มองไปที่แพคจุงโดอย่างกังวล เมื่อแพคจุงโดเห็นท่าทางกังวลของเลขาเขา ก็หัวเราะขึ้นมาก่อนจะชกอกเลขาของเขาเบาๆ
"ฮ่าฮ่า นายก็กังวลมากเกินไป ฉันเดินทางไปกับน้องคัง ชายผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเชียวนะ "
'นั่นล่ะครับที่ผมกังวล หัวหน้า' จุงชานซุงได้แต่คิดในใจโดยไม่ได้กล่าวออกไป
จุงชานซุงยืนมองพวกเขา เข้าดันเจี้ยนไปด้วยความกังวล
หลังจากที่ทั้งหมดเข้าไปในดันเจี้ยน ซังฮุนที่ยืนอยู่ด้านนอกสองคนกับจุงชานซุง ก็ได้ยื่นมือออกมาแบตรงหน้าจุงชานซุง
"เอ่อ นี่หมายความว่าอะไรหรอครับ?"
"เมื่อกี้ แพคจุงโดกินราเมงไปถ้วยนึง มันราคา 20$ "
"... ผมคิดว่าคุณเป็นรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ"
“เอ่อ มันก็ใช่นะ แต่ไม่ได้ความว่าฉันคิดเลขไม่เก่งนี่ "
“...... .”
วูซังฮุนมีประสบการณ์เป็นพนักงานขายอยู่ถึง 8 ปีก่อนที่จะเข้าร่วมอแลนดัล
การคำนวณของซังฮุนแม่นยำราวกับคมมีด จุงชานซุงช่วยไม่ได้ที่จะต้องเปิดกระเป๋าตังค์ของเขาออกมา
***
ม่านบาเรียป้องกันก่อตัวขึ้น ปิดกัน ดันเจี้ยน ทางออกที่ 1 ของสถานีโซล
หัวข้อสนทนาของนักข่าวรอบๆ เต็มไปด้วยเรื่องการลงดันเจี้ยนครั้งนี้
หลังจากที่คังวูชินเคลียดันเจี้ยนครั้งนี้ และนำสิ่งของมากมายกลับขึ้นมา เขายังเคยถูกคนลอบสังหารในดันเจี้ยนนี้อีกด้วย นักข่าวทุกคนต่างขุดคุ้ยหัวข้อสนทนาเรื่องเก่าๆ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง พยายามหาข้อสันนิษฐานว่า เหตุใดพวกเขาจึงรวมตัวคนมามากมายเพื่อเข้าดันเจี้ยน ที่วูชินเพียงคนเดียวก็สามารถเคลียได้
และแน่นอนว่ามีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าความจริงเป็นอะไร
นี่คือพื้นที่มิติของคังวูชิน
และในที่นี้คนเดียวที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลยก็คือ บลังก้า
"เอ่อ หัวหน้า? ทำไมมันมีประตูมิติทันที ... "
เมื่อวูชินพาเขาเข้าดันเจี้ยนมา เขากลับไม่พบการจู่โจมของมอนสเตอร์สักตัว และอยู่ๆประตูมิติก็ตั้งอยู่ข้างๆ แทบจะทันที
แต่วูชินก็คร้านจะตอบคำถามของบลังก้า
ฟู่มมม วิ้งงงง
วูชินก้าวผ่านประตูมิติมาเป็นคนแรก คนที่เหลือก็ทยอยๆก้าวผ่านมาทีละคน
“อืมมม”
เมื่อบลังก้าเดินผ่านประตูมิติมา เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ มันเหมือนกับห้องโถงของปราสาทในนิยาย แถมยังมีบัลลังก์ตั้งอยู่ตรงหน้าอีกตังหาก
นอกจากนี้ยังมีประตูมิติสีแดงๆตั้งอยู่ข้างๆบัลลังก์
ในขณะที่บลังก้าสำรวจไปรอบๆ เขาก็เห็นว่าวูชินเดินไปนั่งบนบัลลังก์
"ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ พื้นที่อแลนดัล "
เมื่อมองท่าทีเหรอหรา ของทุกคน วูชินก็หัวเราะออกมา
มีมอนสเตอร์ระดับสูงชนิดใหม่ที่ปรากฏขึ้นบนโลกในช่วงเวลาที่พึ่งผ่านมา
ชื่อมอนสเตอร์ที่เป็นผู้ปกครองมิติ ถูกเรียกกันว่า มอนสเตอร์ระดับแม่ทัพ
ผู้มีพลังในอแลนดัลรู้ว่าวูชินเป็นผู้ปกครองมิติ และมีพื้นที่มิติส่วนตัว ยกเว้นบลังก้า
"นะ ... นี่มันช่าง"
"ฮ่าฮ่า ดูเหมือนสหายต่างชาติคนนี้กับฉันจะไม่รู้เรื่องพวกนี้"
แม้แพคจุงโดจะรู้ว่าวูชินสามารถใช้ดันเจียนในการ เปิดประตูมิติได้ และเกี่ยวข้องกับพื้นที่มิติ แต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าวูชินจะเป็นถึงผู้ปกครองมิติ ...
"เอาล่ะฉันจะให้เวลาพวกคุณ 1 ชม.ในการเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ "
"ฮ่าฮ่า น้องคังสถานที่นี้เรียกว่าพื้นที่มิติใช่รึเปล่า? "
"เอาล่ะถ้าพี่ มีคำถามอะไรไปถามกับ บีบี"
ตอนนี้วูชินมีธุระที่ต้องรีบจัดการบนบัลลังก์ของเขา
บีบีใช้เวลาไม่นาน ก็เข้ามาปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา
"ฮิฮิ ตามมาเลย ฉันจะพาทุกคนทัวร์เองเมี๊ยยววว "
เมื่อทุกคนเดินตามบีบีออกไปนอกปราสาท แจมินที่แฝงตัวอยู่ในความมืดก็เผยตัวออกมา
"นายเป็นผู้ชาย ทำไมต้องขึ้อายตลอดเวลา? "
"แหะๆ ผมก็ไม่รู้ครับพี่"
แจมินยังรู้สึกแปลกๆที่จะเข้าหาคนอื่น เพราะเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นแวมไพร์ ความคิดของเขายังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ กลัวว่าอาจจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้ ? ทำให้เขาไม่สนิทใจที่จะเปิดเผยตัวเองกับใคร
“ช่างเถอะ สกิลที่ฉันให้นายเรียนรู้ล่ะ? "
"ผมใช้ได้ทุกสกิลแล้วครับ"
วูชินได้ซื้อสกิลหลายอย่างด้วยแต้มของเขา
ทั้งหมดเป็นสกิลที่แวมไพร์สามารถใช้ได้
"มันต่างกันนะ ระหว่างใช้ได้กับใช้เป็น"
"ผมกำลังฝึกฝนอยู่ครับพี่"
"นายคิดว่าตอนนี้ยังมีเวลาให้ฝึก "
"ผมจะพยายามครับ"
"แค่ความพยายามมันไม่พอน่ะสิ"
"ผมก็พยายามอยู่นะครับ?"
เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนหัวของวูชิน
"นายอยากโดนฉันทุบสักทีไหม?"
"ขอโทษครับ"
"เรากำลังจะไปยังดาวจาคุในอีก 1 ชั่วโมง"
"อะไรนะครับ?"
แจมินรู้สึกประหลาดใจ
"นายจะต้องเป็นคนทำความเสียหายหลัก ของทีมที่ฉันจัดไว้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้ "
เขากำลังจะต้องเป็นผู้สร้างความเสียหายหลักของทีม ที่กำลังจะไปรบ โดยที่เขาไม่เคยร่วมทีมมาก่อน ...
แจมินเริ่มน้ำตาคลอเมื่อรู้สึกกดดันจากคำพูดของวูชิน
"นายร้องไห้เป็นงานอดิเรกหรือยังไง"
“...... .”
เขาต้องเข้มแข็ง
เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่เขาจะมีความสามารถพอที่จะปกป้องครอบครัวได้ ...
"ไม่ต้องห่วงคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งพอที่จะเอาตัวรอดได้... "
อา เห็นมั้ย พี่เขาก็ยังคงพยายามช่วยฉันอยู่ตลอดเวลา
เขาคงจะได้อยู่ในกลุ่มของผู้มีพลังระดับAเป็นอย่างต่ำ คงเป็นพวกกลุ่มคนที่มีความสามารถในการจัดการมอนสเตอร์ระดับสูง ส่วนเขาก็แค่เดินตามพวกเขาไปเรื่อยๆไม่ต้องทำอะไรมากมาย
ราวกับว่าวูชินอ่านความคิดของแจมินได้
"... ถ้านายทำได้ดีนะ"
“...... .”
"แต่ถ้านายทำพลาด คนทั้งกลุ่มจะตาย"
“...... .”
"ถึงแม้ว่านายจะตาย ฉันก็ยังชุบชีวิตให้ได้ แต่สำหรับคนอื่น พวกเขาไม่มีโอกาสที่สองแบบนาย"
ทำไมพี่ต้องให้ภาระหนักอึ้งแบบนี้กับผมครับ?
ตัวของแจมินเริ่มสั่น เมื่อต้องรับภาระหนักอึ้งขนาดนี้
เขาเป็นคนสร้างความเสียหายหลัก และถ้าเขาไม่สามารถจัดการมอนสเตอร์ได้เร็วพอ ... พรรคพวกของเขาอาจต้านรับไม่ไหวและตายยกกลุ่ม
เขาไม่รู้ว่านรกแบบไหนกำลังรออยู่บนดาวจาคุ
"เอาล่ะพวกเราต้องการเวลาคุ้มกันพื้นที่มิติก่อนที่จะไป"
"ครับพี่"
ช่วงเวลาคุ้มครองพื้นที่มิติของเขากำลังจะหมดลง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมวูชินถึงให้คนอื่นๆไปเดินเล่นก่อน 1 ชั่วโมง มันก็เพื่อให้เขามีเวลาในการทำสงครามมิติก่อนอีกสักครั้งนั่นเอง ไม่ว่าชนะหรือแพ้เขาก็จะได้ช่วงเวลาคุ้มกันดันเจี้ยน
ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ไม่ว่าแจมินจะสามารถเอาชนะหรือพ่ายแพ้มันก็ไม่มีผลอะไร เขาต้องการแค่ช่วงเวลาคุ้มกันพื้นที่มิติเท่านั้น ถ้าชนะก็ดีไป แต่ถ้าแจมินพ่ายแพ้เขาก็แค่ต้องรีบชนะในนัดล้างตาด้วยการประลองตัวต่อตัวให้รวดเร็วที่สุด เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา
ตอนนี้มี ประตูมิติสามประตูอยู่ด้านข้างบัลลังก์
<ดาวโลก- ทางออกที่ 1 ของสถานีโซล>
<ดาวจาคุ – เสาแห่งเนเซีย>
<ดาวอัลเฟ่น- วิหารแห่งราห์>
บนดาวอัลเฟ่นมีวิหารเป็นร้อยๆแห่งตั้งอยู่
และต่อมาทุกๆวิหารได้กลายเป็นดันเจี้ยน มีดันเจี้ยนหลายแห่งที่อยู่ในเขตปกครองของอแลนดัล ทำให้การต่อสู้ของเขากับทราเน็ตไม่เคยมีวันจบสิ้น
<พื้นที่มิติกำลังเชื่อมต่อไปยังดาวอัลเฟ่น คุณเหลือเวลาเชื่อมต่ออีก 20 วัน 17 ชม.... >
เขาซื้อดันเจี้ยนบนดาวอัลเฟ่นโดยใช้ชิ้นส่วนมิติ 1 ชิ้น
เขาวางแผนจะไปยังอัลเฟ่น หลังจากที่เขากวาดล้างดาวจาคุ
มันคงจะดีถ้าหลังกวาดล้างดาวจาคุระดับของเขาจะเพิ่มไปถึง 90 แต่ถ้าไม่ถึงก็ช่างมัน
เขาไม่สนเรื่องกองกำลัง หรือกลุ่มพันธมิตรบนดาวอัลเฟ่นไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่าเหลือ หมวกแดง,หมวกดำหรืออะไรก็ตาม เขาจะกวาดล้างมันให้หมด
เมื่อพวกมันกล้าที่จะรุกรานโลก เขาจะแสดงให้เห็นถึงราคาที่พวกมันจะต้องจ่ายเมื่อมาเหยียบย่ำดาวของเขา
***
คนในทีมมารวมตัวกันหน้าประตูมิติที่จะไปยังดาวจาคุ
"พร้อมกันรึยัง?"
"พวกเราพร้อมแล้ว"
วูชินมองไปยังใบหน้าของทุกคนที่ยืนอยู่
เจนิสจะพาซังกูแยกออกไปต่างหาก ดังนั้นสมาชิกในกลุ่มจะมี นักฝึกสัตว์แฮซอล, ผู้สนับสนุนบลังก้า, ผู้มีพลังสายกายภาพแพคจุงโด, ผู้รักษาเมโลดี้ และ แวมไพร์ แจมิน ที่จะต้องต่อสู้ร่วมกัน
ถ้าพวกเขาสามารถประสานงานกันได้อย่างดีแม้แต่ผู้ปกครองมิติพวกเขาก็เอาชนะได้ แน่นอนนี่ขึ้นอยู่กับพลังโจมตีของโดแจมิน
วูชินเรียกความสนใจของทุกคน
"ให้เขาดูดเลือดมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง"
“...... .”
โดแจมินกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง เมื่อเขาคิดว่ากำลังจะต้องดูดเลือดมอนสเตอร์ต่อหน้าคนอื่น ...
"นายไม่อยากแข็งแกร่งขึ้น?"
"ไม่ใช่อย่างนั้นครับพี่"
โดแจมินเป็นแวมไพร์
สถานะของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นเหมือนกับคนอื่นๆ
เมื่อมีนักรบและจอมเวทย์ที่เสียชีวิต ... เขาจะต้องดื่มเลือดของพวกมันอย่างน้อยชนิดละ 1 ครั้ง เพื่อดูดซับความแข็งแกร่งของพวกมัน นี่เป็นวิธีที่แวมไพร์จะเพิ่มค่าสถานะของตัวเอง ความแข็งแกร่งของแวมไพร์จะมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับจำนวนชนิดของศัตรูที่ได้ดื่มเลือด ...
นี่เป็นเหตุผลที่วูชินจัดตั้งกลุ่มนี้ขึ้น เพื่อให้แจมินแข็งแกร่งและพัฒนาได้รวดเร็วที่สุด
"เอาล่ะ เมื่อพวกนายเดินผ่านประตูมิตินี้ไป พวกนายต้องพึ่งตัวเอง ถ้ามีปัญหาที่เหลือบ่ากว่าแรงให้ติดต่อหาฉัน "
"เข้าใจแล้ว!"
วูชินให้เจนิสแยกไปกับซังกู วูชินจึงมีวิธีที่จะติดต่อทั้งสองกลุ่มได้ง่ายดาย และในฐานะที่แจมินได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักกลยุทธ์ของวูชิน เขาก็สามารถติดต่อกับแจมินได้ด้วยโทรจิต
"เอาล่ะ ไปกันเถอะ"
วูชินเปิดประตูมิติไปยังดันเจี้ยนเสาแห่งเนเซีย แล้วเขาก็เดินเข้าไปคนแรก
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเยือนดาวจาคุ
วิ้งงงงงงงง
เมื่อพวกเขาเดินผ่านประตูมิติ ก็พบว่ากำลังยืนอยู่ในฐานทัพอะไรบางอย่าง และถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงหินโบราณ ดูเหมือนมันจะคล้ายๆกับบาเรียที่เกิดขึ้นหน้าดันเจี้ยนบนโลกเมื่อมีคนเข้ามาท้าทายดันเจี้ยน
สิ่งป้องกันอาจมีรูปร่างแตกต่างกัน แต่มันก็ทำหน้าที่เหมือนกัน
บาเรียกำแพงหินหายไปเมื่อวูชินปรากฏตัวขึ้น ดูเหมือนการจำกัดพลังตามค่าความเข้ากันได้จะเสร็จสิ้นลงแล้ว
"นี่ไม่ใช่ว่พวกเรากำลังเหมือน พวกมอนสเตอร์ที่รุกรานโลกหรอ?"
เหตุการณ์นี้มันเป็นแบบเดียวกับเหตุการณ์ดันเจี้ยนแตกออกบนโลก แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในฐานะผู้รุกราน
อาจจะเป็นเพราะห่างหายมานานแล้ว? หัวใจวูชินเต้นเร็วขึ้นนิดหน่อยและความรู้สึกเก่าๆของเขากำลังกลับมา
"ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด
ราวกับว่าผู้มีพลังคังวูชินจากโลก กลับกลายมาเป็น ผู้อมตะคนเดิม
เขาก้าวเท้าลงไปเหยียบพื้นที่ของดาวจาคุ
กี๊ซซซซซ
กุรุกุรุ กี๊ซๆ กุรุกุรุ
วูชินถูกต้อนรับด้วยเสียงแปลกๆจากกลุ่มมอนสเตอร์จำนวนหนึ่ง
มนุษย์กิ้งก่าหนึ่งตัวเดินออกมาจา กลุ่มเพื่อมาคุยกับวูชิน
ถึงแม้มันจะสวมมงกุฎสีดำโง่ๆ แต่กลิ่นอายของมันก็บอกให้รู้ว่ามันไม่ใช่มอนสเตอร์ธรรมดาๆ
ทุกคนในกลุ่มเริ่มรู้สึกตื่นเต้น ส่วนวูชินก็ก้าวเดินออกไป
[ยินดีต้อนรับนักรบ!]
[แกเป็นใคร?]
[ชื่อของข้าคือ นิกัล เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน เชน ผู้นำแห่งกองกำลังหมวกดำ]
[พวกแกรอฉันอยู่?]
[ถูกต้อง! ข้าได้ยินเรื่องความต้องการที่จะกวาดล้างกองกำลังกิ้งก่าเหลืองของเจ้า ท่านเชนกำลังรอพบเจ้าอยู่ ท่านเตรียมตำแหน่งพิเศษไว้เพื่อเจ้าโดยฉะ ... ]
ฟึ่บ
วูชินเรียกอาวุธของนักรบเขาออกมาในพริบตา และตอนนี้มันถูกเรียกใช้ในรูปแบบขวาน
ฉับ!
หัวของมนุษย์กิ้งก่า นิกัล ถูกแยกออกจากลำตัวแทบจะวินาทีเดียวกันกับเวลาที่ขวานก่อตัวขึ้นมา
แม้หัวของมันจะถูกปลิดกระเด็นไปในอากาศแต่ตาของมันยังจ้องไปที่วูชิน
[……ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?]
[อะไร? แทนคำกล่าวเปิดงานละเลงเลือดไง]
มุมปากของวูชินค่อยๆเผยอขึ้น ในที่สุดเขาก็แสยะยิ้มออกมา
พริบตาเดียวกันนั้น กองทัพอันเด้ดก็ถูกเรียกขึ้นมา