px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
บทที่ 151 – เทศกาลละเลงเลือดบนดาวจาคุ (3)


ของวูชินขมวดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นกลุ่มที่กำลังเดินเข้ามาชัดถนัดตา

"พวกบ้านี่มาทำอะไร?"

มันเป็นกลุ่มของนักรบเอลฟ์

วูชินลุกขึ้นยืน ในขณะที่ในปากของเขายังคงเคี้ยวเนื้อตุ้ยๆ

“เจนิส”

ฟู่มมมม

ไอแห่งความมืดกระจายออกมา ก่อนที่มันจะหลอมรวมกลายเป็นเจนิสยืนอยู่ข้างๆวูชิน

"จัดการพวกมันให้หมดแล้วก็ดูแลซังกูต่อ เสร็จแล้วค่อยตามฉันมา"

ท้องเขาอิ่มแล้ว ได้เวลาไปล่าเหยื่อต่อ

[ตามที่สั่ง นายท่าน]

ฟู่ววววว!

เปลวเพลิงทมิฬปะทุออกมาจากคทาของพ่อมดอมตะ

"แล้วเจอกัน ซังกู .. "

"งั่มม ๆ เอื๊อก.. ได้ครับพี่ "

ซังกูได้ออกแรงไปมากในขณะที่หนีตายจากการโจมตีของเจนิส ตอนนี้เขาเลยจัดการกินเนื้อเข้าไปอย่างไม่บันยะบันยัง เมื่อวูชินเริ่มเคลื่อนไหว เหล่านักรบเอลฟ์ที่ซุ่มอยู่ก็โผล่ออกมา

แต่ในขณะเดียวกันกับที่นักรบตัดสินใจลงมือ เปลวเพลิงของพ่อมดอมตะเจนิสก็ปะทุขึ้นมาในเวลาเดียวกันกับที่พวกมันขยับตัว

"นี่มันบ้าอะไรกัน?"

เอลฟ์หนุ่มรูปงามผมสีเงิน พูดออกมาในขณะที่คุกเข่า

"พวกข้าได้ยินว่ามีสุดยอดนักรบมาเยือนโลกแห่งนี้ คงเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากให้พวกข้าทำการต้อนรับ "

“...... .”

วูชินหยุดเดิน

นานแล้วที่เขาไม่ได้เจอพวกเอลฟ์ ลองฟังคำพูดไร้สาระของมันดูก่อน

"เอาล่ะ ว่ามาสั้นๆ”

"ข้ารู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักที่มีโอกาสได้ต้อนรับ"

เอลฟ์ผมสีเงินลุกขึ้นยืน ก่อนที่ฉีกยิ้มกว้างขณะที่มองไปที่วูชิน ส่วนวูชินก็ยิ้มรับ

"พวกแกต้องการแค่นี้?"

"ใช่แล้ว ข้าขอแนะนำตัวให้แก่ท่านนักรบ ข้าคื... "

“หยุด”

เมื่อถูกวูชินสั่ง เอลฟ์ผมเงินก็หยุดพูด และทำท่าทางสงสัยอีกครั้ง เขากล่าวอะไรให้คนตรงหน้าโมโหหรือไม่พอใจอะไรรึเปล่า? เอลฟ์กำลังคิดถึงคำพูดเมื่อกี้ว่ามันผิดตรงไหน

"ทักทายเสร็จพวกแกก็ตายได้แล้ว"

วูชินเดินออกไปอีกครั้ง เปลวเพลิงทมิฬของพ่อมดอมตะก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

ฟู่ววววววววว เปรี๊ยะ!

“อ๊าคคคคคคคคคคคค!”

แสงสีแดงเลือดในเบ้าตาของพ่อมดอมตะลุกโชนออกมา ราวกับว่าพึงพอใจในเสียงร้อง

[เสียงกรีดร้องของเอลฟ์ไพเราะเสมอ]

เอลฟ์สามคนที่ถูกไฟเผาร่างกาย พยายามกลิ้งตัวไปมาบนพื้น และพวกเขาก็พยายามใช้เวทย์น้ำเพื่อดับไฟ แต่เพลิงนรกทมิฬไม่ได้ดับง่ายขนาดนั้น

"ข้า ... ข้าเป็นข้ารับใช้ของท่านมอร์โปแห่งกลุ่มค้อนแดง เจ้ ... "

ตูมมมมม โผละ!

ขณะที่เอลฟ์กำลังพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ บอลไฟของเจนิสก็พุ่งไปยังหัวของมัน ไม่ต่างอะไรกับลูกแตงโมถูกRPG ยิงใส่... มันเละและแตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆ แสงสีแดงเลือดในตาของเจนิสเปล่งประกาย แสดงออกมาถึงความพึงพอใจอย่างมาก ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับซังกู [ไม่มีอะไรที่สามารถเผาไหม้ได้ดีกว่าความกลัว]

"ฮะ?"

เผาๆไหม้ๆอะไรนะ?

ซังกูยังตั้งหน้าตั้งตาเคี้ยวเนื้อแล้วก็กลืนเข้าไป เขาได้ฟังเสียงเจนิสบ่นงึมงำๆ แต่เขาก็ไม่ค่อยได้สนใจ

[เจ้าต้องทำให้ศัตรูหวาดกลัว เพื่อที่จะคุมเกมส์ ฮ่าฮ่าฮ่า]

“...... .”

ซังกูที่กำลังกินอาหารอยู่ ก็เริ่มหดหู่ขึ้นมา

ยังเหลือเอลฟ์สองตัวที่เจนิสปล่อยให้รอด

"แกรู้ไหมแกทำบ้าอะไรอยู่? แกโจมตีกองกำลังทั้งสามแห่งของดาวจาคุ! "

วูชินหยุดเดิน เมื่อได้ยินเสียงพูดด้วยความโกรธของเอลฟ์

"แล้วไง?"

"พวกข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะหยิ่งยะโส แบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน!"

"อ่า แกคงไม่ได้เห็น"

“...... .”

"เพราะแกกำลังจะตาย"

อ๊าคคคคคคคคคคค!

[หึหึฮ่าฮ่า ได้เวลาทักทายดาวนี้แล้วสิ]

ร่างของเจนิสเปล่งแสงขึ้น ก่อนที่นักเวทย์โครงกระดูกของเขาจะถูกเรียกออกมาทั้งหมด

กี๊ กี๊

นักเวทย์โครงกระดูกส่งเสียงทักทายออกมาเมื่อมันถูกอัญเชิญ พวกมันเป็นนักเวทย์โครงกระดูกธาตุไฟทั้งหมด อาจจะแตกต่างกันบ้างในเรื่องของพลังเวทย์ เมื่อทุกตัวถูกเรียกออกมา พวกมันก็เริ่มรวบรวมพลังเวทย์ สร้างบอลเพลิง ก่อนที่จะยิงไปที่ซังกู

“...... !”

ทำบ้าอะไรวะเฮ้ย? เพื่อ?

เมื่อกี้พ่อมดอมตะบอกว่าจะทักทายดาวดวงนี้ แล้วทำไมต้องยิงมาที่เขาล่ะ?

ว๊ากกกกกกกกกกกกกก!! ตูมมม ตูมมม ตูมมมม

เมื่อเจนิสเริ่มต้นการฝึกให้ซังกู วูชินก็เดินจากไป

ไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่าเหลือง,หมวกดำ,ค้อนแดง เขาจะทำลายทุกสิ่งปล้นชิงทุกอย่างจากพวกมันและทำให้มันหลุดออกจากการเป็นผู้ปกครองมิติของทราเน็ต

***

รัคซ่าใช้เวทย์สายลมนำพา วิ่งอย่างรวดเร็วเป็นเวลา 1 วันเต็ม

เมื่อเธอเห็นหอคอยขนาดใหญ่ตรงปลายขอบฟ้า เธอก็เร่งความเร็วของเธอทันที

นั่นเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเธอ

เสาโบราณแห่งนี้ได้ถูกเผ่าราทิกซ์ยึดครองเอาไว้เนิ่นนานแล้ว แต่ก่อนมันไม่ได้สูงใหญ่แบบนี้แต่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาใหม่จากของเดิมเพื่อเอาไว้ทำพิธีกรรมบวงสรวงตามความเชื่อของเผ่า

เมื่อเธอเข้าใกล้หอคอยก็เห็นหมู่บ้านที่ทำจากดินและหินปรากฏอยู่ตรงหน้า ในขณะที่เธอกำลังวิ่งเข้าทางลัดตัดป่าเพื่อเข้าเมือง ทหารของเผ่าราทิกซ์ก็ปรากฏตัวขึ้น

“รัคซ่า!”

“ไรบิโตะ”

"ทำไมถึงใช้ทางนี้?"

"ข้าต้องรีบไปหาท่านแม่หมอ"

เมื่อไรบิโตะเห็นท่าทางเร่งรีบและจริงจังของรัคซ่าเขาก็เปิดทางให้เธอ

รัคซ่าวิ่งตัดป่าเข้าหมู่บ้านมา เธอวิ่งไปหอคอยจนขึ้นหอคอยมายังห้องชั้นบนเพื่อพบบุคคลหนึ่ง

“รัคซ่า”

"แม่หมอ เชชัวซ่า!"

"เจ้าเห็นอะไรมา? ทำไมแตกตื่นแบบนี้? เอาล่ะสงบใจเจ้าก่อน "

ได้ฟังคำของเชชัวซ่า รัคซ่าก็สงบจิตสงบใจลงเล็กน้อย และความรู้สึกวิตกกังวลของเธอก็เริ่มลดลง อย่างไรก็ตามความรู้สึกถึงหายนะของเธอไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย

"ปราการของลีอาห์ล่มสลายแล้ว"

"สงครามกำลังจะเริ่มอีกแล้วงั้นรึ วันเวลาแห่งความสงบมันไม่ยั่งยืนจริงๆ"

ในตอนแรกนั้นการต่อสู้ระหว่างกองกำลังได้สร้างความเดือดร้อนไปทั้งดวงดาว และชนเผ่าพื้นเมืองบนดาวก็ถูกไล่ฆ่าอย่างโหดร้าย ความทุกข์เข็ญกระจายไปทั่วทั้งดาว หลังจากกองกำลังใหญ่ทั้งสามได้ ตรึงกำลังกันและกันเอาไว้ พวกมันก็คอยแต่สั่งสมกำลังพลไว้ปะทะกันเอง ปลาตัวเล็กๆอย่างเผ่าราทิกซ์ก็ไม่ได้ถูกสนใจอะไรมากมาย

“ไม่ใช่กองกำลังรบกันเองค่ะ เขาเป็นนักรบที่เอาชนะเรลิกซ์ "

"หืม? เป็นเขางั้นรึ?"

พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงพระเจ้า

พวกเขาสามารถสร้างดันเจี้ยน อาณานิคมและสิ่งต่างๆได้จากความว่างเปล่า

เป็นเวลานานแล้วที่ นักล่า นอกเหนือจากคนของสามกองกำลังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น

"ถ้าจำไม่ผิด ลีอาห์นี่เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังหมวกดำ?"

"ใช่ค่ะ เขาอาจจะไม่พอใจ มอร์โป "

"แต่ว่า แม้แต่กองกำลังค้อนแดงเขาก็ ... "

หลังจากที่แม่หมอ เชชัวซ่าได้ยินรายงานของรัคซ่า เธอก็ส่ายหัวออกมาก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

"จากข้อมูลที่ข้ารับรู้มา คนผู้นี้ได้มีเรื่องกับกองกำลังกิ้งก่าเหลืองด้วย ... "

นักล่าคนใหม่ที่ปรากฏตัวขึ้น ได้สร้างปัญหาต่อสามกองกำลังบนดาวจาคุ นั่นหมายความว่าเขาเป็นศัตรูของนักล่าทุกคนบนดาวจาคุแห่งนี้

"เขาจะถูกจัดการเร็วๆนี้"

รัคซ่าส่ายหัวให้กับคำพูดของเชชัวซ่า

"เขาเอาชนะเรลิกซ์ได้! แม่หมอคะ เขาอาจจะเป็นบุคคลจากคำทำนายในตำนาน "

เรลิกซ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าราทิคซ์ถูกเขาสังหาร รัคซ่ามั่นใจมากว่าบุคคลนี้ต้องเป็นบุคคลในคำทำนายของตำนานที่เธอได้ยินมาตั้งแต่สมัยยังเด็กๆ

"ตำนานอะไรที่หนูพูดถึง?"

"ตำนานที่บอกไว้ว่า ผู้ล่า ที่ล่า ผู้ล่า จะเป็นผู้กอบกู้แห่งดวงดาว!"

รัคซ่าเริ่มสั่นเพราะความตื่นเต้น เชชัวซ่ามองไปที่รัคซ่าด้วยความสงสารก่อนที่จะกอดเธอไว้

"เจ้าผิดแล้วเด็กน้อย"

"ทำไมเหรอคะ?"

"ตำนานนั้นเป็นเรื่องโกหก"

"อะไรนะคะ?"

เชชัวซ่าลูบศีรษะรัคซ่าอย่างอ่อนโยน

"คนรุ่นก่อนสร้างตำนานนี้ขึ้น เพื่อมอบความหวังให้แก่ผู้คน"

"อะไรกัน?"

"เจ้าอยากรู้ตำนานที่แท้จริงที่ถูกทำนายเอาไว้ไหม?"

“...... .”

"เมื่อผู้ล่าที่ล่าผู้ล่าคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้น เขาคือผู้ทำลายล้างที่จะมอบความตายให้แก่ดาวดวงนี้"

“...... !”

มันไม่ใช่หนทางการรอดชีวิตแต่มันคือหนทางแห่งความตาย!

รัคซ่าส่ายหัวอย่างแรงเพราะไม่อยากเชื่อ

"เราควรอธิษฐานไม่ให้เขาเป็นบุคคลในคำทำนาย"

หาไม่แล้วพวกเขาจะเป็นกลุ่มคนรอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายที่อยู่ยืนยันการล่มสลายของดาว

“ฮึก ฮือ แม่หมอแล้วเราจะทำยังไงดีคะ?"

สิ้นหวังแล้ว

อนาคตของดาวไม่มีเหลือแล้ว เพราะความสิ้นหวัง รัคซ่าได้แต่ร้องไห้

เธอกำลังร้องไห้ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตุเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนเงาของเธอ

***

เป็นเวลาสองวันที่รัคซ่าขังตัวเองไว้ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน เชชัวซ่าเป็นคนที่คอยดูแลเธอไม่ต่างอะไรกับมารดา คอยนำอาหารมาส่งให้เธอ

"รัคซ่า เจ้าควรดื่มนี่นะ"

"…ข้าไม่เป็นไร"

เชชัวซ่าได้แต่มองรัคซ่าที่เศร้าสร้อย แต่ก่อนเธอเป็นสาวน้อยที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เชชัวซ่ารู้สึกเสียใจที่บอกคำทำนายที่แท้จริงให้แก่เธอ มันดับความหวังของเธอจนหมดสิ้น

บางทีเธอควรปล่อยให้รัคซ่าดีใจไปกับคำทำนายหลอกลวงอันนั้น

รัคซ่าจะตายลงอย่างช้าๆเพราะหัวใจที่แตกสลายของเธอ

ตึงงงง ตึงงงง ตึงงงงง

ในขณะนั้นเอง อยู่ๆแผ่นดินก็สั่นสะเทือนส่งเสียงดัง กระจกหน้าต่างสั่นไหวราวกับจะแตกสลายลงมา

เสียงระฆังเตือนภัยแจ้งเหตุผู้บุกรุกดังสนั่นขึ้นทั่วหมู่บ้าน เชชัวซ่าและรัคซ่ารีบมองออกไปด้วยความตกใจ

"ข้าต้องออกไปด้านนอก"

เมื่อเชชัวซ่าก้าวเท้าออกจากบ้าน ก็พบความวุ่นวายของเด็กและผู้ใหญ่ บางคนกำลังเก็บข้าวเก็บของ เกิดเหตุเพลิงไหม้ เพราะคนวิ่งชนตะเกียงน้ำมัน ตอนนี้หมู่บ้านตกอยู่ในความสับสนอย่างมาก

เชชัวซ่าคว้าแขนของคนที่วิ่งผ่านหน้าไปคนหนึ่ง

"เกิดอะไรขึ้น?"

"แย่แล้ว! แม่หมอ มีกองทัพอันเด้ดกำลังตัดป่ามุ่งหน้ามายังหมู่บ้านของเรา "

"เฮ่อ ไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้ "

ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาผู้ล่าได้สั่งสมกองกำลังและคอยคานอำนาจกันโดยที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับหมู่บ้านของเธอแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เรื่องราวมันกลับเป็นแบบนี้

"เขาบอกว่าอะไรคะแม่หมอ?"

รัคซ่าออกมาจากบ้าน เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล

"มีผู้บุกรุกกำลังจะมายังหมู่บ้าน เจ้าควรไปเก็บของเพื่อเตรียมอพยพ "

“ไม่ค่ะ ข้าจะไปช่วยรบ "

แววตาของเธอเต็มไปด้วยความพร้อมที่จะสู้ เธอเองก็เป็นนักเวทย์ที่มีฝีมือคนหนึ่ง เชชัวซ่ารู้สึกปวดร้าวเพราะการต่อสู้ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตเธอ

"ทำตามที่ใจเจ้าปรารถนาเถิด"

"ค่ะแม่หมอ ขอบคุณมากนะคะ สำหรับทุกอย่าง"

รัคซ่ากล่าวคำอำลากับเชชัวซ่า เชชัวซ่าเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนและคอยฝึกฝนเวทมนตร์ให้กับเธอ และเลี้ยงดูเธอไม่ต่างอะไรกับมารดาของเธอ

เมื่อรัคซ่ามาถึงไฟป่าก็ลุกลามจนนักรบเผ่าราทิคซ์ไม่อาจจะซ่อนตัวซุ่มโจมตีในป่าได้ พวกเขามารวมกำลังกันที่หน้าหมู่บ้าน

นี่เป็นความพยายามซื้อเวลาครั้งสุดท้ายของพวกเขา มันเป็นการต่อสู้เพื่อถ่วงเวลาให้ชาวบ้านได้อพยพออกไป

“รัคซ่า!”

"พวกเขาเป็นใครหรอ ไรบิโตะ?"

"มันเป็นกองทัพนักล่าที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน พวกมันเป็นโครงกระดูก "

“โครงกระดูก ... .”

เธอมั่นใจว่านี่เป็นกองทำของชายที่สังหารเรลิกซ์

เขามาเยือนที่แห่งนี้แล้ว ...

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับอาณานิคมอื่นๆ เขาควรจะไปทำลายพวกนั้นก่อนไม่ใช่หรอ?

กี๊ กี๊ กี๊!

ในไม่ช้าเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกโครงกระดูกก็ดังขึ้น พวกมันเดินฝ่ากองเพลิงในป่าออกมาโดยไม่เป็นอันตรายใดๆ อัศวินที่น่ากลัวขี่ม้าปีศาจที่เต็มไปด้วยความมืดกำลังเดินออกมาโดยไม่หวั่นเกรงเปลวเพลิง

“เราต้องถ่วงเวลาพวกมัน แค่นิดเดียวก็ยังดี เพื่อพี่น้องของเรา! "

ไรบิโตะเป็นผู้นำ เขาพูดเพื่อปลุกจิตวิญญาณนักสู้ของนักรบในชนเผ่า

เขาเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากหน่วยซุ่มโจมตีในป่า ที่เผชิญหน้ากับกองทัพอันเด้ด

คังวูชิน กระตุ้นให้ฉิงฉิง ก้าวเข้าไปด้านหน้า

"นี่มันไม่ใช่?"

เขาขมวดคิ้วเมื่อมองไปยังหอคอยที่ดูเหมือนจะสร้างมาจากดิน มันไม่เหมือนหอคอยอาณานิคมของผู้ปกครองมิติ

"ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นชนเผ่าพื้นเมือง"

วูชินเรียกเงาของเขากลับมา

"ทำไมแกไม่พาฉันไปที่ ที่มีค่าประสบการณ์เยอะๆ? เรียกมานี่ทำไม"

ด้วยคำสั่งของวูชิน กาบี้ก็ออกไปค้นหาหมู่บ้านและอาณานิคม เมื่อมันเจอมันก็แจ้งไปยังวูชิน ตอนนี้มันก็ปรากฏตัวออกมาเพื่อมอบประสบการ์ณที่พบเจอให้แก่วูชิน

“อืม นี่เป็นเมืองของชนเผ่าพื้นเมือง "

นักรบของชนเผ่าราทิกซ์กำลังยืนประจันหน้ากับกองทัพอันเด้ดอย่างไม่เกรงกลัว ผู้อมตะ มองไปยังพวกมันด้วยสาตาไม่แยแส

เขาฉีกยิ้มออกมา

"จัดการให้หมด"

เขาไม่สนใจว่ามันจะเป็นชนเผ่าพื้นเมืองหรือยังไง มันจะดรอปหินเลือดหรือให้แต้มน้อยแค่ไหนก็ช่าง เขาจะกวาดล้างให้ทั่วทั้งดาวถึงมันจะได้ ค่าประสบการณ์น้อยเขาก็เอาหมดอยู่ดี

กี๊ กี๊ กี๊!

กองทัพเริ่มเคลื่อนพลไปข้างหน้า แต่ในขณะนั้นเองเงาแห่งความตายก็ปรากฏขึ้น มันคือเรลิกซ์ที่โผล่ออกมา

ตึก!

เขาคุกเข่าและก้มตัวไปข้างหน้า

[ท่านราชา!]

“เรลิกซ์?”

เป็นหนึ่งในผู้รับใช้ ที่เขาต้องใช้ค่าควบคุมเพื่อสั่งการ

ตอนนี้มันต้องใช้ค่าควบคุม ถึง 320 จุด แต่มันก็กำลังลดลงเรื่อยๆ

[ได้โปรดเถิด ข้าขอความเมตตาจากท่านเพื่อละเว้นพวกเขา]

“โอ้”

เป็นเพราะเรลิกซ์ยังไม่ภัคดีกับเขายังงั้นหรอ ? ถึงกล้าปรากฏตัวตรงหน้าราชาแบบเขา และออกมาเรียกร้องความต้องการส่วนตน

"น่าสนใจ"

วูชินลงมาจากฉิงฉิง

ความตื่นเต้นปรากฏอยู่บนตัวเรลิกซ์จากเผ่าราทิกซ์ วูชินค่อยๆเดินไปหาเรลิกซ์ มันนานมาแล้วที่ไม่มีใครท้าทายและขัดขืนคำสั่งของเขา

"จะทำยังไงถ้าฉันบอกว่า ไม่?"

[ ...... .]

"จะทำยังไง ถ้าฉันสั่งให้ ฆ่าเพื่อนร่วมเผ่า?"

[ข้าจะฆ่าพวกเขา]

“โฮ่”

เรลิกซ์ปักดาบเสี้ยวจันทร์ไปยังพื้นดินตรงหน้า ก่อนทีเขาจะค่อยก้มศีรษะลงบนพื้น

[ข้าจะทำตามคำสั่งของท่าน]

เสียงประกาศที่วูชินคุ้นเคยดังขึ้น

<อัศวินแห่งความตาย 'เรลิกซ์' ได้ขอคำวิงวอน>

<ค่าการเชื่อฟังของเรลิกซ์กำลังเพิ่มขึ้น ค่าควบคุมที่จำเป็นกำลังลดลง>

วูชินสแยะยิ้มออกมา ก่อนที่จะอ้าแขนทั้งสองข้างออก

ครืนนนน

กองทัพอันเด้ดที่ตั้งกองทัพอยู่ตามแนวป่าถูกยกเลิกการอัญเชิญหายไปหมด วูชินและเรลิกซ์จ้องตากันและกัน ก่อนที่เรลิกซ์จะโขกศีรษะลงบนพื้นอีกครั้ง

<ค่าความภัคดีของเรลิกซ์กำลังเพิ่มขึ้น ค่าควบคุมที่จำเป็นกำลังลดลง>

<ความหวังของเรลิกซ์ได้ถูกตอบสนอง ค่าควบคุมที่จำเป็นกำลังลดลง>

ค่าควบคุมที่จำเป็นในการสั่งการ เรลิกซ์ กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดมันก็ลดลงมาถึง 1

“เอาล่ะ ฉันจะละเว้นพวกเขา "

วูชินจ้องมองไปยังสายตาที่ตึงเครียดของนักรบเผ่าราทิกซ์ ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับ

[เพื่อสนองความเมตตาของราชา ข้าขอยืนยันความภัคดีด้วยเลือดเนื้อและดาบ...]

เรลิกซ์หันหลังกลับไปมองยังเผ่าราทิกซ์หลังจากที่วูชินเดินไปได้ 10 ก้าว เมื่อไม่เห็นว่ามีนักรบคนไหนวู่วามจู่โจมออกมา เขาก็สลายกลายเป็นควันหายไป

ดวงตาของรัคซ่าเต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองไปยังเรลิกซ์และความปรารถนาครั้งสุดท้ายของเขาที่เหลือไว้

ทันใดนั้นเองวูชินก็หยุดลง

"เดี๋ยวนะ"

เขาหันหลังกลับและมองไปยังยอดหอคอย

'มันดูคุ้นตา'

เขาใช้สกิลตรวจสอบด้วยสายตา ก็สามารถยืนยันได้ว่าผ้าคลุมที่โบกสะบัดอยู่บนยอดหอคอยคืออะไร

<เศษชิ้นส่วนของเครื่องป้องกันแห่ง แทรช>

ตาของวูชินหรี่ลง

ดูเหมือนเขายังไปไม่ได้ซะแล้ว

รีวิวผู้อ่าน