“เรลิกซ์”
[เรียกข้าหรือนายท่าน?]
สิ้นเสียงเรียกของวูชิน ไอแห่งความมืดสีดำก็แผ่กระจายออกมาก่อนที่จะกลายเป็น เรลิกซ์นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
"ไปเอานั่นมาให้ฉัน"
[ ...... .]
"ฆ่าคนที่ขวางทางนายให้หมด"
[... ข้าน้อมทำตามประสงค์ของนายท่าน]
เนื่องจากเขารู้ว่าผ้าที่บนหอคอยมีความสำคัญยังไง เขาจึงลังเลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเริ่มเคลื่อนไหว
เรลิกซ์บินไปที่ยอดของหอคอยก่อนที่เขาจะนำผ้าผืนนั้นลงมา ความวุ่นวายเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ก่อนที่จะมีคนของเผ่าราทิกซ์วิ่งออกมา
วูชินรับผ้ามาจากมือของเรลิกซ์ นักรบของเผ่าราทิกซ์เริ่มถอยห่างออกไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
'เครื่องป้องกันแห่งแทรช'
ผ้าคลุมชิ้นนี้เป็นเครื่องป้องกันแห่งแทรช เป็นส่วนหนึ่งของชุดเซ็ตแทรช
เขาไม่คิดเลยว่าจะได้มันมาแบบนี้
"หยุดนะ!"
เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งจากเผ่าราทิกซ์ดังขึ้น นักรบของเผ่าราทิกซ์หันหัวไปทางขวาตามเสียง
“หัวหน้าหมู่บ้าน”
เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ถูกคัดเลือกขึ้นมาในเผ่า
หัวหน้าหมู่บ้าน พีเปีย เดินไปหาวูชิน
"นั่นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง! ไม่ใช่อะไรที่นักล่าทั่วไปสามารถใช้งานได้! "
"แล้วเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างเป็นใคร?"
คำถามของวูชินทำให้ เส้นเลือดที่คอของพีเปียปูดขึ้นมา
"เขาเป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ที่นักล่าโง่เขลาและอ่อนแอต้องสยบและหลีกหนีไปไกลๆ "
“...... .”
วูชินยิ้ม
"แกจะขัดขวางไม่ให้ฉันเอามันไป?"
[ ...... .]
เรลิกซ์รู้สึกกังวลกับคำถามของวูชิน
วูชินสั่งให้เขาฆ่าทุกคนที่ขวางทาง
หัวหน้าหมู่บ้านพีเปียแค่นเสียงเย็นชาออกมา
“เหอะ! พวกนักล่าอาจจะชอบทำตัวเป็นเทพเจ้า แต่นี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ร่างกายของเจ้าจะหลอมละลายสลายหายไปเมื่อสวมใส่มัน "
ตาของวูชินหรี่ลง
'มันละลายร่างกายคนอื่นได้หรอ?
ถ้าผู้ปกครองมิติสวมใส่ชุดเซ็ตแห่งแทรช ร่างกายมันจะหลอมละลายงั้นหรอ ...
<เครื่องป้องกันแห่งแทรชที่เสียหาย>
ของสิ่งนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของเกราะส่วนอกของชุดเซ็ตแทรช ที่จะประกอบไปด้วยเกราะอก,เกราะไหล่และผ้าคลุม
แต่ตอนนี้เกราะไหล่และส่วนเกราะที่หุ้มหน้าอกหายไป เหลือแต่ผ้าคลุม
มันไม่สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงได้
ประสิทธิผล: ควบคุม + 100, ถูกผนึก, ถูกผนึก, ถูกผนึก
สกิล: คลังวิญญาณอนันต์, ถูกผนึก, ถูกผนึก
ประสิทธิผลเมื่อครบชุด: ถูกผนึก
มันเพิ่มความสามารถมากมาย แต่ว่าตอนนี้ยังถูกปิดผนึกเอาไว้ ให้เดาค่าควบคุมที่เพิ่มขึ้น ก็น้อยกว่าที่ควรจะเป็นถ้าชุดมันอยู่ในสภาพสมบูรณ์
แต่อย่างไรก็ตามหากเขาส่วมใส่ไอเทมชิ้นนี้ เขาจะ สร้างเกราะพลังวิญญาณได้นานมากขึ้น จากผลของคลังวิญญาณอนันต์ ที่มันจะทำให้ดวงวิญญาณสามารถวนอยู่รอบๆตัวเขาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ผลของมันน่าทึ่งมากเขาตัดสินใจที่จะสวมใส่มันไว้ตลอดเวลา
ถ้าเขาสามารถรวบรวมดวงวิญญาณไว้ได้สักหมื่นดวง ต่อให้เจอระเบิดนิวเคลียทั้งโลกรุมถล่ม แต่ด้วยเกราะพลังวิญญาณที่สร้างขึ้นมาได้เรื่อยๆ เขาจะไม่เป็นอะไรเลย
ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าเครื่องป้องกันแห่งแทรชจะมาอยู่กับพวกบ้านนอกแบบนี้
วูชินยังคงยิ้มไม่หุบขณะที่ตรวจสอบความสามารถของผ้าคลุม นักรบคนหนึ่งกระซิบกับพีเปีย
"พวกเราจะทำยังไงดี? ถ้าเราสูญเสียสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก "
มันมีเหตุผลที่ทำไมเผ่าราทิกซ์ถึงนำมันไปเป็นธงและเป็นสัญลักษณ์ของเผ่า
การมีอยู่ของมันสร้างพลังงานศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่ทำให้เหล่ามอนสเตอร์ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ และผู้ล่า มากมายที่มีอำนาจไม่เพียงพอ จะไม่กล้าจู่โจมเข้ามา
"ไม่ต้องกังวล ถ้ามันสวมใส่ผ้าศักดิ์สิทธิ์มันต้องตายจากคำสาป "
พีเปียมั่นใจกับเรื่องนี้อย่างมาก
ในชีวิตของเขาเคยเจอผู้ปกครองมิติ 3 คนที่ทำแบบวูชิน และพวกมันทั้งหมดก็ตายร่างสลายไปอย่างน่าสมเพช
"นี่อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับเรา"
มันเหมือนนักล่าที่รุกรานหมู่บ้านกำลังมาขอดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย
ดวงตาของทุกคนจับจ้องไปยังมือที่ถือผ้าของวูชิน
พั่บๆ
วูชินสะบัดฝุ่นและเศษดินออกจากผ้าคลุม ก่อนที่เขาจะนำไปสวมใส่โดยการพันไว้รอบๆคอ เนื่องจากเขาไม่มีส่วนเกราะอก ภาพลักษณ์ของเขาเลยดูไม่แตกต่างจากเดิมสักเท่าไร แต่ตอนนี้วูชินสัมผัสได้ทันทีว่าค่าควบคุมของเขาเพิ่มมากขึ้น และขีดจำกัดการเก็บดวงวิญญาณของเขาหายไป
วูชินหัวเราะออกมา ตาทั้งสองข้างของพีเปียเบิกกว้างขึ้น เขาส่ายหัวไปมาราวกับคนไม่ยอมรับความจริง
"ทำไมมันไม่โดนคำสาป ...... "
ในอดีตเหล่านักล่าที่ใส่ของชิ้นนี้ไม่เคยมีใครรอด แล้วทำไมคนตรงหน้าเขาถึงได้ ...
"มะ ... มันเป็นไปได้ยังไง"
วูชินหันมาพูดกับพีเปียที่ยังคงตกตะลึง
"ฉันจะเอามันไป แกมีอะไรอีกไหม รีบบอกมา"
“...... .”
ถ้าเขาแสดงความไม่พอใจ พีเปียรู้ว่าเขาต้องถูกฆ่าแน่ๆ
"เจ้าไปเถอะ"
"เอาล่ะ ต่อไปอย่าล้ำเส้นฉันแล้วกัน "
ความสามารถในการสู้รบของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อคลังวิญญาณของเขาถูกขยายให้ไร้จำกัด ตอนนี้เขาสามารถสร้างเกราะพลังวิญญาณมากและเท่าไรก็ได้ ถ้าเขามีดวงวิญญาณมากพอ มันน่าเสียดายและผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของเผ่าราทิกซ์มาทดสอบได้ แต่ก็ช่างมันเถอะ ยังมีมอนสเตอร์อีกมาก
วูชินจากไปด้วยอารมณ์ที่ดีมากๆ ส่วน พีเปียได้แต่ทรุดลงบนพื้น
"ตำนาน…."
“หัวหน้าหมู่บ้าน!”
รัคซ่ารีบวิ่งไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน
"เทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง ... สุดท้าย ดาวดวงนี้ต้องถูกทำลาย "
“...... .”
เขาคือ นักล่า ผู้ล่า นักล่าคนอื่นๆ
เทพเจ้าแห่งการทำลายล้างองค์ใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นบนดาวจาคุ เขามานำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขากลับไปด้วยตัวเอง
รัคซ่ามองวูชินเดินจากไปด้วยแววตาที่ซับซ้อน
***
พวกเขาได้ใช้เวลาถึง 3 วันในการต้านทานกองทัพของอาณานิคม ก่อนทีพวกเขาจะติดแหง็กและถูกล้อมกรอบ
ความมั่นใจของพวกเขาสูงเกินไปเพราะความสะดวกสบายในการล่า เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะพวกเขาตัดสินใจล่อศัตรูให้เข้ามาได้อย่างจำกัด แต่กลายเป็นว่าพวกเขาถูกกดดันไม่ให้ออกไปไหนได้
"โธ่เว้ย"
แพคจุงโดสบถออกมา
แม้เขาจะได้รับสกิลสนับสนุนจากบลังก้า แต่เนื้อตัวของเขาก็เต็มไปด้วยแผลเหวอวะ
วิ้งงงง
แสงรักษาจากเมโลดี้ยังคงเรืองอยู่ที่ตัวเขา ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของเมโลดี้ป่านนี้เขาตายไปนานแล้ว
"พวกเรามาได้แค่นี้หรอ"
แม้แต่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแฮซอลก็ยังคงพยายามหาทางรอด แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้ดิ้นรนอะไร จะดิ้นรนยังไงล่ะตอนนี้มันเหมือนหนูติดอยู่ในขวดได้แต่รอความช่วยเหลือ
"ผู้อมตะล่ะ?"
เมื่อได้ฟังคำพูดของเมโลดี้ แจมินได้แต่โทษตัวเอง
"ผมติดต่อพี่เขาไปแล้ว แต่ว่าเขาอยู่ไกลจากจุดนี้มาก อย่างน้อยต้องใช้เวลา 6 ชั่วโมง "
ไม่ต้องสืบเลย เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเขาคนเดียว
เขาเหลิงเกินไปเมื่อความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นมาก เขาบ้าเลือดและบุกตะลุยศัตรูโดยไม่เกรงกลัว เมื่ออำนาจเขาเพิ่มมากขึ้น เขาก็หลงไหลมัน จนพาทุกคนมาติดกับดักแบบนี้
"ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบาก "
“ไม่หรอก นายไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร นี่เป็นการตัดสินใจของฉันเอง "
ถึงได้ฟังคำของแฮซอลแต่แจมินก็ยังไม่กล้าสู้หน้าเธออยู่ดี
"ถ้าไม่มีนายพวกเราก็คงตายไปนานแล้วล่ะ"
แฮซอลกล่าวออกมา ว่าถ้าไม่ใช่เพราะพลังของเขาทุกคนคงตายไปนานแล้ว
"เฮ้ย! อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิฟะ พวกเรายังไม่ตายสักหน่อย เอาเวลาคุยเลอะเทอะ มาหาทางฝ่าออกไปดีกว่า "
"ครับพี่"
โดแจมินใช้มือปาดเลือดที่ปากตัวเอง พลาดไปแล้วก็พลาดไป แต่พวกเขาจะมามัวหมดหวังเหมือนคนที่กำลังจะตายไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องสู้เพื่อถ่วงเวลา เอาตัวรอดให้ได้รอกำลังเสริมมาช่วยเหลือ
ฮู่มมมมม!
"เหมือนมันจะมาอีกฝูงแล้ว เอ้า!!เตรียมพร้อมเว้ย "
"ครับ!"
พวกเขามีประสบการณ์ร่วมเป็นร่วมตายกันมามากมาย ตอนนี้ความสนิทสนมเทียบกับเมื่อ 3 วันก่อนไม่ติดเลย ทุกคนต่างเข้าขากันได้เป็นอย่างดี
เมื่อพวกเขาเจอศัตรูจำนวนมาก พวกเขาดันเลือกที่จะเข้าไปอยู่ในช่องแคบของหุบเขา
พวกเขาคิดว่าเมื่อทางแคบลง จะได้ทำการต่อสู้ในวงจำกัดโดยไม่ต้องรับมือจากมอนสเตอร์หลายทิศทาง แต่กลายเป็นว่าพวกเขาถูกดันให้ถอยไปเรื่อยๆ เพราะมอนสเตอร์มันแห่กันมามืดฟ้ามัวดินโดยไม่หยุดพัก และช่องแคบที่ว่านั่นด้านหลังมันตัน ถูกล้อมรอบไปด้วยผาหินสูง
พวกเขาคงตายไปนานแล้วถ้าไม่ได้เวทย์สนับสนุนจากบลังก้าและเมโลดี้
แพคจุงโดและโดแจมินพยายามพุ่งขึ้นไปปะทะกับฝูงออร์คที่บุกตะลุยเข้ามา
"เฮ้ เวทมนตร์รักษาใช้กับนายไม่ได้ อย่าเสี่ยงมากล่ะ"
"ครับพี่"
เมโลดี้ไม่สามารถใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์รักษาแจมินได้ เพราะเขาเป็นแวมไพร์ แจมินจะสามารถฟื้นฟูได้ด้วยการดื่มเลือดของศัตรูหรือไม่ก็ได้รับเวทย์ฟื้นฟูจากบลังก้าเท่านั้น
"ไปลุยกัน"
"ครับ"
หมัดของแจมินเปลี่ยนเป็นสีดำดุจเหล็กกล้าขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้า ส่วนโดแจมินนั้นพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าแพคจุงโดถึงสองเท่า ตอนนี้ค่าสถานะของเขาเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนค่อนข้างมากเพราะได้ดื่มเลือดของศัตรู
ตูมมมม,สวบบบบ!
เมื่อแจมินพุ่งไปด้านหน้าฝ่ามือของเขาทำหน้าที่เหมือนดาบ มันเสียบทะลวงคอของออร์คได้อย่างง่ายดาย เล็บของเขามีความแข็งแกร่งและแหลมคมมาก
ฮู่มมมมม!
ขณะที่แจมิพุ่งตัวไปทะลวงออร์คด้วยกรงเล็บที่แข็งแกร่ง แพคจุงโดเหมือนรถไถดิน เขาปะทะกับศัตรูอย่างเข้มแข็งเขาปะทะกับศัตรูอย่างหนักหน่วง ร่างกายของแพคจุงโดแกร่งราวกับเหล็กกล้า
ตูมมม,ตูมมม!
"เฮ้ย แจมิน มาดูกันว่าใครจะหมดแรงก่อน "
ด้วยการสนับสนุนจากบลังก้า ตอนนี้แพคจุงโดราวกับคนเหล็ก บุกตะลุยอย่างไม่เกรงกลัว
ด้วยความร่วมมือของสองคนออร์คถูกสังหารลงอย่างรวดเร็ว ซากศพทับถมเป็นกอง พวกออร์คต้องปีนศพเพื่อนของพวกมันเพื่อจะทำการโจมตี สำหรับทั้งสองคนก็ต้องถอยออกมาเมื่อไม่มีพื้นที่ให้ไปต่อ ตอนนี้ พวกเขาถอยร่นไปเรื่อยๆจากช่องแคบของหุบเขา
ขณะที่พวกเขาค่อยๆถอยเมโลดี้ก็รีบใช้เวทย์รักษากับแพคจุงโด ส่วนแจมินก็ดูดเลือดจากออร์คตัวหนึ่ง
"บ้าจริงถอยจนจะไม่มีทางไปแล้ว จะทำยังไงดี? "
แฮซอลมองไปด้านหลังมันใกล้จะถึงทางตัน ด้านหน้าก็มีแต่กองซากศพของออร์ค อีกไม่นานพวกออร์คก็จะแหวกซากศพของพวกมันมา ทำให้พื้นที่ถูกบีบเข้าไปอีก พวกมันกำลังล้ำผ่านช่องเขามาเรื่อยๆ
ถ้าแฮซอลใช้ความสามารถมุ่งไปควบคุมออร์คเพียง 1 ตัว เธอก็สามารถทำให้มันเชื่องได้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในสถานการณ์นี้ล่ะ ในเมื่อมันมีเป็นกองทัพ
"ถ้ามันดันมาจนสุดเราก็คงต้องปีนหน้าผาหนี"
"แล้วไอพวกแมลงปอนรกนั้นล่ะจะทำยังไง"
"อย่างน้อยมันก็ยังมีจำนวนน้อยกว่าออร์ค"
หนึ่งในเหตุผลที่พวกเขาไม่ปีนหน้าผาหนีไปก็เพราะว่า มันมีมอนสเตอร์ที่รูปร่างคล้ายๆแมลงปอคอยจู่โจม พวกมันดูอันตรายมาก ที่สำคัญขนาดของมันใหญ่พอๆกับเฮลิคอปเตอร์ ขาของพวกมันก็มีจำนวนเยอะคล้ายๆกับแมงมุมแถมส่วนปลายขาของมันยังคมกริบ ไม่ต้องคิดเลยถ้าขณะที่พวกเขาปีนเขาอยู่แล้วมันโฉบมาจู่โจมจะเป็นยังไง ยิ่งถ้ามันจับตัวพวกเขาแล้วพาบินไปในอากาศจะยิ่งอนาถไปกันใหญ่
“ฮ่า ผมคิดว่าเราเสี่ยงวัดกับพวกออร์คจะดีกว่านะครับ "
ถ้ากำลังปีนๆอยู่แล้วถูกแมลงปอจับขึ้นไปบนฟ้าล่ะก็ บรรลัยแน่ ...
พวกออร์คได้แหวกศพออกมาเป็นทาง ตอนนี้พวกมันเข้ามาตรึงกำลังจนเกือบจะเต็มพื้นที่ สงสัยมันคิดจะจบการต่อสู้ครั้งนี้ซะแล้ว
จำนวนที่พวกเขาฆ่าออร์คไปนั้นมากมายมหาศาลนัก ไม่ต้องคิดเลยถ้าถูกพวกมันจับได้จะเป็นยังไง
“เฮ้ย อย่าไปกลัว มาๆ ไปฉะพวกมันกับฉันอีกครั้ง "
ขณะที่แพคจุงโดส่งเสียงให้กำลังใจ เขาก็ต้องหยุดชะงักแล้วมองไปข้างหน้า
"เฮ่ย นู่นมันอะไรวะนั่น?"
“เอ๋? หรือว่าพี่จะมาช่วยแล้วครับ? "
แจมินมองไปทีลูกไฟที่ตกมาจากฟ้า ถ้าไม่ใช่การโจมตีของพวกมันก็เป็นกำลังสนับสนุนที่มาช่วยเหลือ ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งตรงไปยังใจกลางกองทัพศัตรูลักษณะมันไม่เหมือนกับลูกไฟปกติ
"... ผมคิดว่าน่าจะเป็นซังกู"
"เฮ่ยจริงด้วย นั่นมันซังกูนี่หว่า"
แพคจุงโดเห็นด้วยกับคำพูดของแจมิน
ซังกูตกลงมาจากฟ้าไปอยู่ใจกลางกองทัพออร์ค
ตูมมมมมมมมมม!
เกิดเสียงดังสนั่นลูกไฟระเบิดออก เปลวเพลิงพวยพุ่งกระจาย ไอความร้อนกวาดไปทั่วหุบเขา
“อึกก”
"ดะ ... ดูนั่น"
แฮซอลตกใจ เธอชี้นิ้วไปข้างหน้า
ฮู่มมมมมมมม!
เปลวเพลิงลุกท่วมไปยังช่องแคบของหุบเขา กลิ่นเนื้อไหม้โชยมาเข้าจมูกทุกคน ออร์คจำนวนมหาศาลถูกย่างสดกรีดร้องออกมา
ตูมมมม, ตูมมมมม!
เปลวเพลิงเคลื่อนไหวไปมากวาดล้างทั่วสนามรบเพียงแค่ซังกูขยับมือ ทุกอย่างถูกเผาราบเป็นหน้ากลอง แฮซอลแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตาเห็น
นั่นมันนายต๊องซังกูจริงๆหรอ ...
เขาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้ยังไง ตอนที่ไปลงดันเจี้ยนด้วยกันครั้งล่าสุดเขายังเอ๋อๆ ทำอะไรมั่วซั่วอยู่เลย ไม่เจอกันแป๊บเดียวเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?
ฮู่มมมมมม
ซังกูวิ่งทะลวงฝ่าฝูงออร์คพร้อมกับโบกมือโยกย้ายเปลวเพลิงกวาดล้างพวกออร์คที่อยู่ตามทาง เขากำลังมุ่งหน้ามาหาแจมิน
"พี่ซังกู! พี่มาได้ไงอะ?"
“อ้าว ไหงนายถามแบบนี้ล่ะ? ก็พี่เขาบอกให้ฉันมา "
“อ๋อ ... .”
ซังกูตบเพลิงที่ไหม้อยู่ตามตัวของเขา ก่อนที่จะหันไปคุยกับกลุ่มเพื่อน
"เอาล่ะ ฉันมีข่าวดีกับข่าวร้ายจะมาบอก"
"ค ... คืออะไรอ่ะ?"
"นายอยากรู้อันไหนก่อนล่ะ?"
"ผมขอข่าวดีก่อนแล้วกัน"
"ตอนนี้ฉันแข็งแกร่งขึ้นมาก เมื่อเร็วๆนี้ก็เพิ่งรู้วิธีบิน เจ๋งป่าวล่ะ "
ดวงตาของโดแจมินเป็นประกาย ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ซังกูเจ๋งสุดยอดขนาดนี้
"พี่ได้เรียนวิธีบินจาก พ่อมดอมตะ ที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ใช่ป่ะ?"
"ใช่แล้ว"
"แล้วข่าวร้ายอ่ะพี่?"
"พ่อมดอมตะเวรนั่น จะฆ่าฉัน"
"ห๊ะ อะไรนะ?"
ใบหน้าของซังกูซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นเงาแห่งความตายบินมาจากที่ไกลๆ
"ว๊ากกกก ฉันต้องรีบไปแล้ว "
"ละ ... แล้วพวกผมอะ?"
"รีบตามมาแล้วกัน"
“...... ?”
เขาบอกเขาจะถูกฆ่า แล้วจะยังให้ตามไปอีกนี่นะ?
ก่อนที่จะได้มีคนถามอะไร ซังกูก็สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป เขาวิ่งฝ่าเปลวเพลิงไปยังทางออกของหุบเขา ขณะที่เขาพุ่งเข้าไปสะบัดมือเล็กน้อยเปลวเพลิงก็แหวกเป็นทาง
ฟู่มมมม ตูม ตูมมมม!
เปลวเพลิงปะทุขึ้นมาในระหว่างที่ซังกูวิ่ง เขาสะบัดมือส่งเปลวเพลิงจำนวนมหาศาลไปทำลายซากศพและมอนสเตอร์ที่ยังเหลือรอดตรงช่องแคบจนไม่มีเหลือ
คนอื่นๆรีบวิ่งตามเขาไป ก่อนที่แรงระเบิดจะทำให้ช่องเขาถล่มลงมา