px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
บทที่ 152 – เครื่องป้องกันแห่งแทรซ


“เรลิกซ์”

[เรียกข้าหรือนายท่าน?]

สิ้นเสียงเรียกของวูชิน ไอแห่งความมืดสีดำก็แผ่กระจายออกมาก่อนที่จะกลายเป็น เรลิกซ์นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น

"ไปเอานั่นมาให้ฉัน"

[ ...... .]

"ฆ่าคนที่ขวางทางนายให้หมด"

[... ข้าน้อมทำตามประสงค์ของนายท่าน]

เนื่องจากเขารู้ว่าผ้าที่บนหอคอยมีความสำคัญยังไง เขาจึงลังเลเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเริ่มเคลื่อนไหว

เรลิกซ์บินไปที่ยอดของหอคอยก่อนที่เขาจะนำผ้าผืนนั้นลงมา ความวุ่นวายเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ก่อนที่จะมีคนของเผ่าราทิกซ์วิ่งออกมา

วูชินรับผ้ามาจากมือของเรลิกซ์ นักรบของเผ่าราทิกซ์เริ่มถอยห่างออกไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

'เครื่องป้องกันแห่งแทรช'

ผ้าคลุมชิ้นนี้เป็นเครื่องป้องกันแห่งแทรช เป็นส่วนหนึ่งของชุดเซ็ตแทรช

เขาไม่คิดเลยว่าจะได้มันมาแบบนี้

"หยุดนะ!"

เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งจากเผ่าราทิกซ์ดังขึ้น นักรบของเผ่าราทิกซ์หันหัวไปทางขวาตามเสียง

“หัวหน้าหมู่บ้าน”

เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ถูกคัดเลือกขึ้นมาในเผ่า

หัวหน้าหมู่บ้าน พีเปีย เดินไปหาวูชิน

"นั่นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง! ไม่ใช่อะไรที่นักล่าทั่วไปสามารถใช้งานได้! "

"แล้วเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างเป็นใคร?"

คำถามของวูชินทำให้ เส้นเลือดที่คอของพีเปียปูดขึ้นมา

"เขาเป็นหนึ่งในเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ที่นักล่าโง่เขลาและอ่อนแอต้องสยบและหลีกหนีไปไกลๆ "

“...... .”

วูชินยิ้ม

"แกจะขัดขวางไม่ให้ฉันเอามันไป?"

[ ...... .]

เรลิกซ์รู้สึกกังวลกับคำถามของวูชิน

วูชินสั่งให้เขาฆ่าทุกคนที่ขวางทาง

หัวหน้าหมู่บ้านพีเปียแค่นเสียงเย็นชาออกมา

“เหอะ! พวกนักล่าอาจจะชอบทำตัวเป็นเทพเจ้า แต่นี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ร่างกายของเจ้าจะหลอมละลายสลายหายไปเมื่อสวมใส่มัน "

ตาของวูชินหรี่ลง

'มันละลายร่างกายคนอื่นได้หรอ?

ถ้าผู้ปกครองมิติสวมใส่ชุดเซ็ตแห่งแทรช ร่างกายมันจะหลอมละลายงั้นหรอ ...

<เครื่องป้องกันแห่งแทรชที่เสียหาย>

ของสิ่งนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของเกราะส่วนอกของชุดเซ็ตแทรช ที่จะประกอบไปด้วยเกราะอก,เกราะไหล่และผ้าคลุม

แต่ตอนนี้เกราะไหล่และส่วนเกราะที่หุ้มหน้าอกหายไป เหลือแต่ผ้าคลุม

มันไม่สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงได้

ประสิทธิผล: ควบคุม + 100, ถูกผนึก, ถูกผนึก, ถูกผนึก

สกิล: คลังวิญญาณอนันต์, ถูกผนึก, ถูกผนึก

ประสิทธิผลเมื่อครบชุด: ถูกผนึก

มันเพิ่มความสามารถมากมาย แต่ว่าตอนนี้ยังถูกปิดผนึกเอาไว้ ให้เดาค่าควบคุมที่เพิ่มขึ้น ก็น้อยกว่าที่ควรจะเป็นถ้าชุดมันอยู่ในสภาพสมบูรณ์

แต่อย่างไรก็ตามหากเขาส่วมใส่ไอเทมชิ้นนี้ เขาจะ สร้างเกราะพลังวิญญาณได้นานมากขึ้น จากผลของคลังวิญญาณอนันต์ ที่มันจะทำให้ดวงวิญญาณสามารถวนอยู่รอบๆตัวเขาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ผลของมันน่าทึ่งมากเขาตัดสินใจที่จะสวมใส่มันไว้ตลอดเวลา

ถ้าเขาสามารถรวบรวมดวงวิญญาณไว้ได้สักหมื่นดวง ต่อให้เจอระเบิดนิวเคลียทั้งโลกรุมถล่ม แต่ด้วยเกราะพลังวิญญาณที่สร้างขึ้นมาได้เรื่อยๆ เขาจะไม่เป็นอะไรเลย

ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าเครื่องป้องกันแห่งแทรชจะมาอยู่กับพวกบ้านนอกแบบนี้

วูชินยังคงยิ้มไม่หุบขณะที่ตรวจสอบความสามารถของผ้าคลุม นักรบคนหนึ่งกระซิบกับพีเปีย

"พวกเราจะทำยังไงดี? ถ้าเราสูญเสียสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก "

มันมีเหตุผลที่ทำไมเผ่าราทิกซ์ถึงนำมันไปเป็นธงและเป็นสัญลักษณ์ของเผ่า

การมีอยู่ของมันสร้างพลังงานศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่ทำให้เหล่ามอนสเตอร์ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ และผู้ล่า มากมายที่มีอำนาจไม่เพียงพอ จะไม่กล้าจู่โจมเข้ามา

"ไม่ต้องกังวล ถ้ามันสวมใส่ผ้าศักดิ์สิทธิ์มันต้องตายจากคำสาป "

พีเปียมั่นใจกับเรื่องนี้อย่างมาก

ในชีวิตของเขาเคยเจอผู้ปกครองมิติ 3 คนที่ทำแบบวูชิน และพวกมันทั้งหมดก็ตายร่างสลายไปอย่างน่าสมเพช

"นี่อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับเรา"

มันเหมือนนักล่าที่รุกรานหมู่บ้านกำลังมาขอดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย

ดวงตาของทุกคนจับจ้องไปยังมือที่ถือผ้าของวูชิน

พั่บๆ

วูชินสะบัดฝุ่นและเศษดินออกจากผ้าคลุม ก่อนที่เขาจะนำไปสวมใส่โดยการพันไว้รอบๆคอ เนื่องจากเขาไม่มีส่วนเกราะอก ภาพลักษณ์ของเขาเลยดูไม่แตกต่างจากเดิมสักเท่าไร แต่ตอนนี้วูชินสัมผัสได้ทันทีว่าค่าควบคุมของเขาเพิ่มมากขึ้น และขีดจำกัดการเก็บดวงวิญญาณของเขาหายไป

วูชินหัวเราะออกมา ตาทั้งสองข้างของพีเปียเบิกกว้างขึ้น เขาส่ายหัวไปมาราวกับคนไม่ยอมรับความจริง

"ทำไมมันไม่โดนคำสาป ...... "

ในอดีตเหล่านักล่าที่ใส่ของชิ้นนี้ไม่เคยมีใครรอด แล้วทำไมคนตรงหน้าเขาถึงได้ ...

"มะ ... มันเป็นไปได้ยังไง"

วูชินหันมาพูดกับพีเปียที่ยังคงตกตะลึง

"ฉันจะเอามันไป แกมีอะไรอีกไหม รีบบอกมา"

“...... .”

ถ้าเขาแสดงความไม่พอใจ พีเปียรู้ว่าเขาต้องถูกฆ่าแน่ๆ

"เจ้าไปเถอะ"

"เอาล่ะ ต่อไปอย่าล้ำเส้นฉันแล้วกัน "

ความสามารถในการสู้รบของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อคลังวิญญาณของเขาถูกขยายให้ไร้จำกัด ตอนนี้เขาสามารถสร้างเกราะพลังวิญญาณมากและเท่าไรก็ได้ ถ้าเขามีดวงวิญญาณมากพอ มันน่าเสียดายและผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของเผ่าราทิกซ์มาทดสอบได้ แต่ก็ช่างมันเถอะ ยังมีมอนสเตอร์อีกมาก

วูชินจากไปด้วยอารมณ์ที่ดีมากๆ ส่วน พีเปียได้แต่ทรุดลงบนพื้น

"ตำนาน…."

“หัวหน้าหมู่บ้าน!”

รัคซ่ารีบวิ่งไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน

"เทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง ... สุดท้าย ดาวดวงนี้ต้องถูกทำลาย "

“...... .”

เขาคือ นักล่า ผู้ล่า นักล่าคนอื่นๆ

เทพเจ้าแห่งการทำลายล้างองค์ใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นบนดาวจาคุ เขามานำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขากลับไปด้วยตัวเอง

รัคซ่ามองวูชินเดินจากไปด้วยแววตาที่ซับซ้อน

***

พวกเขาได้ใช้เวลาถึง 3 วันในการต้านทานกองทัพของอาณานิคม ก่อนทีพวกเขาจะติดแหง็กและถูกล้อมกรอบ

ความมั่นใจของพวกเขาสูงเกินไปเพราะความสะดวกสบายในการล่า เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะพวกเขาตัดสินใจล่อศัตรูให้เข้ามาได้อย่างจำกัด แต่กลายเป็นว่าพวกเขาถูกกดดันไม่ให้ออกไปไหนได้

"โธ่เว้ย"

แพคจุงโดสบถออกมา

แม้เขาจะได้รับสกิลสนับสนุนจากบลังก้า แต่เนื้อตัวของเขาก็เต็มไปด้วยแผลเหวอวะ

วิ้งงงง

แสงรักษาจากเมโลดี้ยังคงเรืองอยู่ที่ตัวเขา ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของเมโลดี้ป่านนี้เขาตายไปนานแล้ว

"พวกเรามาได้แค่นี้หรอ"

แม้แต่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแฮซอลก็ยังคงพยายามหาทางรอด แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้ดิ้นรนอะไร จะดิ้นรนยังไงล่ะตอนนี้มันเหมือนหนูติดอยู่ในขวดได้แต่รอความช่วยเหลือ

"ผู้อมตะล่ะ?"

เมื่อได้ฟังคำพูดของเมโลดี้ แจมินได้แต่โทษตัวเอง

"ผมติดต่อพี่เขาไปแล้ว แต่ว่าเขาอยู่ไกลจากจุดนี้มาก อย่างน้อยต้องใช้เวลา 6 ชั่วโมง "

ไม่ต้องสืบเลย เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเขาคนเดียว

เขาเหลิงเกินไปเมื่อความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นมาก เขาบ้าเลือดและบุกตะลุยศัตรูโดยไม่เกรงกลัว เมื่ออำนาจเขาเพิ่มมากขึ้น เขาก็หลงไหลมัน จนพาทุกคนมาติดกับดักแบบนี้

"ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนลำบาก "

“ไม่หรอก นายไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร นี่เป็นการตัดสินใจของฉันเอง "

ถึงได้ฟังคำของแฮซอลแต่แจมินก็ยังไม่กล้าสู้หน้าเธออยู่ดี

"ถ้าไม่มีนายพวกเราก็คงตายไปนานแล้วล่ะ"

แฮซอลกล่าวออกมา ว่าถ้าไม่ใช่เพราะพลังของเขาทุกคนคงตายไปนานแล้ว

"เฮ้ย! อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิฟะ พวกเรายังไม่ตายสักหน่อย เอาเวลาคุยเลอะเทอะ มาหาทางฝ่าออกไปดีกว่า "

"ครับพี่"

โดแจมินใช้มือปาดเลือดที่ปากตัวเอง พลาดไปแล้วก็พลาดไป แต่พวกเขาจะมามัวหมดหวังเหมือนคนที่กำลังจะตายไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องสู้เพื่อถ่วงเวลา เอาตัวรอดให้ได้รอกำลังเสริมมาช่วยเหลือ

ฮู่มมมมม!

"เหมือนมันจะมาอีกฝูงแล้ว เอ้า!!เตรียมพร้อมเว้ย "

"ครับ!"

พวกเขามีประสบการณ์ร่วมเป็นร่วมตายกันมามากมาย ตอนนี้ความสนิทสนมเทียบกับเมื่อ 3 วันก่อนไม่ติดเลย ทุกคนต่างเข้าขากันได้เป็นอย่างดี

เมื่อพวกเขาเจอศัตรูจำนวนมาก พวกเขาดันเลือกที่จะเข้าไปอยู่ในช่องแคบของหุบเขา

พวกเขาคิดว่าเมื่อทางแคบลง จะได้ทำการต่อสู้ในวงจำกัดโดยไม่ต้องรับมือจากมอนสเตอร์หลายทิศทาง แต่กลายเป็นว่าพวกเขาถูกดันให้ถอยไปเรื่อยๆ เพราะมอนสเตอร์มันแห่กันมามืดฟ้ามัวดินโดยไม่หยุดพัก และช่องแคบที่ว่านั่นด้านหลังมันตัน ถูกล้อมรอบไปด้วยผาหินสูง

พวกเขาคงตายไปนานแล้วถ้าไม่ได้เวทย์สนับสนุนจากบลังก้าและเมโลดี้

แพคจุงโดและโดแจมินพยายามพุ่งขึ้นไปปะทะกับฝูงออร์คที่บุกตะลุยเข้ามา

"เฮ้ เวทมนตร์รักษาใช้กับนายไม่ได้ อย่าเสี่ยงมากล่ะ"

"ครับพี่"

เมโลดี้ไม่สามารถใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์รักษาแจมินได้ เพราะเขาเป็นแวมไพร์ แจมินจะสามารถฟื้นฟูได้ด้วยการดื่มเลือดของศัตรูหรือไม่ก็ได้รับเวทย์ฟื้นฟูจากบลังก้าเท่านั้น

"ไปลุยกัน"

"ครับ"

หมัดของแจมินเปลี่ยนเป็นสีดำดุจเหล็กกล้าขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้า ส่วนโดแจมินนั้นพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าแพคจุงโดถึงสองเท่า ตอนนี้ค่าสถานะของเขาเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนค่อนข้างมากเพราะได้ดื่มเลือดของศัตรู

ตูมมมม,สวบบบบ!

เมื่อแจมินพุ่งไปด้านหน้าฝ่ามือของเขาทำหน้าที่เหมือนดาบ มันเสียบทะลวงคอของออร์คได้อย่างง่ายดาย เล็บของเขามีความแข็งแกร่งและแหลมคมมาก

ฮู่มมมมม!

ขณะที่แจมิพุ่งตัวไปทะลวงออร์คด้วยกรงเล็บที่แข็งแกร่ง แพคจุงโดเหมือนรถไถดิน เขาปะทะกับศัตรูอย่างเข้มแข็งเขาปะทะกับศัตรูอย่างหนักหน่วง ร่างกายของแพคจุงโดแกร่งราวกับเหล็กกล้า

ตูมมม,ตูมมม!

"เฮ้ย แจมิน มาดูกันว่าใครจะหมดแรงก่อน "

ด้วยการสนับสนุนจากบลังก้า ตอนนี้แพคจุงโดราวกับคนเหล็ก บุกตะลุยอย่างไม่เกรงกลัว

ด้วยความร่วมมือของสองคนออร์คถูกสังหารลงอย่างรวดเร็ว ซากศพทับถมเป็นกอง พวกออร์คต้องปีนศพเพื่อนของพวกมันเพื่อจะทำการโจมตี สำหรับทั้งสองคนก็ต้องถอยออกมาเมื่อไม่มีพื้นที่ให้ไปต่อ ตอนนี้ พวกเขาถอยร่นไปเรื่อยๆจากช่องแคบของหุบเขา

ขณะที่พวกเขาค่อยๆถอยเมโลดี้ก็รีบใช้เวทย์รักษากับแพคจุงโด ส่วนแจมินก็ดูดเลือดจากออร์คตัวหนึ่ง

"บ้าจริงถอยจนจะไม่มีทางไปแล้ว จะทำยังไงดี? "

แฮซอลมองไปด้านหลังมันใกล้จะถึงทางตัน ด้านหน้าก็มีแต่กองซากศพของออร์ค อีกไม่นานพวกออร์คก็จะแหวกซากศพของพวกมันมา ทำให้พื้นที่ถูกบีบเข้าไปอีก พวกมันกำลังล้ำผ่านช่องเขามาเรื่อยๆ

ถ้าแฮซอลใช้ความสามารถมุ่งไปควบคุมออร์คเพียง 1 ตัว เธอก็สามารถทำให้มันเชื่องได้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในสถานการณ์นี้ล่ะ ในเมื่อมันมีเป็นกองทัพ

"ถ้ามันดันมาจนสุดเราก็คงต้องปีนหน้าผาหนี"

"แล้วไอพวกแมลงปอนรกนั้นล่ะจะทำยังไง"

"อย่างน้อยมันก็ยังมีจำนวนน้อยกว่าออร์ค"

หนึ่งในเหตุผลที่พวกเขาไม่ปีนหน้าผาหนีไปก็เพราะว่า มันมีมอนสเตอร์ที่รูปร่างคล้ายๆแมลงปอคอยจู่โจม พวกมันดูอันตรายมาก ที่สำคัญขนาดของมันใหญ่พอๆกับเฮลิคอปเตอร์ ขาของพวกมันก็มีจำนวนเยอะคล้ายๆกับแมงมุมแถมส่วนปลายขาของมันยังคมกริบ ไม่ต้องคิดเลยถ้าขณะที่พวกเขาปีนเขาอยู่แล้วมันโฉบมาจู่โจมจะเป็นยังไง ยิ่งถ้ามันจับตัวพวกเขาแล้วพาบินไปในอากาศจะยิ่งอนาถไปกันใหญ่

“ฮ่า ผมคิดว่าเราเสี่ยงวัดกับพวกออร์คจะดีกว่านะครับ "

ถ้ากำลังปีนๆอยู่แล้วถูกแมลงปอจับขึ้นไปบนฟ้าล่ะก็ บรรลัยแน่ ...

พวกออร์คได้แหวกศพออกมาเป็นทาง ตอนนี้พวกมันเข้ามาตรึงกำลังจนเกือบจะเต็มพื้นที่ สงสัยมันคิดจะจบการต่อสู้ครั้งนี้ซะแล้ว

จำนวนที่พวกเขาฆ่าออร์คไปนั้นมากมายมหาศาลนัก ไม่ต้องคิดเลยถ้าถูกพวกมันจับได้จะเป็นยังไง

“เฮ้ย อย่าไปกลัว มาๆ ไปฉะพวกมันกับฉันอีกครั้ง "

ขณะที่แพคจุงโดส่งเสียงให้กำลังใจ เขาก็ต้องหยุดชะงักแล้วมองไปข้างหน้า

"เฮ่ย นู่นมันอะไรวะนั่น?"

“เอ๋? หรือว่าพี่จะมาช่วยแล้วครับ? "

แจมินมองไปทีลูกไฟที่ตกมาจากฟ้า ถ้าไม่ใช่การโจมตีของพวกมันก็เป็นกำลังสนับสนุนที่มาช่วยเหลือ ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งตรงไปยังใจกลางกองทัพศัตรูลักษณะมันไม่เหมือนกับลูกไฟปกติ

"... ผมคิดว่าน่าจะเป็นซังกู"

"เฮ่ยจริงด้วย นั่นมันซังกูนี่หว่า"

แพคจุงโดเห็นด้วยกับคำพูดของแจมิน

ซังกูตกลงมาจากฟ้าไปอยู่ใจกลางกองทัพออร์ค

ตูมมมมมมมมมม!

เกิดเสียงดังสนั่นลูกไฟระเบิดออก เปลวเพลิงพวยพุ่งกระจาย ไอความร้อนกวาดไปทั่วหุบเขา

“อึกก”

"ดะ ... ดูนั่น"

แฮซอลตกใจ เธอชี้นิ้วไปข้างหน้า

ฮู่มมมมมมมม!

เปลวเพลิงลุกท่วมไปยังช่องแคบของหุบเขา กลิ่นเนื้อไหม้โชยมาเข้าจมูกทุกคน ออร์คจำนวนมหาศาลถูกย่างสดกรีดร้องออกมา

ตูมมมม, ตูมมมมม!

เปลวเพลิงเคลื่อนไหวไปมากวาดล้างทั่วสนามรบเพียงแค่ซังกูขยับมือ ทุกอย่างถูกเผาราบเป็นหน้ากลอง แฮซอลแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตาเห็น

นั่นมันนายต๊องซังกูจริงๆหรอ ...

เขาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้ยังไง ตอนที่ไปลงดันเจี้ยนด้วยกันครั้งล่าสุดเขายังเอ๋อๆ ทำอะไรมั่วซั่วอยู่เลย ไม่เจอกันแป๊บเดียวเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?

ฮู่มมมมมม

ซังกูวิ่งทะลวงฝ่าฝูงออร์คพร้อมกับโบกมือโยกย้ายเปลวเพลิงกวาดล้างพวกออร์คที่อยู่ตามทาง เขากำลังมุ่งหน้ามาหาแจมิน

"พี่ซังกู! พี่มาได้ไงอะ?"

“อ้าว ไหงนายถามแบบนี้ล่ะ? ก็พี่เขาบอกให้ฉันมา "

“อ๋อ ... .”

ซังกูตบเพลิงที่ไหม้อยู่ตามตัวของเขา ก่อนที่จะหันไปคุยกับกลุ่มเพื่อน

"เอาล่ะ ฉันมีข่าวดีกับข่าวร้ายจะมาบอก"

"ค ... คืออะไรอ่ะ?"

"นายอยากรู้อันไหนก่อนล่ะ?"

"ผมขอข่าวดีก่อนแล้วกัน"

"ตอนนี้ฉันแข็งแกร่งขึ้นมาก เมื่อเร็วๆนี้ก็เพิ่งรู้วิธีบิน เจ๋งป่าวล่ะ "

ดวงตาของโดแจมินเป็นประกาย ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่ซังกูเจ๋งสุดยอดขนาดนี้

"พี่ได้เรียนวิธีบินจาก พ่อมดอมตะ ที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ใช่ป่ะ?"

"ใช่แล้ว"

"แล้วข่าวร้ายอ่ะพี่?"

"พ่อมดอมตะเวรนั่น จะฆ่าฉัน"

"ห๊ะ อะไรนะ?"

ใบหน้าของซังกูซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นเงาแห่งความตายบินมาจากที่ไกลๆ

"ว๊ากกกก ฉันต้องรีบไปแล้ว "

"ละ ... แล้วพวกผมอะ?"

"รีบตามมาแล้วกัน"

“...... ?”

เขาบอกเขาจะถูกฆ่า แล้วจะยังให้ตามไปอีกนี่นะ?

ก่อนที่จะได้มีคนถามอะไร ซังกูก็สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป เขาวิ่งฝ่าเปลวเพลิงไปยังทางออกของหุบเขา ขณะที่เขาพุ่งเข้าไปสะบัดมือเล็กน้อยเปลวเพลิงก็แหวกเป็นทาง

ฟู่มมมม ตูม ตูมมมม!

เปลวเพลิงปะทุขึ้นมาในระหว่างที่ซังกูวิ่ง เขาสะบัดมือส่งเปลวเพลิงจำนวนมหาศาลไปทำลายซากศพและมอนสเตอร์ที่ยังเหลือรอดตรงช่องแคบจนไม่มีเหลือ

คนอื่นๆรีบวิ่งตามเขาไป ก่อนที่แรงระเบิดจะทำให้ช่องเขาถล่มลงมา

รีวิวผู้อ่าน