ตูมมมมมม!
หมัดเหล็กขนาดมหึมาของโดลเซ่ส่งร่างศัตรูไปกองอยู่ที่พื้น
ตูมมมม, ตึงงง โกกกกกกกกก, ตูมมมมมมม!
การเคลื่อนไหวของโดลเซ่มันปราดเปรียวไม่เข้ากับร่างมหึมาของมันอย่างมาก มันกระโดดไปกระทืบ,ทุบ,ทำลาย ศัตรูด้วยความเร็ว แม้จะไม่ได้เร็วมากจนมองไม่ทัน แต่ว่าสำหรับคนที่หนักเป็นหมื่นๆตันกลับว่องไวได้เท่านี้ ก็น่ากลัวแล้ว
[อ๊าคคคคคคคค]
เดรคถูกโดลเซ่ต่อยกระเด็น เพียงหนึ่งหมัดร่างกายมันก็แทบจะแหลกเหลว มันส่งเสียงร้องโอดครวญราวกับจระเข้กำลังถูกถลกหนังไปทำกระเป๋า
[‘มอนสเตอร์นรกนี่มันมาจากไหนกัน?’]
วูชินเดินเข้ามาหาเดรคที่นอนหมดสภาพโดยมีฝ่าเท้าของโดลเซ่ที่เดินตามมาเหยียบมันไว้
"แกเป็นคนของกองกำลังกิ้งก่าเหลือง?"
[กุรุกุรุ ข้าอยู่กองกำลังหมวกดำ]
“หืม? นึกว่าพวกสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดจะอยู่กิ้งก่าเหลืองซะอีก "
[ฮึ่มมม กุรุกุรุ]
วูชินยักไหล่ ก่อนที่จะถอดผ้าคลุมแห่งแทรชออก
"เอาล่ะ ลองดู"
เขาพันผ้าคลุมที่เป็นเครื่องป้องกันแห่งแทรชลงบนคอของเดรค เขากำลังรอให้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อืม บางทีมันอาจจะต้องเลือกคำสั่งสวมใส่ "
[กุรุกุรุ ไอโง่เง่า แกไม่มีวิธีเฉพาะ แต่แกยังเก็บของต้องสาปแบบนี้ไว้กับตัวเอง]
วูชินเอียงคอสงสัย อารมณ์ของเขาตอนนี้ไม่ดีนัก
"แกรู้ไหมว่านี่คืออะไร?"
[ไม่ใช่เครื่องป้องกันแห่งแทรชหรือไง?]
"อ่า แล้ววิธีเฉพาะคืออะไร? "
[แกไม่มีคุณสมบัติพอ ...... ไอโง่คิดว่าข้าจะบอกแกง่ายๆรึไง?]
มันดูเหมือนว่าเดรคพยายามที่จะไม่บอกอะไร แต่มันก็โง่หลุดปากออกมา วูชินยิ้มก่อนที่จะเคาะจมูกของมันเล่น
"ก็ว่าทำไม เผ่าพันธุ์แกไม่ถูกไอมังกรนั่นเอาไปเป็นพวก โง่เง่าแบบนี้นี่เอง "
[แกสิโง่ กุรุกุรุ.]
วูชินหันไปมองโดลเซ่
"ฆ่ามัน"
[กุรุกุรุ]
ตูมมมม! โผล๊ะ!
กำปั้นเหล็กของโดลเซ่ทุบไปที่หัวมันอย่างรุนแรง ไม่ต่างอะไรกับเอาค้อนปอนด์มาทุบแตงโม มันดับอนาถกลายเป็นแสงสีเทาสลายหายไปทันที
“คุณสมบัติงั้นหรอ”
ในขณะที่วูชินกำลังครุ่นคิด อัศวินแห่งความตายแรมสัน ก็เดินมาหาวูชิน
[นายท่านจะให้เราทำอย่างไรกับเมือง?]
"ทำลายมัน"
[ตามที่นายท่านต้องการ]
หลังจากที่แรมสันหายไป อยู่ๆเจนิสก็โผล่ออกมาด้านข้าง วูชินมองไปที่พ่อมดอมตะอย่างประหลาดใจ
"ฉันคิดว่านายจะไปช่วยเด็กๆ "
[หึหึฮ่าฮ่า ข้าส่งไอหนูนั่นไปแล้ว]
“ซังกู? เขาจะไหวหรอ? "
[เหลือเฟือ]
อะไร? ซังกูแข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้นเลย? แค่ 3 วันเอง
อย่างไรก็ตามวูชินเลือกที่จะถามสิ่งที่เขาอยากรู้กับเจนิส
“เจนิส ก่อนที่คุณจะมาเข้าร่วมกับฉัน คุณบอกว่าฉันเป็นคนพิเศษ "
[นายท่านพิเศษ]
"นี่ใช่เหตุผลที่ฉันไม่ตายเมื่อใส่ชุดนี้?"
วูชินได้หยิบผ้าคลุมแห่งแทรชขึ้นมายื่นให้เจนิสดู
[……ถูกแล้ว คำสาปของแทรช ทำอะไรเจ้าไม่ได้]
“อืม”
เขามองไปยังเจนิส ชายที่ต่อต้านทราเน็ตมาเป็นเวลา 200 ปี
"ฉันเป็นคนแรกที่ได้มัน?"
[สิบสองผู้ปกครองของมิติ เคยลองและหายไป]
"พวกมันตายทั้งหมด? งั้นพวกเวรนั่นก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมา "
[พวกมันไม่ได้ตาย พวกมันถูกลบตัวตน]
วูชินพยักหน้า
"นี่เป็นเหตุผลที่คุณให้ฉันค้นหา การประหารแห่งแทรช?"
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รวบรวมไว้ตอนอยู่บนอัลเฟ่น มีแต่อุปกรณ์ป้องกันทั้งนั้น ทั้งหมดมีไว้เพื่อปกป้องตัวเขา แต่เขาไม่มีอุปกรณ์ชิ้นใดที่มีไว้กำจัดศัตรูของเขา
[ถูกแล้ว สำหรับข้านี่เป็นทางเลือกเดียว ที่ข้าเข้าร่วมกับเจ้าก็เพราะเหตุนี้...... ]
เจนิสเปลี่ยนตัวเองให้เป็นพ่อมดอมตะ เพื่อปกป้องอัลเฟ่น
"เอาล่ะ แม้ฉันจะไม่เคยเจอมันมาก่อนแต่ถ้าฆ่าพวกผู้ปกครองมิติไปเรื่อยๆอาจจะเจออะไรบ้างในคลังมิติ ของพวกมัน"
วูชินไม่ได้รีบร้อนเขาคิดว่า ตอนนี้สิ่งแรก ก็ควรหาของที่เขามีข้อมูลไปก่อน ถ้าโชคดีเดี๋ยวมันก็ได้เจอ
[ข้ามีคำขอ นายท่าน]
"ได้สิ อะไรหรอ?"
[ข้าขอฝึกไอหนูนั่นที่นี่ได้หรือไม่?]
“ซังกู?”
[ในแง่ของพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ มันเหนือกว่าเจ้า ... ]
อา...เขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ซังกูมีพรสวรรค์ถึงขนาดพ่อมดอมตะเจนิสยังยอมรับ
"ทำสิ่งที่นายอยากทำเถอะ"
[ข้าจะทำให้มันเป็นจ้าวแห่งเปลวเพลิงที่เก่งที่สุด]
"ถ้าเขาตาย เปลี่ยนเขาเป็นพ่อมดอมตะดีไหม?"
[ไม่เลว]
วูชินและเจนิสมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม
[หึหึฮ่าฮ่า ข้าไปดูมันก่อน]
"เอาล่ะ ไปเถอะ ถ้านายว่างก็ไปฆ่าไอพวกที่ฟื้นขึ้นมาด้วยแล้วกัน "
แม้ว่าวูชินจะเผาดาวจาคุทั้งดวงทำลายล้างอาณานิคมทั้งหมด แต่ไอพวกผู้ปกครองมิติมันก็จัดตั้งดันเจี้ยนใหม่ และกลับมาได้อยู่ดี มันก็ดี เขาจะได้ที่เก็บค่าประสบการณ์ชั้นเลิศ
อีกทั้งการให้คนอื่นได้ฝึกฝน ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ
"ฉันจะกลับไปก่อนใกล้ได้เวลาทำสงครามชิงมิติแล้ว"
ช่วงเวลาคุ้มกันพื้นที่มิติของเขากำลังจะหมดลง
***
อาณานิคมถูกทำลาย
เมโลดี้หยิบชิ้นส่วนมิติออกมาอย่างระมัดระวัง
“ฮ่า จบสักที"
โดแจมินถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น แพคจุงโดก็นั่งลงเช่นกัน ทั้งสองคนเป็นตัวปะทะมอนสเตอร์ ทั้งคู่ค่อนข้างเหนื่อยล้าอย่างมาก
"ขอโทษนะ ฉันไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเลย"
แฮซอลช่วยไม่ได้ที่จะขอโทษออกมา ความสามารถในการฝึกสัตว์ของเธอไม่เหมาะกับพวกมอนสเตอร์ไร้สมอง มันเหมาะกับพวกที่มีความคิดในระดับหนึ่ง
ถ้าเธอพาแจ็คสันมาด้วย เธอคงช่วยเหลือทีมได้ดีกว่านี้ แต่เธอไม่ได้พามันมา ดังนั้นเธอเลยไม่ค่อยได้ช่วยทีมในแง่ของการสู้รบสักเท่าไร ความสามารถเพียงอย่างเดียวที่มียก็คือการแบ่งปันความคิดให้ทุกคนสามารถสื่อสารกันได้สะดวก
เธอรับหน้าที่เหมือนสถานีวิทยุ
"เฮ่ไม่มีอะไรต้องขอโทษ? ถ้าไม่มีคุณนะแฮซอล พวกเราก็มาไม่ถึงตรงนี้หรอก แล้วก็คงสู้ในสงครามไม่ได้ดีขนาดนี้"
ตัวตุ่นกำลังขุดหินเลือดออกมาจากศพของมอนสเตอร์ มาส่งให้แฮซอล
จำนวนสิ่งของที่ได้รับมันมากมายนัก หากเป็นบนโลกไม่รู้ต้องเคลียกี่สิบดันเจี้ยนถึงจะได้เท่านี้
"เราได้อุปกรณ์เวทมนตร์มาเยอะมากตอนนี้"
บลังก้าพูดออกมาอย่างตื่นเต้น ขณะที่ใช้เวทย์ตรวจสอบคุณสมบัติของอุปกรณ์เวทมนตร์ อุปกรณ์เวทมนตร์มีค่ามากกว่าหินเลือด
พวกเขาได้อุปกรณ์เวทมนตร์ดีๆไว้ใช้หลายชิ้น
“เฮ่ออ พักกันก่อนเถอะ น้องคังบอกไว้แล้วนี่ ว่าจะมาหา "
"ใช่ คุณคิดว่าเพลิงพิสุทธิ์ จะปลอดภัยไหม? "
แพคจุงโดยิ้มให้กับคำถามที่ดูกังวลของบลังก้า
“ใคร? ซังกูอ่ะหรอ? "
"ครับ เหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในอันตราย ... "
หลังจากที่เขาเผาอาณานิคมจนวอดวาย เขาก็เผาผู้ปกครองมิติที่โผล่ออกมาในพริบตา หลังจากนั้นเขาก็ถูกพ่อมดอมตะตามล่า ซังกูก็รีบเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาไปไกลมากจนพวกเขามองไม่เห็น แต่เสียงระเบิดที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็ยืนยันว่าซังกูกำลังเจอปัญหาอยู่
"อย่ากังวลเลย ซังกูแข็งแกร่งมาก "
"แหะๆ ผมแค่สงสัยว่าเราควรช่วยเขารึไม่ มอนสเตอร์ที่ไล่ตามเขาดูเหมือนอันตรายมาก...... "
แฮซอลหัวเราะให้กับคำถามของบลังก้า
"นั่นไม่ใช่มอนสเตอร์ นั่นเป็นพ่อมดอมตะเจนิส หนึ่งในข้ารับใช้ของหัวหน้ากิลด์ "
"อะไรนะ? นั่นพ่อมดอมตะหรอ? เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ......... "
บลังก้าช่วยไม่ได้ที่จะเกาศีรษะของเขาในขณะที่เขาคิดถึงรูปร่างของพ่อมดอมตะ นักเวทย์อะไรกันทำไมเคลื่อนที่ว่องไวแบบนั้น แต่แฮซอลก็พูดคลายกังวลให้เขาออกมา
"ปกติซังกูอาจจะดูติ๊งต๊อง แต่ว่าเขาก็แข็งแกร่งมาก ก่อนหน้านี้หัวหน้ากิลด์ก็เป็นคนฝึกเขาด้วยตัวเอง"
“...... .”
บลังก้าเหวอไปเลย เขาทำหน้าเหมือนจะบอกว่า 'เธอพูดแบบนี้ได้ไง? '
"เรื่องร้ายแรงมักเกิดกับหัวหน้ากิลด์ แต่ซังกูก็เป็นคนที่สามารถติดตามเขาได้ตลอด อย่าไปสงสัยความสามารถของเขาเลย"
ยิ่งได้เห็นซังกูเผาศัตรูที่พวกเขาพยายามต้านไว้จนเกือบจะสิ้นหวังอย่างรวดเร็ว ก็ยืนยันได้ถึงความแข็งแกร่งของซังกูแล้ว
แพคจุงโดอดไม่ได้ที่จะถูคางด้วยความผิดหวัง
"อย่างที่คิดไว้ สุดท้ายนักเวทย์จะแข็งแกร่งมาก"
ทำไมเขาถึงเป็นผู้มีพลังสายกายภาพกันนะ ......
แน่นนอนแพคจุงโดก็ไม่ได้คิดว่าความสามารถของเขานั้นไม่ดี ความสามารถในด้านเสริมพลังกายของเขานั้น จะแสดงความสามารถที่แท้จริงในช่วงเวลากลางคืน
ตอนแรกแจมินก็คิดว่าซังกูจะฝึกสบายๆ แต่หลังจากเห็นสีหน้าของซังกูเขาก็รู้ว่า ซังกูเจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดไหน
"ค่อยลองร่วมทีมกับพี่ซังกูหลังเขาฝึกเสร็จแล้วเถอะ"
"ฮ่าฮ่า ฉันว่าตอนนี้เราต้องพยายามอย่างหนักเพื่อไล่ตามซังกูแล้วล่ะ "
พวกเขาเป็นผู้มีพลังอันดับหนึ่งของโลก
เมโลดี้อยู่ในระดับ SS
ถ้าซังกูกลายเป็นระดับ SS หรือระดับขั้นที่ 9 พวกเขาจะมีความสามารถพอที่จะติดตามซังกูหรือไม่
ในความเป็นจริงที่ผ่านมา สตรีศักดิ์สิทธิ์เมโลดี้เป็นคนเดียวที่ไม่ได้หมดแรง เธอเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ทุกคนยังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ สกิลรักษาและพรของเธอช่วยทุกคนเอาไว้อย่างมาก
แต่หลังจากที่แจมินเป็นแวมไพร์เขาก็ไม่ได้รับสกิลสนับสนุนจากเมโลดี้เลย เพราะเขาไม่ถูกกับธาตุศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็เอาตัวรอดมาได้
"เอาล่ะ ไปเก็บอุปกรณ์เวทมนตร์กันเถอะ"
"อื้อ ไปกัน"
ตัวตุ่นที่แฮซอลควบคุมไว้คอยขุดหินเลือดให้ได้ แต่พวกมันไม่สามารถเก็บอุปกรณ์เวทมนตร์กลับมาได้ พวกเขาจะต้องไปหาอุปกรณ์เวทมนตร์ด้วยตัวเอง ทุกคนเลยลุกขึ้นยืน
แต่ในขณะนั้นวูชินก็ปรากฏตัวขึ้น
"หัวหน้ากิลด์!"
“พี่!”
"น้องคังกลับมาแล้ว?"
วูชินยิ้มเมื่อเห็นทุกคนมีความสุขที่ได้เจอเขา
"พวกเราไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมพวกคุณดูมีความสุขที่เจอฉัน? หืม พวกคุณกำลังจะไปปล้นของหรอ "
บลังก้าส่ายหัวให้กับคำพูดของวูชิน
"เราจะไปรวบรวมสิ่งของ"
"อย่าเสแสร้ง"
วูชินมองไปรอบๆ ซากอาณานิคมและซากศพที่ถูกเผาทำลาย
"นายฆ่า,ทำลายและปล้นสิ่งที่ต้องการ"
“...... .”
บลังก้าไม่รู้จะปฏิเสธคำพูดของวูชินยังไงเลย แต่เขารู้สึกแหม่งๆกับมัน
"ปล้นก็คือปล้น"
หัวหน้ากิลด์จะหาเรื่องเขาหรือยังไงกัน? บลังก้ารู้สึกเคืองมากจึงพูดออกมา
"คุณจะบอกว่าเรากำลังทำเรื่องไม่ดี?"
วูชินยักไหล่ของเขา
"ฉันบอกว่าการปล้นเป็นเรื่องไม่ดีตอนไหน?"
“...... .”
บลังก้าจนปัญญาจะเถียง
บลังก้าอยากจะแย้งออกมาแต่เขาไม่รู้จะทำยังไง ท่าทางของวูชินไม่ได้เหมือนคนกำลังล้อเล่น เขาไม่รู้ว่าวูชินกำลังคิดอะไรอยู่
"ฉันจะกลับพื้นที่มิติกับแจมินสักครู่ พวกนายจะเอายังไง? "
วูชินถามความเห็นจากทุกคน
"คุณต้องการอยู่ที่นี่หรือกลับโลก? เวลาที่นี่ 4 วัน แต่ที่โลกพึ่งผ่านไปแค่ 1 วัน "
บลังก้ารู้สึกดีกับคำพูดของวูชิน
"พวกเรากลับได้หรอ?"
"ไม่ใช่พวกคุณ ฉันถามพี่แพคคนเดียว"
“...... .”
'ฮึ่ม แล้วทำไมเขาไม่พูดให้ชัดเจนแต่แรก'
บลังก้าหงุดหงิด
“ฉันเหรอ เอ่อ…"
แพคจุงโดมองไปยังเพื่อนร่วมทีม
ทุกคนตรงนี้มาจากอแลนดัล
ไม่น่าแปลกที่ทำไมวูชินจึงเจาะจงถามเขา เพราะเขาถือเป็นคนนอก ส่วนคนอแลนดัลนั้นวูชินจะจัดการหนทางให้อยู่แล้ว
แพคจุงโดส่ายหัวไปมา
"ฉันอยากล่าที่นี่เพื่อเพิ่มความสามารถ
ถ้าเขาร่วมทีมกับคนที่นี่ตัวเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก ระดับของมอนสเตอร์ที่นี่แตกต่างจากที่โลกอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเมโลดี้ มันรับประกันได้เลยว่าจะไม่มีใครตาย
"เอาล่ะงั้นอยู่ที่นี่ กลับโลกไปเราค่อยไปจัดการเรื่องสหภาพ หรือรวมกิลด์"
“เข้าใจแล้ว”
"พวกนายปล้นของต่อเถอะ ฉันไปทำธุระเดี๋ยวกลับมา"
เมื่อวูชินโบกมือ ประตูมิติสีแดงก็โผล่ขึ้นมากลางอากาศ
วิ้งงงง
"ไปกัน แจมิน"
"ครับพี่"
แจมินและวูชินหายไปในประตูมิติ
ทุกคนรู้ว่าประตูมิติมันเชื่อมต่อไปยังที่ไหน
มันเป็นพื้นที่มิติอแลนดัล ของวูชิน
เขาเป็นมนุษย์ที่สามารถเดินทางข้ามมิติไปมาระหว่างดาวได้ เขาคือผู้ปกครองมิติ
แพคจุงโดไม่อาจระงับความขื่นขมได้
'บางทีฉันกำลังเรียกพระเจ้าว่าน้องชาย'
ขณะที่คนอื่นกำลังปล้นของที่ดาวจาคุ วูชินและแจมินก็กลับมาพื้นที่มิติอแลนดัล
"เอาล่ะเราเหลือเวลาอีก 10 นาที นายผ่อนคลายสักหน่อยก็ดี "
"ครับพี่ เอ่อผมมีเรื่องจะขอครับพี่ ... "
"มันคืออะไร?"
แจมินค่อยๆพูดอย่างระวัง
"ผมขอยืมแต้มหน่อยได้ไหมพี่?"
"หืม? นายจะเอาไปทำอะไร "
"มีของบางอย่างที่ผมอยากได้ ...... "
“อ่อ”
วูชินลูบคาง มันไม่ดีนักที่จะพึ่งความสามารถจากสิ่งของแทนที่จะฝึกเอง แต่บางครั้งก็มีของบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้เพื่อเพิ่มความสามารถ
มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะรู้ความสามารถของตัวเอง แต่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าที่จะรู้ว่าของอะไรสามารถยกระดับให้เราได้
"แต้มที่ฉันให้ไม่พอใช้หรอ?"
หลังจากที่แจมินรับหน้าที่เป็นกุนซือ หรือนักกลยุทธ์ ทุกครั้งที่เขาชนะการทำสงครามชิงมิติ วูชินจะให้แต้มเขาไว้เสมอ และหลังจากทำสงครามชิงมิติหลายต่อหลายครั้ง แต้มของแจมินควรจะมีมากพอสมควร
"มีบางอย่างที่ผมสนใจมาก แต่ว่าราคามันค่อนข้างแพง"
"เอาสิ ซื้อของที่นายต้องการ "
"ขอบคุณครับพี่"
"แต่ตอนนี้เอาให้เรามีระยะเวลาคุ้มกันก่อน"
"ครับพี่"
แจมินนั่งอยู่ตรงที่นั่งสำหรับนักกลยุทธ์ ส่วนวูชินนั่งลงบนบัลลังก์
เขาต้องทำการหาผู้ปกครองมิติที่เหมาะสมก่อนที่ช่วงเวลาคุ้มกันจะหมดลง เขาจึงเปิดรายการค้นหาผู้ปกครองมิติ ทันใดนั้นเองเขาก็สังเกตุเห็นถึงบางอย่าง
<ผู้ปกครองมิติลีอาห์ได้ทำการท้าประลองตัวต่อตัวกับคุณ>
"หืม? เธอฟื้นแล้วหรอ? "
ตอนนี้เธออาจจะโกรธมาก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้วูชินได้แต่หัวเราะออกมา
"ใจกล้าไม่เบา"
คนโง่เขลามักพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ที่คนฉลาดมักจะหลีกเลี่ยง
ดูเหมือนเธอจะเลือดขึ้นหน้าเพราะความแค้นและความเกลียดชัง
<คุณยอมรับการประลองตัวต่อตัว คุณกำลังถูกย้ายไปที่สนามรบ >