px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
บทที่ 153 – เครื่องป้องกันแห่งแทรช (2)


ตูมมมมมม!

หมัดเหล็กขนาดมหึมาของโดลเซ่ส่งร่างศัตรูไปกองอยู่ที่พื้น

ตูมมมม, ตึงงง โกกกกกกกกก, ตูมมมมมมม!

การเคลื่อนไหวของโดลเซ่มันปราดเปรียวไม่เข้ากับร่างมหึมาของมันอย่างมาก มันกระโดดไปกระทืบ,ทุบ,ทำลาย ศัตรูด้วยความเร็ว แม้จะไม่ได้เร็วมากจนมองไม่ทัน แต่ว่าสำหรับคนที่หนักเป็นหมื่นๆตันกลับว่องไวได้เท่านี้ ก็น่ากลัวแล้ว

[อ๊าคคคคคคคค]

เดรคถูกโดลเซ่ต่อยกระเด็น เพียงหนึ่งหมัดร่างกายมันก็แทบจะแหลกเหลว มันส่งเสียงร้องโอดครวญราวกับจระเข้กำลังถูกถลกหนังไปทำกระเป๋า

[‘มอนสเตอร์นรกนี่มันมาจากไหนกัน?’]

วูชินเดินเข้ามาหาเดรคที่นอนหมดสภาพโดยมีฝ่าเท้าของโดลเซ่ที่เดินตามมาเหยียบมันไว้

"แกเป็นคนของกองกำลังกิ้งก่าเหลือง?"

[กุรุกุรุ ข้าอยู่กองกำลังหมวกดำ]

“หืม? นึกว่าพวกสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดจะอยู่กิ้งก่าเหลืองซะอีก "

[ฮึ่มมม กุรุกุรุ]

วูชินยักไหล่ ก่อนที่จะถอดผ้าคลุมแห่งแทรชออก

"เอาล่ะ ลองดู"

เขาพันผ้าคลุมที่เป็นเครื่องป้องกันแห่งแทรชลงบนคอของเดรค เขากำลังรอให้มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อืม บางทีมันอาจจะต้องเลือกคำสั่งสวมใส่ "

[กุรุกุรุ ไอโง่เง่า แกไม่มีวิธีเฉพาะ แต่แกยังเก็บของต้องสาปแบบนี้ไว้กับตัวเอง]

วูชินเอียงคอสงสัย อารมณ์ของเขาตอนนี้ไม่ดีนัก

"แกรู้ไหมว่านี่คืออะไร?"

[ไม่ใช่เครื่องป้องกันแห่งแทรชหรือไง?]

"อ่า แล้ววิธีเฉพาะคืออะไร? "

[แกไม่มีคุณสมบัติพอ ...... ไอโง่คิดว่าข้าจะบอกแกง่ายๆรึไง?]

มันดูเหมือนว่าเดรคพยายามที่จะไม่บอกอะไร แต่มันก็โง่หลุดปากออกมา วูชินยิ้มก่อนที่จะเคาะจมูกของมันเล่น

"ก็ว่าทำไม เผ่าพันธุ์แกไม่ถูกไอมังกรนั่นเอาไปเป็นพวก โง่เง่าแบบนี้นี่เอง "

[แกสิโง่ กุรุกุรุ.]

วูชินหันไปมองโดลเซ่

"ฆ่ามัน"

[กุรุกุรุ]

ตูมมมม! โผล๊ะ!

กำปั้นเหล็กของโดลเซ่ทุบไปที่หัวมันอย่างรุนแรง ไม่ต่างอะไรกับเอาค้อนปอนด์มาทุบแตงโม มันดับอนาถกลายเป็นแสงสีเทาสลายหายไปทันที

“คุณสมบัติงั้นหรอ”

ในขณะที่วูชินกำลังครุ่นคิด อัศวินแห่งความตายแรมสัน ก็เดินมาหาวูชิน

[นายท่านจะให้เราทำอย่างไรกับเมือง?]

"ทำลายมัน"

[ตามที่นายท่านต้องการ]

หลังจากที่แรมสันหายไป อยู่ๆเจนิสก็โผล่ออกมาด้านข้าง วูชินมองไปที่พ่อมดอมตะอย่างประหลาดใจ

"ฉันคิดว่านายจะไปช่วยเด็กๆ "

[หึหึฮ่าฮ่า ข้าส่งไอหนูนั่นไปแล้ว]

“ซังกู? เขาจะไหวหรอ? "

[เหลือเฟือ]

อะไร? ซังกูแข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้นเลย? แค่ 3 วันเอง

อย่างไรก็ตามวูชินเลือกที่จะถามสิ่งที่เขาอยากรู้กับเจนิส

“เจนิส ก่อนที่คุณจะมาเข้าร่วมกับฉัน คุณบอกว่าฉันเป็นคนพิเศษ "

[นายท่านพิเศษ]

"นี่ใช่เหตุผลที่ฉันไม่ตายเมื่อใส่ชุดนี้?"

วูชินได้หยิบผ้าคลุมแห่งแทรชขึ้นมายื่นให้เจนิสดู

[……ถูกแล้ว คำสาปของแทรช ทำอะไรเจ้าไม่ได้]

“อืม”

เขามองไปยังเจนิส ชายที่ต่อต้านทราเน็ตมาเป็นเวลา 200 ปี

"ฉันเป็นคนแรกที่ได้มัน?"

[สิบสองผู้ปกครองของมิติ เคยลองและหายไป]

"พวกมันตายทั้งหมด? งั้นพวกเวรนั่นก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมา "

[พวกมันไม่ได้ตาย พวกมันถูกลบตัวตน]

วูชินพยักหน้า

"นี่เป็นเหตุผลที่คุณให้ฉันค้นหา การประหารแห่งแทรช?"

อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รวบรวมไว้ตอนอยู่บนอัลเฟ่น มีแต่อุปกรณ์ป้องกันทั้งนั้น ทั้งหมดมีไว้เพื่อปกป้องตัวเขา แต่เขาไม่มีอุปกรณ์ชิ้นใดที่มีไว้กำจัดศัตรูของเขา

[ถูกแล้ว สำหรับข้านี่เป็นทางเลือกเดียว ที่ข้าเข้าร่วมกับเจ้าก็เพราะเหตุนี้...... ]

เจนิสเปลี่ยนตัวเองให้เป็นพ่อมดอมตะ เพื่อปกป้องอัลเฟ่น

"เอาล่ะ แม้ฉันจะไม่เคยเจอมันมาก่อนแต่ถ้าฆ่าพวกผู้ปกครองมิติไปเรื่อยๆอาจจะเจออะไรบ้างในคลังมิติ ของพวกมัน"

วูชินไม่ได้รีบร้อนเขาคิดว่า ตอนนี้สิ่งแรก ก็ควรหาของที่เขามีข้อมูลไปก่อน ถ้าโชคดีเดี๋ยวมันก็ได้เจอ

[ข้ามีคำขอ นายท่าน]

"ได้สิ อะไรหรอ?"

[ข้าขอฝึกไอหนูนั่นที่นี่ได้หรือไม่?]

“ซังกู?”

[ในแง่ของพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ มันเหนือกว่าเจ้า ... ]

อา...เขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ซังกูมีพรสวรรค์ถึงขนาดพ่อมดอมตะเจนิสยังยอมรับ

"ทำสิ่งที่นายอยากทำเถอะ"

[ข้าจะทำให้มันเป็นจ้าวแห่งเปลวเพลิงที่เก่งที่สุด]

"ถ้าเขาตาย เปลี่ยนเขาเป็นพ่อมดอมตะดีไหม?"

[ไม่เลว]

วูชินและเจนิสมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม

[หึหึฮ่าฮ่า ข้าไปดูมันก่อน]

"เอาล่ะ ไปเถอะ ถ้านายว่างก็ไปฆ่าไอพวกที่ฟื้นขึ้นมาด้วยแล้วกัน "

แม้ว่าวูชินจะเผาดาวจาคุทั้งดวงทำลายล้างอาณานิคมทั้งหมด แต่ไอพวกผู้ปกครองมิติมันก็จัดตั้งดันเจี้ยนใหม่ และกลับมาได้อยู่ดี มันก็ดี เขาจะได้ที่เก็บค่าประสบการณ์ชั้นเลิศ

อีกทั้งการให้คนอื่นได้ฝึกฝน ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ

"ฉันจะกลับไปก่อนใกล้ได้เวลาทำสงครามชิงมิติแล้ว"

ช่วงเวลาคุ้มกันพื้นที่มิติของเขากำลังจะหมดลง

***

อาณานิคมถูกทำลาย

เมโลดี้หยิบชิ้นส่วนมิติออกมาอย่างระมัดระวัง

“ฮ่า จบสักที"

โดแจมินถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น แพคจุงโดก็นั่งลงเช่นกัน ทั้งสองคนเป็นตัวปะทะมอนสเตอร์ ทั้งคู่ค่อนข้างเหนื่อยล้าอย่างมาก

"ขอโทษนะ ฉันไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเลย"

แฮซอลช่วยไม่ได้ที่จะขอโทษออกมา ความสามารถในการฝึกสัตว์ของเธอไม่เหมาะกับพวกมอนสเตอร์ไร้สมอง มันเหมาะกับพวกที่มีความคิดในระดับหนึ่ง

ถ้าเธอพาแจ็คสันมาด้วย เธอคงช่วยเหลือทีมได้ดีกว่านี้ แต่เธอไม่ได้พามันมา ดังนั้นเธอเลยไม่ค่อยได้ช่วยทีมในแง่ของการสู้รบสักเท่าไร ความสามารถเพียงอย่างเดียวที่มียก็คือการแบ่งปันความคิดให้ทุกคนสามารถสื่อสารกันได้สะดวก

เธอรับหน้าที่เหมือนสถานีวิทยุ

"เฮ่ไม่มีอะไรต้องขอโทษ? ถ้าไม่มีคุณนะแฮซอล พวกเราก็มาไม่ถึงตรงนี้หรอก แล้วก็คงสู้ในสงครามไม่ได้ดีขนาดนี้"

ตัวตุ่นกำลังขุดหินเลือดออกมาจากศพของมอนสเตอร์ มาส่งให้แฮซอล

จำนวนสิ่งของที่ได้รับมันมากมายนัก หากเป็นบนโลกไม่รู้ต้องเคลียกี่สิบดันเจี้ยนถึงจะได้เท่านี้

"เราได้อุปกรณ์เวทมนตร์มาเยอะมากตอนนี้"

บลังก้าพูดออกมาอย่างตื่นเต้น ขณะที่ใช้เวทย์ตรวจสอบคุณสมบัติของอุปกรณ์เวทมนตร์ อุปกรณ์เวทมนตร์มีค่ามากกว่าหินเลือด

พวกเขาได้อุปกรณ์เวทมนตร์ดีๆไว้ใช้หลายชิ้น

“เฮ่ออ พักกันก่อนเถอะ น้องคังบอกไว้แล้วนี่ ว่าจะมาหา "

"ใช่ คุณคิดว่าเพลิงพิสุทธิ์ จะปลอดภัยไหม? "

แพคจุงโดยิ้มให้กับคำถามที่ดูกังวลของบลังก้า

“ใคร? ซังกูอ่ะหรอ? "

"ครับ เหมือนว่าเขาจะตกอยู่ในอันตราย ... "

หลังจากที่เขาเผาอาณานิคมจนวอดวาย เขาก็เผาผู้ปกครองมิติที่โผล่ออกมาในพริบตา หลังจากนั้นเขาก็ถูกพ่อมดอมตะตามล่า ซังกูก็รีบเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาไปไกลมากจนพวกเขามองไม่เห็น แต่เสียงระเบิดที่ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็ยืนยันว่าซังกูกำลังเจอปัญหาอยู่

"อย่ากังวลเลย ซังกูแข็งแกร่งมาก "

"แหะๆ ผมแค่สงสัยว่าเราควรช่วยเขารึไม่ มอนสเตอร์ที่ไล่ตามเขาดูเหมือนอันตรายมาก...... "

แฮซอลหัวเราะให้กับคำถามของบลังก้า

"นั่นไม่ใช่มอนสเตอร์ นั่นเป็นพ่อมดอมตะเจนิส หนึ่งในข้ารับใช้ของหัวหน้ากิลด์ "

"อะไรนะ? นั่นพ่อมดอมตะหรอ? เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ......... "

บลังก้าช่วยไม่ได้ที่จะเกาศีรษะของเขาในขณะที่เขาคิดถึงรูปร่างของพ่อมดอมตะ นักเวทย์อะไรกันทำไมเคลื่อนที่ว่องไวแบบนั้น แต่แฮซอลก็พูดคลายกังวลให้เขาออกมา

"ปกติซังกูอาจจะดูติ๊งต๊อง แต่ว่าเขาก็แข็งแกร่งมาก ก่อนหน้านี้หัวหน้ากิลด์ก็เป็นคนฝึกเขาด้วยตัวเอง"

“...... .”

บลังก้าเหวอไปเลย เขาทำหน้าเหมือนจะบอกว่า 'เธอพูดแบบนี้ได้ไง? '

"เรื่องร้ายแรงมักเกิดกับหัวหน้ากิลด์ แต่ซังกูก็เป็นคนที่สามารถติดตามเขาได้ตลอด อย่าไปสงสัยความสามารถของเขาเลย"

ยิ่งได้เห็นซังกูเผาศัตรูที่พวกเขาพยายามต้านไว้จนเกือบจะสิ้นหวังอย่างรวดเร็ว ก็ยืนยันได้ถึงความแข็งแกร่งของซังกูแล้ว

แพคจุงโดอดไม่ได้ที่จะถูคางด้วยความผิดหวัง

"อย่างที่คิดไว้ สุดท้ายนักเวทย์จะแข็งแกร่งมาก"

ทำไมเขาถึงเป็นผู้มีพลังสายกายภาพกันนะ ......

แน่นนอนแพคจุงโดก็ไม่ได้คิดว่าความสามารถของเขานั้นไม่ดี ความสามารถในด้านเสริมพลังกายของเขานั้น จะแสดงความสามารถที่แท้จริงในช่วงเวลากลางคืน

ตอนแรกแจมินก็คิดว่าซังกูจะฝึกสบายๆ แต่หลังจากเห็นสีหน้าของซังกูเขาก็รู้ว่า ซังกูเจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดไหน

"ค่อยลองร่วมทีมกับพี่ซังกูหลังเขาฝึกเสร็จแล้วเถอะ"

"ฮ่าฮ่า ฉันว่าตอนนี้เราต้องพยายามอย่างหนักเพื่อไล่ตามซังกูแล้วล่ะ "

พวกเขาเป็นผู้มีพลังอันดับหนึ่งของโลก

เมโลดี้อยู่ในระดับ SS

ถ้าซังกูกลายเป็นระดับ SS หรือระดับขั้นที่ 9 พวกเขาจะมีความสามารถพอที่จะติดตามซังกูหรือไม่

ในความเป็นจริงที่ผ่านมา สตรีศักดิ์สิทธิ์เมโลดี้เป็นคนเดียวที่ไม่ได้หมดแรง เธอเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ทุกคนยังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ สกิลรักษาและพรของเธอช่วยทุกคนเอาไว้อย่างมาก

แต่หลังจากที่แจมินเป็นแวมไพร์เขาก็ไม่ได้รับสกิลสนับสนุนจากเมโลดี้เลย เพราะเขาไม่ถูกกับธาตุศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็เอาตัวรอดมาได้

"เอาล่ะ ไปเก็บอุปกรณ์เวทมนตร์กันเถอะ"

"อื้อ ไปกัน"

ตัวตุ่นที่แฮซอลควบคุมไว้คอยขุดหินเลือดให้ได้ แต่พวกมันไม่สามารถเก็บอุปกรณ์เวทมนตร์กลับมาได้ พวกเขาจะต้องไปหาอุปกรณ์เวทมนตร์ด้วยตัวเอง ทุกคนเลยลุกขึ้นยืน

แต่ในขณะนั้นวูชินก็ปรากฏตัวขึ้น

"หัวหน้ากิลด์!"

“พี่!”

"น้องคังกลับมาแล้ว?"

วูชินยิ้มเมื่อเห็นทุกคนมีความสุขที่ได้เจอเขา

"พวกเราไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมพวกคุณดูมีความสุขที่เจอฉัน? หืม พวกคุณกำลังจะไปปล้นของหรอ "

บลังก้าส่ายหัวให้กับคำพูดของวูชิน

"เราจะไปรวบรวมสิ่งของ"

"อย่าเสแสร้ง"

วูชินมองไปรอบๆ ซากอาณานิคมและซากศพที่ถูกเผาทำลาย

"นายฆ่า,ทำลายและปล้นสิ่งที่ต้องการ"

“...... .”

บลังก้าไม่รู้จะปฏิเสธคำพูดของวูชินยังไงเลย แต่เขารู้สึกแหม่งๆกับมัน

"ปล้นก็คือปล้น"

หัวหน้ากิลด์จะหาเรื่องเขาหรือยังไงกัน? บลังก้ารู้สึกเคืองมากจึงพูดออกมา

"คุณจะบอกว่าเรากำลังทำเรื่องไม่ดี?"

วูชินยักไหล่ของเขา

"ฉันบอกว่าการปล้นเป็นเรื่องไม่ดีตอนไหน?"

“...... .”

บลังก้าจนปัญญาจะเถียง

บลังก้าอยากจะแย้งออกมาแต่เขาไม่รู้จะทำยังไง ท่าทางของวูชินไม่ได้เหมือนคนกำลังล้อเล่น เขาไม่รู้ว่าวูชินกำลังคิดอะไรอยู่

"ฉันจะกลับพื้นที่มิติกับแจมินสักครู่ พวกนายจะเอายังไง? "

วูชินถามความเห็นจากทุกคน

"คุณต้องการอยู่ที่นี่หรือกลับโลก? เวลาที่นี่ 4 วัน แต่ที่โลกพึ่งผ่านไปแค่ 1 วัน "

บลังก้ารู้สึกดีกับคำพูดของวูชิน

"พวกเรากลับได้หรอ?"

"ไม่ใช่พวกคุณ ฉันถามพี่แพคคนเดียว"

“...... .”

'ฮึ่ม แล้วทำไมเขาไม่พูดให้ชัดเจนแต่แรก'

บลังก้าหงุดหงิด

“ฉันเหรอ เอ่อ…"

แพคจุงโดมองไปยังเพื่อนร่วมทีม

ทุกคนตรงนี้มาจากอแลนดัล

ไม่น่าแปลกที่ทำไมวูชินจึงเจาะจงถามเขา เพราะเขาถือเป็นคนนอก ส่วนคนอแลนดัลนั้นวูชินจะจัดการหนทางให้อยู่แล้ว

แพคจุงโดส่ายหัวไปมา

"ฉันอยากล่าที่นี่เพื่อเพิ่มความสามารถ

ถ้าเขาร่วมทีมกับคนที่นี่ตัวเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาก ระดับของมอนสเตอร์ที่นี่แตกต่างจากที่โลกอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเมโลดี้ มันรับประกันได้เลยว่าจะไม่มีใครตาย

"เอาล่ะงั้นอยู่ที่นี่ กลับโลกไปเราค่อยไปจัดการเรื่องสหภาพ หรือรวมกิลด์"

“เข้าใจแล้ว”

"พวกนายปล้นของต่อเถอะ ฉันไปทำธุระเดี๋ยวกลับมา"

เมื่อวูชินโบกมือ ประตูมิติสีแดงก็โผล่ขึ้นมากลางอากาศ

วิ้งงงง

"ไปกัน แจมิน"

"ครับพี่"

แจมินและวูชินหายไปในประตูมิติ

ทุกคนรู้ว่าประตูมิติมันเชื่อมต่อไปยังที่ไหน

มันเป็นพื้นที่มิติอแลนดัล ของวูชิน

เขาเป็นมนุษย์ที่สามารถเดินทางข้ามมิติไปมาระหว่างดาวได้ เขาคือผู้ปกครองมิติ

แพคจุงโดไม่อาจระงับความขื่นขมได้

'บางทีฉันกำลังเรียกพระเจ้าว่าน้องชาย'

ขณะที่คนอื่นกำลังปล้นของที่ดาวจาคุ วูชินและแจมินก็กลับมาพื้นที่มิติอแลนดัล

"เอาล่ะเราเหลือเวลาอีก 10 นาที นายผ่อนคลายสักหน่อยก็ดี "

"ครับพี่ เอ่อผมมีเรื่องจะขอครับพี่ ... "

"มันคืออะไร?"

แจมินค่อยๆพูดอย่างระวัง

"ผมขอยืมแต้มหน่อยได้ไหมพี่?"

"หืม? นายจะเอาไปทำอะไร "

"มีของบางอย่างที่ผมอยากได้ ...... "

“อ่อ”

วูชินลูบคาง มันไม่ดีนักที่จะพึ่งความสามารถจากสิ่งของแทนที่จะฝึกเอง แต่บางครั้งก็มีของบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้เพื่อเพิ่มความสามารถ

มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะรู้ความสามารถของตัวเอง แต่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าที่จะรู้ว่าของอะไรสามารถยกระดับให้เราได้

"แต้มที่ฉันให้ไม่พอใช้หรอ?"

หลังจากที่แจมินรับหน้าที่เป็นกุนซือ หรือนักกลยุทธ์ ทุกครั้งที่เขาชนะการทำสงครามชิงมิติ วูชินจะให้แต้มเขาไว้เสมอ และหลังจากทำสงครามชิงมิติหลายต่อหลายครั้ง แต้มของแจมินควรจะมีมากพอสมควร

"มีบางอย่างที่ผมสนใจมาก แต่ว่าราคามันค่อนข้างแพง"

"เอาสิ ซื้อของที่นายต้องการ "

"ขอบคุณครับพี่"

"แต่ตอนนี้เอาให้เรามีระยะเวลาคุ้มกันก่อน"

"ครับพี่"

แจมินนั่งอยู่ตรงที่นั่งสำหรับนักกลยุทธ์ ส่วนวูชินนั่งลงบนบัลลังก์

เขาต้องทำการหาผู้ปกครองมิติที่เหมาะสมก่อนที่ช่วงเวลาคุ้มกันจะหมดลง เขาจึงเปิดรายการค้นหาผู้ปกครองมิติ ทันใดนั้นเองเขาก็สังเกตุเห็นถึงบางอย่าง

<ผู้ปกครองมิติลีอาห์ได้ทำการท้าประลองตัวต่อตัวกับคุณ>

"หืม? เธอฟื้นแล้วหรอ? "

ตอนนี้เธออาจจะโกรธมาก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้วูชินได้แต่หัวเราะออกมา

"ใจกล้าไม่เบา"

คนโง่เขลามักพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ที่คนฉลาดมักจะหลีกเลี่ยง

ดูเหมือนเธอจะเลือดขึ้นหน้าเพราะความแค้นและความเกลียดชัง

<คุณยอมรับการประลองตัวต่อตัว คุณกำลังถูกย้ายไปที่สนามรบ >

รีวิวผู้อ่าน