“นางมาจากไหน!”
หุบเขาทรายเหลือง สตรีในชุดคลุมเงินนางหนึ่งกวัดแกว่งกระบี่ในมือ สร้างปราณกระบี่วายุจู่โจมใส่จิ้กจกหางศิลา นางเป็นสตรีที่งดงาม เอวคอดกิ่ว บั้นท้ายเป็นแบบที่เว่ยสั่วชอบ นางอยู่ห่างจากปากถ้ำของจิ้งจกหางศิลา 50 จ้าง จู่โจมเข้าใส่จิ้งจกหางศิลาจนฝุ่นคลุ้ง กองทรายทับถมเว่ยสั่วที่แอบอยู่ในหลุม จนเห็นเพียงศีรษะโผล่พ้นทรายขึ้นมาพร้อมกับทรายเต็มปาก
จิ้งจกหางศิลาคืออสูรระดับกลาง ที่แผ่นหลังของมันมีเกราะวาววับราวกับโลหะ ขายได้มูลค่า 3 ศิลาวิญญาณระดับล่าง บริเวณหน้าท้องมีผิวหนังมันวาวเป็นวัสดุชั้นดี ขายได้มูลค่า 2 ศิลาวิญญาณระดับล่าง ที่แผ่นอกมีเกร็ดหนาแน่น ขายได้มูลค่า 1 ศิลาวิญญาณระดับล่าง
รวมกันแล้วทั้งตัวมีมูลค่าถึง 6 ศิลาระดับล่าง
โดยทั่วไปแล้วจิ้งจกหางศิลาจะเคลื่อนไหวกันเป็นคู่เพศผู้และเพศเมีย มักจะขุดถ้ำสร้างรังอยู่บนหน้าผา ปีนป่ายหน้าผาได้อย่างรวดเร็ว สังหารพวกมันได้ง่ายๆ หากพวกมันได้หนีเข้ารัง ต่อให้หายังไงก็ไม่เจอ เว่ยสั่วมาคอยเฝ้าสังเกตุการณ์ที่นี่อยู่ 2 วันเต็ม ในที่สุดก็เจอพวกมันที่ออกห่างจากถ้ำ แต่ก่อนที่เขาจะลงมือกลับมีสตรีในชุดคลุมเงินนางหนึ่งวิ่งมาอย่างตื่นเต้น “ฮ่าฮ่า โชคดีจริงๆเจอจิ้งจกหางศิลาสองตัว!” นางตรงเข้าจู่โจมจิ้งจกหางศิลาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้สังเกตุว่า เว่ยสั่วที่นางวิ่งผ่านไปกำลังจะลงมือ
นางบรรลุเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 4 ซึ่งสูงกว่าเว่ยสั่ว 2 ระดับ ชุดคลุมที่นางสวมใส่ไม่ธรรมดา ถักขึ้นจากไหมชั้นดี ลงอักขระมากมายดูราคาแพง กระบี่วายุในมือนางก็ทรงพลัง เปล่งแสงเรืองรอง แผ่กลิ่นอายที่เย็นเฉียบ ยามที่จู่โจมใส่จิ้งจกหางศิลาส่งเสียงเปรี๊ยะเปรี๊ยะ จนกระดองบนแผ่นหลังที่ของมันระเบิดแตกเป็นก้อนน้ำแข็งหลายชิ้น แม้ว่านางจะเก่งกาจทรงพลัง แต่เว่ยสั่วไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เขาเอาแต่จ้องมองรูปร่างที่เย้ายวลของนาง
คนที่ผ่านหุบเขาทรายเหลืองไปมาในแถบนี้ จะรู้ว่ากระดองที่แผ่นหลังของจิ้งจกหางศิลาแข็งขนาดไหน แต่กระบี่ของสตรีนางนั้นกลับทำลายมันได้ง่ายๆ
หากเป็นเว่ยสั่วที่ทำลายเกราะพวกนั้นได้ง่ายดายบ้าง คงสร้างรายได้กับการสังหารพวกมันได้ไม่น้อย
หากเป็นผู้ฝึกตนทั่วไป จะไม่ประจัญหน้ากับจิ้งจกหางศิลาตรงๆ เลือกที่จะเว้นระยะห่าง แต่นางกลับไม่หวาดกลัว ยืนเผชิญหน้าพลางกวัดแกว่งกระบี่เข้าใส่ “กระบี่วายุน้ำแข็ง!”
นางดูราวกับเป็นผู้เยาว์ของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ไม่เคยได้ประสบกับความทุกข์ยาก ฝึกฝนยกระดับพลังได้อย่างราบรื่นจนบรรลุเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 4 ความแข็งแกร่งระดับนี้จัดการกับอสูรระดับกลางได้ไม่ยาก
ถึงแม้ว่าจิ้งจกหางศิลาจะดูไม่ได้เป็นพิษเป็นภัย แต่มันแข็งแกร่ง สังหารไม่ได้ง่ายๆ การที่นางจู่โจมโดยทุ่มพลังไปขนาดนั้น ปราณในร่างนางสมควรถูกผลาญไปมาก นางคงคิดว่านางมีปราณมากราวกับมหาสมุทรอันไร้สิ้นสุด
แล้วก็ดูเหมือนนางจะะคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะหลังจากที่นางใช้กระบี่วายุน้ำแข็งไปเมื่อครู่ ใบหน้านางเริ่มซีดขาวลง จึงได้นำขวดที่บรรจุโอสถพื้นฟูปราณออกมาเพื่อหวังฟื้นฟูปราณของตน
เปรี้ยง!
ในขณะที่ดื่มโอสถอยู่นั้น จิ้งจงหางศิลาที่ถูกจู่โจมกลับเคลื่อนที่เข้าใกล้นางอย่างรวดเร็ว หางศิลาฟาดเข้าใส่โดยที่นางออกกระบี่ต้านาไม่ทัน แม้จะไม่ได้โดยจังๆแต่ก็ทำให้นางแตกตื่นจนหน้าถอดสี
“ได้โอกาสแล้ว!”
จิ้งจกหางศิลาบังเอิญเคลื่อนที่มาทางด้านขวาของตำแหน่งที่เว่ยสั่วซุ่มอยู่ เขาจึงทะยานออกมาพร้อมกับจู่โจมเข้าใส่
จิ้งจกหางศิลาถูกจลอบจู่โจมโดยไม่รู้ตัว เว่ยสั่วฟาดฟันกระบี่ในมือเหวังปลิดชีพ
“ตูม!”
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ก่อนที่กระบี่จะกระทบร่างของมัน จู่ๆเปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งกลับพุ่งเข้าใส่จิ้งจกหางศิลา ระเบิดเสียงดังสนั่น
เว่ยสั่วตกใจ สายตาจับจ้องเปลวเพลิงที่แผดเผาเบื้องหน้าแล้วเร่งทะยานห่าง
“ยันต์เพลิง! เจ้าทำอะไรของเจ้า!”
ความร้อนที่รุนแรงทำให้เว่ยสั่นต้องทะยานหนี
จิ้งจกหางศิลายังไม่ตาย ร่างกายเสียหายไปมาก สิ้นฤทธิ์ไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคาดไม่ถึงว่านางจะใช้ยันต์เพลิงจู่โจมออกมาแบบนั้น
แค่จัดการกับจิ้งจกหางศิลาตัวเดียว ถึงกับต้องทุ่มยันต์ที่ทรงพลังขนาดนี้เลยหรือ?
เว่ยสั่นจ้องมองจิ้งจกหางศิลาที่นอนอยู่บนพื้น ด้วยความที่เพลิงไม่ได้โดยจุดสำคัญ จึงสังหารมันไม่ได้ในทันที
“เจ้าเป็นใคร? ทำอะไรลับๆล่อๆ ไสหัวออกมา” นางกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“ยันต์เพลิง ยันต์น้ำแข็ง ยันต์วายุ!”
เว่ยสั่วยังไม่ได้ทันได้กล่าวตอบ กลับเห็นนางนำยันต์เพลิง น้ำแข็ง และวายุออกมา
ดูเหมือนนางจะเป็นคนที่มั่งคั่ง โอสถสฟื้นฟูปราณ และยันต์ที่นางนำออกมาล้วนมีราคาแพง ยิ่งยันต์อีก 3 แผ่นที่นำออกมานั้น สามารถจัดการกับจิ้งจกหางศิลาอีกตัวได้อย่างง่ายดาย
แคร้ก!
ตูม!
ในขณะที่เว่ยสั่วตกตะลึงอยู่นั้น นางสะบัดยันต์น้ำแข็งและเพลิงในมือเข้าจู่โจมจิ้งจกหางศิลาที่นอนหมดสภาพ
ในชั่วพริบตาเดียวกัน จิ้งจกหางศิลาอีกวิ่งเข้าหานางอย่างรวดเร็ว
“ยังมีอีกตัว!”
เมื่อสังเกตุเห็นจิ้งจกหางศิลาอีกตัวกำลังวิ่งตรงมา นางสะบัดยันต์วายุในมือ สายลมหอบหนึ่งก่อตัวขึ้นรอบกายมัน ส่งใบมีดลมกรีดเฉือนร่างของมันจนเกิดบาดแผล
“ตาย!”
นางไม่ได้หวาดกลัว เร่งทะยานเข้าใส่อย่างหาญกล้า
ในชั่วลมหายใจนั้น จิ้งจกหางศิลาสัมผัสได้ถึงเว่ยสั่วที่อยู่ไม่ไกล จึงเปลี่ยนเป้าหมายตรงหลบยันต์วายุ เพื่อไปหาเว่ยสั่วแทน
เมื่อจิ้งจกหางศิลาเปลี่ยนเผ้าหมายจู่โจม เว่ยสั่วที่รู้ชะตากรรมจึงหลบหนี แต่จิ้งจกหางศิลาตัวนั้นก็วิ่งตามหลังเขามาติดๆ ราวกับอยากระบายความแค้นใส่
“คนขี้ขลาด! หยุดเดี๋ยวนี้!”
จิ้งจกหางศิลาติดตามเว่ยสั่วไม่ลดละ แต่ผู้ที่ทำให้เขาอยากจะร้องไห้คือนาง ที่เขาว่าคนขี้ขลาด
“บ้าเอ้ย!”
เมื่อรู้ว่าตนเองหนีไม่พ้น จึงเร่งนำแผ่นยันต์สีน้ำตาลออกมาจากอกเสื้อ ถ่ายปราณกระตุ้น ก่อนปรากฏกลุ่มก้อนพลังกลุ่มหนึ่งขึ้นตรงหน้า ก่อตัวเป็นเกราะขนาดเล็ก
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
จิ้งจกหางศิลาฟาดหางเข้าใส่เว่ยสั่วอย่างต่อเนื่อง แต่เกราะขนาดเล็กของเขาก็รับไว้ได้ทั้งหมด
ฉั๊วะ!
ในขณะที่มันกำลังจู่โจมเขา จู่ๆโลหิตของมันกลับสาดกระจาย สตรีนางฉวยโอกาสจู่โจมด้วยกระบี่วายุน้ำแข็งของนาง ดับลมหายใจของจิ้งจกหางศิลาไป
“บ้าเอ้ย!” เว่ยสั่วพูดไม่ออก ขณะที่จิ้งจกหางศิลาจู่โจมเขาอยู่ นางกลับฉวยโอกาสสังหารมัน
“เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าว่าเจ้าเป็นใคร? ทำไมถึงซ่อนตัว! หรือเจ้าจะมาแย่งจิ้งจกหางศิลาของข้า?” นางจ้องมองจิ้งจกหงศิลาที่สังหารไปอย่างพอใจ ก่อนจะหันมองเว่ยสั่วด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อะไร! เจ้าต่างหากที่แย่งจิ้งจกหางศิลาของข้า! ข้าซุ่มรอพวกมันอยู่ที่นี่มาสองวันเต็ม อีกอย่าง ถ้าเจ้าไม่ลงมือ ข้าคงไม่ต้องใช้ยันต์เกราะพิภพสูญเปล่าแบบนี้!” เว่ยสั่วเสียดายยันต์ที่ใช้ไปอย่างสูญเปล่า ยันต์ชิ้นนี้ราคาอย่างน้อย 6 ศิลาวิญญาณระดับล่าง นับเป็นของล้ำค่าสำหรับเขา แม้จะใช้งานได้ถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งเปล่งพลังเทียบเท่าเขตขั้นทะเลศักดิ์สิทธิ์ที่ 5 ออกมา แต่หากเขาลอบจู่โจมพวกมันสำเร็จเมื่อครู่โดยที่นางไม่สอดมือ ก็ไม่ต้องใช้ยันตต์อย่างสูญเปล่า
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะสังหารพวกมันได้เหรอ? คนโง่อย่างเจ้ามองไม่เห็นเหรอว่าเมื่อครู่ข้าเป็นคนสังหารพวกมัน พวกมันย่อมเป็นของข้า!” นางจ้องมองเว่ยสั่วด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ข้าเนี่ยนะโง่! ถึงเจ้าจะสังหารมันได้ แต่ทำให้มันเสียราคาไปมาเท่าไหร่? ไอ้ตัวแรกที่เจ้าสังหาร เจ้าก็ทำร่างมันระเบิด แทนที่จะเอาร่างของมันไปขายได้หลายศิลาวิญญาณระดับล่าง โอสถฟื้นฟูปราณที่เจ้ากิน ยันต์ที่เจ้าใช้ล้วนสิ้นเปลืองศิลาวิญญาณระดับล่างไปมากมาย! ไหนจะกระบี่วายุน้ำแข็งที่ผ่ากระดอกของมันจนเสียหาย เอาาไปขายก็ไม่ได้อีก ใครกันแน่ที่โง่?” เว่ยสั่วจ้องมองนางด้วยสายตาเย้ยหยัน
“นี่เจ้า!” นางกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ไม่ว่ายังไงข้าก็เป็นคนสังหารพวกมัน ไม่ใช่เจ้า! หากเจ้าจะแย่งชิงก็ลองดู”
“โทษทีนะ รอข้าเดี๋ยว!” เว่ยสั่วกล่าว
“รออะไร?” นางสับสน
“ท้องไส้ข้าไม่ค่อยดี แอบอยู่ในหลุมมานาน ตอนนี้ข้าทนไม่ไหวแล้ว” ในขณะกล่าว จู่ๆเว่ยสั่วกลับเริ่มถอดกางเกง
“นี่เจ้า!” นางเร่งหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว แต่ผ่านไประยะหนึ่งนางกลับรู้สึกแปลกๆ เมื่อหันกลับมา ก็เห็นเว่ยสั่วแอบแบกร่างจิ้งจกหางศิลาทั้งสองตัววิ่งหนีไปได้ไกลแล้ว
“ไอ้คนไร้ยางอาย!” เมื่อครู่นางเพิ่งใช้ยันต์วายุไป ปราณในร่างยังไม่ฟื้นฟู จึงยังไม่อาจไล่ตามไปได้
“ฮ่าฮ่า” เว่ยสั่วที่กำลังวิ่งจ้ำอ้าว หันกลับมาส่งจูบให้นางพลางกล่าว “แม่นางคนสวย ไว้คราวหน้าเจอกันค่อยมาดื่มชาด้วยกันนะ!”...