px

เรื่อง : ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
บทที่ 2 เมื่อผมลืมตาตื่น 1


บทที่ 2 เมื่อผมลืมตาตื่น 1 

 

ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังแตะร่างกายของเขาอย่างอ่อนโยน มือที่หยาบกระด้างทำให้เขารู้สึกถึงมือของพ่อแม่ที่ทำงานอย่างหนักและเหน็ดเหนื่อย มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก

 

“นายน้อย เช้าแล้วขอรับ..”

 

แต่เสียงนั้นช่างกระด้างและบาดลึกนักจนเขาอดรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกายไม่ได้ ก่อนที่ดวงตาของเขาจะค่อยๆลืมขึ้นพร้อมๆกับที่แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาเพื่อให้ดวงตาของเขาอบอุ่นและคุ้นชิน เขาค่อยๆปรับสายตาก่อนที่จะมองเห็นชายชราคนหนึ่งยืนยิ้มด้วยความดีใจอยู่ตรงหน้าของตน

 

“มันน่าทึ่งมากที่เห็นนายน้อยตื่นขึ้นมาหลังจากที่กระผมลองปลุกแค่ครั้งเดียว”

 

“ฮะ?”

 

“นายท่านต้องการรับประทานอาหารเย็นกับนายน้อยตั้งหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นไปได้แล้วสินะขอรับ”

 

เขามองลอดผ่านไหล่ของชายชราไปยังกระจก ด้านในกระจกนั้นปรากฏเห็นชายหนุ่มผมแดงมองกลับมาที่เขาด้วยสายตาสับสน

 

‘นั่นมัน....คือฉันใช่มั้ย’

 

“นายน้อยคาร์ล”

 

เขาหันไปหาชายชราเจ้าของน้ำเสียงกังวลท่าทางเหมือนคนรับใช้ของเจ้าของร่างนี้ ชายชราคงกังวลว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงที่เรียกแต่เปล่าเลยเขาได้ยินอย่างชัดเจน นายน้อยคาร์ลรึ? ช่างเป็นชื่อที่เขาคุ้นเคยก่อนที่จะค่อยๆโพล่งขึ้นมา

 

“คาร์ล เฮนิตัส”

 

ชายชราผู้เป็นพ่อบ้านมองมาที่เขาเหมือนกำลังมองบุตรหลานของตน

 

“ ใช่แล้วนายน้อย นั่นคือชื่อของนายน้อย กระผมเดาว่านายน้อยคงยังมีอาการเมาค้างอยู่”

 

เมื่อได้ยินคำตอบเขาก็นึกถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชายชราคนนี้ คนอีกหนึ่งคนที่น่าจะมีความสำคัญกว่าชื่อ คาร์ล เฮนิตัส

 

“บารอค”

 

“นายน้อยคงหมายถึงลูกชายของกระผมหรือขอรับ?”

 

“พ่อครัว?”

 

“ใช่แล้ว ลูกชายกระผมเป็นพ่อครัวหรือนายน้อยต้องการให้เขาทำอะไรเพื่อแก้อาการเมาค้างของนายน้อยหรือขอรับ?”

 

เขารู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวของเขามืดมัวลงและรู้สึกเวียนหัวเขาค่อยๆก้มศีรษะลงก่อนเอามือจับรอบศีรษะไว้

 

“นายน้อยท่านยังคงเมาค้างอยู่รึไม่ ?ให้กระผมตามหมอหรือว่านายน้อยอยากจะล้างหน้าตอนนี้”

 

เขามองไปยังเส้นผมสีแดงที่ตกลงปรกหน้ามันเป็นสีแดงสดซึ่งต่างจากผมสีดำของเขายิ่งนัก

 

‘คาร์ล เฮนิตัส,บารอค และรอนพ่อของบารอค’

 

พวกเขาเป็นตัวละครที่ปรากฏขึ้นในตอนต้นเรื่องของนิยาย “กำเนิดวีรบุรุษ”ซึ่งเป็นนิยายที่เขากำลังอ่านอยู่ก่อนที่จะเผลอหลับไปเมื่อคืนนี้ เขาก้มศีรษะมองไปรอบๆห้องนอนซึ่งถูกตกแต่งต่างจากห้องนอนสไตล์เกาหลีพอสมควร ภายในห้องถูกประดับไปด้วยเครื่องใช้ราคาแพงที่ดูฟุ่มเฟือยและหรูหรา

 

“นายน้อย”

 

เขามองไปยัง ‘รอน’ ชายชราพ่อบ้านที่กำลังแสร้งทำอาการเป็นห่วงเขาจนเกินความจำเป็น

 

“น้ำเย็น”

 

“ขอรับ ?...อะไรนะขอรับ”

 

ในตอนนี้เขาต้องการอะไรที่หยุดความคิดฟุ้งซ่านของตนเองเขามองเห็นใบหน้าของ คาร์ล เฮนิตัส ที่อยู่ในกระจกด้านหลังของชายชรานามว่า ‘รอน’

 

‘ยังดูเป็นปกติดี....ถ้าให้เดา คาร์ลคงยังไม่ถูกพระเอกทำร้าย’

 

หน้าตาอันหล่อเหลาของ ‘คาร์ล เฮนิตัส’ ถูกเรียกความสนใจไปจากเขาได้พอสมควรเขากลายเป็น ‘คาร์ล’ เพียงแค่ลืมตาตื่น ‘คาร์ล เฮนิตัส’ เป็นเพียงตัวละครขยะไร้ค่าที่โดนทำร้ายจากพระเอกของเรื่องในตอนต้นของนิยายเรื่องกำเนิดวีรบุรุษ....ใช่แล้วนั่นคือสิ่งที่เขาเป็น

 

“นายน้อย กระผมคิดว่านายน้อยคงไม่ได้อยากอาบน้ำเย็น...นายน้อยต้องการเพียงดื่มน้ำเย็นๆเท่านั้นใช่หรือไม่ขอรับ”

 

คาร์ลหันไปทางรอนอีกครั้ง รอนอาจจะแกล้งทำเป็นตาแก่ใจดีผู้เป็นมิตรแต่ดูแล้วเขาก็คงสามารถพยายามซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตนเองในฐานะบุคคลที่โหดร้ายและโหดเหี้ยมไว้ได้อย่างมิดชิดทีเดียว เขาเอ่ยความต้องการแก่รอนอีกครั้ง

 

“ขอน้ำดื่มเย็นๆให้ข้าหน่อย”

 

ในตอนนี้เขาต้องการดื่มน้ำเย็นเพื่อดับความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้น

 

“กระผมจะเตรียมให้เดี๋ยวนี้ขอรับนายน้อย”

 

“ดี...ขอบคุณ”

 

รอนสะดุดใจเป็นครั้งที่สองพร้อมกับแสดงสีหน้าแปลกๆแต่คาร์ลไม่ทันได้สังเกตเห็น

 

*************************************************************************************

 

รอนต้องออกไปเอาน้ำเย็นข้างนอกเพราะในห้องนอนมีเพียงน้ำอุ่นเท่านั้น เมื่อคาร์ลถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินไปในห้องน้ำ ถ้าในตอนนี้เขาคือคาร์ลที่อยู่ในนิยายจริงๆ เขารู้ดีว่าถ้าเข้าไปในห้องน้ำจะต้องเจอกระจกบานใหญ่ และเป็นตามที่คาดไว้ภายในห้องน้ำมีกระจกขนาดใหญ่ขนาดเต็มตัว ‘คาร์ล เฮนิตัส’ ผู้ที่มีความสนใจต่อรูปร่างหน้าตาของตนเป็นผู้สั่งให้ติดตั้งกระจกไว้ในห้องน้ำนี้ซึ่งไม่มีใครในตระกูลมีเหมือนคาร์ล ชายที่อยู่ภายในกระจกมีผมสีแดงสดและมีรูปร่างที่พอดีมันไม่ผิดเลยที่จะบอกว่าไม่สามารถหาข้อตำหนิร่างนี้ได้เลย

 

“นี่ฉันคือคาร์ลจริงๆหรือนี่?”

 

คนในกระจกคือ คาร์ล เฮนิตัส จากนิยายเรื่อง กำเนิดวีรบุรุษซึ่งได้บรรยายลักษณะตัวละครไว้อย่างละเอียดและนั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมรับว่าตนได้กลายเป็นคาร์ล เฮนิตัสไปซะแล้ว คนส่วนใหญ่อาจจะต้องการความสงบและเวลาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดใจและอาจตกใจจนช็อคได้ คาร์ล ไม่สิ คิมร็อคโซ ปลอบใจตัวเองอย่างใจเย็นและค่อยๆทบทวนเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืน มันเป็นวันหยุดธรรมดาวันหนึ่งที่เขาคิดว่าเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้อ่านหนังสือที่เป็นเล่มจริงๆเพราะส่วนใหญ่อ่านผ่านโทรศัพท์ทำให้เขาตัดสินใจไปที่ห้องสมุดเพื่อหาหนังสือและได้เลือกยืมหนังสือชุดนั้นกลับมาอ่านที่บ้านและวางแผนเริ่มอ่านตลอดทั้งวัน หนังสือชุดนั้นชื่อ กำเนิดวีรบุรุษ เขาพยายามจะอ่านนิยายกำเนิดวีรบุรุษเล่มที่ห้าให้จบก่อนที่จะเผลอหลับไป แต่พอเขาตื่นขึ้นมากลับกลายว่าตนกลายเป็นคาร์ล เฮนิตัส ตัวละครที่โดนพระเอกทำร้ายทุบตีที่ปรากฏขึ้นในนิยายเล่มที่ 1

 

‘เหมือนมันไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรมากแต่ฉันจะจำอะไรผิดไปมั้ยนะ?’

 

ชีวิตของเขาในฐานะคิมร็อกโซ จริงๆไม่มีอะไรมาก เขาเป็นเด็กกำพร้าและมีเงินไม่มาก นอกจากนี้เขายังไม่มีคนรักที่พร้อมจะแก่ตายไปด้วยกันหรือแม้แต่เพื่อนสนิทที่เขาพร้อมจะให้การช่วยเหลือ เขายังใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆเพราะเขายังตายไม่ได้ ใช่!!! เขาไม่อยากตาย เขาเกลียดการคิดถึงความตายหรือความเจ็บปวดอย่างสิ้นเชิง เขากลายเป็นเด็กกำพร้าหลังจากพ่อแม่ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อครั้งเขายังเป็นเด็ก เขาไม่ชอบความเจ็บปวดหรือความตายต่อให้เขาต้องกลิ้งตัวอยู่ในกองอึของสุนัขก็ยังดีกว่าตาย

 

‘เพราะฉะนั้นฉันต้องแน่ใจว่าฉันจะต้องไม่ถูกทำร้าย’ คาร์ลไม่ทราบว่าตอนนี้เป็นวันอะไรในนิยายแต่เขาแน่ใจว่าเขายังไม่ได้พบกับพระเอกในตอนนี้ เหตุผลง่ายๆคือ ‘ฉันไม่มีรอยแผลเป็นอยู่ด้านข้าง’

 

คาร์ล เฮนิตัส เป็นขยะไร้ค่าของตระกูลเฮนิตัส ไม่กี่วันก่อนหน้าที่เขาจะพบกับพระเอก คาร์ลกำลังดื่มเหล้าและพบว่าเหล้ารสชาติไม่อร่อย เขาโมโหอาละวาดทำลายข้าวของทุกอย่างและใช้ไม้จากโต๊ะที่หักแทงไปที่สีข้างของตนเองและส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นขึ้น ช่างเป็นตัวละครที่น่าสนใจอะไรอย่างนี้ เขาไม่ได้รับแผลเป็นจากการต่อสู้กับคนอื่นแต่เขาได้รับมันเพราะเขาโกรธที่เหล้ารสชาติไม่ดีอย่างที่คาดไว้ก่อนจะระบายความโกรธด้วยการทำลายข้าวของและร่างกายของตนเอง เขาจะได้พบกับพระเอกหลังจากได้รับแผลเป็นนี้และมีเพียงบทสนทนาสั้นๆก่อนที่คาร์ลจะถูกทุบตีทำร้ายร่างกาย

 

“อืม......” คาร์ลก้มลงมองแขนของตนก่อนเริ่มคิด เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคาร์ลหลังจากถูกตีเพราะบทบาทของคาร์ลมีเพียงแค่เล่ม 1 เท่านั้น เขารู้แต่ว่าพระเอกของเรื่องอย่าง เชว ฮันมีการปะลองฝีมือผ่านด่านทดสอบต่างๆและสามารถเอาชนะการปะลองได้เป็นจำนวนมากเพื่อที่จะกลายเป็นวีรบุรุษที่แข็งแกร่งร่วมกับสมาชิกในทีมของเขา ซึ่งจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เชวฮันการเป็นวีรบุรุษจะเริ่มต้นในเมืองที่คาร์ลอาศัยอยู่ในขณะนี้ ตลอดจนเมืองอื่นๆอีกมากมายในทวีปตะวันออกและทวีปตะวันตกมันจะเต็มไปด้วยสงคราม มันจะกลายเป็นเวทีให้เหล่าวีรบุรุษได้แสดงให้เห็นถึงความศักยภาพของพวกเขา

 

คาร์ลเริ่มขุ่นเคืองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิมร็อกโซ ผู้ที่กลายเป็นคาร์ล เฮนิตัส เขาเป็นเพียงผู้ที่มีคติที่ว่า..เพียงปรารถนาจะมีชีวิตที่เรียบง่ายอยู่ได้นานโดยปราศจากอาการบาดเจ็บ มีความสุขและเพลิดเพลินไปกับความสุขเล็กๆน้อยของตนเอง หวังเพียงแค่มีชีวิตที่เงียบสงบเท่านั้น

 

“ตราบเท่าที่ฉันใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่ให้ตัวเองโดนพระเอกทำร้าย ที่เหลือก็แค่ก็ให้พวกตัวเอกทั้งหลายดำเนินเรื่องไปตามปกติแล้วกัน”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาสามารถจดจำเหตุการณ์ที่อยู่ในหนังสือได้อย่างไม่ตกหล่น คาร์ลเริ่มผ่อนคลายตนเองในน้ำอุ่นก่อนที่จะมาถึงข้อสรุปสุดท้าย.........

 

“มันจะคุ้มค่ากับความพยายาม....”

 

ต้องพยายามเลี่ยงสงครามที่จะเกิดขึ้นและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ในตอนนี้สถานการณ์ของเจ้าขยะอย่างคาร์ลอาจจะดีกว่าเดิมเมื่อตอนนี้เขาได้กลายเป็น ‘คิมร็อกโซ’ ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองที่เขาอยู่ตั้งอยู่ในทวีปตะวันตกทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลีกเลี่ยงสงคราม ในนิยายได้กล่าวถึงขุนนางส่วนใหญ่ที่ใช้พื้นที่ในทวีปตะวันตกเพื่อเลี่ยงสงคราม แม้ว่าตัวเขาไม่สามารถเลี่ยงได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นเขาก็ควรจะลดความเสียหายให้มันเกิดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน

 

“นายน้อยอยู่ในห้องน้ำหรือไม่ขอรับ?”

 

เขาได้ยินเสียงเรียกของรอนจากด้านนอก คาร์ลคิดถึงตัวตนที่แท้จริงของรอน รอนเป็นฆาตกรที่ข้ามมาจากทวีปตะวันออกโดยอาศัยเรือข้ามทะเลเข้ามา รอนแกล้งทำเป็นชายชราผู้ใจดีแต่แท้จริงแล้วรอนกลับเป็นคนที่โหดร้ายและไร้เมตตา

 

“ใช่....เดี๋ยวออกไป”

 

การโต้ตอบโดยอัตโนมัติทำให้เขาตอบด้วยน้ำเสียงกระด้างใส่ชายชรา คาร์ลได้ตระหนักถึงสิ่งที่เขากำลังทำอยู่และตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรในอนาคต เขาจำเป็นต้องผลักไสชายชราให้พระเอกและส่งเขาออกไปให้ไกลตน รอนสามารถฆ่าเขาได้เพียงพริบตาแต่ถือว่าเขายังเป็นลูกสุนัขเชื่องๆที่รอนเลี้ยงไว้เพราะไม่อาจลงมือฆ่าเขาได้ลง เขายกยิ้มจางๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเท่ากับเรื่องของคาร์ลตัวจริง ในนิยายรอนแยกตัวออกจากพระเอกและลูกชายของเขาหลังจากที่เชวฮันได้ลงมือทำร้ายคาร์ล

 

เขารีบใส่เสื้อคลุมอาบน้ำก่อนออกมาจากห้องน้ำ รอนกำลังยืนอยู่ที่นั่นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับถาดใส่แก้วน้ำเย็นในมือ

 

“นายน้อยนี่ขอรับ น้ำเย็น”

 

คาร์ลหยิบแก้วน้ำและเดินผ่านชายชราไป เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ใกล้กับชายแก่ที่เป็นอันตรายเช่นนี้

 

“ขอบคุณมาก”

 

ท่าทางของรอนกลับผิดแปลกไปอีกครั้งแต่คาร์ลก็เดินผ่านเขาไปแล้ว คาร์ลค่อยๆดื่มน้ำเย็นในขณะที่เริ่มคิด

 

‘มีพวกนั้นอยู่ที่นี่มากเกินไป’

 

ในความเป็นจริงคนพวกนั้นมีมากเกินไป ไม่ว่าเหล่าพระเอกจะไปที่ไหนต่างก็มีบุคคลที่เก่งกาจหรือบุคคลที่มีความลับที่ซ่อนเร้นแฝงตัวอยู่ทุกที่ บุคคลเหล่านี้มีทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นๆ

 

‘ฉันต้องการกำลังอย่างน้อยก็เพื่อปกป้องตัวเอง’

 

เพื่อที่จะได้อยู่ได้นานโดยปราศจากความเจ็บปวดในดินแดนที่เต็มไปด้วยสงครามแห่งนี้ คุณจะต้องแข็งแกร่งพอสมควร แน่นอนจะแกร่งเกินไปก็ไม่ได้เพราะอาจเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้ คาร์ลคิดถึงการเผชิญหน้ากับการต่อสู้ต่างๆและการเสริมสร้างพลังของพระเอกและสมาชิกของเขา คาร์ลกำลังคิดถึงคนที่จะสามารถช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ได้ยาวนานโดยปราศจากการเจ็บปวด เขามีคนที่คิดไว้แล้วภายในใจและเขาเพียงต้องการเลือกใครสักคนในกลุ่มพระเอกนี้

 

“นายน้อย เริ่มแต่งตัวได้แล้วขอรับ”

 

“อ้อ..ใช่..ขอบคุณ”

 

ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นมีข้ารับใช้ 2 คนที่เป็นลูกมือช่วยรอนแต่งตัวให้เขา เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ารอนมีท่าทางฝืนตนเองซึ่งแตกต่างจากภาพที่เขาแสดงออกให้คนอื่นเห็น คาร์ลมองไปยังชุดที่คนรับใช้กำลังนำเข้ามา

 

“วันนี้ชุดมันดูเรียบง่ายดี”

 

เขาเกลียดเครื่องแต่งกายที่ยุ่งยากซับซ้อนจริงๆ เสื้อผ้าที่เรียบง่ายต่างหากที่จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและสบายที่สุด

 

“ ใช่แล้วนายน้อย”

 

ข้ารับใช้ที่รับผิดชอบการแต่งกายของคาร์ลทำงานได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเนื่องจากเป็นชุดที่เรียบง่ายที่สุดที่พวกเขาเคยแต่งให้คาร์ล แต่สำหรับคาร์ลนั้นต่อให้เป็นชุดที่เรียบง่ายขนาดไหนก็ยังสร้างความอึดอัดและขุ่นเคืองให้กับเขาอยู่ดี อันนี้คือง่ายแต่ก็ช่างฟุ่มเฟือยหรูหราเกินรสนิยมของเขาไปไกลโข อย่างไรก็ตามใบหน้าที่สะท้อนในกระจกก็ช่างหล่อเหลาเหลือเกิน

 

‘เขาหล่อมากทำให้เสื้อผ้าพวกนี้ดูดีขึ้นเป็นกอง’

 

 ใบหน้าที่ดูดีถือว่าเป็นเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายสำหรับแฟชั่นสินะ เขามองตัวเองในกระจกและพับแขนเสื้อขึ้นก่อนหันหน้าไปพูดกับรอน

 

“ไปกันเถอะ....รอน”

 

“ขอรับ....นายน้อย”

 

คาร์ลเดินตามหลังรอน เป็นเรื่องที่ดีที่เขาไม่จำเป็นต้องจำโครงสร้างภายในคฤหาสน์ เขาเพียงแค่เดินตามรอนไปทุกที่ที่ตนเองต้องการ ข้ารับใช้ที่คาร์ลเดินผ่านต่างสะดุ้งสุดตัวก่อนคำนับอย่างสุภาพก่อนที่พวกเขาจะพากันวิ่งหนีไป ทำไมพวกเขาถึงกลัว? คาร์ลไม่เคยตีคน? เขาชอบดื่มและอาละวาดรุนแรงเป็นบางครั้งเมื่อเขาเมาราน้ำและนั่นเป็นเหตุผลที่เขากลายเป็นขยะไร้ค่าของตระกูล นอกจากนั้นยังปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างก้าวร้าวและรุนแรงนอกจากจะเป็นคนที่เขารู้สึกชื่นชอบจริงๆ

 

‘ดีกว่าไม่มีใครพูดถึงเราละกัน’ คาร์ลคิดถึงเรื่องนี้อย่างสงบ มันจะเป็นเรื่องที่ยากกว่านี้ถ้าเขาอยู่ในร่างของชาวบ้านธรรมดาๆอย่างน้อยถังขยะไร้ค่าคนนี้ก็สามารถทำอะไรตามใจตนเองไม่ต้องกังวลถึงเงินทองที่ต้องใช้สอย อืม.......เขาไม่ปรารถนาที่จะเป็นชาวบ้านธรรมดาจริงๆนั่นล่ะ

 

“ตอนนี้กระผมจะเปิดประตูแล้วนะขอรับ....นายน้อย”

 

“ได้” คาร์ลพยักตอบรับรอน ในนิยายได้กล่าวว่ารอนรักเขาเหมือนเป็นลูกหลานของตนเพราะเลี้ยงกันมาแต่เล็กๆและรอนก็ยังปฏิบัติกับพ่อของคาร์ลไม่ต่างกัน ทำให้คาร์ลปฏิบัติตัวกับรอนเหมือนพ่อคนหนึ่งไม่ใช่เป็นแค่ข้ารับใช้

 

“ขอให้มีความสุขกับการรับประทานอาหารเช้านะขอรับ”

 

“ขอบใจมากรอน หวังว่าเจ้าจะได้กินอาหารดีๆเช่นกัน”

 

คาร์ลเดินผ่านรอนไปยังห้องอาหาร เขาได้เห็นครอบครัวของเขานั่งอยู่ที่นั่น พ่อของเขาเป็นประมุขคนปัจจุบันของตระกูลเฮนิตัส ‘เคานต์เดอรัช เฮนิตัส’ ถัดมาคือแม่เลี้ยงพร้อมกับลูกชายและลูกสาวของเธอ ทั้งสี่คนหันมามองที่คาร์ลอย่างพร้อมเพรียง

 

“มาสายอีกแล้วนะ”

 

สายตาของคาร์ลหันไปที่พ่อของเขา ในนิยายกำเนิดวีรบุรุษอธิบายถึงความรู้สึกของคาร์ลที่มีต่อพ่อของตนว่าเขาเป็นคนที่คาร์ลเชื่อฟังมากที่สุด สาเหตุที่ขยะไร้ค่าไม่ถูกขับออกจากเมืองแห่งนี้ก็เพราะพ่อสามารถบันดาลทุกอย่างตามความต้องการของเขา แต่น่าเสียดายที่พ่อของเขาไม่เหมือนพ่อที่แข็งแกร่งเหมือนคนอื่นๆในนิยายเรื่องนี้ เขาไม่มีพลังเวทย์หรืออิทธิพลมากนักเพียงแต่มีเงินจำนวนมากเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับชอบเรื่องนี้มากมันเป็นสภาพของครอบครัวที่เหมาะกับการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอะไรเช่นนี้

 

และอีกสามคนที่เหลือ แม่เลี้ยงของเขารู้ว่าเขาไม่ชอบเธอจึงพยามเลี่ยงการเผชิญหน้าอยู่เสมอ คนต่อมาน้องชายที่สุดแสนเพอร์เฟ็คที่ยากจะต่อกรได้ และคนสุดท้ายน้องสาวคนเล็กที่เลี่ยงหนีพี่ชายอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นล่ะมันไม่ได้หมายความว่าคาร์ลจะใส่ใจพวกเขาหรือพวกเขาจะใส่ใจคาร์ลพวกเราต่างปฏิบัติต่อกันอย่างคนแปลกหน้า นี่ละคือสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมกับการอยู่เงียบๆซะเหลือเกิน

 

“นั่งสิ”

 

“ขอรับท่านพ่อ” คาร์ลมองไปที่อาหารบนโต๊ะที่มีมากเกินไปยังกับมีงานเลี้ยงสังสรรค์ไม่ใช่เพียงแค่การรับประทานอาหารเช้ากันธรรมดา เขานั่งลงบนที่นั่งของเขาก่อนที่จะรู้สึกแปลกๆและเงยหน้าขึ้น

 

“มีอะไรหรือขอรับ ท่านพ่อ”

 

“เปล่า ไม่มีอะไร” คาร์ลหันกลับไปที่โต๊ะอาหาร

 

เคานต์เดอรัช กำลังจ้องมองไปที่คาร์ลพร้อมๆกับคนที่เหลือในครอบครัวต่างก็ทำเช่นกัน คาร์ลมองตอบกลับก่อนที่คนที่เหลือจะหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว พวกเขายังคงแอบลอบมองมายังคาร์ลที่ยังคงนั่งกินอย่างเงียบๆ

 

‘นี่คงหาเรื่องจับผิดกันสินะ’ คาร์ลหันศีรษะไปยังโต๊ะอาหารที่หรูหราดั่งงานเลี้ยงซึ่งต่างจากอาหารเช้าที่เขาเคยทานเพียงแค่ให้อิ่มท้องไปวันๆเท่านั้น และนั่นทำให้เขายิ้มออกมาได้ ก่อนจะค่อยๆหั่นไส้กรอกด้วยมีดในมือ

 

‘อร่อยจัง’ เขาไม่รู้ว่าน้ำที่ไหลออกมาจากไส้กรอกนั่นเป็นเพราะว่ามันเป็นของที่ทำอย่างพิถีพิถันหรือเป็นเพราะมันสุกกำลังพอดี แต่สีสันบนไส้กรอกทำให้เขาเริ่มหิวขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

“เคร้ง!”

 

เขาได้ยินเสียงบางอย่างตกลงมาและได้หันไปมอง ‘บาเซ็น’ น้องชายของเขาก่อนที่เจ้าตัวจะลดส้อมในมือของตัวเองลง

 

“ ขอโทษขอรับ”

 

บาเซ็นเอ่ยขอโทษอย่างเงียบๆ เช่นเดียวกับบุคลิกที่อธิบายไว้ในนิยาย ข้ารับใช้ได้นำช้อนคันใหม่มาเปลี่ยนพร้อมกับหยิบช้อนที่ตกลงพื้นไปเก็บอย่างรวดเร็ว คาร์ลมองการทำงานของข้ารับใช้อย่างชื่นชมก่อนที่จะจดจ่อกับอาหารตรงหน้าอีกครั้ง เขาพบว่าข้อดีข้อแรกของนิยายเรื่องนี้คืออาหารเช้าที่หรูหราและอร่อยจนกระเพาะอาหารของเขามีความสุขมากที่สุด และนั่นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่สามารถหายไปจากใบหน้าได้

 

“โอ้?” และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้ยินคำอุทานอย่างตกใจจากน้องชายของตนเอง

รีวิวผู้อ่าน