px

เรื่อง : ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
บทที่ 18 พบมังกร 1


บทที่ 18 พบมังกร 1 

 

“.......มังกร?”

 

“ใช่”

 

“ข้าเคยเห็นบางอย่างที่คล้ายๆกันเพียงแค่ครั้งเดียว”

 

‘......คล้าย...ตูดแกนะสิ’

 

คาร์ลรู้ว่าเชวฮันกำลังพูดถึงอะไรเมื่อเขาเอ่ยว่าบางอย่างที่คล้ายๆกัน

 

ในป่าแห่งความมืด เขากำลังพูดถึงสัตว์ประหลาดร้ายกาจที่อาศัยอยู่ลึกเข้าไปในป่าแห่งความมืด ท่ามกลางสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเหล่านี้มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายๆตะกวดกับมังกรผสมกัน

 

เชวฮันฆ่าสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะคล้ายกับมังกรนั่นทันทีเมื่อก้าวไปยังใจกลางเพื่อเดินทางไปถึงจุดสิ้นสุดของป่าแห่งความมืดโดยการใช้ศาสตร์ต่อสู้ด้วยดาบของเขา

 

“เจ้าเคยเห็น?มันเป็นอย่างไร?”

 

คาร์ลแกล้งทำเป็นไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้และเอ่ยถามเชวฮันซึ่งอยู่กับเขาเพียงลำพังในห้องของตน

 

“....มันเป็นสัตว์ประหลาด”

 

“อย่างไร?”

 

“รูปร่างของมันแข็งแรง....ทุกๆอย่าง......มันเป็นเช่นสัตว์ประหลาดในทุกๆด้าน”

 

“เป็นเช่นนั้นเหรอ?”

 

คาร์ลพยักหน้าและพูดต่อ แต่การกระทำและคำพูดของเขากลับตรงกันข้าม

 

“แล้วเจ้าไม่ได้เห็นมังกร”

 

“อะไรนะ?”

 

“มังกร.....ก็เหมือนกับคนเรา”

 

เคร้ง! คาร์ลวางแก้วที่ใส่น้ำมะนาวที่ทั้งหวานและเปรี้ยวลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็เอ่ยกับเชวฮันที่มองเขาด้วยความใคร่รู้

 

“ทำไมมังกร สัตว์อสูร คนแคระ เอลฟ์ พวกมันจึงเหมือนมนุษย์ ? เพราะพวกมันมีอารมณ์ มีความรู้สึกนึกคิดและมีชีวิต”

 

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความสำคัญกับคาร์ล ประเด็นหลักของเขาเริ่มจากนี้ต่างหาก

 

“แต่......”

 

เชวฮันอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของคาร์ล เขานั่งตรงตัวและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คาร์ลเคยพูด

 

“การมีชีวิตอยู่เช่นนี้ได้ถูกผลักลงสู่ความมืดตั้งแต่เกิด สิ่งเดียวที่กำลังส่องสว่างในความมืดของชีวิตมีเพียงแค่แสงไฟจากคบเพลิงและไม่เคยแม้แต่จะเห็นแสงตะวัน เจ้าคิดว่าชีวิตแบบนี้มีอะไรบ้าง?”

 

ก๊อก ก๊อก

 

คาร์ลเคาะนิ้วชี้ของเขาลงบนโต๊ะเบาๆ

 

“มันถูกบังคับให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปราศจากเหตุผล”

 

ก๊อก ก๊อก

 

คาร์ลเคาะบนโต๊ะอีกครั้ง

 

“มันต้องทนทุกข์ทรมานจากความเหงา ไม่มีครอบครัวหรืออะไรที่จะสามารถพึ่งพาได้”

 

ก๊อก ก๊อก

 

การจ้องมองของเชวฮันเริ่มลดลงทุกครั้งที่คาร์ลเคาะไปที่โต๊ะ มือขวาของเชวฮันถูกกำแน่นจนอยู่ในจุดที่คุณสามารถมองเห็นเส้นเลือดเริ่มลุกเป็นไฟได้ คาร์ลไม่ได้รู้เรื่องนี้ก่อนเอ่ยต่อไป

 

“มันถูกทรมานและถูกทารุณกรรมทุกวันและสิ่งนั้นคงเป็นอย่างเดียวที่มันได้รับเมื่อมันยังมีชีวิตอยู่”

 

ท่าทางของเชวฮันแข็งกระด้างขึ้นและความโกรธก็อยู่ในแววตาของเขา คาร์ลรู้ดีว่าเชวฮันจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ไม่มีทางที่คนดีๆเช่นนี้จะไม่โกรธหลังจากได้ฟังเรื่องราวดังกล่าว เขาควรจะได้คิดว่าเหตุใดคาร์ลจึงนำเรื่องดังกล่าวมาเล่าให้เขาฟังตั้งแต่แรก

 

คาร์ลดื่มน้ำมะนาวอีกอึกหนึ่งครั้งก่อนจบเรื่อง

 

“และสิ่งมีชีวิตนั่นอยู่ใกล้ๆเรา”

 

เงียบ......มีความเงียบไปทั่วห้อง คาร์ลมองออกไปทางหน้าต่างก่อนที่จะหันไปมองเชวฮันอย่างช้าๆ เขาไม่รู้ว่าเชวฮันกำลังคิดอะไรแต่รอบตัวเขาถูกล้อมรอบด้วยความกระหายเลือด

 

‘หมอนั่นโกรธที่มีสิ่งมีชีวิตอื่นถูกทารุณกรรมเหรอ?เพราะเขาเป็นคนดีหรือเปล่านะ?’

 

ในทางตรงข้ามกับสมมติฐานของคาร์ล เชวฮันกำลังระลึกถึงตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่เขาต้องอยู่รอดด้วยตัวเองในป่าแห่งความมืดนั่น นั่นคือเหตุผลที่ยังมีความเงียบงันต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเชวฮันก็ได้หันมาสบตากับคาร์ลก่อนเอ่ยถาม

 

“ท่านจะช่วยมันและพยายามทำให้มันเชื่อง?”

 

“เจ้าบ้าหรือไง?”

 

“อ่า...ข้าขอโทษ”

 

คาร์ลมีปฏิกิริยาตอบกลับทันทีด้วยความตกใจส่วนเชวฮันก็ตกใจที่คาร์ลกล่าวว่าร้ายสุขภาพจิตของตน

 

“ทำไมข้าต้องพยายามจะทำให้มันเชื่องด้วย?”

 

คาร์ลโบกมือปฏิเสธรอบๆเชวฮันราวกับเขาคือคนบ้าจริงๆ

 

ไม่มีทางที่มังกรตนใดที่ถูกมนุษย์ทารุณจะเต็มใจรับใช้มนุษย์ ในความเป็นจริงมันอาจจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังและรังเกียจมนุษย์ทุกคนแม้ว่ามนุษย์คนนั้นจะเป็นคนที่ช่วยชีวิตมันก็ตาม

 

มังกรมีความเชื่อว่าพวกมันอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดรวมทั้งมนุษย์ นี่เป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมังกร ดังนั้นแม้จะไม่มีการคลุกคลีกับมังกรตนอื่นแต่ชีวิตตัวของมันเองก็ยังคงรู้สึกแบบนี้

 

นั่นคือเหตุผลที่มังกรไม่สามารถเติบโตได้ภายใต้การดูแลของมนุษย์ ทัศนคติเช่นนี้ทำให้ไม่สามารถคุ้นเคยและฝึกมังกรให้เชื่องได้หากไม่ใช้การทรมานและทำร้ายจิตใจของพวกมัน

 

‘มังกรมีความหยิ่งตั้งแต่เกิด แต่...ที่สำคัญ...ถ้าหากฉันจะเลี้ยงมังกร’

 

คาร์ลรู้สึกได้...เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองจะต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ที่น่ารำคาญถ้าเขาเลี้ยงมังกร

 

มีมังกรอยู่ประมาณ 20 แห่งทั่วทั้งเขตตะวันตกและตะวันออกรวมกัน หากพวกมันยกมังกรตัวหนึ่งขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างน่ารักว่า ‘ข้าจะเป็นศูนย์กลางของโลกใบนี้’ถ้ามันเป็นมังกรเช่นนั้นมันก็สมควรตาย มันจะดีกว่าที่ออกไปสู่โลกเล็กๆของตัวเองและไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือของใคร

 

คาร์ลหมายมั่นว่ามังกรตนนี้ที่จะมากับพวกเขา ตราบที่โซ่อาคมได้ถูกทำลายลง มังกรน้อยอายุเพียง 4 ปีจะมีชีวิตที่ดียิ่งกว่าคาร์ล มังกรไม่ได้เรียกว่าเป็นกษัตริย์ของโลกตั้งแต่เกิดหากไม่มีเหตุผลมากพอ

 

“ถ้าเช่นนั้น?”

 

“ทำไมเจ้าต้องถามอะไรที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้?”

 

คาร์ลหัวเราะกับคำถามของเชวฮันก่อนที่เขาจะตอบ

 

“ปล่อยมันไป...เพื่อที่จะมีชีวิตที่อิสระและสงบ ไม่ควรให้มังกรมีชีวิตอยู่เหมือนมังกรงั้นหรือ?”

 

“อ่า...ข้าเข้าใจแล้ว”

 

หมัดที่กำแน่นของเขวฮันค่อยๆผ่อนคลายลง

 

“แล้วเราจะช่วยมังกรได้หรือไม่?”

 

“ได้สิ...ดังนั้นข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”

 

“ได้ทุกอย่าง ข้ายินดีช่วยเหลือทุกอย่าง”

 

คาร์ลกังวลว่าเชวฮันจะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่กว่าเดิมก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

 

“ไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นมากไป ข้ายังไม่มีแผนที่ฆ่าใครถ้าเป็นไปได้เราจะทำอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้”

 

“ท่านคาร์ล.....ท่านนี่จริงๆเลย”

 

เชวฮันเริ่มพูดด้วยความชื่นชมในตัวคาร์ลมากขึ้นแต่คาร์ลมองไปที่นาฬิกาก่อนจะพักเรื่องราวนี้ไว้ก่อนและพูดในสิ่งที่เขาต้องการ

 

“ไปบอกรอนให้เตรียมเหล้าไว้ที่ชั้นหนึ่ง”

 

“.....หืม?...เตรียมเหล้า?”

 

คาร์ลกำลังเตรียมที่จะดื่มเหล้าเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน

 

เขาเริ่มดื่มแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาแค่เที่ยงวัน เชวฮันนั่งอยู่ที่นั่นด้วยความสับสนบนใบหน้าของเขาขณะที่มองไปยังคนรอบข้างที่กลับดูเงียบสงบเกินไป

 

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบนั้น คาร์ล เฮนิตัส ดื่มขวดแล้วขวดเล่า ก่อนจะเริ่มมีสีหน้าที่แดงก่ำขึ้นนั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้คนที่เฝ้ามองรู้ว่าเขากำลังเมา

 

“มันไม่เป็นไรจริงเหรอที่ปล่อยให้เขาดื่มมากขนาดนั้น?”

 

เชวฮัน หันไปมองฮันส์ที่อยู่ข้างๆเขาก่อนเอ่ยถาม รองพ่อบ้านฮันส์กำลังยื่นอาหารให้กับออนและฮงที่อยู่ในร่างแมวของพวกเขา เขาคงยังไม่ทราบว่าพี่น้องทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าแมว จากนั้นก็หันมาตอบคำถามของเชวฮันด้วยความสดใส

 

“ใช่! ไม่มีอะไรอยู่ในมือนายน้อย ดังนั้นจึงปลอดภัย ! นายน้อยสัญญาแล้วว่าจะไม่โยนขวดใดๆ!”

 

เชวฮัน กำลังพูดถึงเรื่องความปลอดภัยของคาร์ล แต่ฮันส์กลับพูดถึงตัวเอง ชเวฮันเงียบลงหลังจากที่เห็นการสนทนาแบบแปลกๆและเดินหนีออกไปจากฮันส์ จะดีกว่าที่จะทิ้งฮันส์อยู่ตามลำพังเมื่อเขาอยู่ใกล้ลูกแมวนั่น แต่ เชวฮันยังคงมองไปทางคาร์ลเพื่อให้แน่ใจว่าเขายังปลอดภัยดี

 

“ ท่านผู้เฒ่า! เหล้าของท่านมันอร่อยมาก! ดีกว่าที่ข้าคาดไว้ ”

 

คาร์ลไม่สามารถรู้ได้ว่า เชวฮันกำลังมองมาที่เขาแทนที่จะสนใจไปยังการชื่นชมเหล้าของตน พวกเขาดื่มมาได้สองชั่วโมงแล้ว มีบางคนไม่ดื่มเหล้าในกรณีที่อาจมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่ส่วนใหญ่ของคณะเดินทางของคาร์ลกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรื่นเริงนี้

 

‘พวกเขาล้วนประสาทกันทั้งนั้นตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่ดื่มแล้วนะ เตราะ!’

 

เมื่อคาร์ลสั่งให้พวกเขามารวมตัวกัน ในตอนที่เขากำลังนั่งดื่มอยู่พวกทหารองครักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหมวกเหล็กชั้นดีของของพวกเขา คาร์ลไม่อาจเชื่อสายตาได้ แต่ก็บอกพวกเขาไปว่าเขาจะไม่โยนขวดหรือทำร้ายข้าวของใดๆ เพื่อช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายลง

 

“หมู่บ้านนี้อาจเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่มีเทือกเขาอยู่รอบๆ เหล้านั่นเป็นเหล้าสูตรพิเศษที่ทำมาจากผลไม้และสมุนไพรจากภูเขา นั่นเป็นเหตุผลที่มันมีราคาแพงนิดหน่อยขอรับ”

 

ในขณะที่ชายชรากล่าวถึงเหล้าว่าทำไมจึงมีรสชาติดี คาร์ลก็เอ่ยชมก่อนจะยกขวดเหล้าขึ้นไปหาชายชรา

 

“ท่านมีเหล้านี่ จำนวนมากใช่หรือไม่?”

 

“ขอรับ...ค่อนข้างมาก”

 

“เอาเหล้านั้นออกมาเพิ่มและส่งมันไปรอบๆเพื่อทุกคนที่นี่”

 

“นายน้อย! ไม่จำเป็นต้อง...........”

 

รองหัวหน้าองครักษ์ตะโกนออกมาด้วยใบหน้าอันร้อนรน แต่ดวงตาของเขากลับจดจ่ออยู่กับขวดในมือของคาร์ล และทหารที่เหลือก็กำลังมองมายังสิ่งเดียวกัน มันเป็นเรื่องธรรมชาติ....คาร์ลได้ตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาคิด

 

“แค่ดื่ม ....ข้าบอกให้พวกเจ้าดื่ม....เข้าใจหรือไม่?”

 

สายตาของทหารที่มีอยู่ทั้งหมดเริ่มส่องประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นขวดในมือของ คาร์ล เขามองดูชายชราเจ้าของโรงแรมที่กำลังตื่นเต้นดีใจที่สามารถขายเครื่องดื่มได้จำนวนมาก ก่อนจะลำเลียงเหล้าและของว่างมาแจกจ่ายให้ทุกคนที่นั่นก่อนสายตาของเขาจะคมกล้าขึ้น

 

คาร์ล เฮนิตัส มนุษย์คนนี้มีความคอแข็งต่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก ทุกคนคิดว่าเขากำลังเมาเพราะใบหน้าที่แดงก่ำและเขาจะเกิดอาการปวดหัวทุกครั้งเมื่อเขาดื่ม แต่ความจริงก็คือเขาทำทุกสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ได้มีอาการเมาเลย

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในหัวของคาร์ลจึงแจ่มชัดในตอนนี้ เขาดื่มเหล้าต่ออีกสามสิบนาทีก่อนที่จะมองไปทางเชวฮันและเริ่มพูด

 

“เชวฮันมาประคองข้าที ข้าจะขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”

 

“ให้ข้าทำเถิด...นายน้อย”

 

“ไม่เป็นไร...ทานรองหัวหน้าองครักษ์ท่านพักเถิด ทหารคนอื่นๆก็เช่นกันถือเป็นการตอบแทนสำหรับการต่อสู้เมื่อวานแล้วกัน?นี่ไม่ใช่พื้นที่ที่เป็นอันตราย อีกอย่างข้ารู้สึกไม่ค่อยดีกับการรักษาเวรยามตลอดเวลานั่น พวกเจ้าผ่อนคลายและสนุกสนานกันเถิด”

 

“นายน้อย---”

 

“ข้าเหนื่อยแล้ว...ขอตัวก่อน”

 

มันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากถ้าหากรองหัวหน้าองครักษ์หรือทหารคนอื่นๆตามเขาไป ขอบคุณอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้พวกเขาไม่สนในคาร์ลอีกอาจเป็นเพราะเขามีเชวฮันคนที่ไม่ดื่มเหล้าสักหยดอยู่ข้างกายอีกทั้งยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดทำให้พวกเขาไม่มีอะไรต้องกังวลเพราะพวกเขามั่นใจว่าเชวฮันจะสามารถคุ้มครองเขาได้

 

‘เหลือเพียงแค่หนึ่งคน’

 

มันง่ายที่จะหลีกเลี่ยงจากทหารยามที่เฝ้าหน้าประตูและรอบๆโรงแรม แต่รอนก็ยังคงเหลืออยู่ ฮันส์และรอนไม่เคยเข้ามาในห้องถ้าเขาไม่อนุญาตให้เข้ามา อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างสองคนนั้นก็ค่อนข้างชัดเจน ฮันส์ไม่มีฝีมือพอที่จะรู้ว่าเขายังอยู่ในห้องหรือไม่แต่รอนนั้นมีฝีมือที่ดีเขาสามารถรู้ได้อย่างง่ายดายว่าคาร์ลจะแอบออกจากห้องไปในตอนไหน

 

‘หรือตาแก่นั่นคอยจับตาดูฉันกันนะ?’

 

ในความเป็นจริงรอนอาจไม่ได้สนใจว่าคาร์ลจะแอบหนีออกไปหรือจะแอบออกไปทำอะไร นั่นเป็นวิธีที่เขาทำจนถึงบัดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นคาร์ลไม่อยากเสี่ยงเขาไม่ต้องการให้เกิดสิ่งที่น่ารำคาญในอนาคตได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะบอกรอนล่วงหน้า

 

เมื่อเห็นรอนเดินตามหลังเชวฮันมา คาร์ลเลยรีบแจ้งความต้องการอย่างรวดเร็ว

 

“รอน....ข้าจะออกไปข้างนอก...มันเป็นความลับ...เจ้าคงเข้าใจนะ”

 

ตาแก่นี้เป็นคนชอบดื่มเหล้าแต่ไม่ได้ดื่มในคืนนี้ เขามีแต่จ้องมองมาที่คาร์ลตลอดทั้งคืน เขาเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ รอยยิ้มอันอ่อนโยนที่รอนมอบให้กับเขาตอนนี้มันยิ่งดูน่ากลัวขึ้น

 

“กระผมเข้าใจ....กระผมจะรอนายน้อยนะขอรับ”

 

‘รอฉัน ....ตูดแกนะสิ’

 

ตามที่คาดไว้รอนตอบตกลงโดยไม่ได้พูดอะไรมาก คาร์ลยังคงได้รับการประคองจากเชวฮันในขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปในห้องของตน

 

“ข้าจะพักผ่อนแล้ว ฮันส์...รอน...อย่าเข้ามาปลุกข้านอกจากจะมีเรื่องเร่งด่วนเท่านั้น พวกเจ้ารู้ใช่มั้ย?ว่าจะเป็นเช่นไรหากมีใครมารบกวนการหลับของข้า?”

 

ในอดีตมีข้ารับใช้ถูกคาร์ลสบถด่าอย่างรุนแรงเมื่อต้องทำหน้าที่ในการปลุกคาร์ลขึ้นมาแต่งตัวตามคำสั่งของรอน แม้ว่าคาร์ลไม่ได้ทำร้ายร่างกายใครก็ตามแต่ข้ารับใช้คนนั้นก็เดินไปรอบๆคฤหาสน์เพื่อบอกข้ารับใช้คนอื่นว่าตนรู้สึกราวกับว่าเขาโดนต่อยอย่างรุนแรงจากคำสบถด่านั่น

 

“ขอรับนายน้อย...กรุณาพักผ่อนให้เต็มอิ่มนะขอรับ”

 

“นายน้อย....เดี๋ยวกระผมจะเฝ้าดูความเรียบร้อยด้านนอกห้องของนายน้อยเองนะขอรับ”

 

คาร์ลตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากรอนแต่ก็ยืนมองคนทั้งสองถอยห่างออกไปก่อนจะก้มกระซิบบอกเชวฮัน

 

“เจ้าขึ้นมาหาข้าทางหน้าต่างแล้วกันและทำให้เงียบที่สุด เข้าใจมั้ย?”

 

เชวฮันพยักหน้าอย่างรวดเร็วและเดินตามอีกสองคนออกจากห้องและปิดประตู

 

“เมี้ยว เมี้ยว” “เมี้ยว เมี้ยว”

 

“ถึงเวลาแล้วเหรอ?”

 

คาร์ลพยักหน้าให้กับออนและฮง เมื่อทั้งสองมาตามเขาที่ห้องและเปิดกล่องเวทย์ออกทันที

 

คลิ๊ก!

 

กล่องถูกเปิดออกก่อนที่คาร์ลจะเอาชุดออกมาจากกล่องนั่นและทำการเปลี่ยนชุดทันที เมื่อเชวฮันปีนหน้าต่างเข้ามาตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ

 

“ท่านคาร์ล?”

 

ก่อนที่จะสวมหน้ากาก เขาก็โยนชุดสีดำอีกชุดที่อยู่ในมือของเขาส่งในเชวฮันทันที

 

“เจ้าก็ต้องใส่มันเช่นกัน”

 

ลูกกลมสีดำนั่นสามารถหยุดพลังเวทย์ทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นได้ชั่วคราว แต่นั่นยังไม่เพียงพอคาร์ลไม่ต้องการเสี่ยงที่จะถูกจับตัวได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตื่นมาตั้งแต่กลางดึกและเตรียมชุดเหล่านี้ไว้

 

“มันคืออะไรขอรับ?”

 

มันเป็นชุดที่มีสีดำ บริเวณอกเสื้อมีดาวสีแดงขนาดใหญ่ถูกล้อมรอบด้วยดาวสีขาวเล็กๆห้าดวง

 

‘เจ้าชุดนี่นะเหรอ? มันก็เป็นชุดขององค์กรลับนะสิ’

 

ในนิยาย กำเนิดวีรบุรุษ ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับชุดขององค์กรลับที่เชวฮันจะได้เข้าร่วมทำงานเป็นระยะๆหลังจากนี้ต่อไป ชุดนี้ได้ถูกคาร์ลสั่งทำขึ้นตามที่นิยายได้อธิบายไว้อย่างละเอียดที่สุด และเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองเขาได้สั่งทำชุดนี้ขึ้นมาต่างหากและเย็บดาวเพิ่มเข้าไปด้วยตัวเขาเอง นั่นเป็นเหตุผลให้ชุดถูกปักเย็บไม่เรียบร้อยเท่าไรนัก แต่มันก็ยังดูสวยดีหากมองมันจากระยะไกลๆ

 

คนที่ได้เห็นชุดนี้จะไม่จดจำความประณีตในการปักเย็บเสื้อผ้าแต่พวกเขาจะจำได้เพียงว่ามันเป็นชุดสีดำที่มีดาวแดงหนึ่งดวงและมีดาวสีขาวห้าดวง สำหรับเวเนี่ยนที่ไม่เคยได้พบกับองค์กรลับเหมือนเช่นมาร์คควิส สแตนเคยพบมาก่อน หากเขาได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้เห็นชุดนี้ แน่นอนว่าเขาจะปวดหัวและโกรธแค้นเป็นอย่างมาก

 

“.....เหมือนเรากำลังจะทำอะไรที่ไม่ดี?”

 

เชวฮันถามอีกครั้งหลังจากเห็นคาร์ลไม่ตอบอะไร การได้เห็นคาร์ลสวมหน้ากากดำทำให้เขาดูเหมือนคนร้าย

 

“ใช่...เรากำลังทำอะไรที่ไม่ดี”

 

คาร์ลเริ่มอมยิ้มภายใต้หน้ากาก

 

“เรากำลังทำบางอย่างที่ไม่ดีให้กับ...เวเนี่ยน..”

 

“อ่า........”

 

เชวฮันเหมือนจะเข้าใจในที่สุดก่อนที่เขาจะรีบชี้ไปที่หน้ากากใบอื่นในมือของคาร์ล

 

“กรุณามอบมันให้ข้า”

 

ถึงจะเป็นคนดีเพียงใดก็ต้องมีคนที่เกลียดและต้องการที่จะจัดการกับไอ้เบื๊อกนั่นมันก็คงจะไม่มีอะไรต่างมากนักสำหรับเด็กอายุเพียง 17 ปี แม้จะอาศัยอยู่ในโลกนี้เพียงลำพังเป็นสิบๆปีก็ตาม

 

“อ้อ.....และเด็กพวกนี้มาจากเผ่าแมว พวกมันเป็นสัตว์อสูร”

 

คาร์ลได้แนะนำออนและฮงให้เชวฮันได้รู้จักเหมือนกับว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเพียงแค่พวกเขาแค่เปลี่ยนการทักทายต่อกันแค่เล็กๆน้อย ๆ เด็กจากเผ่าแมวทั้งสองตัวมีความรู้สึกอ่อนไหวต่อตัวตนที่แท้จริงของ เชวฮันเขาเป็นคนที่มีพลังที่แข็งแกร่งมากและเชวฮันก็ได้สังเกตเห็นว่าแมวเหล่านี้ไม่ใช่แมวตัวน้อยๆแสนน่ารักบอบบางในระหว่างการเดินทางของพวกเขาเลย

 

“เขาคือเชวฮัน ส่วนนี้คือออนและฮง จบการแนะนำตัวให้รู้จักกันล่ะ ทุกคนคงพร้อมแล้วนะ?”

 

มีเวลาสั้นๆที่จะเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยสั่งแก่เชวฮันที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำที่สวมชุดสีดำและหน้ากากดำเหมือนกัน

 

“ไปกันเถอะ....”

 

จากนั้นคาร์ลก็เพิ่มคำสั่งแก่เชวฮันเป็นครั้งที่สองเมื่อได้มายืนข้างหน้าต่าง

 

“พาข้าออกไปด้วยเมื่อเจ้าจะกระโดดออกทางหน้าต่างข้าไม่สามารถจะกระโดดลงไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ”

 

เชวฮันถอนหายใจยาวเป็นครั้งแรกต่อหน้าคาร์ล ออนและฮงเดินเข้าไปหาเชวฮันพลางใช้อุ้งเท้าตบไปเบาๆที่เท้าของเขาเพื่อปลอบใจเชวฮัน ก่อนที่จะได้ยินเสียงคาร์ลเร่งพวกตน

 

“เร็วเข้า....”

 

กลุ่มคนที่สามารถออกจากโรงแรมได้อย่างปลอดภัยกำลังมุ่งหน้าไปยังภูเขาที่เป็นสถานที่ตั้งของคฤหาสน์และคุกที่ใช้คุมขังมังกร

รีวิวผู้อ่าน