px

เรื่อง : ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
บทที่ 23 ตอบแทนบุญคุณ 3


บทที่ 23 ตอบแทนบุญคุณ 3 

 

แน่นอนว่าคาร์ลวางแผนให้พวกเขามีความหวังใหม่โดยไม่เปิดเผยตัวตน มันเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากมังกร

 

‘เว้นแต่พระเจ้าของพวกเขาจะเป็นคนเปิดเผยตัวตนของฉันให้ทราบ ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่รู้จักฉัน’

 

เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้จักเกี่ยวกับตัวตนของคาร์ล มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือไม่? เขาไม่อาจบอกได้แต่เขาควรเริ่มต้นทำทุกอย่างโดยไม่เปิดเผยตัวตนตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

 

คาร์ลเดินเข้าไปยังซากหอคอยศิลา เขามีความรู้สึกว่าน้ำหนักที่กดทับในใจเขาเริ่มถูกยกออกไปบ้างแล้ว

 

เขาสามารถมองเห็นคนสวดอธิษฐานไปทั่วบริเวณนี้ก่อนที่ฮันส์จะเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับกระซิบเบาๆ

 

“....กระผมเพิ่งเห็นบุตรชายคนโตของมาร์ควิสสแตนขอรับนายน้อย...”

 

“เจ้าไปรู้จักเขาได้อย่างไร?”

 

คาร์ลรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ฮันส์ยิ้มก่อนชี้ไปที่ดวงตาของตนเอง

 

“แทบทุกข้อมูลเกี่ยวกับขุนนางอยู่ในหัวของกระผมทั้งหมดขอรับ...กระผมเห็นชายคนหนึ่งนั่งบนรถเข็นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนนั่งรถเข็นเป็นคนอื่นได้....แต่....กระผมก็สามารถมองเห็นงูสีแดงที่เป็นตราประจำตระกูลติดอยู่ที่รถเข็นนั่นขอรับ”

 

“ฮันส์....”

 

“ขอรับ?”

 

“เจ้า...ฉลาดกว่าที่ข้าคิดไว้นะ”

 

“ขอบพระคุณขอรับ”

 

ฮันส์เชิดอกของตนขึ้นด้วยความรู้สึกพึงพอใจเมื่อจบการรายงานต่อนายน้อยของตนแล้วก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง

 

“นายน้อยวางแผนจะทำอะไรกับพวกเขาหรือขอรับ?”

 

คาร์ลรู้สึกว่าใบหน้าด้านซ้ายของตนร้อนขึ้นและหันหน้าไปยังด้านซ้ายที่มีเชวฮันยืนจ้องเขาอยู่ คาร์ลส่ายศีรษะของเขาช้าๆและตอบทั้งสองคน

 

“ไม่ต้องสนใจพวกเขา”

 

ทั้งสองพยักหน้าตอบรับโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่คณะทัวร์ที่ประกอบไปด้วยคาร์ล เชวฮัน ฮันส์และลูกแมวทั้งสองจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจากเหลียวมองไปรอบๆคาร์ลก็ต้องตกใจกับลักษณะของหอคอยศิลาในซากปรักหักพังนี้

 

“พวกมันดู.......................”

 

คาร์ลดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

 

“มันดูน่าเกลียดกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก”

 

คาร์ลไม่ค่อยเข้าใจความหมายของสไตล์โบราณ เขาคิดว่าพวกมันจะเป็นกองหินวางกองๆกันไปแค่นั้นแต่หอคอยศิลากลับมีหลากรูปแบบในซากปรักหักพังนี้

 

พวกมันก็ดูน่าสนใจแต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ไม่ได้สวย คาร์ลเงยหน้ามองไปยังลูกแมวสองพี่น้องในอ้อมแขนของฮันส์ พวกมันดูเหมือนจะผิดหวังมากเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามยังมีบางคนที่ดูหนักกว่าที่คาร์ลคาดไว้ เชวฮันค่อยๆก้มศีรษะของเขาโค้งคำนับเหมือนคนอื่นที่กำลังอธิษฐานขอพรและดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มอธิษฐานแล้วเช่นกัน

 

‘ฉันแน่ใจว่าเขากำลังอธิษฐานให้ได้กลับเกาหลีใต้’

 

เชวฮันโตมาในครอบครัวที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีซึ่งต่างจากคาร์ลและคิมร็อกโซมากนัก เขาโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นและมองโลกในแง่ดีเสมอ นั่นเป็นเหตุผลที่เขายังเป็นคนที่มีความคิดที่ดีแม้จะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายมากเพียงใดก็ตาม

 

คาร์ลจ้องมองเชวฮันอย่างจริงจังก่อนที่เขาจะหันหน้ามาสบตากับตนและเอ่ยขึ้น

 

“มันมากมายเต็มไปหมด....”

 

“หืม...อะไร?”

 

“ข้ามีคำถามที่อยากจะถามท่านและมีบางสิ่งที่จะต้องรายงานให้ท่านทราบ”

 

คาร์ลเริ่มรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้

 

“เริ่มจากคำถามของเจ้าก่อน”

 

เชวฮันดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขณะที่มองไปรอบๆซากปรักหักพังของหอหอยศิลาที่อยู่บริเวณลานกว้างนี้ก่อนจะเอ่ยคำถามขึ้น

 

“ท่านไม่ต้องการที่จะอธิษฐานอะไรเหรอ?”

 

‘แล้วมันเป็นเรื่องที่นายจำเป็นต้องรู้ด้วยหรือนี่?’

 

คาร์ลเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

“ข้าไม่ค่อยชอบการอธิษฐานอะไรพวกนี้หรอกนะ”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“มันจะทำให้เจ้ามีความคาดหวังที่สูงขึ้น”

 

เชวฮัน ฮันส์และแม้แต่ลูกแมวทั้งสอง ต่างพร้อมใจหันมามองที่คาร์ลซึ่งตอนนี้เขากำลังมองไปที่ซากหอคอยศิลาแบบเดียวกับที่เชวฮันได้มองไปก่อนหน้าและเอ่ยต่อ

 

“ชีวิตมันจะง่ายกว่าหากเราไม่ต้องคาดหวังกับอะไร”

 

มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีหากคุณคาดหวังที่จะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 5 และจบลงด้วยการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่4 แต่ถ้าคุณคาดหวังกับรางวัลที่ใหญ่กว่านั้นเช่นรางวัลที่ 1 แต่ผลจบลงด้วยการที่คุณถูกเพียงรางวัลที่ 4 มันก็นับเป็นเรื่องที่ทำให้คุณหงุดหงิดอารมณ์เสียได้เช่นกัน

 

แปะ! แปะ!

 

คาร์ลหันกลับไปมองเมื่อรู้สึกว่ามีคนแตะมาที่ไหล่ของตน เขาเห็นฮันส์กำลังส่งยิ้มให้ตนอยู่ที่และเอ่ยกับตนออกมา

 

“ใช่แล้วขอรับนายน้อย...ไม่มีสิ่งที่จะทำให้ความฝันหรือความหวังเป็นจริงได้ในโลกใบนี้ ”

 

“.......หยุดพูดเถอะ”

 

“เอ่อ....ข...ขอรับนายน้อย”

 

ฮันส์ตอบรับด้วยเสียงอันดังแต่ดูเหมือนเขาจะผิดหวังอยู่สักหน่อยก่อนจะเดินนำลูกแมวทั้งสองที่เดินตามหลังฮันส์อย่างช้าๆด้วยท่าทางสบายอารมณ์

 

เชวฮันเดินเข้ามาหาคาร์ลอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฮันส์เดินห่างออกไปและพูดด้วยเสียงที่เบาลงเพื่อไม่ให้ฮันส์ได้ยินสิ่งที่เขาจะพูด

 

“มังกรได้เข้ามาในเมืองแล้ว”

 

“ไม่ต้องไปสนใจ”

 

“อ่า....ข้าเข้าใจแล้ว”

 

คาร์ลหันไปมองรอบๆเพื่อมองหามังกรหากว่ามันจะแอบมาดูเขาอยู่แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นมัน เขาเห็นเพียงชาวเมืองที่สวดอธิษฐานจากหอคอยศิลาในลานกว้างนี้ วันที่จะจัดเทศกาลหอคอยศิลายังคงอยู่ห่างอีกหนึ่งสัปดาห์แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ เขาค่อยๆละสายตาไปยังทิศทางตรงข้ามของที่ตั้งซากปรักหักพังเหล่านี้

 

พื้นที่ตรงนั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่ตั้งซากหอคอยศิลาเป็นเท่าตัวโดยเป็นที่ดินของเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองพัซเซิล ด้านหลังของที่ดินนี้เป็นภูเขาลูกเล็กๆตั้งอยู่และข้างในภูเขาลูกนี้อาจจะมีหลุมศพของชายชราที่มีอายุ 150 ปีตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในภูเขานั่น

 

วันรุ่งขึ้น

 

คาร์ลต้องการเดินทางไปยังที่ตั้งหลุมศพของชายชราคนนี้ซึ่งเขาจะต้องสลัดคนอื่นๆหรือแม้แต่ลูกแมวสองพี่น้องที่เรียกร้องจะติดตามเขาไปให้ได้ แต่ต้องขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจหยุดการประท้วงนั้นทันทีเมื่อคาร์ลได้เลือกเพียงคนเดียวที่จะต้องเป็นคนติดตามเขาไป

 

“ข้าจะให้เชวฮันไปกับข้าเพียงคนเดียว”

 

เชวฮันคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้จึงทำให้คาร์ลเลือกเขาในการติดตามตนไปและนั่นทำให้รองหัวหน้าองครักษ์และฮันส์ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

 

รองหัวหน้าองครักษ์เพียงแค่ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะขอตัวไปฝึกซ้อมเหล่าทหารองครักษ์ด้วยใบหน้าที่ผิดหวังก่อนที่เขาจะเรียกรวมพลในการฝึกซ้อมทันที หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินฮันส์เอ่ยบอกตน

 

“กระผมจะดูแลลูกแมวน้อยเองนะขอรับ”

 

คาร์ลหันหน้าหนีฮันส์ที่แสดงอาการตื่นเต้นดีใจที่ตนจะได้อยู่กับลูกแมวและมุ่งหน้าออกจากโรงแรมไปทันทีโดยมีเชวฮันเดินตามหลังเขามาไม่ห่าง

 

“วันนี้พวกเราจะไปทำอะไรบางอย่างกันอีกครั้งใช่หรือไม่?”

 

“อีกครั้ง?เดี๋ยวก็มีใครได้ยินที่เจ้าพูดหรอก”

 

เชวฮันไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก และคาร์ลก็ไม่ได้สนใจในตัวของเขาเช่นกัน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังภูเขาที่อยู่พื้นที่กว้างใหญ่นั่นและพูดขึ้นในเวลาต่อมา

 

“ข้าต้องการไปที่ภูเขานั่น เจ้ารอข้าที่ทางขึ้นเข้าก็แล้วกัน”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

เชวฮันไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก คาร์ลต้องการคนแบบนี้ เชวฮันเป็นคนที่ไม่เอ่ยคำถามใดๆเขาเป็นคนที่ยินยอมทำตามคำสั่งของคาร์ลแม้ว่าจะสงสัยในสิ่งที่คาร์ลทำก็ตาม อาจจะเป็นเพราะเชวฮันคิดว่าเขาสามารถจัดการสิ่งต่างๆตามที่เขาต้องการได้โดยง่ายหรืออาจจะเป็นเพราะเขามั่นใจว่าจะไม่เกิดอันตรายใดๆแม้ว่าคาร์ลจะให้ทำอะไรที่อันตรายมากเพียงใดก็ตาม

 

คาร์ลมาถึงภูเขาขนาดเล็กหลังจากเดินผ่านพื้นที่อันกว้างขวางนั้นมาแล้วก่อนที่หยุดก้าวต่อเมื่อได้ยินเชวฮันเรียกตน

 

“ท่านคาร์ล”

 

“มีอะไร?”

 

“พรุ่งนี้ข้าต้องออกเดินทางแล้ว”

 

“อืม...ข้ารู้แล้วเพราะข้าเป็นคนสั่งให้เจ้าไปเอง”

 

เชวฮันมองสบตากับคาร์ลที่ยืนอยู่ทางขึ้นภูเขาด้วยความกระวนกระวายใจ คาร์ลเป็นคนบอกกับเขาว่าคนแบบเขาสามารถปกป้องคุ้มครองผู้อื่นได้และเขาได้นึกถึงการคุ้มครองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

“ข้าไม่มีข้อโต้แย้งใดกับสิ่งเหล่านั้นแต่ข้ามีบางอย่างที่อยากจะแจ้งให้ท่านทราบ”

 

การแจ้งเรื่องมังกรดำไม่ใช่สิ่งที่เชวฮันต้องการ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาสบตาคาร์ลอีกครั้งและมองผ่านไหล่ของคาร์ลไปยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ทางขึ้นภูเขา

 

“รอน.....เขาเป็นคนที่อันตราย”

 

คาร์ลชะงักไปครู่หนึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆให้เขารู้มาก่อน เขาควรแกล้งทำเป็นรู้หรือไม่รู้ดีในตอนนี้เขาต้องรีบตัดสินใจ?แต่ถึงจะได้ยินคำถามโดยไม่ทันตั้งตัว คาร์ลก็ยังมีที่ท่าสงบก่อนตอบกลับออกไป

 

“เป็นเช่นนั้นเหรอ?”

 

“ท่านไม่แปลกใจเหรอ?เขาเป็นคนที่มีกลิ่นสาปเลือดที่เป็นอันตรายและเขาเป็นคนที่แข็งแรงมากแม้ว่าเขาจะมีเลือดออกมาจากร่างกายมากเพียงใดก็ตาม.....ตอนแรกข้าคิดว่าท่านคาร์ลรู้เรื่องนี้แต่ข้าก็ยังเห็นว่าท่านให้เขาอยู่ข้างกายท่านเสมอ”

 

แต่ถ้าหากคาร์ลรู้เรื่องนี้เขาก็ต้องให้รอนคนที่มีความแข็งแกร่งเช่นนั้นมาช่วยในตอนที่เข้าไปช่วยชีวิตมังกรแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะคาร์ลไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของรอนหรือว่าเขาไม่ไว้วางใจในตัวรอนแต่ก็ไม่มีทางที่คาร์ลจะไม่เชื่อใจคนที่รับใช้เขามาถึง 18 ปี

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เชวฮันสรุปได้ว่าคาร์ลไม่รู้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของรอนนั่นเอง

 

“แต่ไม่ว่าจะเป็นท่านคาร์ลหรือคนอื่นๆก็ดูจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาเลยสักคน”

 

เชวฮันพยายามขบคิดถึงเรื่องนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และการที่คาร์ลพูดด้วยความจริงใจว่าเขาเป็นคนไม่มีความคาดหวังกับสิ่งใดทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับรอนออกมา อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าคาร์ลเลือกให้รอนเป็นคนคุ้มครองตนในวันนี้ทำให้เขาอดรู้สึกผิดไม่ได้

 

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าตัดสินใจบอกท่านในวันนี้”

 

“โอ้..จริงเหรอ? ข้าไม่รู้มาก่อนว่ารอนเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก”

 

เชวฮันเอ่ยถามคาร์ลอีกครั้งหลังจากได้ยินคำตอบที่แสนใจเย็นแบบนั้นของคาร์ล

 

“ทำไมท่านยังให้เขาอยู่ข้างกายท่าน? ทั้งที่เขาดูเป็นคนชั่วร้ายเช่นนั้น?”

 

คาร์ลพ่นลมออกทางจมูกเบาๆกับคำพูดที่ได้ยินจากเชวฮัน เขาจะเก็บรอนไว้ข้างตัวงั้นเหรอ?เขากำลังวางแผนที่จะส่งรอนไปให้เชวฮันเมื่อตอนที่ไปถึงเมืองหลวงต่างหากเล่า

 

“ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือรอน”

 

“อะไรนะ?”

 

“เจ้าบอกว่ารอนเป็นอันตรายแต่เจ้าก็ยังออกไปกับเขาเพียงลำพังไม่ใช่เหรอ?”

 

“นั่นเป็นเพราะ..........” เชวฮันไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้

 

“นั่นเป็นเพราะเขาไม่ทำอะไรเจ้า”

 

เชวฮันไม่สามารถหาคำโต้แย้งกับคำพูดของคาร์ลได้ มันมีเพียงความเข้าใจผิดกันจนเกิดการต่อสู้เล็กน้อยและหลังจากนั้นรอนก็ช่วยเขาหาดาบที่เหมาะสมกับตนเองหรือแม้กระทั่งช่วยดูแลปัญหาต่างๆของหมู่บ้านแฮร์ริสให้

 

คาร์ลเงียบไปชั่วครู่เมื่อลอบสังเกตเชวฮัน

 

ไม่ใช่เฉพาะเชวฮันเท่านั้น รอนไม่เคยทำร้ายอะไรให้ใครสิ่งเดียวที่รอนทำคือการทำน้ำมะนาวให้คาร์ลทุกครั้งที่มีโอกาสมันเป็นการกลั่นแกล้งเล็กๆที่เขาทำให้แก่คาร์ลรวมถึงซุปเนื้อกระต่ายนั่นด้วย แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย

 

“รอนรับใช้ข้ามา 18 ปีแล้ว”

 

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอนก็พยายามที่จะซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตนและทุ่มเทกับการแสดงเป็นคนใช้ แม้แต่รองหัวหน้าองครักษ์ก็ไม่รู้สึกโกรธที่เขาเป็นผู้ยืนอยู่เคียงข้างคาร์ลหรือแม้แต่ฮันส์ก็ไม่โกรธที่เขามาทำหน้าที่แทนเขา เป็นเพราะรอนเป็นคนมีฝีมือและเป็นที่ชื่นชอบของคนในคฤหาสน์เฮนิตัส

 

“เจ้าเกลียดรอนงั้นหรือ?”

 

เชวฮันตกใจไปชั่วขณะก่อนส่ายศีรษะหลังจากหยุดชะงักไปครู่ใหญ่

 

“ไม่...”

 

“ถ้าเช่นนั้น.................”

 

“ข้าแค่คิดว่ามันจะดีกับท่านหากรู้ว่าเขาเป็นคนอันตรายจึงตัดสินใจบอกท่านในวันนี้”

 

“ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือรอน”

 

เชวฮันมองคาร์ลหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น

 

“เจ้าทั้งสองเหมือนกันกับข้าในแง่ของการเป็นคนที่อันตราย”

 

คาร์ลมองไปที่เชวฮันด้วยท่าทางอดทนและพูดต่อไป

 

“เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก”

 

“อ่า......”

 

เชวฮันชะงักค้างอีกครั้งแต่คาร์ลไม่รู้ถึงปฏิกิริยานี้เพราะเขาหันกลังให้กับเชวฮันแต่เขาก็พูดต่อทันที

 

“และทั้งหมดนั้นมันเป็นเหมือนกับข้า”

 

เขาไม่รู้เหตุผลของรอนมากนัก แต่รอนคนที่มาจากดินแดนตะวันออกมาอาศัยหลบซ่อนตัวตนในอาณาเขต เฮนิตัส หากเขาคิดที่จะแตะต้องลูกชายของทานเคานต์เช่นเขา มันก็เป็นเรื่องราวใหญ่โตแพร่กระจายไปทั่วอาณาเขตเป็นแน่

 

รอนเป็นคนไม่สนใจสิ่งใดหรือคนอื่นนอกจากบุตรชายและตัวเขาเอง แล้วคนเช่นนี้จะชอบทำเรื่องที่มันวุ่นวายขึ้นอย่างนั้นหรือ? คาร์ลกลัวแต่ว่าหากชายแก่คนนี้รู้ว่าเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาจึงต้องวางแผนหาทางกำจัดชายชราคนนี้ออกไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้เขาสามารถมีชีวิตได้อย่างสงบสุข

 

“ตราบใดที่เขาเป็นพ่อบ้านของข้า...เขาก็ยังคงเป็นพ่อบ้านของข้าเหมือนเดิม...เช่นเดียวกับเจ้า!เชวฮัน....เจ้าก็ยังคงเป็นคนที่ต้องจ่ายเงินใช้คืนข้าเช่นเดิม”

 

คาร์ลก้มดูนาฬิกาเพื่อตรวจสอบเวลาดูอีกครั้ง ความแรงลมในถ้ำจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในแต่ละวัน และเขาต้องรีบแล้วในตอนนี้

 

“หากเจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วจงรออยู่ที่นี่....ไม่ต้องตามข้ามา”

 

เชวฮันพยักหน้าตอบรับอย่างเงียบๆ

 

คาร์ลไม่ได้มองย้อนกลับมาเมื่อเขามุ่งมั่นที่จะเดินต่อไปยังภูเขาลูกเล็กด้านหน้า หลังจากแน่ใจว่าเขามองไม่เห็นคาร์ลแล้วเขาก็หันกลับไปมองที่ต้นไม้ข้างทางขึ้นเขาและเริ่มพูด

 

“ท่านได้ยินที่เขาพูดหรือไม่?”

 

รอนกระโดดลงจากต้นไม่ด้วยความนุ่มนวล เขาจ้องมองที่เชวฮันพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงที่ราบเรียบค่อยๆไหลออกมาจากปากรอน

 

“ข้าเป็นคนเปลี่ยนผ้าอ้อมและก็เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กๆ”

 

มันคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

 

เชวฮันยืนอยู่ด้านหน้าของเส้นทางที่ตรงไปยังภูเขาลูกเล็กนั้นและเริ่มพูดออกมาช้าๆแต่หนักแน่น

 

“ท่านคาร์ลไม่ให้ใครติดตามเขาเข้าไป”

 

“ข้ารู้...เจ้าตัวอันตรายเอ๋ย”

 

รอนหันหลังให้กับภูเขาโดยไม่มีความลังเลหรือเสียใจใดๆ เมื่อเขาได้ยินว่าคาร์ลจะออกมากับเชวฮันเพียงลำพังโดยทิ้งลูกแมวทั้งสองไว้ด้วยเขาก็ตัดสินใจตามมาทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น

 

“ข้าไม่ควรตามมาจริงๆ”

 

มีคนเคยกล่าวว่า...คุณจะได้รับความไม่แน่นอนในชีวิตเมื่อคุณอายุมากขึ้นและความไม่แน่นอนนี้มักทำให้เจ็บปวดเสมอ รอนเดินกลับไปยังโรงแรมด้วยก้าวที่ช้าลงกว่าตอนที่ออกมา

 

เชวฮันยืนมองดูรอนหายลับไปจากสายตาก่อนจะนั่งลงบนก้อนหินขนาดใหญ่เพื่อรอคาร์ลกลับมา

 

คาร์ลกำลังยืนอยู่หน้าถ้ำที่อยู่นอกเส้นทางไปยังภูเขาไม่ไกลนัก ปากทางเข้าถ้ำถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์จนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ยกเว้นว่าจะมองหามันอย่างระมัดระวัง

 

“ให้ตายสิ...” คาร์ลเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด

 

ทางเข้าถ้ำมีขนาดเล็กมาก เขาก้มลงมองไปที่เสื้อผ้าของตนวันนี้เขาสวมชุดที่ดูเรียบง่ายที่สุดแต่มันก็ยังดูเทอะทะไม่สะดวกอยู่ดี

 

“เฮ้อ....”คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนที่จะคลานเข้าไปในถ้ำไม่ว่าจะเป็นต้นไม้กินคนหรือถ้ำนี้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณมันมักจะมีแต่เรื่องบ้าๆเสมอ พื้นดินทางเข้าถ้ำในตอนนี้มีแต่ร่องรอยของคาร์ลที่กำลังคลานเข้าไปช้าๆ

 

และในเวลาต่อมาไม่นานรอยเท้าเล็กๆของสัตว์ขนาดหนึ่งเมตรก็ปรากฏขึ้นตรงจุดเดียวกับร่องรอยของคาร์ล

 

คาร์ลเริ่มเห็นถ้ำที่กว้างมากกว่าเดิมหลังจากที่คลานเข้ามาแล้วประมาณ 5 นาที

 

‘เทย์เลอร์คงรู้สึกหมดหวังจริงๆสินะ เขาถึงต้องคลานเข้ามาในถ้ำนี้ในสภาพร่างกายแบบนั้นได้’

 

เพราะจะต้องเป็นคนที่ต้องเดินทางมาหาหอคอยศิลาด้วยตนเองเท่านั้นจึงทำให้บุตรชายคนโตของมาร์ควิสสแตนต้องเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง คาร์ลใช้เวลาในการเข้ามาถึงที่นี่ในเวลา 5 นาทีและแน่นอนว่าเทย์เลอร์จะต้องใช้เวลากับมันมากกว่าเขาหลายเท่านัก

 

คาร์ลลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ามันกว้างพอที่จะเดินเข้าไปได้และเริ่มเดินเข้าไปกับระยะทางที่ไกลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ก่อนจะได้ยินเสียงที่ดังเข้ามาให้ได้ยินชัดเจนมากขึ้น

 

ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~

 

มันคือเสียงลม เป็นเสียงของลมจากหลายทิศทางมากระทบกันกลายเป็นเสียงที่ดังขึ้นภายในถ้ำแห่งนี้และเขายังคงเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่มีเศษเสื้อผ้าและเสาตั้งอยู่ดูเหมือนมันจะเป็นที่ตั้งของกระท่อมเมื่อนานมาแล้ว หลังจากมองเพียงครั้งเดียวเขาก็ก้าวเดินต่อไปเป็นระยะทางที่ลึกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

 

ฟิ้ว วิ้ว วิ้วว วิ้ว~~

 

เสียงลมเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น

 

บู๊ม บู๊ม

 

เขายังคงได้ยินเสียงลมปะทะกับผนังถ้ำจนดูคล้ายกับกำปั้นยักษ์ที่กำลังต่อยผนังถ้ำอยู่ในตอนนี้และมันทำให้เขาต้องก้าวเท้ายาวขึ้นและรวดเร็วเป็นเท่าตัว

 

‘...ลม...ฉันอยากรู้ว่ามันจะยังมีเสียงแบบนี้ไหมหากฉันได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’ในภายหลัง’

 

‘โล่นิรันดร์กาล การฟื้นคืนและความเร็วของสองเท้า’ นั่นคือแผนการของคาร์ลในวันนี้ ในที่สุดเขาก็ต้องหยุดเดินต่อเมื่อเจอกับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เขาต้องการมัน

 

ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะหยุดเดินแต่เขาถูกบังคับให้หยุดต่างหาก

 

“โห.................” นี่มันแย่กว่าที่คิดไว้อีก

 

มีหลุมใต้ดินขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลจากคาร์ลมากนัก ในขณะเดียวกันก็มีพายุเฮอร์ริเคนพัดกระหน่ำครอบคลุมบริเวณนี้ไปหมด

 

บูมบูม!

 

หินขนาดเล็กและใหญ่จากบนผนังถ้ำค่อยๆร่วงลงกระทบพื้นช้าๆแต่มีก้อนหินอยู่บนพื้นเพียงเล็กน้อยทำให้คาร์ลทราบว่าหลุมเริ่มขยายใหญ่ขึ้นแล้ว

 

คาร์ลมองไปมาระหว่างหลุมขนาดใหญ่กับเส้นทางที่ตนเดินเข้ามา เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาอาจถูกผลักกลับจากลมที่รุนแรงนั้นหากเขาเข้าไปในใจกลางพายุนั้น...ไม่สิ...น่าจะผลักเขาไปอัดกับผนังถ้ำมากกว่าและมันอาจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้

 

‘พายุนั่นมันแรงแค่ไหนนะ?’

 

“อืม.....”

 

แน่นอนว่าจุดศูนย์กลางของพายุที่กำลังหมุนอยู่ในตอนนี้ที่จะสงบลงได้ก็คือตาของพายุ (1)

 

‘ถ้าจะให้เดามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเทย์เลอร์หากไม่ได้การช่วยเหลือจากเคจ’

 

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมนิยายเรื่องนี้จึงกล่าวว่าทั้งสองคนพยายามต่อสู้กับมันทั้งสัปดาห์ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็สามารถยิ้มออกมาได้และตอนนี้กำลังจะมีการต่อสู้กับเวลาเริ่มขึ้นแล้ว

 

คาร์ลก้าวเข้าไปในหลุมที่กำลังมีพายุเฮอร์ริเคนโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งโดยไม่มีความลังเลใดๆ ผมสีแดงของคาร์ลเริ่มพัดกระพือรวมถึงเสื้อผ้าของเขาด้วย

 

ขณะนั้นเอง

 

“ไม่นะ! เจ้าจะได้รับบาดเจ็บ! เจ้ามันอ่อนแอมาก! ”

 

มังกรดำปรากฏตัวขึ้นจากเส้นทางที่คาร์ลใช้เข้ามาก่อนจะตะโกนอย่างเร่งรีบ

 

ก่อนที่......................

 

“.......ฮะ?”

 

มังกรดำสามารถมองเห็นโล่ขนาดใหญ่ที่มีปีกสีเงินประดับไว้ทั้งสองข้างและกำลังโอบรอบคาร์ลไว้

 

ปีกที่ส่องแสงสว่างจนอาจเรียกได้ว่าแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ล้อมรอบคาร์ลไว้ในขณะที่โล่ขนาดใหญ่ปิดกั้นลมไม่ให้ปะทะกับร่างกายเขา โล่และปีกช่วยรักษาคาร์ลไว้ให้ปลอดภัย

 

คาร์ลมองไปรอบๆก่อนที่ดวงตาจะขยายกว้างขึ้นเมื่อสายตาไปปะทะกับมังกรดำเข้า

 

“ให้ตายเถอะ! เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

 

มังกรดำตัวน้อยไม่สามารถพูดอะไรกับคาร์ลได้เลย

 

(1) ตาพายุ คือบริเวณที่สภาพอากาศโดยส่วนมากสงบที่จุดศูนย์กลางของพายุหมุนเขตร้อนที่มีพลัง ตาของพายุมีลักษณะเป็นพื้นที่วงกลมอย่างคร่าว ๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโดยปกติที่ 30–65 กม.

รีวิวผู้อ่าน