บทที่ 30 เจ้า 5
เชวฮันและล็อก ส่วนเบื้องหลังของทั้งสองคือ ‘โรสลิน’ ก่อนทั้งสามจะเขามาในห้องของคาร์ลอย่างรวดเร็ว
“ฮันส์ไปนำเครื่องดื่มอะไรก็ได้เข้ามาให้ข้าที”
“ห๊ะ?......อ่า.......กระผมจะนำมันเข้ามาเดี๋ยวนี้ขอรับ”
คาร์ลปิดประตูห้องทันทีโดยไม่รอให้ฮันส์กลับเข้ามาอีกครั้ง คาร์ลชี้ไปยังเตียงนอนของตนเพื่อแจ้งแก่เชวฮันที่กำลังจ้องมองที่ตนเพื่อสั่งให้เขาวางล็อกลงไปที่เตียง
“วางเขาลงก่อน”
“....ข้าเข้าใจแล้ว”
เชวฮันวางล็อกลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง คาร์ลเดินเข้าไปใกล้ล็อกอย่างช้าๆ แน่นอนว่าล็อกมีสายเลือดบริสุทธิ์ทำให้เขาดูคล้ายมนุษย์ที่อ่อนแอในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเขาดูสวยเกินไปสำหรับการเป็นเด็กผู้ชาย
“อึกกกกก!........อ๊ากกกก!.... ”
ล็อกกำลังทรมานอย่างมาก เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะฝืนลืมตาตนไว้ เขาขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าเหยเกและร่างกายบิดงอคุดคู้ด้วยความทรมาน มันสายเกินไปที่จะป้องกันไม่ให้การกลายร่างเกิดขึ้นได้
คาร์ลจ้องไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้ดวงตาของเขาค้างเปิดไว้และทำให้ร่างกายได้รับการผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด
“ปิดตาของเจ้าลงซะ....ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฝืนร่างกายตัวเอง”
ไม่มีน้ำเสียงเข้มงวดกดดันใดๆออกจากปากของคาร์ล แต่กลับทำให้คนฟังเช่นล็อกค่อยๆหลับตาลงช้าๆ น้ำเสียงของชายที่ไม่คุ้นเคยค่อยๆไหลผ่านหูของล็อกเข้าไป
“ทุกอย่างจะเรียบร้อย”
ล็อกระงับความทรมานของตนและร้องเรียกใครบางคนออกมาอย่างเงียบๆ เขากำลังเรียกหาลุงผู้เป็นหัวหน้าเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินและเป็นคนที่ถูกสังหารตายในเผ่าเมื่อก้าวขึ้นเป็นราชาหมาป่าได้เพียงไม่นาน เขาพาล็อกมาหลบซ่อนเพื่อให้แน่ใจว่าล็อกจะปลอดภัยกับการถูกลอบสังหารในครั้งนี้ก่อนจะวิ่งไปปะทะกับผู้บุกรุกจนจบชีวิตลงในที่สุด
‘ทุกสิ่งทุกอย่างจะเรียบร้อย’
นั่นคือสิ่งที่ลุงบอกแก่เขาล็อกเริ่มมีใบหน้าเหยเกอีกครั้งเมื่อนึกถึงลุงของตน คาร์ลละใบหน้าออกจากล็อกก่อนได้ยินเสียงเชวฮันถามตนขึ้น
“...ท่านคาร์ล....ทำไมล็อกถึงเป็นเช่นนี้?”
เชวฮันยังคงมองมาที่ล็อกด้วยความกังวลและสิ้นหวัง หากเป็นไปตามในนิยายเชวฮันจะเริ่มเปิดใจให้กับล็อกเพียงเล็กน้อยเมื่อเนื้อหาดำเนินเรื่องมาถึงตอนนี้ แต่คาร์ลไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเชวฮันมันเปลี่ยนไปเล็กน้อยก็เพราะตัวเขาเอง นั่นเป็นเหตุผลที่เขาพยายามอย่างหนักที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขา คาร์ลไม่ได้ตอบคำถามของเชวฮันและปล่อยให้เชวฮันพูดต่อไป
“ยามันใช่ไม่ได้ผล ข้าพอทราบข้อมูลจากโรสลินมาบ้างว่าเผ่าหมาป่าไม่สามารถใช้ยารักษาได้หรือแม้แต่เวทย์การรักษาก็ดูจะไม่ได้ผลเช่นกัน....ข้าไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรดี?....ข้าต้องปกป้องเขา...ข้าควรจะปกป้องเขาให้ดีกว่านี้...”
“ใจเย็นก่อน......”
คาร์ลกังวลว่าหากเชวฮันยังเป็นเช่นนี้เขาจะคลุ้มคลั่งอาละวาดไปเสียก่อนและนั่นคงจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมากหากมังกรที่อยู่ในมุมห้องอาละวาดไปอีกตัว บางทีการที่เชวฮันอาศัยอยู่ตัวคนเดียวมานับสิบปีมันอาจเกิดเป็นความเหงาความอ้างว้างได้แต่บุคลิกของเขาก็ยังเป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของคำว่ามิตรภาพอยู่ดี
“...ท่านคาร์ล.....”
“ถ้าเจ้าเชื่อใจในตัวข้าก็ปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องนี้ซะ...”
“ข้าเชื่อใจท่าน....”
“ดี”
คาร์ลมั่นใจว่าเชวฮันได้สงบลงแล้วจึงหันไปมองที่โรสลิน
โรสลิน เธอเป็นคนแรกที่จะเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ของอาณาจักรเบร็ค แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นนักเวทย์อัจฉริยะอย่างเธอก็พร้อมที่จะโยนทิ้งทุกอย่างออกไปให้ไกลตัว โรสลินทำให้คาร์ลนึกถึงดอกกุหลาบสีแดง เธอมีผมสีแดงอ่อนที่สว่างกว่าผมของคาร์ลอีก เช่นเดียวกับปากที่เป็นสีแดงสวยเช่นกันซึ่งตอนนี้ริมฝีปากข้างหนึ่งของเธอถูกยกสูงขึ้นด้วยความใคร่รู้ แม้ว่าเธอจะทำให้คาร์ลนึกถึงดอกกุหลาบแต่บุคลิกลักษณะของเธอกลับใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์
ตอนนี้โรสลินไม่ได้สนใจมองมาที่ล็อก เชวฮันหรือแม้แต่คาร์ลแต่สายตาของเธอกลับจับจ้องไปที่มุมห้อง
“.......กลิ่นอายนี้.....มันมีพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งมาก!”
โรสลินกำลังมองไปยังเก้าอี้ตัวที่มังกรดำใช้มาก่อนหน้านี้ ในขณะที่มือของเธอเริ่มสั่นและกำมันไว้แน่นขึ้น
“เฮ้อ.....”
คาร์ลถอนหายใจยาว ดูเหมือนว่ามังกรดำจะสนใจในตัวนักเวทย์ มันได้ส่งพลังเวทย์บางอย่างมายังโรสลินและแสดงทักษะเวทย์บางอย่างที่โรสลินไม่สามารถฝันถึงมันได้ ที่ผ่านมามังกรดำมีแนวโน้มที่ไม่ชอบมนุษย์แต่มันกลับชื่นชอบนักเวทย์ไม่น้อย สิ่งที่มังกรดำทำในตอนนี้มันแสดงให้เห็นว่ามันกำลังมีความสุข
คาร์ลมองไปยังโต๊ะและเก้าอี้ที่มีเพียงความว่างเปล่าก่อนพูดขึ้นมาเบาๆ
“หยุดนะ...แล้วอยู่นิ่งๆซะ”
เกือบจะในทันทีที่โรสลินหายใจเข้าลึกๆและเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ดูเหมือนมังกรจะหยุดใช้พลังเวทย์นี้แล้ว แต่โรสลินยังไม่สามารถหยุดอาการสั่นของร่างกายตนได้เมื่อมองไปที่คาร์ล
“นี่มันคืออะ.....”
คาร์ลตัดบทสนทนาของเธอและชี้ไปที่ล็อก
“นี่มันสำคัญมากกว่า”
“....อ่า...”
ปฏิกิริยาตอบรับของโรสลินเมื่อสักครู่สงบลงอย่างรวดเร็ว เธอมองไปยังล็อกที่ดูเหมือนกำลังหลับใหลอยู่และเอ่ยถามคาร์ลขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้นกับล็อกในตอนนี้กันแน่?”
คาร์ลมองไปที่คทาเล็กๆในมือของเธอเหตุผลที่พวกเขาสามารถมาถึงที่นี่ได้ภายในเวลาน้อยกว่าสามวันอาจเป็นเพราะโรสลินได้ใช้พลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร นี่มันเกินที่คาร์ลคาดไว้โรสลินได้เปิดเผยขอบเขตความสามารถของเธอเสียแล้ว
“เจ้าเป็นนักเวทย์ใช่หรือไม่?”
“ใช่...ข้าคือนักเวทย์”
“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะบ้าระห่ำหรือการกลายร่างของเผ่าสัตว์อสูรหรือไม่?”
“อ๊ะ.....”
โรสลินอุทานออกมาเพียงเบาๆ แต่ถึงอย่างไรใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสน
“ข้าเคยอ่านเกี่ยวกับภาวะบ้าระห่ำหรือการกลายร่างของเผ่าหมาป่าในหนังสือมาบ้างแต่ข้าไม่เคยอ่านเกี่ยวกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นจนเกิดเป็นความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน”
“เพราะนี่มันเป็นครั้งแรกของเขา”
“อะไรนะ?”
คาร์ลยังคงพูดต่อไปเมื่อทุกคนในห้องยังคงมองมาที่เขาอยู่
“สัตว์อสูรจะสูญเสียการควบคุมตนเองเมื่อเข้าสู่ภาวะการกลายร่างเป็นครั้งแรกนั่นเป็นเพราะความเจ็บปวดทางกายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของพวกเขา หากพวกเขาสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดในครั้งแรกนี้ได้พวกเขาก็สามารถใช้ภาวะการกลายร่างนี้เป็นอาวุธที่ร้ายแรงและน่ากลัวได้ต่อไปในอนาคต”
สัตว์อสูรจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเข้าสูภาวะบ้าระห่ำหรือการกลายร่างนี้ คาร์ลหันไปสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับล็อกก่อนที่จะพูดต่อ
“.....และเขาจะกลายร่างในไม่ช้านี้แล้ว”
จากนั้นเขาก็หันไปทางโรสลินที่พยักหน้าตอบรับกับคำกล่าวของคาร์ลก่อนที่เธอจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมขึ้น
“ข้าไม่ทราบว่าท่านเป็นคนเช่นไร...แต่ข้าก็พออ่านสถานการณ์ในตอนนี้ออก”
ถึงแม้น้ำเสียงของเธอจะเคร่งขรึมและแข็งกระด้างไปบ้างแต่แววตาของเธอยังคงอ่อนโยน
“เขายังเป็นเพียง...เด็ก”
“ข้ารู้”
เธอขอความช่วยเหลือจากคาร์ลและเขาก็เห็นด้วยที่จะช่วยเหลือ
“เมี้ยว เมี้ยว”
ในขณะนั้นลูกแมวสองตัวก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง พวกมันกระโดดขึ้นไปบนเตียงที่ล็อกนอนอยู่ ออนและฮงเริ่มจ้องไปที่ล็อกอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะ.....
“ฮึ่มมมมมม”
ล็อกกัดฟันของเขาแน่นและเริ่มที่จะคำรามไปที่ออนและฮง ในตอนนี้สัญชาตญาณของเขาไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในเหตุและผลได้ทำให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสัตว์อสูรตนอื่นเช่นนั้น อาการของเขาดูแย่มากจนเชวฮันอดเป็นห่วงไม่ได้
“เมี้ยว ”
แปะ แปะ แปะ
ฮงใช้เท้าของมันตบไปที่ปากของล็อก มันเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงที่ดูเหมือนจะบอกล็อกให้หยุดทำเช่นนี้ จากนั้นก็ส่งสายตามาที่คาร์ลเหมือนบอกให้เขารีบช่วยเหลือล็อกให้เร็วที่สุด
“เขายังสบายดี....”
คาร์ลตอบฮงเบาๆ เมื่อมีเสียงเคาะประตูขึ้นคาร์ลจึงเดินไปเปิดประตูก่อนที่ฮันส์จะนำเครื่องดื่มและผ้าขนหนูชุบน้ำมาให้แก่เขา ก่อนที่คาร์ลจะสั่งฮันส์เพิ่มเติม
“ฮันส์”
“ขอรับ...นายน้อย”
“ไปหาอะไรที่ใช้หามเขาออกไปให้ที”
“ห๊ะ?.....อะไรนะขอรับ?”
คาร์ลชี้ไปยังล็อกที่นอนอยู่บนเตียงแล้วพูดต่อ
“พาเขาลงไปที่ลานฝึกใต้ดิน...อ้อ!....แล้วทำให้แน่ใจด้วยว่าจะไม่มีทหารองครักษ์อยู่ที่ลานฝึกนั่นรวมถึงคนอื่นๆก็อย่าให้มีใครอยู่ในบริเวณนั้นด้วย”
ท่าทางของฮันส์ดูเหมือนจะถามว่าทำไมถึงต้องย้ายเด็กที่ป่วยเช่นนี้ไปยังลานฝึกซ้อมใต้ดินนั่นด้วย แต่คาร์ลไม่ได้สนใจท่าทางนั้นของฮันส์
“เร็วเข้า”
“.....ขอรับนายน้อย”
ฮันส์มีคำถามมากมายและยังคงมองไปที่คาร์ลอย่างประหลาดใจ แต่เขาก็ยังคงต้องทำงานอยู่เขารีบออกไปเพื่อหาอะไรมาหามล็อกออกไป ขณะที่คาร์ลหันกลับไปมองเชวฮันและโรสลินอีกครั้ง
“ส่วนเชวฮันและเจ้า”
“นางคือโรสลิน”
“อ้อ....โรสลิน”
พวกเขาละสายตาจากเตียงที่ล็อกนอนอยู่และหันมาที่คาร์ล
“ใช่แล้วท่านคาร์ล...”
“มีอะไรเช่นนั้นหรือ?”
ความห่วงใย ความกังวลและความจริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสอง ทั้งเชวฮันและโรสลินพวกเขาดูเหมาะที่จะเป็นคนดีธรรมดาๆที่มีชีวิตที่เรียบง่ายมากกว่าจะเป็นวีรบุรุษหรือวีรสตรีเสียอีก คาร์ลเริ่มพูดกับพวกเขาทั้งสองอย่างตรงไปตรงมา
“พวกเจ้าทั้งสองอาจจะต้อง....ถูกทุบตีสักเล็กน้อย”
“........อะไรนะ?”
หลังจากนั้นภายในห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ โรสลินรู้สึกตกใจกับคำพูดของคาร์ลในขณะที่เชวฮันยังรอฟังคำพูดของคาร์ลต่ออย่างเงียบๆ
“โดยปกติแล้ว เมื่อเหล่าสัตว์อสูรที่มาจากเผ่าหมาป่า เผ่าเสือและเผ่าหมีจะมีการกลายร่างเป็นครั้งแรก พวกเขาจะมีพ่อแม่และพี่น้องคอยช่วยดูแล พวกเขาจะใช้การโจมตีทั้งหมดเพื่อรับมือกับการคลุ้มคลั่งที่เกิดขึ้นและในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันไม่ให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บใดๆ นั่นคือวิธีที่พ่อแม่ใช้ปกป้องลูกๆของพวกเขา”
เชวฮันและโรสลินมีท่าทีที่เป็นกังวลทันที ล็อกไม่มีพ่อแม่หรือพี่น้องของเขาสักคนในตอนนี้ คาร์ลชำเลืองมองไปที่ล็อกก่อนที่จะพูดต่อ
“ข้าสามารถบอกได้ว่าข้า....ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับเด็กคนนี้”
แปะ!
เสียงปรบมือดังขึ้นจากคาร์ลก่อนที่เขาจะชี้ไปที่เชวฮันและโรสลิน
“นั่นคือเหตุผลที่เราต้องแสร้งทำเป็นว่าพวกเจ้าทั้งสองคือพ่อและแม่ของเขา...อ้อ!ถ้าหากพวกเจ้าไม่ชอบแบบนี้ก็ต้องเป็นพี่ชายและพี่สาวให้แก่เขา พวกเจ้าทั้งสองจะต้องหาวิธีในการปกป้องเขาให้ได้”
ถึงแม้ว่าคาร์ลจะมีโล่นิรันดร์กาลกับตัวแต่เขาไม่ต้องการที่จะพาตัวเองเข้าไปในสถานการณ์ที่น่าหวาดหวั่นเช่นนั้น ในเมื่อเขามีตัวเลือกที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่ตั้งสองคนแล้วเรื่องอะไรเขาจะต้องเข้าไปเสี่ยงด้วยเล่า?
เชวฮันและโรสลินมองหน้ากันทันที
“เขาจะเริ่มมีอาการเหนื่อยล้าและหมดแรงและเริ่มกลับสู่ภาวะปกติในเวลาต่อมา สิ่งสำคัญคือสติของเขาเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงจากการกลายร่างเป็นครั้งแรก นั่นคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เขารักษาสติและเหตุผลของเขาในการกลายร่างในครั้งต่อไปได้ ”
การทุบตีอาละวาดนั่นคือสิ่งที่เขาจะตอบสนองต่อสัญชาตญาณโดยธรรมชาติของเขามันคือสิ่งสำคัญของสัตว์อสูรที่จะรับมือกับภาวะการกลายร่างนี้
เชวฮันครุ่นคิดในสิ่งที่คาร์ลพูดเพียงชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามคาร์ล
“ท่านคาร์ล...นานแค่ไหนที่เขาจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ?”
“...เขามีสายเลือดที่บริสุทธิ์......”
“.....ท่านหมายความว่ามันจะใช้เวลานาน?”
“อืม....อาจจะสักสองชั่วโมงได้”
คาร์ลเดินเข้าใกล้เตียงที่ล็อกนอนอยู่ก่อนจะตบไปที่ไหล่ของเชวฮันเบาๆ
“มันจะยากสำหรับคนอื่นๆแต่กับเจ้า...เชวฮัน..มันควรจะเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับเจ้า...ข้าเชื่อในตัวเจ้ายิ่งนัก”
“.......ข้าจะทำให้สำเร็จเพราะข้าคือพี่ชายของล็อก”
โรสลินมองไปที่เชวฮันด้วยความประหลาดใจ เชวฮันคือคนที่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่งเพื่อปกป้องชีวิต ในระหว่างการเดินทางร่วมกันของพวกเขา เชวฮันคือคนที่ระมัดระวังและสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่เสมอแต่เหมือนว่าเขาในตอนนี้จะผ่อนคลายลงเป็นอย่างมากแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เร่งด่วนเพียงใดก็ตาม
จากกนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่ผ่อนคลายของคาร์ลแม้ว่าจะยังคงมองไปที่เชวฮันอยู่
“ใช่แล้ว...เจ้าคือพี่ชายของเขา...แล้วเรามาทานอะไรอร่อยๆกันเถอะหลังจากทำมันสำเร็จ”
คาร์ลยังคงนึกถึงอาหารและไวน์ที่เขายังทานไม่เสร็จด้วยซ้ำ
ประตูถูกเปิดออกก่อนที่ฮันส์จะเข้ามาพร้อมกับรอนและบางอย่างที่จะหามล็อกออกไปได้
“นายน้อย....ลานฝึกซ้อมใต้ดินเตรียมพร้อมแล้วขอรับ”
“ดีมาก.....เจ้าจัดการได้เร็วมาก”
คาร์ลสั่งให้เชวฮันย้ายล็อกลงจากเตียงมาไว้ที่เปลหาม ก่อนจะบอกให้พวกเขาทั้งหมดตามตนออกไป
“ไปกันเถอะ.......”