px

เรื่อง : เทพอสนีบาต God of Thunder
บทที่ 45 – มิติพลังเคลื่อนโบราณ ช่วงต้น


   “หึ !! ไม่ต้องพูดถึงวิหารพิทักษ์ด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นนิกายจักรพรรดิประทับ หากต้องการที่จะฆ่าหลานของข้า ก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของพวกมัน หึหึ !!” เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็น



เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉิน ซี ก็หวาดกลัวอย่างมาก เพราะนิกายจักรพรรดิประทับนั้น ถือเป็นสำนักใหญ่ที่แม้แต่วิหารพิทักษ์ไม่อาจเทียบได้แม้แต่นิดเดียว



   “ผู้อาวุโส อภัยให้ข้าด้วย !! ข้ามีตาหามองเห็นไท่ซานไม่ !! หากท่านปล่อยข้าไป ข้าจะตอบแทนท่านด้วยทุกอย่างที่ข้ามี !!” เฉิน ซี กล่าวออกมาใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว



ทุกคนล้วนแล้วแต่หวงแหนชีวิตของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรมาจารย์ควบแน่นพลังเคลื่อนแล้วนั้น พวกเขาก็สามารถมีอายุได้ยืนยาวถึงสามร้อยปี ดังนั้น หากว่าพวกเขาต้องมาตายเช่นนี้ มันย่อมเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดอย่างมาก



หากเป็นในอดีตด้วยบุคลิกของ เล่ย เปา แล้วนั้น เขาจะต้องลงมือสังหารฝ่ายตรงข้ามในทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากที่เขาสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้เช่นนี้ มันก็ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขาได้ไตร่ตรองถึงความได้เปรียบของเขาอย่างถี่ถ้วน



   “ตอบแทนด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามีงั้นหรือ !? ไหนลองเอาออกมาดูสิ หากว่าข้าพอใจ ข้าจะปล่อยเจ้าไปก็ได้ !!” เล่ย เปา กล่าว



ถึงแม้ว่า เล่ย เปา จะมีสมบัติจำนวนมากที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของหลานทั้งสองคนแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสในการรับสมบัติอื่นๆ แต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะพิจารณาข้อเสนอนี้



แม้ว่า อัน ซือฉี จะร้องขอความเมตตาแต่มันก็ไม่เหมือนกับ เฉิน ซี เพราะ เล่ย เปา ไม่ได้มีความเกลียดชังต่อ เฉิน ซี ซึ่งแตกต่างจาก อัน ซือฉี ที่ไปตามปรมาจารย์ควบแน่นพลังเคลื่อนสามวงแหวนมาช่วย ถ้าหากปล่อยเขาไว้ มันก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะไปตามปรมาจารย์ประทับที่มีหกวงแหวน หรือเจ็ดวงแหวนมาช่วย หากเป็นเช่นนั้น มันย่อมไม่ส่งผลดีอย่างแน่นอน



หลังจากสังหาร อัน ซือฉี ด้วยหมัดเดียวแล้วนั้น เล่ย เปา ก็ได้กล่าวออกมาว่า “น้องชาย ฉี เจ้าจัดการกับพวกเขา !!”



แม้ว่า อัน ซือฉี จะตายไปแล้วก็ตาม แต่ทว่าพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนของเขาก็ยังไมได้ปรากฏออกมาแต่อย่างใด และมันอาจต้องใช้เวลานับร้อยปี กว่าที่พื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนของเขาจะปรากฏออกมา



แน่นอนว่าหากพื้นที่พลังซ่อนนั้นปรากฏออกมา มันจะต้องกลายเป็นคลังสมบัติอย่างไม่ต้องสงสัย



ในเวลาเดียวกันนั้น เฉิน ซี ก็ได้นำสมบัติทุกอย่างของเขาที่มีอยู่ภายในพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนในร่างกายของเขาออกมาทั้งหมด มันเป็นสมบัติทั้งหมดที่เขามีจริงๆ ที่เขาได้นำออกมาในตอนนี้



หลังจากที่ได้เห็นสมบัติของ เฉิน ซี แล้วนั้น เล่ย เปา ก็ได้กล่าวออกมาว่า “ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่หากว่าเจ้ายังกล้ากลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม !!”



เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉิน ซี ก็รีบหันหลังวิ่งออกไปด้วยหน้าผากที่ปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็นในทันที แม้ว่าเขาโกรธแค้นอย่างมากจาการสูญเสียลูกศิษย์ของเขาก็ตาม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรักษาชีวิตของตัวเองออกไปให้ได้ก่อนเท่านั้น 



หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนั้น เล่ย เปา ก็ได้กลับไปยังที่พักของเขาในทันที



   “ฟงเอ๋อ เจ้าต้องรีบทะลวงพลังเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์พลังเคลื่อน หากว่าไปถึงพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนของ ซี หรง แล้วเจ้าจะได้ปกป้องตัวเอง และ เหยาเหยา ได้ ข้าจะได้ไม่ต้องพะวงเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเจ้า !!” เล่ย เปา กล่าว



   “ท่านปู่ ข้ากลัวว่าข้าจะทำไม่ได้ !!” ซินฟง กล่าวพลางฝืนยิ้มออกมา



   “ไม่ต้องกลัว นับจากนี้ไปเจ้าจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว หากมีอะไรผิดพลาด ข้าจะเป็นคนหยุดเจ้าเอง !!” เล่ย เปา กล่าว



   “ท่านปู่ ข้าสามารถฝึกฝนได้ไหม.....!!” เล่ย ซิงเหยา กล่าวพร้อมกับจับมือของ เล่ย เปา 



   “เหยาเหยา ตอนนี้เจ้ายังเด็กเกินไป เจ้าจะต้องรอให้อายุถึงสิบหกปีก่อน จึงจะสามารถฝึกฝนพลังได้ ตอนนี้สิ่งสำคัญสำหรับเจ้าคือการฝึกฝนร่างกาย แม้ว่าเจ้าจะมีอายุสิบหกปี แต่หากว่าร่างกายของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ เจ้าก็ยังไม่อาจฝึกฝนพลังได้ !!” เล่ย เปา กล่าว



   “ข้าเข้าใจ !!” เล่ย ซิงเหยา กล่าว ความจริงแล้วนางรับรู้ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพียงแต่ว่านางไม่อยากอดทนต่อความอ่อนแอของตัวเองในตอนนี้เท่านั้น



   “ท่านปู่ ท่านจัดการกับปัญหาแล้วหรือ !?” ซินฟง กล่าวถาม



   “อืม !! เฉิน ซี ได้มอบสมบัติทั้งหมดของเขาออกมา เพื่อแลกกับชีวิตของเขา !!” เล่ย เปา กล่าว แต่เขาก็ไมได้กล่าวถึงจุดจบของ อัน ซือฉี แต่อย่างใด



   “แล้วก่อนหน้านี้ที่ท่านปู่ออกไป มีเรื่องอะไรหรือ !?” ซินฟง กล่าวถามอีกครั้ง



   “ก็มีหลายเรื่องที่ข้าต้องไปจัดการ อย่างแรกก็เรื่องที่จะไปยังพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนของ ซี หรง มันจำเป็นต้องมีคนให้ความร่วมมือมากกว่านี้ อีกอย่างคือเรื่องที่ข้าได้ส่งจดหมายไปยังพ่อแม่ของพวกเจ้า ว่าพวกเราได้ออกเดินทาง !!” เล่ย เปา กล่าว



ซินฟง พยักหน้ารับโดยไมได้กล่าวอะไรออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน เล่ย เปา กล่าวถึงพ่อ และแม่ของเขาออกมาเองเช่นนี้



   “เจ้าไม่สนใจเกี่ยวกับข่าวคราวของพ่อแม่เจ้าหรือ !?” เล่ย เปา กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ



   “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากรู้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ข้ามีท่านปู่กับน้องสาว แค่นั้นก็พอแล้ว !!” ซินฟง กล่าวพลางฝืนยิ้มออกมา



เมื่อได้ยินเช่นนั้น เล่ย เปา ก็ได้แต่ยิ้มเบาๆโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ความจริงแล้วเขาคิดว่าตัวเองต้องตายอยู่ภายในปราการผาพยัคฆ์แน่นอน หลังจากที่ เล่ย ซิงเหยา ได้ถือกำเนิดขึ้นมานั้น เขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่า เขาจะสามารถกลับมามีพลังได้อีกครั้งเช่นนี้



สำหรับ เล่ย ซิงเหยา แล้วนั้น นางไม่เคยได้รับสัมผัสไออุ่นจากพ่อและแม่ของนางเลย ตลอดชีวิตของนางมีเพียงปู่ และพี่ชายของนางเท่านั้น



การที่ปล่อยให้หลานทั้งสองคนของตัวเอง เติบโตมาโดยไม่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อและแม่ของพวกเขาเช่นนี้ มันก็ทำให้ เล่ย เปา รู้สึกผิดมหันต์ และนั่นก็ทำให้เขาตั้งเป้าหมายว่าจะดูแลหลานทั้งสองคนของเขาให้ดีที่สุดเช่นกัน



หลังจากผ่านเวลาไปสิบวัน ในที่สุด ฉี ฉวน ก็สามารถรักษาความสงบของเมืองบูรพาแดงได้นี่สุด



ในระหว่างนั้น เล่ย เปา ก็ได้ออกมาชมเมืองกับ ซินฟง และ เล่ย ซิงเหยา โดยไม่เผชิญกับเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น



นับตั้งแต่ที่ได้เที่ยวชมไปทั่วเมืองนั้น ซินฟง ก็ได้ทำความเข้าใจกับโลกใบนี้มายิ่งขึ้น เขาได้พบการการทำเหล็ก , สิ่งทอ , เครื่องเคลือบ หรือแม้แต่การทำเกษตรต่างๆ ที่สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีเรื่องสภาพแวดล้อม และเรื่องความรู้ที่ยังไม่ได้พัฒนาไปมากนัก



ด้วยความรู้ของ ซินฟง จากโลกก่อนของเขานั้น มันก็ทำให้เขารู้ว่าที่โลกใบนี้ยังไม่มีการคิดค้นเครื่องกล และสารเคมีต่างๆ ขึ้นมา



แต่สิ่งที่ทำให้ ซินฟง ต้องประหลาดใจก็คือ เกี่ยวกับการถลุงเหล็กของที่นี่ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่เจริญก้าวหน้า แม้แต่ร้านลวงเล็กๆ ก็มีเหล็กคุณภาพดีวางขาย มันจึงไม่แปลกที่แม้แต่คนเถื่อนก็มีอาวุธที่ตีขึ้นจากเหล็กชั้นดี



ด้วยสถานภาพเช่นนี้ มันก็ทำให้ ซินฟง พอใจอยู่ไม่น้อย เขาไม่ต้องการให้โลกใบนี้เป็นเหมือนกับโลกก่อนของเขา ที่ทุกคนต่างแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย



   “นี่คือจุดศูนย์รวมพลังเคลื่อนหรือ !?” ซินฟง กล่าวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น



    “ในความคิดเจ้าเห็นว่าจุดศูนย์รวมพลังเคลื่อนเป็นเช่นไร !?” เล่ย เปา กล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ



ในตอนนี้ กลุ่มคนทั้งหมดได้ยืนอยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่งที่มีความสูงชันอย่างมาก ในขณะที่ด้านหน้าของพวกเขามีหลุมสีเขียวลึก ที่มีความลึกกว่าหลายร้อยเมตร



   “เข้าไป !!” เล่ย เปา กล่าว



นอกจาก เล่ย เปา , ซินฟง , เล่ย ซิงเหยา , ฉี ฉวน , ตู่ หงเฉิน , เวิ่น หยาน แล้วนั้น ยังมีผู้ใช้พลังเคลื่อนพันขั้น และปรมาจารย์พลังเคลื่อนอีกสิบคนรวมตัวกันที่นี่



นอกเหนือจากนั้นยังมีวัวตัวใหญ่อีกสองตัว ที่ขนสัมภาระจำนวนมากเอาไว้บนหลังของพวกมัน ส่วนของใช้ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บไว้ในพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนของตัวเองทั้งหมด



คนทั้งหมดต่างกระจายตัวไปตามที่ เล่ย เปา ได้กำหนดเอาไว้ พร้อมกับที่พวกเขาจ้องมองมาที่ เล่ย เปา อย่างจดจ่อ เพื่อดูว่าเขาจะเปิดมิติพลังเคลื่อนโบราณเช่นไร



ในเวลานั้น เล่ย เปา ก็ได้วาดฝ่ามือออกมาอย่างช้าๆ พลันสายฟ้าก็ปะทุออกมาจากฝ่ามือของเขา พร้อมกับตราประทับสายฟ้า และพลังเคลื่อนควบแน่นลอยออกมา ด้วยคลื่นพลังที่กวาดออกมาโดยรอบนั้น มันก็ทำให้คนอื่นๆ หวาดกลัวอย่างมาก และมีเพียง ซินฟง เท่านั้นที่ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เขาได้ใช้พลังเคลื่อนอสนีของเขาคอบคลุมร่างกายของ เล่ย ซิงเหยา เอาไว้เพื่อป้องกันคลื่นพลังที่กวาดออกมา



การเปิดมิติพลังเคลื่อนโบราณนั้น จำเป็นต้องใช้พลังของปรมาจารย์ประทับ แต่การค้นหาจุดศูนย์รวมพลังเคลื่อนนั้นจำเป็นต้องมีพลังขั้นปรมาจารย์ควบแน่นพลังเคลื่อนขึ้นไป ดังนั้น การค้นหาจุดรวมพลังเคลื่อนจึงไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ แต่การเปิดมิติพลังเคลื่อนโบราณนั้น เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่ามาก



เล่ย เปา สามารถตรวจพบจุดศูนย์รวมพลังเคลื่อนที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ซ่อนพลังเคลื่อนของ ซี หรง ถึงสี่จุด หลังจากที่กำหนดจุดที่ใกล้ที่สุดได้แล้วนั้น เขาก็ได้ผสานตราประทับอสนีของเขาลงไปในทันที



เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันก็ทำให้เหล่าผู้คนโดยรอบตกตะลึงอย่างมาก เพราะว่าด้านหน้าของพวกเขานั้น จุดรวมพลังเคลื่อนได้ขยายขนาดขึ้นจนมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่าสามร้อยเมตร 



   “รักษาความสงบเอาไว้ พวกเราจะเดินทางแล้ว !!” เล่ย เปา กล่าว


By.GOT

รีวิวผู้อ่าน