px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
บทที่ 166 – บุกดาวอัลเฟน


ณ วิหารไร้นาม ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ ... .

เสาหลายเสาของวิหารแห่งนี้เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ ระหว่างเสาหินที่เต็มไปด้วยของตกแต่งโบราณปรากฏประตูมิติ ขึ้นจากอากาศที่ว่างเปล่า คนกลุ่มหนึ่งทยอยเดินออกมาจากประตูมิติ

"อ่า"

คนที่เดินออกมาพ่นลมหายใจออกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ใครอื่นเขาคือคังวูชิน

"สักพักแล้วสินะ"

วูชินได้ซื้อ 'วิหารแห่งราห์' มันตั้งอยู่บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง ที่ไม่มีอะไรปิดกั้นรอบๆ เมืออยู่บนยอดเขาสามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล นับว่ามันเคยเป็นสถานที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในอดีต

"ว้าววว ที่นี่อัลเฟ่นหรอครับพี่? "

"มันดูแห้งแล้งและรกร้างจัง"

ซังกูและแจมินได้ปรากฏตัวขึ้นหลังวูชิน พวกเขามองไปรอบๆเห็นหุบเขาเป็นหย่อมๆ มีรอยเขม่าจากการเผาไหม้นอกจากนั้นยังมีซากศพและกองกระดูกเต็มไปหมดไม่รู้ว่ามันเป็นของคนหรือมอนสเตอร์ กลิ่นเหม็นเน่าและกลิ่นเผาไหม้อบอวลฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ

ในหมู่ซากศพมีอยู่ไม่กี่ศพที่ยังคงมีสภาพไม่เน่าเปื่อย

"ให้ฉันเดา พวกนี้คงเป็นพวกที่แย่งกันเพื่อเข้าดันเจี้ยน"

เมื่อวิหารแห่งราห์ถูกวูชินซื้อ ดันเจียนก็ถูกจัดตั้งขึ้น คนพวกนี้คงหวังที่จะมาเคลียดันเจี้ยนแห่งนี้

มันไม่มีกฎที่ว่า คนมาก่อนจะได้สิทธิ์ในการเข้าดันเจี้ยนก่อน มีแต่ผู้แข็งแกร่งและผู้ที่เหลือรอดเท่านั้นที่จะได้สิทธิ์ในการเข้าดันเจี้ยน

“... .”

เมโลดี้ที่พึ่งเดินข้ามประตูมิติมา เมื่อเธอมองไปรอบๆพบสภาพที่น่าหวาดกลัวเธอก็กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

เพราะประตูทางเข้าได้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้จนถล่มลงมา พวกเขาเลยแทบไม่รู้ว่าทางออกมันอยู่ตรงไหน วูชินเลิกให้ความสนใจวิหารแห่งราห์ก่อนที่เขาจะหันไปถามเมโลดี้

"เธอคิดว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?"

"ข้าคิดว่าเราอยู่ที่ราบสูงที่เป็นที่ตั้งวิหารแห่งราห์"

“...”

เมื่อวูชินไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เมโลดี้ก็หันไปมองเขา ตอนนี้เขากำลังขมวดคิ้ว

"แล้วฉันจะรู้ไหมว่าที่ไหน? จะไปหาพันธมิตรทางไหนล่ะ? "

"เอ่อ ... ทางตะวันออกเฉียงเหนือของที่นี่คืออแลนดัลเก่า ถ้าเรามุ่งไปทางทิศตะวันออกเราจะไปถึงที่ตั้งของกลุ่มพันธมิตรและรัฐบาล แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะเป็นยังไงหรือมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ... "

"เอาล่ะ ลองไปดูกัน "

วูชินหันไปมองแจมินและซังกู

"พวกนายบินได้ใช่ไหม?"

"ใช่ครับพี่"

"ใช่พี่"

หลังจากที่วูชินได้ยินคำพูดของพวกเขา วูชินก็ตัดสินใจเรียกอาชาแห่งความมืดฉิงฉิง แทนที่จะเรียกมังกรกระดูกชิงชิง

"เธอรออะไร? มานี่สิ"

"เอ๋? ค่ะ.."

เมโลดี้ไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของวูชิน เธอยืนมือไปจับมือของเขา ก่อนที่จะถูกดึงให้ขึ้นไปอยู่บนหลังฉิงฉิง

ฟืดดด ฟาดด!

ฉิงฉิงไม่ชอบสตรีศักดิ์สิทธิ์เพราะว่ามันเป็นธาตุความมืด แต่มันก็ทำได้แค่หายใจออกแรงๆ ไม่ได้แสดงอาการพยศออกมาแต่อย่างใด

"หลังจากที่ไปดูอแลนดัลเราค่อยไปหากลุ่มพันธมิตร"

เขาไม่รู้ว่าอแลนดัลของเขายังอยู่หรือล่มสลายไปแล้ว เขาต้องไปดูให้เห็นกับตาก่อน บางทีอาจจะมีอาณานิคมใหม่เกิดขึ้นที่นั่นไปแล้ว

"อ่าใช่ ก่อนอื่นเลยก็ต้อง ... "

การกลับไปยังอแลนดัลของเขาต้องทำให้มันสมฐานะเก่า ไปตัวเปล่าๆแบบนี้คงดูไม่ค่อยดี

"ลุกขึ้น!"

กี๊!

พลังเวทมนตร์หลั่งไหลออกจากร่างกายของวูชิน ก่อนที่จะเข้าไปยึดครองร่างศพที่นอนอยู่บนพื้น ไม่นานนักกองทัพอันเด้ดก็ลุกขึ้นมา

ฮื้อออออ!

คนที่ยังมีอวัยวะอยู่บ้างฟื้นขึ้นมาเป็นซอมบี้ ส่วนพวกที่ไร้ร่างกายจะกลายเป็นนักรบโครงกระดูก

"ไปกันเถอะ"

ฉิงฉิงพุ่งทะยานข้ามฟากฟ้าด้วยความเร็วสูง ซังกูปะทุเปลวเพลิงออกมาคลุมร่าง ก่อนที่จะพุ่งตามไปยังกับดาวตก ส่วนแจมินสลายร่างกายเป็นฝูงค้างคาวนับร้อยๆ บินตามออกไป

ในชั่วพริบตา ตามทางที่บินผ่าน กองทัพอันเด้ดและนักรบโรงกระดูกก็ถูกสร้างขึ้นมาอีกนับพันและพวกมันก็วิ่งไล่ตามวูชินไปอยู่บนพื้น

ฉิงฉิงกำลังพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วที่น่าตระหนก เมโลดี้ที่กลัวจะตกลงไป ได้แต่คว้าเอวของวูชินเพื่อยึดเอาไว้

***

ฝูงเวซิกจำนวนมากกำลังไล่ล่าเหยื่อของพวกมัน ...มนุษย์

ก๊าซซซซ!

น้ำลายเหนียวหนืดของพวกมันไหลย้อยลงมาบ่งบอกว่าพวกมันหิวโหยขนาดไหน ถ้าพวกมันไล่ตามทัน อย่างหวังว่าจะมีมนุษย์คนใดรอดไปจากการถูกฉีกกระชากได้

"รีบฟื้นพลังเวทย์ของพวกเจ้าซะ

หัวหน้าที่ตะโกนออกคำสั่ง เป็นชายร่างใหญ่ ตอนนี้เขาอยู่หลังสุดของกลุ่ม เพื่อทำหน้าที่สกัดกั้นและต้านทานมอนสเตอร์

“ฮ่าาาาา!”

ชายหัวล้านที่มีสถานะเป็นผู้กล้าและผู้นำกลุ่ม สะบัดกระบองในมือของเขา เขาเหวี่ยงมันเพื่อฟาดหัวของพวกเวซิก ที่พุ่งเข้ามาจู่โจมจนพวกมันกระเด็นไปทีละตัวๆ

"ท่าน ทาริค ระวังข้างบน!!!"

เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนจากผู้หญิงคนหนึ่ง ทาริครีบหันไปด้านบน ก่อนที่จะพบ เวซิกตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาหมายจะกัดเขา เขาไม่รอช้ารีบสะบัดกระบองในมือขึ้นไปด้านบน มันปะทะกับหัวของเวซิกจนแตกกระจาย แต่กรงเล็บของมันยังฝากรอยแผลไว้ให้เขา

บนหัวที่ล้านของเขาปรากฏรอยแผลกรีดเป็นเส้นบางๆ

“โธ่เว้ย! รีบลุกแล้วหนีไปเร็วเข้า! "

ทาริครีบหันหน้ากลับไปยังกลุ่มผู้อพยพ ก่อนที่จะออกคำสั่ง เขาใช้เวทย์เร่งความเร็วให้แก่ทุกคนและตัวเขา เขานำมือที่ไม่ได้ถือกระบอง ไปวางไว้บนหัวที่ล้านของเขา

วิ้งงงงงง

แสงสีขาวเต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์แผ่ออกมา บาดแผลเมื่อสักครู่หายไปในพริบตา เขาอุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ล้มลงไว้ กับตัวก่อนที่จะวิ่งตามฝูงชนไป

"ฮึก ฮึก ท่านทาริค"

"เด็กน้อย อย่าได้ร้องไห้"

วู้มมมมม

ร่างกายของทาริคเปล่งแสงสว่างออกมา ก่อนที่แสงจะครอบคลุมไปยังผู้คนที่อยู่ด้านหน้าทั้งหมด

"รีบฟื้นพลังเวทย์ของพวกเจ้า!"

พวกเขาวิ่งราวกับชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย พวกเขาไม่อยากตาย ขาของผู้ใหญ่หลายคนเริ่มหายจากอาการสั่นหลังจากได้ฟื้นพลังเวทย์ พวกเขารีบอุ้มเด็กน้อย ไปคนละ 1 ถึง 2 คน ก่อนที่จะออกวิ่งไปข้างหน้า

"พวกเราจะตายใช่มั้ยคะ?"

เมื่อได้ฟังคำถามของเด็กสาวตัวน้อยในมือ ทาริคยิ้มออกมาก่อนที่จะตอบ

"อย่างห่วงเลยแม่หนู! เราต้องมีความหวัง ปาฏิหาริย์จะบังเกิดเมื่อเรามีศรัทธา"

“ฮึกฮึกค่ะ หนูวิ่งไหวแล้ว ปล่อยหนูลงนะคะ "

ทาริคปล่อยเด็กน้อยในอ้อมแขนลง ก่อนที่เธอจะวิ่งตามผู้ใหญ่คนอื่นๆไป

ยังเหลือ เวซิกอีก 20 ตัว ที่ไล่ตามพวกเขา

หากเกิดเสียงดังไอพวกนี้จะแห่กันมาเพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือพาทุกคนวิ่งหนีต่อไป เพราะตอนนี้คนที่เหลืออยู่ตรงนี้คือกลุ่มคนสุดท้ายของหมู่บ้านที่เขาไปช่วยแล้ว

หากพวกเขาต้องการต่อสู้ก็สามารถทำได้ แต่ว่าเหล่าเด็กน้อยคงไม่มีทางรอดชีวิต เพราะคงไม่มีใครสามารถปกป้องพวกเด็กๆทั้งหมดได้ ทาริคได้แต่รั้งอยู่ด้านหลังเพื่อฆ่าพวกเวซิกที่คอยไล่ตามมา

ผัวะ, ก๊าซซซ!

"ไอพวกมอนสเตอร์ชั่วร้าย!"

ทุกครั้งๆที่ทาริคสะบัดกระบอง ต้องมีเวซิกจบชีวิตลง เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บเขาสามารถรักษาตัวเองได้ หลังจากที่ทาริคสังหารเวซิกไป 2 ตัวอยู่ๆ เขาก็หันไปมองรอบๆ

"เฮ่? พวกเจ้าหยุดทำไม ... "

เมื่อสงสัยว่าทำไมคนด้านหน้าถึงหยุดวิ่ง แต่ข้อสงสัยของเขาก็ต้องหมดไป เมื่อสังเกตไปยังด้านหน้าที่เห็น ฝูงมอนสเตอร์ ที่รูปร่างคล้ายคลึงกับแมงมุมแต่พวกมันมีหนวดยุบยับ จำนวน 12 ตัวขวางกั้นเส้นทางอยู่ มอนสเตอร์พวกนี้มีชื่อเรียกว่า ลันเชอร์

กี๊ซซซซ!

ในที่สุดเวซิกด้านหลังก็ไล่มาทัน ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในวงล้อมแล้ว

“ท่านทาริค ...”

ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยสิ้นหวัง ผู้ใหญ่ตัดสินใจวางเด็กๆลงก่อนที่จะหยิบอาวุธออกมา วันนี้คงเป็นวันตายของพวกเขาทั้งหมด

ไม่สิ พวกเขาจะไม่ตายทั้งหมด

พระทาริค จะต้องไม่ตายเพราะเขาเป็นผู้รับใช้ของ พระเจ้าสเกีย

"ได้โปรด องค์สเกีย ... "

ทาริคสวดภาวนาอย่างสงบก่อนที่เขาจะหยิบกระบองออกมา

แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขายังไม่ได้สิ้นหวัง หนทางมันอาจจะยากลำบากแต่เขาต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้

กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาแข็งเกร็งขึ้น เสื้อผ้าเริ่มปริและฉีกขาดออก มัดกล้ามที่สมบูรณ์แบบถูกแสดงออกมา

ในการต่อสู้นี้ หากเขาไม่อาจปกป้องเด็กๆทุกคนเอาไว้ได้ นั่นจะเป็นตราบาปติดตัวเขาไปชั่วชีวิต...

เขาจะใช้ความโกรธแค้นนี้เป็นพลัง ในการฆ่าล้างเหล่ามอนสเตอร์เบื้องหน้าทุกตัว

วิ้งงงง

ร่างกายของทาริคเปล่งประกายแสงสีชมพูออกมา

“ท่านทาริค! ดูนั่นค่ะ! "

ในขณะนั้นเสียงเด็กสาวก็ตะโกนออกมา

ฟู่มมมมม

ลูกไฟกำลังตกลงมาจากฟ้าจำนวนมาก พวกมันพุ่งเป้าจู่โจมไปที่ลันเชอร์ มอนสเตอร์ที่รูปร่างคล้ายๆแมงมุม

ตูมมมมม!

"หือ?"

ตาของทาริคเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ

ฟิ้ววววว ฉัวะ! กี๊ซซซซ!

ลูกศรดอกหนึ่งพุ่งมาทะลวงหัวของเวซิกตัวหนึ่ง ที่กำลังพุ่งมาลอบจู่โจมทาริค

"โอ้ พระเจ้า.. "

ตอนนี้บนดาวเหลือผู้กล้าเพียงไม่กี่คนแล้ว

ผู้กล้าเหล่านี้ พวกเขาเป็นความหวังสุดท้ายของดาวดวงนี้ ในการรวบรวมชิ้นส่วนมิติจากพวกศัตรู

จอมเวทย์ เกรแฮม และ เอลฟ์สาว ลาตาชา ปรากฏตัว

"พวกเรารอดแล้ววว!"

"นั่นท่านเกรแฮม!"

"นั่นศรสีเงิน!"

บางคนในที่นี้เคยร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าผู้กล้า พวกเขาจึงจะโกนออกมาด้วยความดีใจ

เมื่อผู้กล้าทั้งสองเข้าร่วมรบ เหล่าเวซิกและลันเชอร์ก็ถูกกำจัดลงด้วยความรวดเร็ว

ทาริคต้อนรับพวกเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข

"พวกเจ้ามาได้ทันเวลาพอดี! ข้าดีใจจริงๆที่ได้เจอพวกเจ้า! "

"ท่านทำได้ดีมาก เกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้? "

เมื่อได้ยินคำถามของเกรแฮม ทาริคได้แต่ส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ หมู่บ้านที่หลบซ่อนอยู่ได้ถูกศัตรูค้นพบ พวกมันสังหารประชากรในหมู่บ้านอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้ทั้งหมดของชาวบ้านที่เหลืออยู่ คือกลุ่มคน 30 คนตรงนี้

นอกจากนี้ครึ่งหนึ่งของคนทั้งหมดเป็นแค่เด็ก

"บ้าเอ๊ย! ไอพวกสารเลวเวซิก มันกระจายมาถึงตรงนี้แล้ว "

เอลฟ์สาวลาตาชา มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามและใบหน้าที่อ่อนโยน แต่คำพูดของเธอกลับดุดันและหยาบคาย เพราะว่า ป่าของเธอถูกเหล่ามอนสเตอร์ทำลายจนพินาศ เหล่าเอลฟ์ที่งดงามเหลือจำนวนไม่มากแล้วตอนนี้

มีแต่เอลฟ์นักรบเท่านั้นที่ยังเหลือลมหายใจอยู่

"เกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มอื่นๆ ที่เข้าจู่โจมอาณานิคม โกชูชู?"

ได้ยินคำถามของทาริค เกรแฮมได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยความเศร้า

"พวกเราล้มเหลว เราไม่สามารถเอาชนะได้ สมาชิกคนอื่นๆในกลุ่มได้แยกย้ายกันไป เพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตให้ได้มากที่สุด "

“อืม ...”

สีหน้าของทาริคหมองคล้ำลง เมื่อได้รับฟังข่าวร้ายจากเกรแฮม

โกชูชู เป็นผู้ปกครองมิติที่พึ่งก่อตั้งอาณานิคมบนดาวดวงนี้ มอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของมันมีจำนวนมหาศาลและพวกมันเริ่มออกมาล่ามนุษย์บริเวณรอบๆ

หากพวกเขาสามารถทำลายอาณานิคมของมันได้ การแพร่กระจายของมอนสเตอร์จะถูกหยุดลง สิ่งนี้จะทำให้พวกเขามีเวลาได้พักหายใจกันบ้าง แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาล้มเหลว ทำให้ตอนนี้พวกเขาต้องค้นหาที่ปลอดภัยแห่งใหม่เพื่อใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ

การโจมตีไม่ได้เกิดแค่เฉพาะหมู่บ้านที่ทาริคเข้าไปช่วย หมู่บ้านและเมืองอื่นๆก็ถูกโจมตีพร้อมๆกัน เหล่าผู้กล้าได้กระจายตัวไปช่วยเหลือผู้คนในแต่ละเมือง

กี๊ววววววว!

ในขณะนั้นเอง สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา ก็ส่งเสียงร้องดังก้องจากฟากฟ้า

"บ้าเอ๊ย! นั่น เฟริส! "

เฟริส เป็นปลากระเบนขนาดยักษ์ที่สามารถบินบนท้องฟ้าได้

ขนาดของมันมหึมา เมื่อมันบินอยู่บนหัวมันสามารถบดบังแสงอาทิตย์ได้ราวกับเวลากลางคืน ในแง่ของขนาดตัวมันก็ไม่ต่างอะไรกับมังกรยักษ์ แต่เหตุผลที่ทุกคนหวาดกลัวมัน เป็นเพราะมอนสเตอร์ตัวนี้ไม่ได้มีไว้จู่โจม มันมีไว้ลำเลียงกำลังพล

หึ่งงงงงง!

เวซิกที่อาศัยอยู่บนหลังของเฟริส บินลงมา มันคลี่ปีกที่เหมือนแมลงปอก่อนที่จะบินลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

ครึก ครึก ครึก ครึก!

ไม่ใช่แค่มีแต่ด้านบนเท่านั้น มอนสเตอร์ที่คล้ายตัวตุ่น ทิวดอร์ ก็กำลังคืบคลานใต้ผืนดินเพื่อลอบจู่โจมพวกเขา พวกมันดำดินมาจู่โจมพวกเขาจากทุกทิศทาง

“บ้าชิบ ดูเหมือนความสามารถของกองทัพ โกชูชู มันจะร้ายกาจกว่าที่คิดไปมากโข "

ใบหน้าของ ทาริค, เกรแฮม และ ลาตาชา หมองคล้ำลงเมื่อเห็นมอนสเตอร์จำนวนมาก

พวกเขาสามารถหนีไปได้ทุกเวลา แต่ถ้าพวกเขาหนีไป รับรองได้ว่า ประชาชนบริสุทธิ์ 30 ชีวิตตรงนี้ต้องตายหมดไม่มีเหลือ ถึงแม้พวกเขาจะไม่หนีไป แต่ก็ต้องมีคนตายอยู่ดี

เรื่องที่น่าเสียดายที่สุดคือ เหล่าเด็กน้อยที่อยู่ตรงนี้วันหน้าอาจจะกลายเป็น จอมเวทย์ที่เก่งกาจในอนาคต เป็นเรื่องโหดร้ายที่อนาคตของเด็กๆเหล่านี้จะจบลงวันนี้

"ถอยกันเถอะ"

เกรแฮมส่ายหัวให้กับคำกล่าวของ ลาตาชา พระทาริคไม่ได้กล่าวอะไรออกมาได้แต่อดกลั้น ในขณะที่ทาริคกำลังจะพูดอะไรออกมา มือที่หยาบกระด้างของเขาก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจากมือของเด็กสาวตัวน้อย

เด็กสาวตัวน้อยคนนั้น จ้องมองเขาด้วยแววตาน่าสงสาร ก่อนที่จะ เอ่ยถามออกมาทั้งน้ำตา

"เรากำลังจะตายใช่มั้ยคะ?"

“...”

"ไม่มีปาฏิหาริย์อีกแล้วหรอ คะ?"

“...”

ราวกับเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นรับรู้ถึงจุดจบของสถานการณ์นี้ ทาริคหันไปมองเพื่อนของเขาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว

"สู้กับมันให้ถึงที่สุด"

"นั่นมันบ้าสิ้นดี"

"ถ้างั้นพวกเจ้าทั้งสองรีบหนีไป ข้าจะสู้เพื่อปกป้องเหล่าเด็กน้อยจนวินาทีสุดท้าย .. "

เมื่อได้ฟังคำพูดของทาริค เกรแฮมได้แต่ค่อยๆกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง

"ท่านเป็นพระและสาวกของพระเจ้าสเกีย ไม่ควรเอาตัวมาเสี่ยงกับเรื่องพวกนี้ ท่านมีภาระยิ่งใหญ่ที่ต้องกระทำในอนาคต ข้าปล่อยให้ท่านตายที่นี่ไม่ได้"

ความแข็งแกร่งของทาริคไม่ได้อ่อนด้อย

"ภารกิจของข้าคือช่วยชีวิตเหล่าเด็กน้อยพวกนี้ มันไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่านี้ "

"เฮ่อ…"

เมื่อพบกับความดื้อรั้นของทาริคเกรแฮมได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจ เรื่องราวกลับเลวร้ายลงไปอีกเมื่อเฟริสโผล่มาเพิ่มอีกสองตัว และกองทัพ เวซิกก็แห่กันบินลงมาเป็นจำนวนมหาศาล

ท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยตั๊กแตนนักฆ่า ไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์สักเท่าไร

"ถ้าท่านสเกียจะมอบความตายให้ข้า ณ ที่แห่งนี้ ข้าขอน้อมรับมันด้วยความเต็มใจ"

ทาริคพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว เกรแฮมกระชับคทาเวทมนตร์ในมือ

"ข้าว่าเราคงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ"

บนดาวอัลเฟ่นนี้ใครจะตายก็ได้ แต่ทาริคไม่สามารถจบชีวิตลงได้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้จากไปแล้ว ตอนนี้ทาริคเป็นคนเดียวที่มีความสามารถในการรักษาและฟื้นฟู

เขาไม่มีทางเลือก แต่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้พระคนนี้รอดไปให้ได้

พวกเขาต้องแลกชีวิตจู่โจมฝูงมอนสเตอร์ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะหาโอกาสส่งทาริคให้หลบหนีออกไป ถ้าผู้ปกครองมิติมาด้วยตัวเอง คงไม่มีหนทางรอดชีวิตอีกแล้ว

ซู่มมมมมมมม!

ในขณะที่พวกเขาเตรียมการต่อสู้ เรื่องมหัศจรรย์พลันบังเกิดขึ้น

ตูมมมม!

เกิดระเบิดขนาดใหญ่ พลังทำลายมหาศาล สังหารเหล่าเฟริสบนท้องฟ้าไปในชั่วพริบตา

ตึง ตึง ตึง!

เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นของปฐพีก้องกังวาลออกมา เมื่อพวกเขาหันไปตามเสียง ก็เห็นเหล่ากองทัพแห่งความตาย กรีธาทัพออกมาจากช่องเขา

ในด้านหน้าสุดของกองทัพ พวกเขาวังเกตเห็นถึง อัศวินแห่งความตายที่กำลังเคลื่อนที่มาพร้อมกับอาชาแห่งความมืด

"โอ้พระเจ้า"

ใบหน้าของลาตาชาซีดลงจนไร้สีเลือด

"นั่นคือ กองทัพของผู้อมตะ!"

ร่างกายของเกรแฮมสั่นสะท้าน คทาเวทมนตร์หลุดออกจากมือกลิ้งไปบนพื้น เพราะเจ้าของไม่เหลือเรี่ยวแรงเหนี่ยวรั้งมันเอาไว้

มันไร้ประโยชน์ที่จะดิ้นรนเพื่อรักษาชีวิตอีกต่อไป

แม้แต่สัญลักษณ์แห่งความหวัง ทาริค ก็ทรุดลง

"ไร้ซึ่งแล้วปาฏิหาริย์ ... "

เขาไม่เคยคาดฝันว่าจะต้องมาเจอกับกองทัพของผู้อมตะที่นี่ ...

ชาวบ้านทั้งหมดที่รอดชีวิตมาได้ เมื่อเห็นถึงกองทัพผู้อมตะ พวกเขาไร้เรี่ยวแรงที่จะยืน สืบไป ได้แต่ทรุดตัวลงบนพื้นอย่างหมดอาลัย ต่อให้พวกเขาเจอกองทัพมอนสเตอร์มากกว่านี้ พวกเขายังคงมีหวังที่จะสู้จนสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่..น่าเสียดาย ตรงหน้าของพวกเขาเป็นกองทัพแห่งความตายของผู้อมตะ ...สูญสิ้นแล้วความหวัง

แต่ในขณะนั้น เด็กน้อยก็ร้องตะโกนออกมา

"ดูตรงนั้น นั่นสตรีศักดิ์สิทธิ์! นั่นคือ ท่านเมโลดี้! "

“... .. !”

ทาริคที่ทรุดตัวลงอย่างสิ้นหวัง แหงนหน้าขึ้นมามองไปตามเสียงของเด็กน้อย

เมื่อเขามองไปยังด้านหน้าของกองทัพแห่งความตาย เขาเห็นผู้อมตะ ที่กำลังขี่อาชาแห่งความมืดเยื้องย่างเข้ามา แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ

สตรีศักดิ์สิทธิ์เมโลดี้ อยู่ด้านหลังผู้อมตะ บนอาชาแห่งความมืดตัวนั้น

"บ้าเอ๊ย! ผู้ อมตะเป็นคนลักพาตัวศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างงั้นเหรอ? "

สตรีศักดิ์สิทธิ์คือตัวแทนความหวังของผู้คนทั้งดาว ข่าวคราวของเธอเงียบหายไปเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน ไม่มีใครสามารถหาร่องรอยของเธอพบ ตอนนี้พวกเขาไม่คิดไม่ฝันว่า ผู้อมตะจะจับตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์เอาไว้

ในขณะที่ทาริคกำลังมองไปทางผู้อมตะอย่างสิ้นหวัง กองทัพแห่งความตายก็เข้าไปเข่นฆ่าพวกเวซิกที่อยู่บนพื้นดิน

รีวิวผู้อ่าน