px

เรื่อง : The Inverted dragons scale
019 - เรื่องราวเก่าๆ


เด็กที่ไม่เชื่อฟังสามารถพบได้ในทุกๆที่ แต่แม่ที่ไม่รักลูกของตัวเองนั้นคงจะไม่ค่อยพบเจอสักเท่าไหร่

หลี่เหยียน เข้าใจความรู้สึกของภรรยาของเขา เขาเอื้อมมือออกไป วางลงบนไหล่และบอกให้เธอใจเย็นๆ
 

"เธอปฏิบัติต่อ มู่หยาง เหมือนเป็นลูกของเธอ เธอคิดว่าฉันไม่ถือว่าเขาเป็นลูกของฉันอย่างงั้นหรอ?
แม้ว่าหลังจากที่เรามี หลี่ชือเหนียน แล้ว คิดว่าความรักของเราที่มีต่อเขาจะจางหายไปงั้นหรอ?
ในเวลานั้น พวกเรากังวลว่า มู่หยาง จะโดดเดี่ยว ดังนั้น เราจึงปฏิบัติต่อเขาให้ดียิ่งกว่าเดิมไง
มู่หยางกับชือเหนียน ในหัวใจของพวกเราไม่มีความลำเอียงระหว่างลูกในสายเลือกและลูกบุญธรรม"

"แต่คุณก็รู้ มู่หยาง มีเลือดของตระกูลลู่ไหลพล่านอยู่ในตัวเขา ในเวลานั้น พวกเขาคิดว่ามู่หยางถูกฟ้าผ่าและไม่อาจมีชีวิตรอดไปได้
พวกนั้นกังวลว่าเขาจะพิการ ดังนั้นพวกเขาจึงจัดฉากหาตัวแทนเจ้าชาย
เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะมีคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาบังคับให้เราทั้งสองคนออกจากเทียนดูในคืนนั้น และย้ายมาอยู่ที่เจียงนาน
ในตอนนั้นเธอยังไม่เต็มใจที่จะสลับตัวเด็ก ใครอยากจะมอบลูกสาวที่เพิ่งลืมตาดูโลกให้กับคนอื่นกันล่ะ?
แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราก็จำเป็นต้องทำไม่ใช่หรอ?"

 

"ต่อมา พวกเขาก็พบว่า หลี่ มู่หยาง ยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นพวกเขาก็จับตามองเขาตลอด
ตอนมู่หยาง อายุได้ 5 ขวบ มีนักบวชนิรนามมาเยี่ยมเยียนอย่างเงียบๆ
ไม่ใช่ว่าตระกูลลู่เชิญเขามาหรอ? ถ้าไม่ แล้วเขาจะหาทางมาที่นี่ได้อย่างไร?
ใครจะรู้ว่าครอบครัวของเรามีเด็กป่วยเป็นโรคเรื้อรัง?
ถ้านักบวชนิรนามไม่ได้รักษาเขาด้วยวิธีการรักษาเฉพาะเป็นเวลาหลายปี
มู่หยางจะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้จนถึงตอนนี้งั้นเหรอ เธอก็รู้ถึงสภาพร่างกายของเขาในตอนนั้น
ช่วงเวลานั้น พวกเรารู้สึกหวาดกลัวทุกวัน และตื่นขึ้นมาด้วยฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กลัวว่าหัวใจของมู่หยางจะหยุดเต้นกระทันหัน เขาเปราะบางและอ่อนแอเกินไป
มันดูเหมือนเขาจะทิ้งพวกเราไปตลอดกาล"

 

"นักบวชนิรนามอยู่ในเจียงนานเป็นเวลาถึงหกปี จนกระทั่งร่างกายของมู่หยางคงตัวและเริ่มฟื้นตัว เขาก็จากไป
เมื่อนักบวชนิรนามจากไปแล้ว สายตาของตระกูลลู่ที่จับตามองมู่หยางอยู่จะหายไปด้วยงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก
ฉันกลัวว่าหากตระกูลลู่ยังคงติดตามการเติบโตของ มู่หยาง ตอนนี้สภาพร่ากายของมู่หยางยังคงน่าเป็นห่วงอยู่
และเขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่โดดเด่นใดๆ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้มาพาตัวเขากลับไป"

 

"แน่นอน  ไม่มีทางที่พวกนั้นจะพาเขากลับไปได้ตอนนี้ ถ้าพวกนั้นนำตัวมู่หยางกลับไปยังตระกูลลู่
พวกนั้นจะให้เขาอยู่ในฐานะอะไร? ญาติห่างๆหรอ? เด็กกำพร้า? หรือหลานชายคนโตที่ถูกทอดทิ้ง? มันใช่เหรอ?
คุณปู่ลู่ เป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะทำสิ่งที่ไม่ฉลาดแบบนั้น."

 

เหลาฉี เข้าใจการวิเคราะห์ของสามีว่าสมเหตุสมผล เธอกระซิบว่า " ตอนนี้ตระกูลลู่ไม่สามารถพาเขากลับไปได้
มู่หยางยังคงเป็นลูกของเรา แล้วคุณต้องกังวลอะไรอีก? "

 

หลี่ เหยียน  หัวเราะอย่างขมขื่น ใบหน้าอันเด็ดเดี่ยวของเขาแสดงให้เห็นร่องรอยของความทุกข์ทรมาณและพูดว่า
"ปล่อยให้ทุกๆ อย่างเป็นไปตามธรรมชาติของมันเถอะ ตระกูลลู่ไม่เต็มใจที่จะเก็บเขาไว้ มู่หยางยังคงเป็นลูกของเราเสมอ
แม้ว่าพวกเราจะใช้ชีวิตแต่ละวันเรียบง่ายและแสนธรรมดา แต่ก็มีความสะดวกสบายและมีความสุข 
ไม่ต้องมีการวางแผนและต่อสู้ เหมือนขุนนางในเทียนดู

 

"พวกเขาเหี้ยมโหดและเลือดเย็น" เหลาฉี กล่าวอย่างเย็นชา "มีอะไรที่พวกเขาทำไม่ได้บ้าง?"

หลี่เหยียน ยิ้มกับภรรยาของเขา เขารู้ว่า เหลาฉี เกลียดชังตระกูลลู่.

 

"อย่างไรก็ตาม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตระกูลลู่อยากจะพาเขากลับไป? ผู้นำของตระกูลลู่แก่ชราลงทุกปี
เขาไม่อยากเห็นหลายชายของเขาก่อนที่เขาจะตายหรอ?
หลิวฉิงเมิ่ง ตอนนี้เป็นข้าหลวงไปแล้ว อำนาจของเขาทำให้ตระกูลลู่เติบโตขึ้น
เขาไม่ต้องการที่จะกลับไปหาลูกชายของตัวเองหรอ? 
ที่สำคัญที่สุดคือ นายหญิงกงซุน เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รู้ในภายหลังหรอ?"

 

"ถ้ามันเกิดขึ้น  ถ้าตระกูลลู่อยากพาเขากลับไป นั่นเป็นแค่ความคิด 
ในเวลานั้น พวกเราจะต่อต้านไหวมั้ย? นอกจากความจริงที่ว่าตระกูลลู่เป็นตระกูลที่มีอำนาจและร่ำรวย
พวกเขายังเป็นตระกูลต้นๆ ในรายชื่อตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดใน อาณาจักรเวสต์วินด์อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมี นายหญิงกงซุน 
นายหญิงกงซุน รักลูกของเธอ 
หลังจากผ่านไปหลายปีมาแล้วเธอก็ยังไม่สามารถกำจัดความกังวลของเธอได้
ถ้าเธอมารับเขา คุณจะปล่อยให้เธอทำหรือป่าว?"

 

คราวนี้ เหลาฉี เงียบ

เธอเป็นปฏิปักษ์กับครอบครัวลู่ เธอรู้สึกว่าทุกคนในตระกูลลู่เลือดเย็นและโหดเหี้ยมและทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

แต่เธอไม่ได้เกลียด กงซุนหยู  เธอรู้ว่า ถ้ากงซุนหยู รู้ความจริงเธอจะรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าที่เธอรู้สึก 10 เท่าหรือ 100 เท่า          

       

ยิ่งไปกว่านั้น เธอเป็นสาวใช้ของ นายญิงกงซุน  
หญิงกงซุนยังเคยช่วยกลับคำตัดสินที่ไม่ยุติธรรมให้พ่อแม่ของเธออีกด้วย
มิเช่นนั้น ป่านนี้เธอจะไปตกอยู่ในมือของศัตรู.

 

และด้วยเหตุนี้ เธอผู้เป็นนักเรียนที่โดดเด่นในสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งราชอาณาจักร
ยินดีที่จะรับใช้ นายหญิงกงซุนหยูไปชั่วชีวิต
นายหญิงกงซุนหยูเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน และสุภาพที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมาแต่

"เธอเป็นผู้หญิงที่มีชะตากรรมที่โหดร้าย" เหลาฉี พูดด้วยเสียงทุ้มๆ
   

"ใช่ ผู้หญิงที่มีชะตากรรมที่โหดร้าย. ชีวิตของเราชั่งขื่นขม 
อย่างไรก็ตาม, ไม่มีใครสามารถเทียบกับชะตากรรมอันแสนเศร้าของมู่หยางได้
ดูที่เขาอาศัยอยู่ตั้งแต่วันที่เค้าเกิดจนถึงวันนี้สิ.

ตั้งแต่ยังเด็กเขาเกือบจะถูกนำตัวไปใส่ไว้ในถ้วยปรุงยา
เมื่อเขาควรจะเริ่มดื่มนม เขาก็จำเป็นต้องดื่มยาแทน เป็นเวลากว่า 10 ปี
ทุกๆวัน เขาต้องดื่มยา 3 ชามใหญ่ การปรากฏตัวของเขามันเป็นเรื่องแย่  
ทุกที่ที่เขาไป เขามักจะถูกเยาะเย้ยเสมอ เป็นเพราะผลจากการป่วยของเขา
สติปัญญาของเขาไม่มีไม่ถึง 1 ใน 10 ของเด็กปกติ
ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา
และเขาเริ่มฉลาดขึ้นทีละน้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ.. "

 

ใบหน้าของหลี่เหยียน แสดงออกอย่างอ่อนโยนขณะที่เขามองไปที่ ชุยเสี่ยวซินและหลี่ชือเหนียนที่กำลังหัวเราะ หลี่มู่หยาง และพูดว่า  

"สำหรับเด็กที่โตแล้วอย่างเขา
นี่คือช่วงเวลาที่การเคารพตนเองของเขาทำให้เขาอ่อนไหวมากที่สุด                
เมื่อเขายังเป็นเด็กและเริ่มถูกเรียกว่าตัวน่าเกลียดจากคนอื่นๆ  
เขาสามารถทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเขาอาจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ตอนนี้เขาสามารถทำเป็นไม่สนใจได้เหมือนก่อนหรอ? ถ้าเขาชอบผู้หญิงคนนึง แล้วผู้หญิงคนนั้นจะชอบหลี่มู่หยางกลับไหม?"

  

"แล้วเราควรทำยังไง?"  เหลาฉีกำหมัดของเธอ สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ในหัวใจของเธอ.   
"เราจำเป็นต้องหาวิธีที่จะช่วยลูกของเรา  เราควรคุยกับเขาไหม? สอนให้เขารู้ไหม?"

 

หลี่เหยียน ส่ายหัวแล้วพูดว่า "จู่ๆ มู่หยางก็ออกจากโรงเรียน มันทำให้ฉันประหลาดใจ ในตอนที่ฉันไปโรงเรียนเพื่อขอลาให้เขา
ฉันไปถามเด็กคนนึง, ฉันดึงนักเรียนคนหนึ่งมาที่ประตูแล้วถามเรื่องของ มู่หยาง เป็นเพราะครูสงสัยว่าเขาโกงข้อสอบ เขาก็เลยไม่อยากที่จะไปโรงเรียนอีก"     

"อะไรนะ?"  เหลาฉี ระคายเคืองและตะโกนด้วยความโกรธ "ครูคนไหนมาบอกว่าลูกชายของฉันโกงข้อสอบกัน?
ลูกชายฉันจะรู้สึกยังไงทำไมฉันจะไม่รู้ ทุกๆ การสอบที่เขาสอบเขามักเป็นอันดับสุดท้ายเสมอ เธอสงสัยว่าเขาโกงในขณะเขาได้คะแนนอันดับสุดท้ายเนี่ยนะ?"   

"ไม่ใช่แบบนั้น ฉันได้ยินมาว่า มู่หยาง ทำได้ดีในการสอบคราวนี้"

"แล้วเธอก็บอกว่า ลูกชายของฉันโกงข้อสอบน่ะหรอ? มู่หยางต้องใช้เวลาตั้งเท่าไหร่ ต้องพยายามหนักแค่ไหน เราที่เป็นพ่อแม่นั้นรู้ดี 
แม้ในสภาพที่เขาบาดเจ็บ เขาก็ยังคงอ่านหนังสือและอ่านมันตลอดทั้งวัน วันหนึ่งเขาทำได้ดีในการสอบแล้วเป็นแบบนี้งั้นเหรอ 

ไม่ได้การ ฉันไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ ฉันจะไปโรงเรียนเพื่อไปพบกับครูคนนั้น ลูกชายฉันถูกรังแก เราเป็นพ่อแม่ที่แย่มากที่ปล่อยให้เขาถูกรังแกโดยที่เราไม่ทำอะไรเลย เราต้องทำอะไรซักอย่างมิฉะนั้นลูกของเราอาจจะรู้สึกไม่เป็นธรรม"
 
หลี่เหยียนคว้าตัวเหลาฉีและกล่าวว่า " อย่าใจร้อนไปเลย คุณจะไปโรงเรียนเพื่อร้องเรียนมันจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสอบเข้าของเด็ก คุณเห็นไหม? "     

"เห็นอะไร? " เหลาฉีถาม.

"ความหวังไง"          

"อะไรนะ?"

"ความหวัง, ความหวังบนใบหน้าของ มู่หยาง " หลี่เหยียน พูด  
"มองไปที่ดวงตาของมู่หยางสิ เขาเคยกระตือรือร้นในการเรียนรู้มาก่อนเหรอ?"

 

เหลาฉีมองไปที่ลูกชายของเขา และสังเกตเห็นรอยยิ้มอันยิ่งใหญ่บนใบหน้าของเขา
ดวงตาของเขาเปล่งประกาย ราวกับดวงดาวที่มักพบเห็นในท้องฟ้ายามค่ำคืน

"มู่หยางจะเข้ามหาวิทยาลัย" เหลาฉีพูด

"มู่หยางไม่ได้เพียงแค่อยากเข้ามหาวิทยาลัยธรรมดา เขาต้องการเข้ามหาวิทยาลัยเวสต์วินด์"  

"คุณรู้ได้ยังไง?" ใบหน้าของ เหลาฉีแสดงออกอย่างน่าประหลาดใจ

"มหาวิทยาลัยเวสต์วินด์เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในราชอาณาจักร ด้วยเกรดของมู่หยางมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะเข้าไปเรียนได้ ใช่มั้ย?"

 

"ฉันได้ยิน ชือเหนียน พูดมาน่ะ เธอบอกว่าพี่ชายจะไปที่ มหาวิทยาลัยเวสต์วินด์เพื่อทำความคุ้นชินกับสภาพแวดล้อม 
แล้วปีต่อไปเธอก็จะไปที่นั่นด้วย "  หลี่เหยียน ใช้คาง ชี้ไปที่ชุยเสี่ยวซิน แล้วพูดว่า

"ฉันได้ยินมาว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นก็กำลังไปมหาวิทยาลัยเวสต์วินด์เหมือนกัน"

"อย่างนี้มันจะดีหรอ?" ใบหน้าของ เหลาฉีเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าหนูชุยสามารถเข้าได้แต่มู่หยางเข้าไม่ได้  จะส่งผลกระทบอะไรกับเขาบ้าง?

เขาต้องการทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุด แต่เขาดันล้มเหลวขึ้นมาจะทำไง?"

 

หลี่เหยียน ถอนหายใจและพูดว่า "ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความพยายามของมู่หยาง"        

เหลาฉีกระพริบตา  เธอครุ่นคิดเป็นเวลานานและพูดด้วยเสียงอ่อนๆ "จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราไปขอให้ ตระกูลลู่ช่วย?"

หลี่เหยียน พูดเสียงดัง "เธอคงไม่ต้องการติดต่ออะไรกับตระกูลลู่หรอกใช่มั้ย? แค่ตอนนี้ เธอกังวลว่าพวกเขาจะเอาลูกชายของเธอไป
แต่ตอนนี้เธอเองเป็นฝ่ายที่จะเริ่มส่งลูกชายของเราไปหาพวกนั้นงั้นเหรอ?"

 

"ตราบใดที่ลูกเรายังไม่ทุกข์" เหลาฉีดวงตาเริ่มแดงและพูดต่อว่า "แล้วฉันจะไปทุกข์ก่อนได้อย่างไรล่ะ?"

"..."

 

ชุยเสี่ยวซินปิดหนังสือและพูดกับ หลี่มู่หยาง ว่า: "วิชาประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรสามารถหยุดได้ชั่วคราว
นายเข้าใจหัวข้อนี้เป็นอย่างดีและนายก็คุ้นเคยกับเรื่องนี้มากที่สุด
เริ่มกันต่อพรุ่งนี้ เราจะทบทวนการศึกษานานาชาติ
มันคือจุดด้อยของนาย ดังนั้นเราต้องใช้เวลามากขึ้นสำหรับเรื่องนี้"

 

"ไม่มีปัญหา" หลี่มู่หยางพูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย "ผมจะเชื่อฟังครับคุณครูเสี่ยวซิน"

ชุยเสี่ยวซิน ยืนขึ้นแล้วพูดว่า "นี่ก็เริ่มดึกแล้ว ฉันจะกลับมาใหม่พรุ่งนี้นะ"

 

หลี่ชือเหนียนวิ่งไปดึงแขนของชุยเสี่ยวซินและพูดว่า "พี่เสี่ยวซิน อยู่ทานมื้อเย็นกับพวกเราก่อนกลับได้มั้ยคะ?"

"ไม่ได้หรอก" ชุยเสี่ยวซิน ปฏิเสธและพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า "พวกผู้ใหญ่กำลังรอพี่อยู่ที่บ้าน พี่ไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วง"

"พี่เสี่ยวซินนนนน"

ชุยเสี่ยวซินยิ้มและไม่ตอบรับคำขอของหลี่ชือเหนียน.
เธอมาที่บ้านของครอบครัวหลี่เพื่อนสอน หลี่มู่หยางทุกวันแต่ไม่เคยอยู่เพื่อทานอาหารค่ำเลย.

 

เหลาฉีและ หลี่เหยียน ก็เข้ามาขอให้เธออยู่เช่นกันแต่ชุยเสี่ยวซินปฏิเสธความปราถนาดีของพวกเขา
เธอสะพายกระเป๋าของเธอ และเดินไปที่ประตู.

 

"มู่หยาง" เหลาฉีคว้าหูลูกชายมา เหมือนเขาไม่ได้ดั่งใจของเธอ.
"เด็กโง่ มัวแต่ยุ่งอะไรอยู่? เดินไปส่งหนูเสี่ยวซินซะ.

"โอ้ววว"หลี่มู่หยาง เริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ในที่สุด เขาทิ้งหนังสือไว้ และไล่ตามชุยเสี่ยวซินไป.

 

ขณะที่เขารีบไปที่ประตู เขาเห็นรถหรูที่มีตรีศุลอยู่ด้านหน้า จอดอยู่ตรงหน้าชุยเสี่ยวซิน.

มีชายในชุดคลุมสีเขียวรีบลงมาจากรถ ช่วยเปิดประตูด้านหลัง และป้องหัวของชุยเสี่ยวซินขณะที่เธอกำลังเดินขึ้นรถ.

 

ประตูปิด ชายที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวมองมาทางที่หลี่มู่หยางกำลังยืนอยู่ และรถหรูสีดำค่อยๆ เคลื่อนหายไปในความมืด.

หลี่มู่หยางยืนอยู่ภายใต้แสงสลัวที่มาจากเงาของต้นไม้ และรู้สึกถึงต่ำต้อยของตัวเอง.
 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

devil : ถ้าวันไหนไม่ได้ลงนิยายก็ขอโทษล่วงหน้าด้วยนะกั๊บบ ช่วงนี้ผมสอบมิดเทอม อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันนาาา.

รีวิวผู้อ่าน