กองทัพของโกชูชูถูกทำลายลงจนหมด
พวกเขาไม่มีปัญญาต่อต้านแม้แต่นิดเดียว พวกมันถูกเข่นฆ่าฝ่ายเดียว ภายในเวลาไม่นานกองทัพทั้งหมดของพวกมันก็ล่มสลายลง
ซากของมอนสเตอร์กองกำลังของโกชูชู ถูกปลุกขึ้นมาเป็นกองทัพอันเด้ด และกองทัพนี้ก็มีผู้อมตะนำขบวน
เหล่าผู้ประสบภัยจากกองทัพของโกชูชู กำลังตกอยู่ในความสับสนอย่างหนัก
"ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ต้องเป็นการโหมโรงของมหาภัยพิบัติแน่ๆ "
"ใช่แล้ว ผู้อมตะจะมีเหตุผลอะไรที่จะมาช่วยพวกเรา? "
ความหวาดกลัวหวาดระแวงและความต้องการต่อต้านกองทัพของผู้อมตะถูกปลูกฝังอยู่ในส่วนลึกของทุกคนในดาวอัลเฟ่น หลายคนที่นี่สูญเสียคนรักและครอบครัวของพวกเขาไปกับกองทัพอมตะของอแลนดัล แม้แต่ศพพวกเขาก็ไม่สามารถนำกลับไปทำพิธีกรรมได้ เพราะทั้งหมดถูกปลุกชีพขึ้นมาเป็นกองทัพอันเด้ด
เมโลดี้แทบจะไม่สามารถอธิบายอะไรกับผู้คนที่นี่ได้ พวกเขาเอาแต่พูดคุยกันด้วยความกังวล
ผู้กล้าของกองกำลังพันธมิตรต่างก็ตกอยู่ในความสับสน
"เขาจะทำอะไรกันแน่?"
"ข้าไม่มีทางเชื่อ ว่าเขาจะช่วยพวกเราเฉยๆ มันต้องมีแผนการเบื้องหลังอย่างแน่นอน ต้องรู้ให้ได้ว่าสุดท้ายเขาจะทำอะไร"
เมโลดี้กำลังพยายามแก้ข้อสงสัยพวกนี้
เมโลดี้เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงสับสน ก่อนหน้านี้เธอก็แทบจะไม่เชื่อว่าผู้อมตะจะทำอะไรแบบนี้
เธอมองไปยังผู้กล้าทั้ง 6 คนที่มารวมตัวกันที่นี่
เกรแฮม, ทาริค และลาตาชา ที่เจอก่อนหน้านี้ แล้วมีกษัตริย์หนุ่มแห่งราชอาณาจักรฮอนชู ก็อนสึ, ผู้นำออร์ค ครูเกอร์ และ ราชาคนแคระ ราอูล
"มีบางอย่างที่ทุกท่านควรรู้
“... .”
เมื่อความสนใจของทุกคนหันมารวมกันที่เธอ ปากเล็กๆของเมโลดี้ก็เริ่มพูดออกมา
"ผู้อมตะก็เป็นมนุษย์ ไม่ได้แตกต่างอะไรจากพวกเรา "
“เหลวไหล”
"เรื่องตลกของเธอฟังไม่ขึ้นเลย ผู้ส่งสารของเทพธิดาอาเรีย!"
เมโลดี้สงบปากสงบคำและไม่ต่อต้านคำพูดอะไรของพวกเขา เธอค่อยๆพูดออกมาอย่างช้าๆ
"ข้าได้ทำตามคำทำนายของเทพธิดาอาเรีย ข้าได้รับคำแนะนำให้เดินทางไปยังดาวโลก อันเป็นดาวบ้านเกิดของผู้อมตะ และที่นั่นข้าได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของผู้อมตะ เรื่องทั้งหมดเป็นพวกเราเข้าใจเค้าผิดไปเอง "
“... ..”
ราชาคนแคระ ราอูลถามขึ้นมา
"แล้วเขาไปทำอะไรที่นั่น? เข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมแล้วก็กดขี่ข่มเหงงั้นหรอ? "
"บนโลกเขา ... "
เมโลดี้ฟังคำถาม แล้วก็ไตร่ตรองความคิดของเธอก่อนจะตอบออกมา
แม้กระทั่งบนโลก ผู้อมตะก็เข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมและก็กดขี่ข่มเหงเช่นกัน เขาทำในทุกสิ่งที่เขาอยากทำ
"นั่นก็ใช่ผู้อมตะเป็นของเขาแบบนั้น เขาอาจจะเป็นตัวตนของภัยพิบัติ เราก็อย่าไปทำอะไรที่ขวางทางเขา เพราะเขาเป็นคนเอาแต่ใจ ถ้าเราไปขัดขวางเราก็มีแต่จะสูญเสียมากยิ่งขึ้น "
คำพูดนี้ของเธอก็ไม่ได้ผิด อย่างไรก็ตาม ...
"แต่เรื่องที่เขากำลังช่วยพวกเราอยู่ ก็เป็นความจริง"
“...”
นั่นเป็นความจริง อาณานิคมของ โกชูชู กำลังถูกทำลายในตอนนี้ ดันเจี้ยนทั้งหมดของมันก็ถูกกวาดล้างด้วย และตอนนี้มันก็ไม่อาจตั้งหลักที่ดาวอัลเฟ่นได้อีก ถ้ามันต้องการมันจะต้องซื้อดันเจี้ยนและจัดตั้งใหม่อีกครั้ง แต่การทำแบบนั้นมันนานและลำบากมากเกินไป
เมื่อผู้ปกครองมิติที่ปกครองพื้นที่นี้หายตัวไป เหล่าผู้คนที่ย้ายหนีไปเพราะความหวาดกลัวก็เริ่มทยอยเดินทางกลับมาอีกครั้ง
ตอนนี้มีผู้คนอยู่พันกว่าคน พวกเขากำลังป่วยและเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ซ้ำยังมีผู้บาดเจ็บอีกด้วย
"เขาเป็นความหวังสุดท้ายของดาวเรา นี่เป็นสาส์นจากเทพธิดาอาเรีย "
หลังได้ยินคำกล่าวของเมโลดี้ เหล่าผู้กล้ายังไม่พอใจ ไม่สำคัญหรอกว่าคำพูดของเธอจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผู้อมตะมีความแค้นกับพวกเขามากเกินไป เรื่องความรู้สึกมันซับซ้อน
นอกจากนี้พวกเขาไม่อาจเก็บความหวาดกลัวและความหวาดระแวงต่อตัวผู้อมตะเอาไว้ได้
"ข้าสงสัย นี่มันจะเป็นเหมือนมังกรที่ไล่ไวเวิร์นออกจากรังแล้วจะยึดรังไว้ครอบครองรึเปล่า"
"ใช่แล้ว พวกเราไม่น่าจะเหลืออนาคตที่ดี หากจบลงด้วยการปกครองของเขา "
ใบหน้าของเมโลดี้เริ่มหมองลงก่อนที่เธอจะพูดออกมา
"เรื่องสำคัญคือ ตอนนี้ผู้อมตะกำลังเสียสละเพื่อผลประโยชน์ของพวกเรา"
"ฮะ เรื่องอะไรที่ผู้อมตะกำลังเสียสละเพื่อพวกเรา? "
“...”
ในขณะพวกเขากำลังคุยกันอย่างตึงเครียด ผู้อมตะก็ขี่อาชาแห่ความมืดเข้ามา เหล่าผู้กล้าทั้งหมดต่างเตรียมอาวุธของพวกเขาขึ้นมากันอย่างพร้อมเพรียง
ทันทีที่ผู้อมตะปรากฏตัวขึ้น พวกเขาต่างถูกความเครียดและความกลัวเข้าครอบงำ มือที่จับอาวุธของทุกคนต่างมีเหงื่อไหลออกมา
“โย่ว”
วูชินกระโดดลงมาจากหลังของฉิงฉิง
"พวกนายทำอะไรกัน?"
“... .”
วูชินขมวดคิ้วขึ้น เขาหันไปมองคนทั้งหมดแต่คนทั้งหมดกลับก้มหน้าลงมองพื้น
"อะไรกัน? ทำไมบรรยากาศมันเป็นแบบนี้? "
เหล่าผู้กล้าเริ่มเครียดหลังได้ฟังคำพูดของวูชิน เมโลดี้รีบพูดออกมาก่อนที่บรรยากาศมันจะแย่ลงไปกว่านี้
"พวกเขาแค่รู้สึกอึดอัดใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านผู้อมตะ ... ไม่นานพวกเขาจะปรับตัวได้ ... "
"อา"
วูชินยิ้มกว้างขณะมองไปยังผู้กล้าที่ยังคงก้มมองพื้นดิน เขาก็พูดขึ้นมา
"เราได้ต่อสู้แลกชีวิตกันมาก็มากมาย ทำไมตอนนี้เราจะช่วยเหลือกันบ้างไม่ได้? "
“...”
"พันธมิตรไง นี่คือพันธมิตร ทุกคนไม่ต้องสู้กันเองอีก ไม่รู้เหรอ? เลิกทำตัวเป็นเด็กๆได้แล้ว "
วูชินกวาดตามองพวกเขาก่อนที่จะมาหยุดลงที่ลาตาชา
"เธอยังมีปัญหาอะไรไหม?"
ในขณะที่เธอแหงนหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาแค้นเคือง วูชินก็กางสองนิ้วขึ้นมาจิ้มไปที่ดวงตาของเธอ
"ถ้าเธอยังมองฉันแบบนี้ ฉันจะควักลูกตาแล้วก็แยกกระดูกของเธอออกมา"
“... .”
ความแค้นของเธอไม่ได้หายไปแม้เธอจะไม่ได้มองเขา ในขณะที่เธอพยายามเบี่ยงสายตา เธอก็รับรู้แววตาของผู้อมตะได้ แววตาของผู้อมตะบอกเธอว่าคำพูดของเขาไม่ได้ล้อเล่น
"ไม่ใช่แค่พวกนายฝ่ายเดียวที่จะแสดงท่าทีต่อต้านได้นะ ฉันจะต่อต้านพวกนายทั้งหมดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเลิกแค้นกัน ถ้าพวกนายคิดจะโจมตีหรือจัดการฉันก็เข้ามาได้เลย ฉันไม่ห้าม มันไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรสำหรับฉันหรอกถ้าจะฆ่าคนเพิ่มอีก 2-3 คน จริงไหม? "
“... .”
เขาอาจจะเป็นคนเดียวบนโลกที่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ... ไม่สิ แม้จะทำการค้นหาทั่วทุกมิติ ก็คงไม่มีใครเป็นแบบผู้อมตะ
"ถ้ายังไม่อยากตาย ก็อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น เข้าใจไหม?"
“...”
"เธอจะไม่ตอบ?"
“... เข้าใจแล้ว”
วูชินยิ้มออกมา หลังจากได้ยินคำพูดของลาตาชา แม้เธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ
"เอาล่ะ พวกนายคิดเห็นยังไงบ้างเกี่ยวกับอาณานิคม "
"อาณานิคม คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?"
"ฉันจะตั้งฐานปฏิบัติการและก็สร้างที่สำหรับให้กองกำลังพันธมิตรทั้งหมดอยู่อาศัย"
ผู้กล้าทั้งหมดมองหน้ากัน แววตาของพวกเขาเปล่งประกายขึ้นมา พวกเขากำลังจะรวบรวมกองกำลังพันธมิตรที่กำลังกระจัดกระจายกันอยู่ ...
"เราไม่ควรเลือกสถานที่ ๆง่ายต่อการป้องกันสักหน่อยเหรอ?"
ราชาคนแคระ ราอูลเริ่มวาดแผนที่ลงบนพื้นดิน
"มีแม่น้ำที่ลึกสายหนึ่งขวางกั้นอยู่ตรงนี้ มันเป็นที่ๆค่อนข้างดีพอสมควรสำหรับตั้งฐานที่มั่น "
วูชินมองไปยังแผนที่ ก่อนที่เขาจะชี้ออกไปยังตำแหน่งหนึ่ง
"นี่ล่ะ?"
"นี่คือภูเขาซัวรอส พื้นที่โดยรอบมันเป็นที่โล่งเปิดกว้าง ง่ายต่อการมองเห็นศัตรู "
"ตรงนี้ล่ะ ... ."
พื้นที่ตรงนี้เป็นเนินยกระดับ แต่ว่าตอนนี้มันมีคนที่ยึดสถานที่นี้เอาไว้อยู่ เพราะมันเป็นที่ๆ ค่อนข้างเหมาะสมกับการจัดตั้งฐานที่มั่น การส่งเสบียงแล การค้นหาศัตรู ค่อนข้างทำได้ง่าย แต่ประเด็นคือมีผู้ปกครองมิติ จูเรียลจัดตั้งอาณานิคมอยู่ "
"ดังนั้นตรงนี้เป็นบ้านของไอหมานั่น?"
ผู้ปกครองมิติของทราเน็ต
บัลลังก์ที่ 2 จูเรียล
วูชินหัวเราะ ในขณะที่เอาเศษไม้ไปตั้งทับเอาไว้ตรงจุดนั้น
"ฉันจะสร้างอาณานิคมของฉันที่นี่"
"อย่างที่ข้าบอกไว้ที่นั่นคือ ... "
ราอูลกำลังจะแย้งออกมา แต่เขาก็ต้องเงียบเมื่อถูกสายตาของวูชินจ้อง
"ฉันจะไปทำความสะอาดเอง แค่เตรียมตัวไว้ก็พอ"
“... ..”
หลังจากที่วูชินตัดสินใจแล้ว เขาก็เรียกน้องทั้งสองคน เข้ามา
ฟู่ววววว
ลูกไฟระเบิดพุ่งมาจากฟ้าก่อนที่จะค่อยๆดับลง เมื่อเปลวเพลิงดับสนิทก็ผู้ชายที่เต็มไปด้วยความร่าเริงก็ปรากฏตัวออกมา
"สวัสดีครับบบ"
กี๊ซๆๆๆ!
ค้างคาวจำนวนมหาศาลบินมารวมตัวกันราวกับพายุ ก่อนที่จะปรากฏร่างแวมไพร์ที่กำลังอยู่ในท่าโค้งคำนับ
"ยินดีที่ได้พบทุกคนครับ"
เหล่าผู้กล้าพยักหน้ากันอย่างเงอะแงะ เมื่อซังกูและแจมินปรากฏตัว
"พวกนายทั้งสองคนทำความรู้จักกับพวกเขาไว้ หลังจากนี้คงต้องร่วมงานกันบ่อย"
"แหะๆ ฝากตัวด้วยนะครับ ผมหวังว่าเราจะได้ลุยด้วยกัน "
"ยินดีที่ได้ทำงานกับทุกคนครับ"
วูชินแอบยิ้มให้กับคำทักทายไร้เดียงสาของทั้งสองคน เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงตัวเองตอนที่ถูกเรียกตัวมาอัลเฟ่นครั้งแรก ตอนนั้นเขาอยู่มัธยมปลายปีที่ 3
นั่นนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิตของเขา
“เอ่อ? แล้วพี่จะไปไหนหรอ? "
"ฉันจะไปเก็บกวาดสถานที่ๆพวกเราจะย้ายเข้าไปอยู่สักหน่อย"
"อะไรนะพี่? มีอพาร์ทเม้นในที่แบบนี้ด้วยเหรอ"
“...”
เขาไม่คิดจะเสียเวลาอธิบายเรื่องไร้สาระแบบนี้ วูชินเรียกฉิงฉิงเข้ามาก่อนที่เขาจะโดดขึ้นไปขี่ แล้วก็พุ่งออกไป
"เฮ่ๆ ในเมื่อบรรยากาศมันไม่ค่อยครึกครื้น ทำไมพวกเราไม่หาเบียร์ดื่มไปคุยไปกันล่ะ? "
“... .”
ผู้กล้ายังคงอึดอัดกันอยู่เล็กน้อย ซังกูเลยหันมาหาแจมิน
"นี่แจมิน นายเอาของกินมาจากคลังมิติหน่อยสิ เอาเบียร์แล้วก็พวกกับแกล้ม... "
"ได้ๆ…"
วูชินได้ให้อำนาจกับโดแจมินเอาไว้ในการเรียกใช้งานคลังมิติ ในนั้นก็มีพวกอาหารและของใช้ต่างๆมากมายที่ได้ซื้อเก็บเอาไว้
แจมินเริ่มหยิบเบียร์แล้วก็พวกโซจูออกมา นอกจากนี้ยังมีกับแกล้มที่เป็นอาหารต่างๆ
"พวกคุณไม่ลองสักหน่อยเหรอ? สักกรึ๊บหน่า ดีต่อใจนะ"
เมื่อซังกูจิบเบียร์เข้าไป ก็เอ่ยชวนทุกคนออกมาด้วยรอยยิ้มร่าเริง
มันอาจจะเป็นความทรงจำที่ห่างหายไปนานแล้ว แต่ในตอนมหาลัยซังกูก็พอมีประสบการณ์อยู่บ้าง
อะไรที่มันจะละลายความอึดอัดใจได้ดีที่สุดล่ะ? เบียร์เหล้าและก็เกมส์นี่ล่ะ ที่เป็นตัวสร้างมิตรภาพกับผู้อื่นได้รวดเร็วที่สุด
"ไหนๆก็จะกินกันทั้งที งั้นเรามาชวนทุกคนกันเถอะ"
ตอนนี้มีผู้คนที่มารวมตัวกันเกือบ 2,000 คน
แต่อย่างไรก็ตาม คลังเก็บของมิติมีขนาดใหญ่มากๆ
แม้ว่าจะเลี้ยงผู้คนที่นี่แต่คลังมิติก็ยังคงเหลืออาหารอีกเป็นจำนวนมาก แจมินไม่ได้คิดอะไรมากเขารีบนำโต๊ะและของกินออกมาเป็นจำนวนมาก
สิ่งที่คนเราต้องการจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าของกินที่อยู่อาศัยและความปลอดภัย...ไม่ใช่การแก้แค้น
พวกเขาได้สู้เพื่อรักษาชีวิตมาเป็นเวลานาน เป้าหมายในชีวิตพวกเขาเหลืออยู่แค่นี้ ...เอาตัวรอดไปวันๆ
บางทีพวกเขาก็ต้องแอบหลบอยู่ใต้ซากศพของเพื่อน เพื่อให้รอดชีวิต
"ดื่ม! ดื่ม! ดื่ม! จะเบียร์จะเหล้าเมาแล้วก็คือกัน เฮ้! ตรงนั้นอ่ะ รอไรมาเอาเบียร์สิ "
“... .”
ซังกูเป็นผู้นำปาร์ตี้ ...แล้วก็จัดกันยาวถึงเช้า
***
ณ เทือกเขา ซัวรอส
จูเรียลตะลึง เมื่อพบ เนโครแมนเซอร์คังวูชินนำกองทัพอมตะของเขามาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน
"ข้าล่ะไม่เข้าใจแกจริงๆ"
"อะไรล่ะ?"
"ทำไมต้องเป็นศัตรูกับข้า? เราเป็นผู้ปกครองมิติทั้งคู่ แล้วทำไมต้องเสียทรัพยากรมาสู้กันด้วย? "
"นายคิดว่านี่ไม่ดีหรอ?"
"ไมดีสิ สุดท้ายมันก็ไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้ แล้วมันจะดียังไง? "
“อืม”
วูชินลูบคางของเขา
นอกจากฆ่ามันให้ตายแล้วทำลายอาณานิคมของมัน? บางทีเขาอาจจะหาข้อมูลอะไรสักหน่อยจากมัน
วูชินค่อยๆล่อลวงเอาข้อมูล
" วิธีป้องกัน ของนายไง ทำไมเหรอ?"
"แกกำลังอยากได้บัลลังก์? แล้วทำไมแกต้องมาทำอะไรแบบนี้? "
ดวงตาของวูชินหรี่ลง
"ตอนนี้นายอยู่ บัลลังก์ที่ 2 ไม่ใช่เหรอไง?"
"ความรู้เรื่องจัดอันดับแกแย่มาก ข้าตกไปหนึ่งบัลลังก์ ตอนนี้ข้าอยู่ในบัลลังก์ที่ 3 "
เรื่องที่เขารู้ตอนนี้ก็มี
ผู้ปกครองมิติของทราเน็ตมี 72 คน
บัลลังก์ มีตั้งแต่หมายเลข 1 - 72
นี่คือการจันอันดับที่คัดเลือกเอาไว้ และพวกมันทั้งหมดก็ยึดครองอยู่
ถ้าใครอยากจะยึดบัลลังก์ ก็ต้องเก็บคะแนนไต่เต้ามาจนถึงอันดับที่ 73 ก่อน ถึงจะมีสิทธิท้าชิงบัลลังก์ที่ 72
"นี่คือ วิธีป้องกัน ที่ฉันยังหาไม่เจอ... ."
วูชินพึมพำออกมา หลังจากได้ฟังคำพูดของจูเรียล
"ที่แกพูดเรื่อง วิธีป้องกัน... อ้อ แกกลับมาอัลเฟ่นเพราะเรื่องนี้เหรอ? "
"วิธีป้องกันมันก็เหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ"
"แกพูดอะไรของแก? แต่ละวิธีป้องกัน มันก็อยู่ที่บัล ... . "
จูเรียลรู้สึกแปลกๆ ในที่สุดเขาก็เอะใจ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
"แกไอสารเลว แกไม่รู้จัก วิธีป้องกัน "
วูชินยักไหล่
"ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ ทำไมฉันต้องเสียเวลามาหลอกถามล่ะ"
"แกกล้าดียังไง! แกกล้าหลอกข้าคนนี้! "
จูเรียลโกรธมากเมื่อเขารู้ตัวว่าถูกหลอกไม่ต่างอะไรกับคนโง่
วูชินแสยะยิ้มก่อนที่จะหยิบอาวุธของเขาออกมา
ความจริงหมาแบบจูเรียลนี่ ให้บีบีจัดการจะดีที่สุด
ถ้าบีบีอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากมัน
วูชินเสียดายนิดหน่อย แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมาก
"ยังไง บีบีก็มีงานที่ต้องทำ"
เธอน่าจะใช้เวลาในการปรับปรุงและป้องกันอาณานิคม
เธอเคยมีประสบการณ์ในการทำแบบนี้ในพื้นที่มิติ ตอนนี้หน้าที่นี้จึงเหมาะกับเธอ
"แกไอชาติชั่ว! แกกล้าหลอกข้า! "
"นายโง่เองที่ติดกับ"
“ฮ่า!”
วูชินเข้าปะทะกับจูเรียล
***
บีบีอยู่ในหอบังคับการขณะที่มองลงไปยังดาดฟ้าของเรือบรรทุกเครื่องบิน ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นเครื่องหมายของอาณานิคมปกคลุมอยู่ทั่วทั้งหอบังคับการ เธอสามารถเข้ามาในหอบังคับการ ได้จากทางรากด้านล่าง ไม่ต่างอะไรกับเดินเข้าประตูบ้าน
“งือออ”
ดาดฟ้าเรืออาจจะกว้างแต่ส่วนมากมันก็หมดไปกับพื้นที่อยู่อาศัย
"บีบี มีปัญหาไรเหรอ?"
"เอ๊ะ โซอาหวัดดีเมี๊ยววว"
บีบีทักทายโซอาที่ตัวสูงกว่าเธอนิดหน่อยอย่างมีความสุข ตอนนี้เด็กน้อยคนนี้ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเธอเป็นแมวตัวนั้น?
ตอนนี้ทั้งคู่ดูไม่ต่างอะไรจากเด็กสาวตัวน้อยสองคน
"ฉันกำลังคิดวิธีตกแต่งที่อยู่น่ะ เมี๊ยว"
“อ๋อ”
"โซอารู้ป่าวว่า ผู้ส่งอากาศยานคืออะไรเหรอ เมี๊ยว?"
"ผู้ส่งอากาศยานเหรอ?"
โซอาเอียงคอด้วยความสับสน เธอก็เป็นแค่เด็กอนุบาลเธอจะรู้จักของยากๆแบบนี้ได้ยังไง ถึงโซอาจะกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าที่ยังไม่มีชื่อของโลก แต่ความรู้ของเธอก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาสักหน่อย
"หนูรู้แต่ว่า อากาศยานคืออะไร"
"อากาศยาน คือไรเหรอเมี๊ยว?"
"คำนี้ยากมาก แต่ก็เป็นเครื่องบินแหล่ะ มันจะบินๆได้"
"อ๋า แบบนี้เขาเลยเรียกเรือบรรทุกเครื่องบินมั้ง"
บีบีมองไปยังดาดฟ้าเรือ เธอพยักหน้าออกมา
"มิน่าล่ะ"
ผู้ส่งอากาศยานก็คือแบบนี้นี่เอง
อากาศยานก็คือเครื่องบิน
"เพราะแบบนี้จึงเรียกผู้ส่งอากาศยานว่าเรือบรรทุกเครื่องบิน แล้วผู้ส่งคืออะไรหว่าเมี๊ยว "
บีบีเอียงคอด้วยความสงสัย
เธอใช้อำนาจของผู้ดูแลอาณานิคมในการค้นหารายการของที่ต้องการผ่านทางร้านค้ามิติ เธอต้องการผู้เชี่ยวชาญที่ปรับแต่งอาณานิคมได้
<โนแซม> - 1,400 P
หนึ่งในวิศวกรของคนแคระจากเหมืองรัตติกาล
เขาเชี่ยวชาญในเรื่องของเครื่องจักรกล
ตัวเลือกการออกแบบ – เรือเหาะ,โกเล็มเหล็ก, รถถัง ...
ตัวเลือกการสร้าง – ปืนลำแสงความร้อนสูง, กระสุนจู่โจม ...
"เจอแล้ว!"
เธอพบผู้ที่น่าจะมีความสามารถในด้านการปรับแต่งเรือบรรทุกเครื่องบินแล้ว บีบีไม่เสียเวลาคิดที่จะใช้แต้มเพื่อจ้างงานคนแคระคนนี้เลย