px

เรื่อง : Seoul Station’s Necromancer จบแล้วอ่านฟรี!!!
บทที่ 177 : ป้องกัน (1)


ฟี้ดดดด กึง!

เมื่อวูชินและเมโลดี้ก้าวเข้ามาด้านใน ประตูทางเข้าก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ

วิ้งงงง

อยู่ๆวูชินก็ได้ยินเสียงดังก้องในหูของเขาจนปวดศีรษะ เขาเอามือมาปิดหูตัวเองอย่างเร่งรีบ

"นี่มันบ้าอะไรกัน?"

สัญชาตญาณของเขาสัมผัสถึงอันตรายบางอย่างที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ เขาพยายามมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ

ทางเดินดูค่อนข้างๆสะอาด ช่องว่างที่พื้นเปิดออกก่อนที่จะมีบันไดเลื่อนลงมา นี่เป็นภาพที่พบเห็นได้ทั่วไปในยานอวกาศ

สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่ประสาทสัมผัสหรืออะไรภายนอก แต่ทว่า ภายในตัวเขากลับมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

“... .”

ตอนนี้เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังเวทมนต์ใดๆได้เลยแม้แต่น้อย

“แรมสัน”

“... .”

วูชินได้เอ่ยเรียกแรมสัน แต่ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซ้ำร้ายเขาไม่สามารถสัมผัสถึงการเชื่อมต่อทางพันธะสัญญาของเขาได้เลย

“โดลเซ่! เจนิส!”

“... .”

เสียงของเขาดังไปไม่ถึงข้ารับใช้ของเขา ราวกับมันดังก้องอยู่ในห้วงอวกาศที่กว้างใหญ่

"ท่านจะไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ นอกจากเสียงของเทพธิดาอาเรีย"

“...”

เมื่อวูชินหันมาเขาก็เห็นพลังงานศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมไปทั่วร่างของเมโลดี้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานเวทมนต์มหาศาลที่อยู่รอบๆตัวของเมโลดี้

“น่าสนใจ”

นี่เป็นอาณาเขตของเทพธิดาอาเรียรึเปล่า?

นี่เป็นครั้งแรกที่วูชินเข้ามาในวิหารของเทพ เขาเลยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก

เขาทำได้แต่คาดเดาเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นโลก หรืออัลเฟ่น ไม่มีสักครั้งที่วูชินขาดการติดต่อหรือห่างกับครอบครัวของเขาขนาดนี้

'แต่มีครั้งนึงล่ะนะ'

ในตอนที่ Lv ของเขากลับไปเริ่มใหม่

เมื่อเขายังไม่ถึง Lv ที่กำหนด เขาก็ไม่สามารถเรียก ข้ารับใช้แห่งความตายของเขาได้

ยกตัวอย่างเช่นเจนิส หากเขายังไม่มี Lv 90 เขาก็ไม่สามารถเรียกออกมาได้

"เธอไปทำสิ่งที่ต้องทำเถอะ"

"แล้วท่านจะ ... ?"

"ฉันก็จะไปทำสิ่งที่ตั้งใจไว้"

“...”

แล้วผู้อมตะมีอะไรที่ต้องทำในวิหารของเทพธิดาอาเรียกันล่ะ?

เมโลดี้ยืนนิ่งจ้องตากับวูชินอยู่ครู่หนึ่ง วูชินก็ลูบคางก่อนที่จะใช้อีกมือชี้ไปยังบันใด

"ไปสิ"

"แล้วพบกัน น่าจะใช้เวลาสักระยะ "

เมโลดี้ตามสัมผัสพลังงานไป ราวกับเธอได้รับการชี้นำจากเทพธิดาอาเรีย

เมื่อเธอจากไป วูชินก็หันมองไปรอบๆ โครงสร้างด้านในของ สถานที่เรียกว่า วิหาร

จากด้านนอกมันเห็นแค่ไม่กี่มุม เมื่อเข้ามาด้านในพื้นที่ก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร

สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเดินลงไปยังช่องที่ตั้งอยู่กลางห้อง

เมื่อเขาจับบันไดก็พบว่ามันเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง

กึง กึง

ทุกครั้งที่เขาเดินลงบันได้ เสียงก้าวเท้าของเขาดังสะท้อนก้องออกมา ราวกับเอามือไปเคาะกำแพงเหล็กบางๆ

กึก

หลักจากที่เขาเดินลงมาตามทางสักพักหนึ่งในที่สุดเขาก็ถึงชั้นที่มีพื้นที่กว้าง

ช่องทางเดินยังลงลึกไปได้อีก มองไปไกลๆจะเห็นศีรษะของเมโลดี้ที่เดินลงมาก่อน และเธอยังลงไปเรื่อยๆ

ดูเหมือนปลายทางของเธอจะอยู่ลึกมาก

วูชินตัดสินใจ เดินออกมาสำรวจชั้นนี้ เขาเอามือเคาะไปตามขอบกำแพงต่างๆ

กึง กึง กึก กึก!

มือของเขาไม่ได้สัมผัสถูกสวิตซ์ใดๆ แต่ภายในห้องกลับมีไฟส่องสว่างขึ้น เขายกมือขึ้นก่อนที่จะโบกไปมา เขากำหมัดขึ้นมา ก่อนที่จะก้าวเดินไปต่อ

"กว้างมาก"

มีช่องอยู่ที่พื้นและเพดานรอบๆรูมีราวบันใดวนเชื่อมต่อไปยังอีกชั้น

"นี่มันยานอวกาศจริงๆเหรอเนี่ย?"

เขาได้ครอบครองพื้นที่มิติ ครอบครองดันเจี้ยน และพบมอนสเตอร์มากมาย เจอเรื่องมหัศจรรย์จากการเป็นผู้ปกครองมิติ แต่เขากลับไม่ประหลาดใจเท่ากับครั้งนี้ เขาได้ค้นพบยานอวกาศบนดาวอัลเฟ่น

บนโลกไม่พบหลักฐานว่ามีอะไรแบบนี้อยู่

สิ่งเดียวที่เขาสงสัยก็คือ ทำไมยานอวกาศลำนี้ ถึงเรียกว่า วิหารของเทพธิดาอาเรีย

วูชินมองไปรอบๆ ก่อนที่จะเจอโต๊ะแผงควบคุมที่ไม่รู้จัก เขาเอามือไปสัมผัสทั่วๆ

วิ้งงงง!

เสียงดังขึ้นก่อนที่บนโต๊ะจะปรากฏจอมอนิเตอร์ส่องสว่างขึ้นมา

“น่าสนใจ น่าสนุกไม่น้อย"

บนหน้าจอสัมผัส เต็มไปด้วยภาษาและสัญลักษณ์ที่เขาไม่สามารถเข้าใจความหมายได้

มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี หรือภาษาที่เขาได้เรียนรู้มามากมาย แต่เขามั่นใจได้อย่างนึง

"มันเป็นคอมพิวเตอร์ .. "

ตลอดระยะเวลาทั้งหมด 20 ปีบนดาวอัลเฟ่น ครั้งนี้เขารู้สึกว่าครั้งนี้มันแปลกประหลาดที่สุดที่เคยเจอ

เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับโลกหรือไม่ ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆ ?

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้อัลเฟ่นเชื่อมต่อกับโลกหรือไม่? หรือเทคโนโลยีต่างๆของโลกได้มากจากอะไรแบบนี้ มันอาจจะได้จากคนในอดีต? หรือนี่จะเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโบราณบนดาวอัลเฟ่น?

วูชินสุ่มกดไปมั่วๆบนหน้าจอสัมผัส

เสียงเตือนดังขึ้นเนื่องจากเขากดมั่วๆ มันอาจจะเป็นการสั่งงานอะไรสักอย่างที่ผิดพลาด

"ฉันควรจะทำลายมันดีไหม"

ในขณะที่เขากำลังจะทุบทำลาย ภาพโฮโลแกรม 3 มิติที่สร้างจากแสง ก็ปรากฏขึ้น วูชินหันไปมองก่อนจะแสยะยิ้ม

"อะไร? ตกลงเธอแอบฟังฉันอยู่ตลอดเวลา? "

วูชินมองไปยัง ภาพโฮโลแกรม ในรูปของผู้หญิงตรงหน้าด้วยความสับสน เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

[ก็สักพักแล้ว]

"นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันพบเธอ"

วูชินนึกถึงครั้งแรกที่เขาได้พบกับเทพธิดาอาเรีย

"ตกลงมันเป็นความจริง? หรือมันเป็นแค่ฝัน? นี่คือภาพโฮโลแกรมจริงๆใช่ไหม? "

[มันสำคัญมากนักหรือที่ต้องรู้ว่าอย่างไหนเป็นเรื่องจริง?]

"ก็นะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสำคัญไหม"

สิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจสอบก็คือ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นมิตรหรือศัตรู แต่วูชินมีเรื่องหนึ่งที่กังวลมากกว่านั้น

เป็นเรื่องที่วูชินต้องได้รับข้อเท็จจริงในเวลานี้

"เธอเป็นอะไรกันแน่?"

[ข้าคือเทพธิดาพยากรณ์ พวกเขาเรียกฉันว่าอาเรีย]

"เธอเป็นแค่โปรแกรมทำนายโปรแกรมหนึ่งรึเปล่า?"

[ข้าก็ไม่รู้]

"เธอทำให้ฉันปวดหัว"

วูชินนวดขมับของเขาด้วยนิ้ว

"เอาล่ะ ถ้าฉันถามคำถาม เธอจะตอบดีๆไหม? หรือจะเป็นเหมือนครั้งสุดท้าย? เธอคงไม่พูดเรื่องไร้สาระเป็นครั้งที่สองหรอกนะ? "

ครั้งแรกที่เขาได้พบกับเทพธิดาอาเรีย

ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าฝันไปหรือไปอยู่ในมิติที่ไม่รู้จัก เขาพยายามสอบถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แต่กลับได้คำตอบเป็นคำพูดอะไรก็ไม่รู้

ในตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนกับเขาเป็นแค่นักศึกษาที่ได้รับรางวัล แล้วถูกเรียกไปคุยที่สำนักงานหลัก สิ่งที่เธอพูดก็มีแต่คำสรรเสริญ และก็คำพูดน่าเบื่อที่ทำให้เขาฟังแล้วรู้สึกอึดอัด

หญิงสาวที่งดงาม มาบอกว่า เธอได้จับตาดูเขาทุกก้าว และเธอก็บอกให้เขาพยายามให้มากขึ้น แล้วก็พ่นคำให้กำลังใจ บลาๆๆ

"นี่หมายความว่าเธอไม่สามารถพาฉันไปยังพื้นที่แบบเดียวกันกับครั้งที่แล้วใช่ไหม?"

วูชินยิ้มกว้างๆขณะมองไปที่ภาพโฮโลแกรม

[ ... .. ]

"เป็นเรื่องที่ดีนะ ถ้าเธอตอบคำถามฉัน ก่อนที่ฉันจะทำลายทุกสิ่งที่นี่ให้ราบ "

[ถูกแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้เจ้าเหลือเวลาถามคำถามข้าอีกไม่มากหรอกนะ]

"รหัสหรือวิธีป้องกันคืออะไร?"

[มันเป็นสิ่งที่ทุกคนมี เจ้ามีรหัสของโลกมันเป็นเหมือนสิ่งยืนยันถิ่นฐานของเจ้าว่าอยู่บนโลก เป็นเหมือนสัญชาติของเจ้า]

"... นี่เป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงจริงๆ"

[ ... .]

ใบหน้าวูชินบิดเบี้ยวขึ้นอย่างมาก

"ผู้ปกครองมิติสามารถแก้ไขรหัสและตั้งข้อกำหนดได้งั้นเหรอ?"

[พวกเขาต้องค้นหารหัสหลักก่อน]

"รหัสหลัก?"

[เป็นรหัสที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้ที่อยู่ในมิติทั่วไปครอบครอง เพราะมันจะทำให้มีอำนาจบางส่วนเหมือนพระเจ้า]

"บ้าเอ๊ย เพราะแบบนี้..พวกมันถึงพยายามจะเป็นพระเจ้า? "

[ ... ]

วูชินส่ายหัวไปมาเมื่อเขาตระหนักได้ถึงความหมายที่อาเรียเงียบไป

"แล้วเธอได้รหัสนี้มาได้ยังไง?"

[เจ้าคาดเดาได้ถูกต้อง]

ผู้ปกครองมิติมันพยายามทำอะไรอยู่ในปัจจุบัน? พวกมันควบคุมดันเจี้ยน สร้างอาณานิคม เพื่อขยายขอบเขตและค้นหาไปทั่วดาวเคราะห์ พวกมันทำลายและฆ่า ...

"ดังนั้นฉันต้องฆ่าคนที่มีรหัส?"

[ถูกต้อง]

"เอาล่ะ แต่ละดาวมีรหัสเดียว? "

[แตกต่างกันไป]

"อัลเฟ่นมีเท่าไร?"

[เรามีกันห้าคน]

"มันคือ อาเรีย, สเกีย,เลเซีย, เฮเรส และ ครูส?"

[…ถูกต้อง]

ในอัลเฟนมีเทพและเทพธิดาจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ในการสร้างชุดเซ็ท แห่งแทรช มันใช้ไอเทมศักดิ์สิทธิ์ เพียงแค่ 5 ชิ้นเท่านั้น จากเทพและเทพธิดา 5 องค์

"ฉันเป็นคนเดียว ที่ล่วงรู้เรื่องนี้?"

[ ... .]

“แล้วแทรซล่ะ มันเป็นรหัสด้วยรึเปล่า? "

[รหัสซ่อนเร้น เป็นอำนาจที่พวกเราร่วมมือกันปิดผนึก]

นี่เป็นปริศนาที่วูชินไม่สามารถแก้ไขได้และพยายามค้นหาคำตอบมาเป็นเวลานาน หัวใจเขาสั่นเล็กน้อยในขณะที่เอ่ยถามออกไป

"ฉันจะไปหาอาวุธที่เรียกว่า การประหาร ได้ที่ไหน?"

[... บนดาวอัลเฟ่นเจ้าสามารถรวบรวมได้แค่ส่วนอื่นๆเท่านั้น รหัสซ่อนเร้นจะสมบูรณ์ได้นั้น ต้องได้บางอย่างจากสถานที่อื่น]

คิ้วของวูชินขมวดเล็กน้อย

เขาถูกเรียกตัวจากโลกไปยังอัลเฟ่น

ชุดเซ็ทแห่งแทรช เป็นชุดไอเทม ที่มีไว้สำหรับ เนโครแมนเซอร์อย่างเขา

"เธออย่าบอกนะว่ามันอยู่ที่โลก?"

[ ... ]

ใบหน้าวูชินเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนที่จะตะคอกใส่อาเรีย

"ตอบฉันมา!"

[ถูกต้อง]

"รหัสซ่อนเร้นทำอะไรได้บ้าง? ช่วยให้คนๆหนึ่งกลายเป็นผู้คุมกฎเกณฑ์? ทำให้ใครคนหนึ่งเป็นพระเจ้างั้นเหรอ? "

[ ... ]

หญิงสาวที่เป็นภาพโฮโลแกรมได้แต่กระพริบตา

[มันแตกต่างจากกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการสร้างหรืออำนาจอื่นๆ มันมีไว้เพื่อ...ลบทิ้ง]

"ถ้างั้นความสามารถของมันคือ ลบ ทุกสิ่งทุกอย่าง"

เขากำลังค้นหาอำนาจที่ไม่ควรมีอยู่ อำนาจที่แท้จริงของ ชุดเซ็ทแห่งแทรซ ยามได้รับ อาวุธที่เรียกว่าการประหารแห่งแทรซ พลังอำนาจที่เจนิสบอกให้เขาตามหาและพยายามย้ำเขาเรื่องนี้มากที่สุด

เขาได้รับคำตอบของปริศนาแล้ว

คำตอบมันอยู่บนโลกนี่เอง

วูชินกำลังจะเดินออกไปด้วยความโล่งใจ แต่ทว่าภาพโฮโลแกรมกลับส่งเสียงเรียกขัดจังหวะเขาเอาไว้

[เจ้ามีคู่แข่งจำนวนมาก และพวกมันเริ่มหันมาสร้างปัญหาให้กับเจ้าอย่างจริงจิง]

"ฉันก็เป็นจุดสนใจของพวกมันตลอดนั่นล่ะ"

แม้ว่าผู้ปกครองมิติจะหันมาเป็นศัตรูกับเขาทั้งหมด มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขากังวลสักเท่าไรเพราะเขามองพวกมันเป็นศัตรูอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าอาเรียจะกังวลมากเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้

[ผู้ปกครองมิติจำนวนมาก กำลังพยายามทำลาย ประตูมิติ ของเจ้า]

"เธอกำลังพูดถึงอาณานิคม? งั้นฉันจะใช้ประตูมิติย้อนกลับ เพื่อกลับไปเดี๋ยวนี้ "

[... เจ้าไม่มีรหัสของอัลเฟ่น เจ้าไม่สามารถเปิดประตูมิติย้อนกลับที่นี่ได้]

“...”

นี่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ไม่ใช่เหรอ?

"เรื่องจริง?"

[ใช่]

“... .”

ตอนนี้วูชินเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ลี้ภัยมิติ และผู้ปกครองมิติ ถึงให้ความสำคัญกับดาวบ้านเกิดของตัวเอง

รหัสประชากร หรือสัญชาติของดาว

วูชินสามารถใช้ประตูมิติย้อนกลับได้ไม่จำกัดเมื่ออยู่บนโลก เพราะเขาเป็นคนบนโลก

ถ้าเขาไม่สามารถใช้ประตูมิติย้อนกลับได้ หนทางที่จะกลับพื้นที่มิติเขามีเพียง กลับไปทางดันเจี้ยนหรืออาณานิคมของตัวเองเท่านั้น

วูชินหวนคิดถึงการต่อสู้เพื่อเดินทางกลับโลกในตลอดระยะเวลา 20 ปีของเขา

"เมโลดี้ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร?"

[เธอจะเสร็จสิ้นในไม่ช้า]

ในขณะที่วูชินกำลังรู้สึกไม่สบายใจ เขาก็มีคำถามหนึ่งโผล่ขึ้นมาเขาจึงเอ่ยถามออกมา

"คำพยากรณ์นั่น ... หมายถึงสถานการณ์ของฉันในตอนนี้ใช่รึเปล่า"

[…ใช่. นี่เป็นเหตุผลที่เจ้าไม่ควรเสียเวลามาที่นี่]

ไม่ใช่เป็นเธอบอกเองเหรอ จะพานพบหนทางที่ตามหา เพียงแลกมาด้วยตัวตนพึ่งสนอง?

"เฮ่อ ... แทนที่จะพูดให้มันเข้าใจยากๆ ทำไมไม่พูดตรงๆชัดๆให้เข้าใจง่ายๆ?"

[ ... ]

ในขณะที่วูชินส่ายหัวไปมา ฐานรองหนึ่งก็เคลื่อนที่ขึ้นมาจากช่องทางที่เชื่อมไปด้านล่าง และปรากฏร่างของเมโลดี้อยู่บนนั้น

ตอนนี้เธอสวมใส่รัดเกล้าอยู่บนหัว และท่าทางของเธอดูดีใจเมื่อได้พบวูชินอีกครั้ง

"เอาล่ะ แล้วเจอกันครั้งหน้า"

[ข้าขอให้เจ้าโชคดี]

วูชินเดินไปยืนบนฐานที่เมโลดี้ยืนอยู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกส่งขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วไม่ต่างอะไรกับขึ้นลิฟท์ ภาพโฮโลแกรมสามมิติของอาเรียยังคงฉายอยู่ไม่ได้ดับไปในทันที

[…ข้าขอให้เจ้าโชคดี]

ทางเข้าพื้นที่มิติของเขาไม่ใช่แค่ที่เดียวที่กำลังถูกโจมตี ประตูมิติที่มีไว้เพื่อพาเขากลับโลกก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ...

ตอนนี้วูชินต้องการโชคอย่างมากเพื่อช่วยโลก แต่กลับกัน ตอนนี้ดาวอัลเฟ่นกำลังจะได้รับความเชื่อมั่นในชัยชนะ

อัลเฟ่นกำลังจะได้ ผู้กล้า ที่มีนามว่า ผู้อมตะ

เพราะผู้ปกครองมิติกำลังจะถูกสั่นคลอนจากโทสะของวูชิน

***

อาณานิคมบนหุบเขาซัวรอส

บรรยากาศไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร ในระยะเวลาที่อยู่ภายใต้ความกดดัน ถึง 10 วันมันทำให้ทุกคนแทบเป็นบ้า

"กองทัพพวกมันมีมากกว่า 100,000 ตอนนี้พวกเราต้องตัดสินใจแล้ว! "

"เราไม่ได้ตัดสินใจไปแล้วรึไง? เราจะปกป้องอาณานิคมและต้นไม้โลก "

เกรแฮมส่ายหน้าให้กับคำพูดของลาตาชา

"เรื่องจริงคือมันเป็นไปไม่ได้ ความแตกต่างด้านจำนวนมีมากเกินไป เราไม่สามารถฝากความหวังไว้ที่ป้อมปราการได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เรายังติดต่อ ผู้อมตะไม่ได้อีก "

"... แล้วถ้าหนีไปพวกเราจะทำยังไงกันต่อ?"

"ถ้าเรายังไม่ตาย ก็ยังคงมีหนทางให้เดินเสมอ"

"ถ้าผู้อมตะอยู่ที่นี่ล่ะก็ ... "

ถ้าใครอยากจะได้เปรียบจากการใช้อำนาจของอาณานิคม นั่นต้องพึ่งเจ้าของอาณานิคมให้อยู่ที่นี่ แล้วใช้แต้มซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกหรือกองทัพมอนสเตอร์ด้วยตัวเอง

“...”

ลาตาชาหันไปมองต้นไม้โลก

'แม่…'

ในขณะนั้นเอง แจมินที่อยู่ๆก็นิ่งไป กลับตะโกนขึ้นมา

"พี่เหรอครับ!"

เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รับการติดต่อทางจิต ตอนนี้ทุกคนต่างหันมามองแจมินเป็นสายตาเดียวกัน

ใบหน้าของแจมินเริ่มแดงขึ้นเมื่อเขาสามารถติดต่อกับวูชินได้ หลังจากนั้นเขาก็บอกข้อความจากวูชินให้ทุกคนได้รู้

"ผมติดต่อพี่ได้แล้ว! เขากำลังเดินทางมาที่นี่"

"เฮ่อ พี่เขาทำให้เรากังวลกันซะหนักเลย "

“อ่า ...”

ซังกูพึมพำกับตัวเอง ลาตาชาถอนหายใจออกมาในขณะที่กำลังสวดภาวนา ผู้อมตะเป็นฆาตกรพ่อของเธอ แต่เธอก็มีความสุขมากที่เขาจะกลับมา อารมณ์ผู้หญิงมันช่างขึ้นๆลงๆเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ

"พี่บอกว่ากำลังเดินทางมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุด น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ... "

เพราะเขาอยู่ห่างไกลมาก มันจึงต้องใช้เวลาเดินทางกลับพอสมควร คนที่รวมตัวกันอยู่ ณ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แล้วทาริคก็ออกมาแก้ไขสถานการณ์อีกครั้ง

ถึงแม้จะเป็นข่าวร้าย แต่ตอนนี้พวกเขายังคงมีหวัง

"ให้พวกเราจะป้องกันอาณานิคมเป็นเวลา 1 สัปดาห์"

พวกเขาต้องปกป้องอาณานิคมอย่างสุดกำลังเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อรอจนกว่าคังวูชินจะกลับมาถึงฐานที่มั่นของกองกำลังพันธมิตรและอแลนดัล

รีวิวผู้อ่าน