px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 464 : วิชากระบี่ 7 ดาวพื้นฐาน


WSSTH บทที่ 464 :  วิชากระบี่ 7 ดาวพื้นฐาน

 

“ท่านเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ ที่ท่านกล่าวเช่นนี้ ใช่มีอันใดคิดชี้แนะผู้น้อยหรือไม่?” เก๋อหลู่ หันกลับไปมองถามนี่เหวี่ย

นี่เหวี่ยไม่ได้กล่าวตอบเก๋อหลู่ เพียงแต่หันไปมองชายหนุ่มอีกคนด้านข้าง

ถึงแม้ว่ามันจะไม่รู้จักมักคุ้นอีกฝ่ายดีสักเท่าไร แต่มันก็รู้ว่านี่เป็นศิษย์น้องที่ต้วนหลิงเทียน หลานมันพามา..

เนื่องจากหลานชายของมัน มั่นใจในตัวหนุ่มน้อยนี่ เช่นนั้นตัวมันเองก็เลือกที่จะเชื่อถืออีกฝ่ายเช่นกัน

หนุ่มน้อยที่ว่านี้ ก็คือโม่อี้นั่นเอง

โม่อี้พยักหน้ารับคราหนึ่งเมื่อเห็นสายตาของนี่เหวี่ย  มันลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนที่จะก้าวอาดๆเดินออกไปพื้นที่ว่างเบื้องหน้าอย่างสงบ เผชิญหน้ากับเก๋อหลู่โดยไม่หวั่นเกรงใดๆ

ใบหน้าโม่อี้นี้ แน่นอนว่าต่อให้เป็นคนของนภาล่องก็ไม่คุ้นเคยกันสักคน

"อายุของชายหนุ่มคนนี้ท่าทางแล้วมิควรเกิด 23 ปี...ใยเจ้าพระยาถึงให้เขาออกมาตอนนี้กันเล่า?  เป็นไปได้หรือ ที่หนุ่มน้อยผู้นี้จักมีความแข็งแกร่งกว่าพระยาน้อย?" ความคิดในหัวของคนนภาล่องล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกันเช่นนี้

เพราะจะอย่างไรอายุของโม่อี้ก็น้อยเกินไป

ราชาที่นั่งโต๊ะหน้าสุดเองก็เผยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย  ทั้งยังมองโม่อี้ด้วยความสงสัย

“ผู้บัญชาการต้วน ชายหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนจะเดินตามเจ้ามาใช่หรือไม่?”ราชาส่งเสี่ยงกล่าวถามต้วนหลิงเทียน

มันยังจดจำได้ว่าตอนที่กลุ่มของต้วนหลิงเทียนและเจ้าพระยาก้าวเข้ามาที่ท้องพระโรง ชายหนุ่มคนนี้เดินติดตามต้วนหลิงเทียนมาไม่ห่าง  และท่าทางอีกฝ่ายยังดูเคารพต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

ยิงไปกว่านั้นตัวมันเองก็รู้จักเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยดี

มันย่อมล่วงรู้ ว่าหากนี่เหวี่ยไม่มั่นใจ ย่อมไม่อนุญาตให้ชายหนุ่มนี่เข้าประลองเป็นแน่

“เขาเป็นศิษย์น้องของข้าเอง” ต้วนหลิงเทียนยิ้มๆบางๆพร้อมส่งเสียงตอบ

“ศิษย์น้อง?” ราชาย่อมตกใจไม่น้อย ที่ชายหนุ่มผู้นั้นกลับถูกต้วนหลิงเทียนเรียกว่าศิษย์น้อง...นั่นหมายความว่าชายหนุ่มนั่นย่อมเป็นศิษย์ของนิกายอันน่าเกรงขามของอาณาจักรพนาครามเช่นกัน!

"โม่อี้" โม่อี้จับจ้องไปยังเก๋อหลู่ด้วยสายตาสงบ กล่าวแนะนำตัวออกมาพร้อมพยักหน้าทักพอเป็นพิธี

ตั้งแต่ที่โม่อี้ก้าวเดินออกมา คิ้วเก๋อหลู่ก็ขมวดเป็นปมแต่แรกแล้ว  มายามนี่เมื่อได้ยินโม่อี้กล่าวแนะนำตัวเอง ใบหน้าของมันก็จมลงทันที “เด็กน้อย เจ้ามิใช่คู่มือข้า  ถอยกลับไปเสีย!”

ถึงแม้ชายหนุ่มเบื้องหน้าจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหนก็ตาม  แต่ชายหนุ่มที่อายุเพียง 23 ปี จะแข็งแกร่งได้สักเท่าใดกัน?

มันเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ถึงมันจะได้รับชัยชนะจากเด็กน้อยนี่ มันก็ไม่ได้รับชื่อเสียงอันใด...

“โม่อี้...ดูเหมือนว่าผู้อื่นจะดูแคลนเจ้าไม่น้อยเลยนะ” ตอนนี้เองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเข้าหูทุกคน

"เป็นคนของต้วนหลิงเทียน!" ทันใดนั้นเองทุกสายตาของผู้คนของอาณาจักรนภาล่องก็หันไปมองยังร่างต้วนหลิงเทียนที่นั่งข้างราชา

หนุ่มน้อยคนนี้ถูกพามาโดยต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?

หัวใจของพวกมันสั่นไหวในทันใด

พวกมันย่อมรู้ดีแกใจว่า 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ต้วนหลิงเทียนไปที่ใดมา

“ดูเหมือนว่าหนุ่มน้อยผู้นี้ สมควรมาจากนิกายอันน่าเกรงขามในอาณาจักรพนาครามเช่นกัน...”ตอนนี้คนของอาณาจักรนภาล่อง ไม่กล้ามองข้าม ดูเบาหนุ่มน้อยผู้นี้อีกต่อไป

เอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันรุ่งเองก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายนั่งข้างราชาของอาณาจักรนี้และมีลักษณะโดดเด่นล่ะก็ มันคงด่าทออีกฝ่ายให้บรรพบุรุษสะดุ้งไปแล้ว

ไอหนุ่มนั่นมันกล้าดูแคลนอัจฉริยะของอาณาจักรตะวันรุ่งอย่างเก๋อหลู่หรือไร?

แต่พริบตาต่อมา ฉากที่สะท้อนในแววตา...ทำให้ตัวเอกอัครราชทูตแห่งอาณาจักรตะวันรุ่งต้องหน้าซีดลงไปในทันใด

เพราะเมื่อสิ้นคำต้วนหลิงเทียน โม่อี้เองก็เริ่มเคลื่อนไหว

พริบตาพลังงานต้นกำเนิดก็พวยพุ่งออกมาจากร่าง ดั่งไอน้ำสีขาว เหนือขึ้นไปไอพลังฟ้าดินก็ตอบรับความแข็งแกร่ง พร้อมเผยเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 200 ตัว...

ยามนี้เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 200 ตัวที่ลอยอยู่เหนือศีรษะโม่อี้อย่างเด่นชัด  แผ่ซ่านสภาวะพร้อมรบ ราวกับสามารถปะทุพลังออกมาได้ทุกเมื่อ ทำให้ทุกผู้ที่ชมดูตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

"ขั้นแรก... ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรก!"

"เขาอายุเท่าใดกัน?  พรสวรรค์อะไร!...นี่ยังแข็งแกร่งเหนือชั้นยิ่งกว่าอัจฉริยะของอาณาจักรนภาล่องอย่างต้วนหรูเฟิงเมื่อ 20 ปีที่แล้วเสียอีก!!"

"ช่างน่ากลัวยิ่งนัก นี่น่ะหรือผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะของอาณาจักรพนาคราม?"

...

ทางฝั่งอาณาจักรนภาล่องนั้น ทุกผู้คนของตระกูลใหญ่ รวมถึงประมุขตระกูลล้วนตกตะลึงอึ้งค้างกันทั้งสิ้น

พวกมันสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนกในใจ ที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

ราชาเองก็ฉีกยิ้มออกเมื่อเห็นฉากเรื่องราวตรงหน้า  แต่จะอย่างไรในใจก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

"เจ้า ... " เอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันรุ่ง ป้าเอ่อ ราวกับมีมือผู้ใดมาบีบรัดกุมลำคอมันเอาไว้  สีหน้าของมันแดงก่ำเมื่อเห็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 200 ตัวเหนือหัวโม่อี้  มันคล้ายลมหายใจติดขัด ไม่อาจสูดอากาศเข้าไปได้ กล่าวอะไรไม่ออกอยู่นาน

ชายหนุ่มคนนี้สร้างความตกตะลึงให้มันหนักหนาแล้ว!

"ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป" เก๋อหลู่ที่อยู่ไม่ไกลจากโม่อี้ ตอนนี้เผยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังออกมา

โม่อี้ยังคงมองเก๋อหลู่ที่เรียกดาบ 3 ฉื่อออกมาถือไว้ในมือด้วยสายตาสงบ ...

"ย่ะ!" เมื่อมันเห็นท่าทางโม่อี้ยังไม่แยแสอะไร ทำให้มันไม่สบอารมณ์ ชิงลงมือเคลื่อนไหวก่อนในทันใด!

วู้มมมม!!

ดาบวิญญาณที่มันชักออกมาถือในมือ เริ่มรับพลังงานต้นกำเนิดที่ถ่ายทอดลงไป จนตัวดาบเริ่มเรืองแสงเปล่งประกาย เผยอำนาจเพิ่มพูนความแข็งแกร่งออกมา

เหนือร่างเก๋อหลู่ อีก 56 เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ ปรากฏออกมาข้างๆ 200 ช้างแมมมอธโบราณ...

ผลการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของดาบวิญญาณ!

"ดาบวิญญาณระดับ 7!" ตอนนี้ผู้คนของอาณาจักรนภาล่องมากมายล้วนตกใจ

พวกมันไม่คิดเลยว่า เก๋อหลู่แห่งอาณาจักรตะวันรุ่งนี้ ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 เท่านั้น แต่มันยังมีความสามารถถึงขั้นครอบครองอาวุธวิญญาณระดับ 7 ไว้ได้...

แม้ว่าอาวุธวิญญาณระดับ 7 จะเหนือกว่าอาวุธวิญญาณระดับ 8 เพียงแค่ขั้นเดียว แต่ความต่างของมัน อยู่ที่ อำนาจเพิ่มพูนถึง 10%

แล้วผลของอำนาจที่ต่างกัน 10% คืออะไรน่ะหรือ?

หากผู้ฝึกยุทธ์วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรก ใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด โดยไร้อาวุธวิญญาณ...ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นสมควรมี 200 ช้างแมมมอธโบราณ

อำนาจที่เพิ่มพูน 10 % นี้ ก็เทียบได้กับ 20 ช้างแมมมอธโบราณ

กล่าวง่ายๆว่า หากโม่อี้ มีเพียงอาวุธวิญญาณระดับ 8 ไร้อาวุธวิญญาณระดับ 7 เช่นเดียวกันกับเก๋อหลู่ ความต่างของทั้ง 2 ย่อมมากถึง 20 ช้างแมมมอธโบราณ!

หน้าของเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยเริ่มมืดลง...!

เรื่องราวตรงหน้า นับว่าเหนือความคาดหมายของมันอยู่บ้าง!

หากมันล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายครอบครองอาวุธวิญญาณระดับ 7 ล่ะก็ มันคงเอาอาวุธวิญญาณระดับ 7 ที่ตัวเองมี ให้โม่อี้ยืมไปใช้ตั้งแต่แรกแล้ว

ตอนนี้มีเพียง 3 คนบนโต๊ะหัวแถวที่ยังสงบไม่แสดงท่าทีร้อนรนอะไร

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทุกข์ร้อนอะไรอยู่แล้ว  เพราะเขารู้ดีว่ากระบี่ที่โม่อี้ใช้มีก็ระดับ 7 เช่นกัน

ราชาเองก็สงบใจอยู่ได้เพราะเห็นต้วนหลิงเทียนไม่ทุกข์ร้อน มันย่อมเชื่อถือต้วนหลิงเทียน

ส่วนองค์หญิงปี้เหยาที่สงบอยู่ได้ เพราะหลับหูหลับตาเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไขใดๆ

เอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันรุ่ง ป้าเอ่อ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของคนอาณาจักรนภาล่อง มันก็อดไม่ได้ที่จะเผยความยินดีและพึงพอใจออกมา ‘พวกเจ้าทุกคนคงคิดมิถึงล่ะสิ ...ว่าข้าจักมอบดาบวิญญาณระดับ 7 ให้เก๋อหลู่หยิบยืมแตกแรกแล้ว!’

ทว่าต่อมาเมื่อป้าเอ่อมองไปยังโต๊ะราชาและเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงสงบ ในใจมันพลันบังเกิดลางไม่ดีขึ้นมา

วิ้ง...!

เสียงร่ำร้องของกระบี่พลันดังขึ้นเข้าหูทุกผู้คน...เมื่อโม่อี้เรียกกระบี่ออกมาพร้อมถ่ายทอดพลังงานต้นกำเนิดลงไป

สีหน้าท่าทางของเหล่าอัจฉริยะ 3 ตระกูลใหญ่แลดูซีดลงไปในทันใด  ในแววตายังเผยความยำเกรงออกมาเมื่อมองไปยังร่างชายหนุ่มเบื้องหน้า

เพราะพวกมันเห็นชัดถนัดตาว่า เหนือร่างของชายหนุ่มผู้นี้ กลับมีจำนวนเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเท่าเทียมกับ เก๋อหลู่ ...

พวกมันย่อมรู้ดีว่าเรื่องนี้หมายถึงอะไร!

กระบี่วิญญาณระดับ 7!

ที่แท้โม่อี้กลับมีกระบี่วิญญาณระดับ 7 ไว้ในครอบครอง!

"พินาศไปเสีย!" เก๋อหลู่ที่ลงมือก่อนเริ่มมีโทสะออกมาไม่น้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่แยแส มันถ่ายทอดพลังงานต้นกำเนิดทั้งหมดลงดาบ เตรียมใช้วิชาดาบประจำกายแล้ว

ทันใดนั้นดาบวิญญาณระดับ 7 ในมือเก๋อหลู่เต็มเปี่ยมไปด้วยคลื่นพลังสีขาวราวน้ำนมจากพลังงานต้นกำเนิดอันเกรี้ยวกรดครอบคลุมเอาไว้  ทันใดนั้นเองพลังงานต้นกำเนิดสีขาวนั่นก็กลับกลายเป็นดาบขนาดใหญ่ ยาว 3 เมตร ฟันฟาดไปทางโม่อี้ ด้วยสภาวะดุร้ายปานคนจะสะบั้นแยกขุนเขา

ดูเหมือนอีกฝ่ายคิดอำมหิต หมายสับผ่ากลาง แยกร่างโม่อี้เป็น 2 เสี่ยง ...!

“วิชากระบี่ 7 ดาวพื้นฐาน” สีหน้าของโม่อี้ยังไม่ไปแปรเปลี่ยนเมื่อพบพานการคุกคามจากดาบเล่มเขื่องของเก๋อหลู่ มุมปากมันขยับพึมพำออกมาเล็กน้อย

ทันใดนั้นเองกระบี่วิญญาณระดับ 7 ในมือโม่อี้ก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ตัวกระบี่ถูกโม่อี้ยกแทงขึ้นชึ้ฟ้าด้วยท่วงท่าราวเซียนสวรรค์ใช้พู่กันจรดผืนนภา เวลาเดียวกันนั้นเองเสียงเสียงดังคำรามจากกระบี่พลันระเบิดออกมากึกก้องในอากาศ

พริบตาต่อมา

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

...

กระบี่ในมือโม่อี้ที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดนั้น พลันมลายหายไป ก่อเกิดเป็นรังสีกระบี่ไร้สภาพ 7 สาย พวยพุ่งออกไปยังพลังดาบไร้สภาพเล่มเขื่องของเก๋อหลู่

รังสีกระบี่ทั้ง 7 นั้น แลไปคล้ายกับดาวตก ที่กำลังถาโถมโหมกระหน่ำ ทะลวงดาบไร้สภาพขนาดใหญ่

เปรี๊ยงงง!

รังสีกระบี่แรก ทำลายสภาวะเกรี้ยวกราดของดาบไร้สภาพเล่มเขื่องจนลดทอนลงไปหลายส่วน ตัวดาบยังหดสั้นลงไป

เปรี๊ยงงง!

รังสีกระบี่ที่ 2 ทำให้ดาบเล่มเขื่องเริ่มจางลง ทั้งยังหดสั้นลงไปอีก

เปรี๊ยงงง!

เปรี๊ยงงง!

...

รังสีกระบี่ที่ 4 , 5 , 6 , 7 ทยอยปะทะกับดาบเล่มเขื่องในเสี้ยวพริบตา

ทั้งแต่ละรังสีกระบี่นั้นยังแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง

มันไม่ต่างอันใดกับคลื่นในมหาสมุทร ระลอกคลื่นถัดมานั้นรุนแรงเกรี้ยวกราดกว่าคลื่นลูกเดิมเสมอ

เมื่อรังสีกระบี่ที่ 6 ปะทะดาบไร้สภาพของเก๋อหลู่...กระบวนท่าวิชาดาบไม้ตายของเก๋อหลู่ ก็ถูกทำลายจนย่อยยับไปแล้ว  พลังดาบไร้สภาพสลายหายไปหมดสิ้น ทั้งตัวดาบวิญญาณเองก็หมองหม่นลง ไร้ซึ่งพลังงานต้นกำเนิดใดๆ หลงเหลือ

เมื่อแสงกระบี่ที่ 7 พุ่งมาถึง ดาบวิญญาณในมือเก๋อหลู่ ก็ถูกพลังทำลายที่ระเบิดขึ้นซัดเสียปลิดปลิวหลุดมือ ลอยละลิ่วปลิวคว้างไปปักยังพื้นห่างไกล

ทั้งง่ามมือที่จับดาบของเก๋อหลู่ยังฉีกขาด โลหิตไหลหลั่งหยดดังติ๋งๆ

และยามนี้ที่ลำคอของมันก็มีกระบี่ทาบทับ กระบี่นี้ดั่งเงาที่คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบงันแต่ฉับไว

เงียบ...

ไร้ซึ่งสรรพเสียงสำเนียงใด

ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมายัง 2 ร่างเบื้องหน้า

โม่อี้ ชายหนุ่มที่ไม่มีผู้ใดรู้จักที่แท้กลับเต็มไปด้วยความร้ายกาจ! ใช้กระบี่วิญญาณระดับ 7 จี้พาดไปที่ลำคอ ของอัจฉริยะของอาณาจักรตะวันรุ่ง..!!

ตราบใดที่โม่อี้ออกแรงอีกเพียงเล็กน้อย คอหอยของเก๋อหลู่เป็นอันต้องขาดสะบั้นโลหิตทะลักพรั่งพรู ขาดใจตาย!

"ข้าแพ้" เก๋อหลู่รู้สึกสลดหดหู่ในใจ มันยังคงปล่อยให้โลหิตหลั่งไหลออกจากมือไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะสนใจใยดีแม้แต่น้อย

มันพ่ายแพ้แล้ว

พ่ายแพ้ต่อชายหนุ่มวัยเพียง 23 ปี...

อาจบางที...ตั้งแต่ชายหนุ่มผู้นี้ใช้ออกด้วยวิชากระบี่ล้ำลึกอันเลิศภพจบแดนนั่นออกมา มันก็เสมือนพ่ายแพ้ไปแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มันได้เห็นวิชากระบี่ ที่เลิศล้ำถึงปานนี้!

ในที่สุดผู้ชมทั้งหลายก็หายจากอาการตกตะลึง ครู่ต่อมาเสียงสูดลมหายใจเข้าออกระรัวพลันดังขึ้น

"เป็นวิชากระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้!"

“วิชากระบี่ของชายหนุ่มผู้นี้ ก่อเกิดรังสีกระบี่อันทรงพลังรุนแรงเช่นนั้นถึง 7 สาย ยากแยกแยะกระบี่จริงเท็จ...นอกจากนั้นเสมือนรังสีกระบี่แต่ละสาย ยังแข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งกว่ารังสีกระบี่ก่อนหน้า...แลไปคล้ายกับพายุหะดาวตก 7 ระลอก  ช่างน่าตื่นตะลึงอย่างแท้จริง!”

“ชีวิตข้านับว่าเกิดมามิสูญเปล่าแล้ว  เพราะชีวิตนี้ข้าได้เป็นพยานรู้เห็น การสำแดงวิชากระบี่ที่เลิศล้ำสูงส่งเช่นนี้!”

...

ผู้คนมากมายของอาณาจักรนภาล่องอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยมวลอารมณ์

 

รีวิวผู้อ่าน