px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 475 : เชิญจ้าวมาง่าย ส่งจ้าวยากนัก...!


WSSTH บทที่ 475 : เชิญจ้าวมาง่าย ส่งจ้าวยากนัก...!

 

 

สายตาของที่แฝงไว้ด้วยแววตาซุกซนเล็กน้อยของต้วนหลิงเทียน ค่อยๆหันไปจับจ้องมองร่างโม่ถูที่กำลังอึ้งค้างราวตัวบ้าใบ้

ตอนนี้โม่ถูคล้ายคนวิญญาณหลุดออกจากร่าง มันยังคงอึ้งตะลึงค้างกับเรื่องราวตรงหน้า  ไม่รู้สึกตัวแต่อย่างไร...

มันไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มอายุน้อยเบื้องน่าจะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้!  กำราบข้ารับใช้ทั้ง 5 ของมันได้อย่างง่ายดายในชั่วพริบตา!!

"เจ้า ... ทะ... ท่านเป็นผู้ใดกัน?" หากว่าในตอนนี้โม่ถูยังไม่รู้ตัว ว่ามันเตะเข้าตอเหล็กอย่างจัง! เกรงว่าชีวิตที่อยู่มาจนถึงวันนี้ ล้วนเสียเปล่าแล้ว...!!

ตอนนี้ในใจโม่ถูเต็มไปด้วยความเสียใจและชิงชังตัวเองนัก... ที่ดันหน้ามืดตามัวก่อเรื่องลงไปเพราะโทสะครอบงำจนขาดสติยั้งคิด...

"รับนี่ไปกิน แล้วลุกมานำทางข้า!" ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือขึ้นมาหนึ่งครั้ง ก่อนจะปรากฏโอสถทองประสานกายระดับ 7 ขึ้นในฝ่ามือ พร้อมทั้งซัดไปยังร่างข้ารับใช้ทั้ง 5 ที่ล้มกลิ้งอยู่บนพื้น

ข้ารับใช้ทั้ง 5 ที่ล้มอยู่ย่อมเห็นการกระทำของต้วนหลิงเทียน พวกมันรับโอสถไว้ด้วยความสำนึกบุญคุณ ก่อนที่จะรีบใช้

"นำทาง?" โม่ถูที่ตะลึงค้างเมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนก็งุนงงเล็กน้อย และเมื่อมันหวนนึกถึงวาจาก่อนหน้าต้วนหลิงเทียน สีหน้ามันยิ่งมายิ่งซีดลง

แต่จะอย่างไร แม้คนไม่ยินยอมพร้อมใจ มันก็ยังต้องไป!

ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนเหนือเสียยิ่งกว่าข้ารับใช้ผู้ติดตามมัน! แล้วมันจะเอาอะไรไปต่อต้านแข็งขืนอีกฝ่าย!!

....

ในมณฑลตะวันฉายนี้...ตระกูลโม่เองก็นับว่าเป็นตระกูลใหญ่แห่งเมืองประจำมณฑล  อำนาจเพียงด้อยกว่าตระกูลของผู้ว่าการประจำมณฑลเท่านั้น...

อย่างไรก็ตาม วันนี้ภายในตระกูลโม่อันยิ่งใหญ่ กลับมีบรรยากาศอึมครึมชวนให้อึดอัดใจนัก!

ตอนนี้ภายในห้องโถงหลักของตระกูลโม่ ไม่ว่าหัวหงอกหัวดำล้วนอยู่กันเต็มโถง และทั้งหมดเป็นเหล่าอาวุโสของตระกูลทั้งสิ้น

และที่แปลกก็คือ ...ที่นั่งระดับสูงสุดของตระกูลโม่...ที่เดิมทีสมควรเป็นที่นั่งของประมุขตระกูลนั้น  ยามนี้กลับถูกชายหนุ่มในชุดสีม่วงยึดไปนั่งไขว่ห้าง ลูบไล้หนูสีทองในมืออย่างสบายอารมณ์!

แต่ทุกผู้คนระดับสูงในตระกูลโม่ย่อมไม่มีใครกล้าไม่พอใจ อีกทั้งตอนนี้ ทั้งหมดยังเต็มไปด้วยความกังวลใจและหวาดกลัวสุดขีด!

ชายหนุ่มที่อายุราวๆ 23 ปีผู้นี้ กลับกำราบข้ารับใช้ของตระกูลโม่ทั้ง 5 ในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา  ทำให้ทุกคนต่างสงสัยและคาดเดากันว่า...ชายหนุ่มผู้นี้ได้ก้าวไปสู่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งแล้วเป็นแน่!

พวกมันย่อมกระจ่างแจ้งในใจชัดเจนดี...ว่าทะลวงด่านวิญญาณแรกก่อตั้งด้วยวัยเพียงเท่านี้ หมายความว่าอะไร...

ในอาณาจักรนภาล่องของพวกมันนั้น เกรงว่าต่อให้เป็น 3 ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง กระทั่งตระกูลราชวงศ์ที่นับว่าแข็งแกร่งที่สุด ยังไม่มีปัญญาสร้างตัวตนระดับนี้ออกมาได้...!

กล่าวได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้มีแนวโน้มสูงมากที่เขาจะไม่ได้เป็นคนของอาณาจักรนภาล่อง... และอาจมาจากอาณาจักรระดับสูง ไม่ก็ราชอาณาจักร หรือแม้กระทั่งเป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งของอาณาจักรชั้นสูงที่แอบมาเที่ยวเล่น!

ไม่ต้องกล่าวถึงตระกูลโม่ของพวกมันด้วยซ้ำ เกรงว่ากระทั่งตระกูลราชวงศ์แห่งเมืองหลวง ยังไม่กล้าล่วงเกินตัวตนระดับนี้

“เจ้าลูกไม่รักดี ใยยังไม่คุกเข่าลงอีก!?” ตอนนี้เองประมุขตระกูลโม่ที่ยืนตัวสั่น พลันหันไปตวาดชายหนุ่มข้างๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนที่จะถีบไปที่ข้อพับอีกฝ่ายทำให้มันทรุดตัวลง

โม่ถูก็ไม่กล้าต่อต้านแข็งขืนรีบคุกเข่าลงบนพื้น ด้วยร่างก่ายที่สั่นเทิ้ม

ตอนนี้ตัวมันเองก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราวแล้วเช่นกัน...

"นายน้อยผู้นี้ มิทราบข้าน้อยควรเรียกหาท่านว่าอย่างไร?" เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลโม่ หันไปมองต้วนหลิงเทียน พร้อมกล่าวถามออกมาด้วยความนอบน้อมระคนหวาดกลัว

"ต้วนหลิงเทียน" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปอย่างไม่แยแส

ต้วนหลิงเทียน?

เพียงต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำประมุขของตระกูลโม่ก็เผยสีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ออกมา

สีหน้าท่าทางของเหล่าผู้อาวุโสต่างๆในตระกูล ก็ซีดลงราวกับศพ

ตุบ

โม่ถูที่คุกเข่าอยู่ เมื่อได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียน ร่างของมันก็ผวา จนหงายหลังกระทั่งล้มแผละไปกองที่พื้น  แต่ไม่นานมันก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นมาคุกเข่าและรีบหมอบหัวลงต่ำ

ต้วนหลิงเทียน!

ทายาทสายตรง สืบสายโลหิตหลักของตระกูลต้วนแห่งเมืองหลวง...

ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร...

ผู้ที่ราชาให้ความไว้วางใจสูงสุด...

หลานชายของเจ้าพระยา...

ตระกูลโม่ยังจะมีหน้าเป็นตระกูลใหญ่ของเมืองประจำมณฑลตะวันฉายได้อยู่อีกหรือ? หากไม่เคยได้ยินเรื่องราวสะท้านฟ้าของอัจฉริยะอันดับหนึ่งของอาณาจักนภาล่อง!  บุรุษที่เป็นหัวข้อสนทนาไปทั่วทั้งอาณาจักรเมื่อหลายปีก่อน!?

แต่จะอย่างไรก็ตามร้อยคิดหมื่นคาดก็ไม่มีสักครั้ง  ที่พวกมันจะฝันถึง ว่าต้วนหลิงเทียนที่ออกจากอาณาจักรนภาล่องไป จะกลับมาแล้ว...!

และไม่เพียงแต่เขาจะกลับมา! กระทั่งยังมาเยือนยังเมืองประจำมณฑลตะวันฉาย!!

นอกจากนี้คนของตระกูลโม่ยังกล้าไปหาเรื่องล่วงเกินต้วนหลิงเทียน เช่นนี้...

ตอนนี้ระดับสูงของตระกูลโม่ล้วนถลึงตามองไปยังโม่ถูเป็นสายตาเดียวกัน  แววตาของทุกผู้คนล้วนเต็มไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด ดุร้ายปานจะแหวกพุงกลืนไส้

เพียะ! ผัวะ! ตุบ! ตับ! ผลัก!

...

ประมุขของตระกูลโม่ก้าวออกมาหาโม่ถู ก่อนที่มันจะยกมือยกเท้าขึ้นมาระดมทุบตีไปยังโม่ถูรัวๆ จนมันทรุดลงไปกองหมอบที่พื้นอย่างหมดสภาพ

“ท่านผู้บัญชาการต้วน  เป็นข้าโม่หง ที่มิได้สอนสั่งบุตรไม่ได้ความคนนี้ให้ดี  ขอท่านผู้บัญชาการต้วนอภัยให้กับความผิดของข้าครั้งนี้ด้วยเถอะ!” หลังจากที่ทุบตีบุตรชายแล้ว โม่หงยังรีบคารวะทั้งก้มหัวขอขมาลาโทษต่อต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางนอบน้อม ยอมจำนน

“ท่านผู้บัญชาการต้วน โปรดอภัยให้ด้วย!” ตอนนี้เหล่าอาวุโสของตระกูลโม่เองก็ไม่รอช้า รีบประสานมือคารวะ พร้อมก้มหัวขอขมาทั้งสิ้น  ในใจของพวกมันยังชิงชังและโกรธแค้นโม่ถูอย่างถึงที่สุด!

แม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช่ตัวตนที่มาจากอาณาจักรอื่นหรือราชอาณาจักรอื่นอะไรเช่นนั้น  แต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ยังกล่าวได้ว่าน่ากลัวเสียยิ่งกว่าตัวตนอันเป็นผู้ที่มาจากขุมกำลังที่น่าสะพรึงกลัวระดับนั้นเสียอีก..!!

เพราะหากเป็นตัวตนที่มาจากเบื้องหลังอันเป็นขุมพลังน่าหวาดกลัวและทรงอำนาจเหล่านั้น  อีกฝ่ายคงไม่ถึงขั้นลดตัวลงมาหาเรื่อง และยุ่งวุ่นวายอะไรกับตระกูลโม่อันกระจ้อยให้ตัวแปดเปื้อน

แต่ต้วนหลิงเทียนนี้...กล่าวได้ว่าอีกฝ่ายคือตัวตนที่เป็นดั่งตัวอันตรายระดับสูงสุด! ของอาณาจักรนภาล่อง..!!

เพราะทั้งหมดต่างคาดเดาผลลัพธ์กันได้เป็นอย่างดี... หากเรื่องราวความบาดหมางในวันนี้แพร่กระจายออกไป  ต่อให้ต้วนหลิงเทียนไม่ลงมือทำอะไร ก็ต้องมีมีเหล่าขุมพลังทรงอำนาจอีกมากมาย ที่หมายกวาดล้างตระกูลโม่เพื่อเอาอกเอาใจต้วนหลิงเทียน!

นอกจากนี้ยังเห็นกันอยู่ตรงหน้า ว่าต้วนหลิงเทียนตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งแล้ว!

พวกมันทั้งหลายย่อมเคยได้ยินเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากอาณาจักรนภาล่อง  เพื่อไปเข้าร่วมนิกายในอาณาจักรพนาครามเมื่อหลายปีก่อน ดี...

ในความคิดของพวกมันนั้น... ต้วนหลิงเทียนย่อมได้รับทรัพยากรบ่มเพาะมากมายจากนิกายอันน่าเกรงขามในอาณาจักรพนาครามอย่างแน่นอน  เขาถึงได้ตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งได้ตั้งแต่ที่มีอายุน้อยเช่นนี้...!

เพราะจะอย่างไรแล้ว...ด้วยพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์อันเลิศล้ำของต้วนหลิงเทียน  เขาย่อมได้รับความสนใจอย่างสูงจากเหล่านิกายที่น่าเกรงขามเหล่านั้น!...

เช่นนั้นในอนาคตคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ที่ต้วนหลิงเทียนจะกลายเป็นตัวตนระดับสูงส่งของนิกายที่น่าเกรงขามเหล่านั้น..!!

พวกมันสามารถล่วงรู้และนึกภาพออกได้เลย ว่ายามนี้ต้วนหลิงเทียนมีอิทธิพลสูงส่งขนาดไหน  และมีเหล่าขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรนภาล่องคิดเอาอกเอาใจมากมายถึงเพียงใด...

‘ต้วนหลิงเทียน...เขากลับเป็นต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจริงๆ...ข้าน่าจักนึกออกตั้งแต่แรกแล้ว! ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ คงมีแต่เพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ที่ทำให้ลี่ตกใจกลัวจนต้องรีบหนีไปอย่างหวาดผวาเช่นนั้น...!’ร่างของโม่ถูที่หมอบกราบ เริ่มสั่นสะท้านจนแลดูน่าเวทนานัก...

“ประมุขโม่ ท่านล้อข้าเล่นแล้ว...ที่ข้ามายังตระกูลโม่นี้ แค่เพราะคิดจะพักผ่อนที่นี่สัก 2-3 วันเท่านั้น...พอดีข้าไม่มีทางเลือกอื่นใด กระเป๋าเงินของข้านั้นแบนแฟบทรัพย์จางยิ่งนัก  ...อย่าได้กล่าวถึงเรื่องจะไปพักในโรงเตี๊ยมอะไร...” ต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประมุขลูบหลังเสี่ยวจินเบาๆ ก่อนที่จะอนหายใจพร้อมกล่าวออกมาอย่างจนปัญญา

เหล่าอาวุโสของตระกุลโม่ตะลึงอึ้งค้างไปคราหนึ่ง ก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าใจความในวาจาของต้วนหลิงเทียน !

“ผู้บัญชาการต้วน 1,000,000 เหรียญทองนี้ ถือเสียว่าเป็นคำขมาจากตระกูลโม่เรา โปรดท่านรับไว้ด้วยเถิด...” ประมุขตระกูลหงไม่คิดกล่าววาจาใดอื่นให้เสียความ รีบควักล้วงตั๋วเงินปึกใหญ่ออกมาจากแหวนมิติ ทั้งค่อยๆประคองส่งให้ต้วนหลิงเทียนอย่างนอบน้อม

ต้วนหลิงเทียนก็คว้าตั๋วเงินปึกใหญ่ดังหมับ! อย่างไม่คิดเกรงใจ  แล้วโยนส่งๆ เก็บเข้าแหวนมิติไปด้วยใบหน้าเฉยเมย

เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายของตระกูลโม่ ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นภาพนี้...

เท่าที่พวกมันคิด หากต้วนหลิงเทียนรับเงินไปแล้ว คงไม่คิดทำให้เรื่องราวนี้ให้มันใหญ่โต และเกิดปัญหาอะไรไปมากกว่านี้...

แต่ทันใดนั้นเอง

“อืม...เอาล่ะข้าจะคิดซะว่า 1,000,000 เหรียญทองนี้เป็นค่าทำขวัญ... ที่นายน้อยตระกูลโม่ของพวกเจ้าทำให้ข้า ตกใจจนเสียขวัญแล้วกัน” ต้วนหลิงเทียนปรายตามองไปยังเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลโม่ทั่วๆรอบหนึ่ง

ทางผู้อาวุโสของตระกูลโม่ที่คิดว่าเรื่องราวระหว่างตระกูลกับต้วนหลิงเทียนจะยุติลงแล้ว  ถึงกับอึ้งค้างหน้าชาไปอีกครา

1,000,000 เหรียญทองนี้เป็นค่าทำขวัญ จากการตกใจหรือ?

โม่ถูที่คุกเข่าหมอบกราบอยู่บนพื้น บังเกิดอาการวิงเวียนหน้ามืด คนคล้ายจะเป็นลม...

ในใจของมันเต็มไปด้วยเสียงร่ำร้องโอดครวญ...

เสียขวัญย่าเจ้าเถอะ! เป็นผู้ใดทำให้ผู้อื่นตกใจเสียขวัญกันแน่!?

แน่นอนว่ามันย่อมไม่กล้าท้วงติงโพล่งคำไม่ยินยอมนี้ออกมา...  ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนในใจ ไม่มีคำใดกล่าวออก

เหล่าอาวุโสของตระกูลโม่ที่ได้ฟังคำต้วนหลิงเทียน ล้วนหันไปมองโม่ถู ด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด แววตาแต่ละคนช่างดุร้ายน่ากลัวนัก!

หากไม่ใช่เพราะตัวบัดซบโม่ถูนี่!  ตระกูลโม่ยังจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่น่ากลัวเช่นนี้อีกหรือ?!

เชิญจ้าวมานั้นง่าย ยามส่งจ้าวนี่ช่างยากเย็นแสนเข็ญนัก!

นับว่า...วันนี้พวกมันได้ประจักษ์แจ้งถึงความหมายในวาจานี้อย่างชัดเจนแล้ว!  (เชิญจ้าวง่าย ส่งจ้าวยาก = สร้างปัญหากับตัวตนระดับสูงง่าย แต่ยากจะเคลียให้อีกฝ่ายเลิกรา)

“ท่านผู้บัญชาการต้วน  โปรดรับสิ่งนี้ด้วย...” โม่หงไม่รอช้ารีบหยิบตั๋วเงินออกมาอีก 1,000,000 เหรียญทอง มอบส่งไปทั้งที่หัวใจหลั่งโลหิต!

แน่นอนว่าเงินจำนวน 2,000,000 เหรียญทองนี้ ย่อมเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสสำหรับตระกูลโม่!

ตอนนี้โม่หงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า ทุบตีลูกชายอุบาทว์ตรงหน้าให้ตกตาย!!

เพราะวันนี้ลูกชายอุบาทว์ของมัน ถึงกับทำให้ตระกูลต้องเสียเงิน  2,000,000 เหรียญทองด้วยเรื่องราวเช่นนี้!

“อืม...” ต้วนหลิงเทียนรับตั๋วเงินและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ประมุขโม่นับว่าเป็นคนที่ตรงไปตรงมานัก...ในเมื่อประมุขโม่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ข้าก็ไม่คิดทำให้ประมุขโม่ต้องลำบากใจอะไรอีก”  คำกล่าวของต้วนหลิงเทียนทำให้โม่หงและตระกูลโม่ หลังตรงขึ้นมาพร้อมโล่งใจไม่น้อย

ในที่สุดพวกมันก็จักได้หลุดพ้น สิ้นเรื่องสิ้นราวกับตัวตนที่น่ากลัวนี่แล้ว!

อย่างไรก็ตาม พริบตาต่อมาหัวใจของพวกมันก็กระตุกอีกครา เมื่อยินวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ

“1,000,000 เหรียญทองที่ข้ารับมาเพิ่มนี่  ข้าจะถือเสียว่าเป็นค่าหยูกยาโอสถทองประสานกายระดับ 7 ที่ข้าได้มอบให้คนของตระกูลท่านรักษาตัวก่อนหน้าแล้วกัน...ประมุขโม่ ท่านคงไม่รังเกียจและขัดข้องอะไรใช่หรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนโยนตั๋วเงินเก็บไว้ในแหวนมิติก่อนที่จะมองไปยังประมุขตระกูลโม่ ด้วยสายตาเรียบๆ สงบนิ่งนัก!

“ไม่รังเกียจ! ข้าไม่รังเกียจ! มิมีปัญหาขัดข้องอันใด!!” โม่หงรีบกล่าวตอบออกมาอย่างไร้ซึ่งความลังเล!

แต่ในใจมันเต็มไปด้วยโทสะ และสาปแช่งด่าทอไม่หยุด!

โอสถทองประสานกายระดับ 7 จำนวน 5 เม็ด... บ้านปู่เจ้าเถอะ กวนยาบนเมฆหรือไร! ถึงได้มี ราคามากมายถึง 1,000,000 เหรียญทอง?!

การเรียกร้องครานี้ นี่มันยิ่งกว่าพ่อค้าหน้าเลือดไร้ยางอายอีก!!

“เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้วก็ให้มันแล้วกันไปเถอะ   ว่าแต่...ประมุขโม่เห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าทางตระกูลท่านจะชดใช้ค่าเสียหายจากการต่อสู้ให้ข้าอีกสักเล็กน้อย  ซึ่งข้าเองก็ไม่คิดมากมายอะไร เพียงอีกแค่ 1,000,000 เหรียญทองก็พอ... พวกท่านเองก็น่าจะรู้ดีว่า เมื่อตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งแล้ว  ผู้ฝึกยุทธ์ก็จำเป็นต้องใช้โอสถเพื่อเสริมสร้างพลังงานต้นกำเนิดเพิ่มขึ้นไม่น้อย...”ต้วนหลิงเทียนค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา “ท่านเห็นด้วยกับที่ข้ากล่าวหรือไม่ ประมุขโม่?”

ตอนนี้รอยยิ้มสดใสที่ต้วนหลิงเทียนคลี่ออกมา แทบไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มของมารปีศาจสำหรับตระกูลโม่แล้ว!

‘บัดซบ! มิใช่ว่าเขาเพียงต่อสู้ทุบตีคนของข้าจนพินาศในเสี้ยวพริบตาหรอกหรือ...แต่เขายังต้องการค่าเสียหายจากต่อสู้อะไรนี่อีก?” โม่ถูที่หมอบกราบอยู่กับพื้นอย่างน่าเวทนา  ยามนี้ร่างยิ่งมายิ่งสั่นสะท้านสีหน้าของมันเขียวปั๊ด

ตุบ

สุดท้ายพริบตาต่อมา ภาพทุกอย่างเบื้องหน้าของโม่ถูก็ค่อยๆขาวโพลน ก่อนที่จะมืดดับไป ...มันโมโหเสียจนเป็นลมหมดสติไปแล้ว..

แต่ไม่มีใครคิดจะสงสารมันสักคน แม้แต่บิดามันก็ไม่!

3,000,000 เหรียญทองที่ตระกูลโม่หลังขดหลังแข็งหามาด้วยความยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่าน... กลับต้องมาหลุดลอยจากมือไปง่ายดาย ด้วยเรื่องราวเช่นนี้!!

ทั้งเงินจำนวนนี้นั้นเป็นเพราะตระกูลโม่ของพวกมันอาศัยความสัมพันธ์กับจวนผู้ว่าแห่งมณฑลตะวันฉาย ฮั้วกันเรื่องที่ทางและร้านรวงต่างๆ ครอบครองช่องทางค้าขายสินค้าหลายหลากอย่างผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว... 

หาไม่แล้วเกรงว่าต่อให้ต้องขายตัวเป็นทาส แม้กระทั่งถอนหญ้าทุกต้นขึ้นมาขาย ตระกูลโม่ก็คงไม่มีปัญญาหยิบเงินก้อนนี้ออกมาได้...!

ต้วนหลิงเทียนเองก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เมื่อรับมอบตั๋วเงินมาอีกปึก...

เขาไม่คิดไม่คาดเลยว่าตระกูลโม่ ที่เป็นเพียงตระกูลใหญ่ในเมืองประจำมณฑล จะสามารถหยิบจ่ายเงินทองได้มากมายถึงขั้นนี้...

ตอนแรกเขาคิดเพียงจะเรียกร้องค่าเสียหายเพียงไม่กี่แสนเหรียญทองจากตระกูลโม่เท่านั้น

แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าประมุขตระกูลโม่ กับควักตั๋วเงินออกมามอบให้เขาทันทีถึง 1,000,000 ทองได้อย่างง่ายดาย!  นี่ทำให้เขารู้สึกเสียมารยาทหรือไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายอยู่บ้าง  หากไม่เรียกร้องจากอีกฝ่ายให้มากกว่านี้...!

หากยามนี้ประมุขตระกูลโม่ล่วงรู้ความในใจของต้วนหลิงเทียนแล้วล่ะก็...มันคงคับแค้นใจจนกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่แล้ว

“ประมุขโม่  ท่านนี่...ช่างเป็นคนใจกว้างยิ่งนัก! หากต่อไปข้าว่าง ข้าจะมาเยี่ยมท่านที่นี่บ่อยๆ” ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะจากไป เขาหันกลับมาทิ้งคำลาให้ประมุขโม่พร้อมรอยยิ้ม

อย่างไรก็ตามคำที่กล่าวพร้อมรอยยิ้มนี้ กลับทำให้อาวุโสทั้งหลายของตระกูลโม่ ชาไปทั้งหนังศีรษะ หน้ายังซีดลงโดยพลัน...

ตัวน่ากลัวนี่ยังคิดจะมาเหยียบที่นี่บ่อยๆหรือ?

"ฮ่าๆๆ... ข้าล้อเล่น... แค่ล้อเล่นเล็กๆน่ะ" ต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา อย่างห้ามไม่ไหว เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางการแสดงออกของอาวุโสทั้งหลายตระกูลโม่   แล้วเขาก็อุ้มเสี่ยวจินที่เมาแอ๋ในมือเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม...

ผลกำไรครั้งนี้นับว่าไม่เลวนัก!

 

รีวิวผู้อ่าน