px

เรื่อง : The Inverted dragons scale
023 - เซี่ยงหม่าและมู่หยาง


เขาเป็นโรคจิตหรือไม่ก็มีปัญหาทางสมองแน่ๆ เลย!

 

ไม่ใช่ว่าหลี่มู่หยางมีความสามารถในการอ่านใจคนอย่างทะลุปรุโปร่ง. แต่ลึกๆ แล้วเขารู้สึกอย่างนั้น, สำหรับผู้ชายหล่อเหลาและดูมีชีวิตชีวา มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะต้องเดินเข้ามาและเริ่มถามคำถามคนแปลกหน้า ถูกมั้ย?

 

มันจะต้องมีอะไรอยู่ในกอไผ่แน่ๆ 
ลองคิดดูสิ, จากรูปลักษณ์ของหลี่มู่หยาง เขาไม่ใช่คนที่น่าเข้ามาทักเลยซักนิด.

หลี่มู่หยางตาเบิกกว้างในขณะที่พวกเขากำลังจ้องกัน. ชายคนนั้นสวมชุดผ้าไหมสีดำ ถือพัดกระดาษและใบหน้าก็เขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร.

 

หลี่มู่หยางชักจะชอบผู้ชายคนนี้ขึ้นมาเล็กน้อย, เขาพูดว่า: "ชั้นไม่คิดแบบนั้นนะ."

สีหน้าของเยี่ยนเซี่ยงหม่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย, พรึ่บบ. เขาเก็บพัดกระดาษ. แล้วเริ่มเคาะพัดกับมือของเขา. สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสนใจในตอนที่เขามองหน้า

หลี่มู่หยาง เขาพูดว่า: "การอ่านหนังสือจะทำให้โลกของนายเปิดกว้างขึ้น, หัวใจของนายก็เริ่มโตขึ้น, สิ่งที่นายอยากได้ก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แล้วจากนั้นนายก็จะกลายเป็นคนโลภ - และถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ การอ่านหนังสือยังไม่ใช่สิ่งที่อันตรายอีกเหรอ?"

 

"การอ่านช่วยให้เข้าใจวิธีต่างๆ แถมยังได้เรียนรู้พฤติกรรมที่มีเมตตาและปลูกฝังความดีได้อีก." หลี่มู่หยางพูดหักล้างประโยคของเยี่ยนเซี่ยงหม่า "ในดินแดนป่าเถื่อน, ทำไมการฆ่าฟันถึงยังไม่จบสิ้นไป? ทำไมตรงชายแดนทะเลทรายยังมีสงครามอยู่? เพราะว่าคนพวกนั้นอ่านหนังสือน้อยไปน่ะสิ, สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่มีหนทางที่พวกจะเข้าใจเรื่องอะไรแบบนี้เลย. ถ้าพวกเขาหันมาอ่านหนังสือซะบ้าง พวกเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปฆ่ากันล่ะ?"

 

เยี่ยนเซี่ยงหม่าส่ายหัว, ท่าทางของเขาเหมือนคนกำลังคิดหนัก: "ผิดแล้ว"

"อะไรล่ะที่ว่าผิด?"

"ชั้นให้คนไปสืบมาแล้ว, ทุกๆ คนต่างบอกว่านายน่ะโง่" เยี่ยนเซี่ยงหม่าส่ายหัวแล้วพูด:

"แต่ชั้นไม่คิดว่านายโง่นะ. กลับกันชั้นคิดว่านายฉลาดว่าหลายๆ คนที่ชั้นเคยเจอด้วย"

"ชั้นเป็นคนโง่จริงๆ นั่นแหละ" หลี่มู่หยาพูด: "ในทุกๆ การสอบที่โรงเรียน ชั้นไม่เพียงแค่ในที่โหล่ในห้องเรียน แต่เป็นที่โหล่ของโรงเรียนเลยล่ะ"

"ไม่, ไม่ ไม่.. มันต้องมีเหตุผลอื่นสำหรับเรื่องนี้." เยี่ยนเซี่ยงหม่าไม่ยอมรับเรื่องที่หลี่มู่หยางบอกว่าตัวเองโง่. "แต่คนฉลาดเนี่ยดีนะ ชั้นชอบพูดคุยกับคนฉลาด, พวกเขาเข้าใจสถานการณ์และรู้ความหมายจริงๆ ที่ซ่อนอยู่ในคำถาม, นายว่ามั้ย?"

 

หลี่มู่หยางรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะเข้าประเด็นหลักเรื่องที่ทำไมเขาถึงมาคุยด้วย. เขาพลิกหน้าหนังสือ 'ทฤษฎีการเสริมสร้างความเข้มแข็งของทหาร' ในมือของเขาแล้วพูด: "นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับคำพูดแล้วก็สถานการณ์"

"โอ้วว, ชั้นลืมแนะนำตัวไปเลย" เยี่ยงเซี่ยงหม่าคลี่พัดออกแล้วพูดว่า: "เยี่ยนเซี่ยงหม่า, เป็นลูกพี่ลูกน้องที่แก่กว่าของชุยเสี่ยวซิน."

หลี่มู่หยางรู้สึกสนใจในตัวเยี่ยนเซี่ยงหม่าทันที, เขาปิดหนังสือ โค้งตัวเชิงทักทายแล้วตะโกน: "ลูกพี่ลูกน้องงั้นเหรอ? ไปไปไป, ไปนั่งดื่มชาที่บ้านของผมกัน, บ้านของผมอยู่ตรงปากซอยนี่เอง, เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว"

ในขณะที่เขาพูด, เขาก็คว้าแขนเสื่อเยี่ยนเซี่ยงหม่า พร้อมที่จะลากไปที่บ้าน.

 

"เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อน" เยี่ยนเซี่ยงหม่าสลัดมือหลี่มู่หยางทิ้งแล้วพูดอย่างหัวเสียว่า: "นายทำอะไรของนายน่ะ? คิดว่าเราสนิทกันงั้นเหรอ?"

"โถ่พี่ พี่ไม่รู้เหรอว่าผมกับชุยเสี่ยวซินเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน, แล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆ เลยนะ. การที่พี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของชุยเสี่ยวซินก็เหมือนเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมด้วย. พอผมรู้ว่าพี่เป็นใครแบบนี้ก็เหมือนกับพี่ได้ก้าวเข้ามาในบ้านของผมแล้ว. ถ้าผมไม่ชวนพี่ไปดื่มชา ชุยเสี่ยวซินจะต้องโกรธแน่ๆ ถ้าเธอรู้เข้า. ครอบครัวผมก็คงจะดุผมเพราะว่าไม่รู้จักมีมารยาท - พี่ครับ มากับผมเถอะ. วันนี้อากาศร้อนมาก, ที่บ้านผมมีแตงโมแช่เย็นหวานๆ ดับร้อนด้วยนะครับ."

 

ในตอนที่เขาพูด, เขาก็ยื่นมือไปจับข้อมือของเยี่ยนเซี่ยงหม่าอีกครั้ง.

"เห้ยยๆๆ ทะลึ่งๆ" เยี่ยนเซี่ยงหม่าพูดขึ้นอย่างหุนหัน: "ชั้นกำลังจะบอกนายเนี่ย ว่าชั้นไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวชั้น, ชั้นเกลียดคนที่ชอบมาจับนู่นจับนี่ - ปล่อยนะเว้ย, ชั้นบอกให้ปล่อยยย"

 

หลี่มู่หยางและเยี่ยนเซี่ยงหม่านั่งใต้ต้นองุ่นในลานบ้าน แล้วก็กินแตงโมด้วยกัน.
แตงโมที่พวกเขากำลังกินนั้นถูกแช่ไว้ในน้ำเย็นอย่างดีเป็นเวลาสองสามชั่วโมงก่อนหน้านี้. พอได้ลองกินเข้าไปแล้วก็จะทำให้รู้สึกเย็นสบายจากภายในสู่ภายนอกเลย, มันสดชื่นมากๆ จนขนลุกไปทั่วทั้งตัว.

 

เยี่ยนเซี่ยงหม่ากินแตงโมเข้าไปสามชิ้นใหญ่ๆ , หลี่มู่หยางไปหยิบชิ้นที่สี่มาเติมให้ทันที. เยี่ยนเซี่ยงหม่าหยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เช็ดปากแล้วก็พูดว่า: "ชั้นไม่กินแล้ว ขืนกินเข้าไปอีกชั้นได้ท้องแตกตายแน่."

 

หลี่มู่หยางเองก็กินแตงโมไปสามชิ้นเหมือนกัน, แต่ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่พกผ้าเช็ดหน้า. เขาเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้น้ำในถังที่แช่แตงโมมาล้างมือ.

หลี่มู่หยางไม่ได้ชงชาเตรียมไว้; เพราะการกินแตงโมเย็นฉ่ำแล้วดื่มชาร้อนๆ ตามมันไม่ดีต่อสุขภาพ.

 

เขานั่งบนม้านั่งตรงข้ามกับเยี่ยนเซี่ยงหม่า ยิ้มแล้วพูดว่า: "ทำไมพี่ถึงมาที่ชานเมือง? มีอะไรบางอย่างที่พี่ต้องไปจัดการหรือเปล่า?"

"ไม่มีอะ, ชั้นมาที่นี่เพราะว่าจะมาหานายนั่นแหละ" ใบหน้าของเยี่ยนเซี่ยงหม่าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ. แตงโมของหลี่มู่หยางทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก; เขาไม่เคยกินแตงโมที่หวานฉ่ำแบบนี้มาก่อน.

"แล้ว.. มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?" หลี่มู่หยางถาม.

 

ก่อนหน้านี้เยี่ยนเซี่ยงหม่าได้ยื่นกล่องอันนึงให้หลี่มู่หยาง. แต่หลี่มู่หยางไม่ได้รับไว้พร้อมกับถามว่า: "กล่องอะไรเหรอ?"

เยี่ยนเซี่ยงหม่าวางกล่องนั้นไว้บนโต๊ะหินไพฑูรณ์ตรงหน้าพวกเขา แล้วดันกล่องมาตรงหน้าหลี่มู่หยาง จากนั้นพูดว่า: "ลองเปิดแล้วดูเอาเองสิ"

หลี่มู่หยางค่อนข้างที่จะไม่อยากแตะต้องกล่องที่ดูหรูๆ ใบนี้. เขายิ้มแล้วส่ายหัวจากนั้นพูดว่า: "กล่องนี้ดูเหมือนของขวัญเลยนะครับ ผมรับไว้ไม่ได้หรอก ผมยังไม่เคยทำอะไรให้พี่เลย. พี่เพิ่งจะเจอผมครั้งแรก; ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องให้ของขวัญราวกับมันเป็นรางวัลด้วย?"

 

"แม่ของชั้นบอกให้ชั้นมาขอบคุณนายที่เสี่ยงชีวิตช่วยน้องเสี่ยวซินน่ะ" เยี่ยนเซี่ยงหม่าพูดด้วยรอยยิ้ม. หลี่มู่หยางไม่ได้แตะกล่องเพชรที่เขายื่นให้, เขาไม่แม้แต่จะมองหรือทำท่าทีตื่นเต้นเลยด้วยซ้ำ. เยี่ยนเซี่ยงหม่ากวาดสายตาไปรอบๆ บ้านของหลี่มู่หยาง; แม้ว่าบ้านที่จะไม่ได้ดูท่าทีว่าจน แต่บ้านนี้ก็ไม่ถึงกับรวย.

ครอบครัวพวกเขาเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ ซึ่งเพียงพอที่จะมีรายรับหล่อเลี้ยงทั้งครอบครัว. เป็นไปได้มั้ยที่เด็กที่โตในตระกูลนี้แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่มักจะต้องการเงินเสมอ?

 

"ในตอนที่น้องชั้นถูกโจมตีที่ร้านกาแฟ, ชั้นขอบใจนายมากที่ช่วยปกป้องเธอ. ถ้าไม่ได้นายถ่วงเวลานักลอบสังหารไว้, ชั้นเกรงว่าคนใช้ของตระกูลจะตามกำลังเสริมมาไม่ทัน - ตระกูลเราไม่ชอบติดค้างบุญคุณคนอื่น เพราะงั้นรับของขวัญชิ้นนี้ไปเถอะนะ"

 

หลี่มู่หยางส่ายหัวแล้วพูด: "พอได้ยินพี่พูดแบบนั้นแล้ว ผมก็ยิ่งรับของขวัญไว้ไม่ได้อีก"

เยี่ยนเซี่ยงหม่าคลี่พัดออกแล้วพูด: "โอ้ จริงเหรอ? ทำไมกันล่ะ? ลองพูดให้ชั้นฟังหน่อยซิ"

"เสี่ยวซินเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่, และก็ยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม. การที่เราสองคนไปโผล่อยู่ที่ร้านกาแฟเป็นเพราะว่าผมถูกกลั่นแกล้ง เสี่ยวซินเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมและไม่ถูกต้อง เธอโกรธมากๆ จากนั้นก็ออกจากโรงเรียนแล้วตามผมมา."

 

"แล้วหลังจากนั้น, ในร้านกาแฟเรากำลังพูดคุยเรื่องที่เธอจะติวหนังสือให้ผม. การสอบเข้ามหาวิทยาลัยกำลังใกล้เข้ามา, ในช่วงเวลาที่ใครๆ ก็ต่างสนใจแต่การอ่านหนังสือของตัวเอง เสี่ยวซินกลับมุ่งมั่นที่จะช่วยผมติวหนังสือ; ผมจะจดจำบุญคุณนี้ไปตลอดชีวิต"

"แล้วในตอนที่นักลอบสังหารจู่โจม, มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่มีเวลาได้เตรียมพร้อมอะไรเลย. อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะในฐานะคนร่วมชั้นหรือฐานะเพื่อนกัน หรือในฐานะที่บริเวณใกล้ๆ มีผมที่เป็นเพื่อนผู้ชายของเธออยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว, ผมจึงมีหน้าที่จะต้องพุ่งพรวดออกไปปกป้องเธอ. เพราะแบบนั้นผมเลยไม่สามารถรับของขวัญนี้ไว้ได้; ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมควรจะทำ"

 

เยี่ยนเซี่ยงหม่ายิ้มอย่างประทับใจ คำพูดนั่นคล้ายกับสายลมที่อ่อนโยนพัดท่ามกลางหมู่เมฆบางๆ. เขามองตาหลี่มู่หยางโดยไม่กระพริบตา.

คำพูดและการแสดงของทางสายตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย. ไม่มีร่องรอยของความกลัวและความรู้สึกผิด. บวกกับท่าทางของเขาที่ดูไม่ได้ชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์, มันทำให้เขารู้ว่าหลี่มู่หยางพูดออกมาจากใจจริง.

 

"พอได้ยินสิ่งที่นายพูดแล้ว, ชั้นก็คิดว่าแค่ของขวัญเล็กๆ นี่มันธรรมดาเกินไปด้วยซ้ำสำหรับสิ่งที่นายทำ" เยี่ยนเซี่ยงหม่าส่ายหัวแล้วถอนหายใจ.

"อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ" หลี่มู่หยางรู้สึกกระวนกระวาย: "จากที่ผมลองมองแล้ว ผมรู้ได้เลยว่าพี่เกิดในตระกูลผู้ดีชั้นสูง; พี่มีกฎและความภาคภูมิใจของครอบครัว. การที่พี่มาให้รางวัลผมด้วยตัวเองแสดงให้เห็นว่าพี่เข้าใจเรื่องมารยาทในการตอบแทนดี. แต่สำหรับผมแล้ว ผมรับของขวัญนี้ไว้ไมได้หรอกครับ"

 

"ถ้านายไม่ต้องการที่จะรับมัน งั้นชั้นก็จะไม่บังคับ" เยี่ยนเซี่ยงหม่าดึงกล่องกลับไป. "ถ้างั้น เรามาคุยกันต่อเลยละกัน"

"ครับผม"
"ชั้นเห็นนายกำลังหาซื้อหนังสืออยู่, นายจะซื้อหนังสือไปทำอะไรเหรอ?" เยี่ยนเซี่ยงหม่าพูดด้วยรอยยิ้ม. เพียงแค่รอยยิ้มธรรมดาแต่มันดูมีสเน่ห์มากๆ. รอยยิ้มนั้นสามารถทำให้คนอื่นประทับใจในตัวเขาได้อย่างแท้จริง.

"ผมกำลังพยายาม.." หลี่มู่หยางตอบอย่างจริงจัง: " ผมคว้าความรู้ไว้ได้มากแค่ไหน ความหวังก็เพิ่มขึ้นมากแค่นั้น"

"นายคิดว่าตัวนายจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยระดับประเทศได้มั้ย?" เยี่ยงเซี่ยงหม่าถาม.
"ผมจะพยายามให้ดีที่สุด. เรื่องที่ผมจะเข้ามหาวิทยาลัยระดับประเทศได้หรือไม่นั้น, ผมคงได้แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสวรรค์กำหนด."

"นายดูสิ้นหวังมากเลยนะ. จากที่ชั้นฟังน้ำเสียงของนายแล้ว ชั้นกล้าพูดได้เลยว่าเกรดนายไม่มั่นใจในเกรดของนายเอาซะเลย. ชั้นถามเรื่องเกรดนายจากคนอื่นมาแล้วล่ะ; มันยังมีความห่างไกลระหว่างนายกับมหาวิทยาลัยระดับประเทศอยู่." เยี่ยนเซี่ยงหม่ามองหลี่มู่หยางด้วยความจริงใจแล้วพูดว่า:

"เอาอย่างงี้มั้ย? ชั้นรับปากว่าจะทำให้นายติดมหาวิทยาลัยดังๆ ได้. นายจะโอเคหรือเปล่า?"

 

หลี่มู่หยางกระพริบตาถี่ๆ แล้วพูดว่า: "จริงเหรอครับ?"
"แน่นอน. ไม่เชื่อลองไปถามคนอื่นดูว่า เยี่ยนเซี่ยงหม่าคนนี้เคยโกหกใครหรือเปล่า"
"แล้วผมต้องทำอะไรบ้างเพื่อแลกกับสิ่งนี้?"
"ไม่ต้องทำอะไรเลย"

"ถ้างั้นก่อนอื่นเลยผมคงต้องขอบคุณพี่ก่อน" หลี่มู่หยางพูดด้วยความสุข: "พี่ยืนยันได้ว่าผมจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยเวสต์วินด์ได้ใช่ไหมครับ?"

 

สีหน้าของเยี่ยนเซี่ยงหม่าเปลี่ยนไปทันที. เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงท่าทีที่เยือกเย็นและดุร้ายต่อหน้าหลี่มู่หยาง.

"ไม่." เยี่ยนเซี่ยงหม่าพูดอย่างเย็นชา. "อย่างแรกเลยคือมันเป็นไปไม่ได้ที่นายจะเข้ามหาวิทยาลัยเวสต์วินด์. สำหรับนายแล้ว ชั้นแนะนำว่านายอย่าไปเมืองเทียนดูเลย. ค่าครองชีพที่นั่นสูงมาก, ชั้นเกรงว่านายจะไม่มีเงินใช้จ่ายซื้อข้าวประทังชีวิตตอนอยู่ที่นู่น. อย่างที่สอง, ชั้นสามารถช่วยให้นายเข้ามหาวิทยาลัยเจียงนานโดยที่นายสามารถเลือกเรียนคณะที่นายต้องการได้ - มหาวิทยาลัยเจียงนานเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในราชอาณาจักร, ชั้นเองก็จบมาจากที่นั่น. นายคงไม่ดูถูกมหาวิทยาลัยนี้ใช่มั้ย?"

 

"แต่.." สายตาเยี่ยนเซี่ยงหม่าสาดแสงเป็นประกายในตอนที่เขามองหลี่มู่หยาง: "ถ้านายยืนยันว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยเจียงนานแล้ว, น้องของชั้นก็ไม่ต้องมาเสียเวลาพยายามติวให้นายแล้ว ใช่หรือเปล่า?"

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

devil : กลับมาแล้วจย้าาาาาาา

รีวิวผู้อ่าน