px

เรื่อง : The Inverted dragons scale
026 - แกมันอัปลักษณ์!


ภายในตรอกที่มืดและเงียบสงบราวกับว่ามีความลับซ่อนอยู่ทุกๆ ตารางนิ้ว.

มีลานที่ดูเหมือนจะผุพังหลบอยู่เบื้องหลังประตูสีแดงสด.

 

ณ ส่วนกลางลานมีหินลับมีดตั้งอยู่ พร้อมกับถังโลหะตั้งอยู่บนหินโม่.

น้ำแข็งถูกเผาละลายภายใต้แสงอาทิตย์, เกิดเป็นไอน้ำมากมายลอยขึ้นสู่อากาศ.

 

มีชายคนหนึ่งสวมชุดสีดำนั่งสมาธิอยู่, ควันลอยออกออกมาจากตัวเค้า เหงื่อไหลจากหน้าผากเป็นหยดๆ. ราวกับว่าเขานั่งอยู่ในซาวด์น่า.

มือของเขากวัดแกว่งไปในอากาศ, สิบนิ้วของเขาสร้างผนึกและปมแปลกประหลาดขึ้น.

 

วู๊บบบ

ประกายแสงสีขาวส่องสว่างขึ้น!

 

บนพื้นแกรนิต, หลังจากแสงนั่นสาด ทั่วทั้งลานก็มืดสนิท, จากนั้นก็มีหลุมดำมืดปรากฎขึ้น.

หลุมดำนั่นเปล่งรังศีที่น่ากลัวออกมาครึ้มไปทั้งลาน. มองแค่แวบเดียวก็สามารถทำให้ตัวสั่นสะท้าน, ราวกับว่าเคลื่อนผ่านประตูแห่งความตายในดินแดนของอาชูรา.

ตอนแรกในลานนั้นเงียบสงบ, จากนั้นก็มีเสียงกรอบแกรบและอะไรบางอย่างสีกัน.

 

อีกาบินพุ่งออกมาจากหลุมดำนั่นและบินตรงไปหาชายชุดดำ.

อีกาบินออกมามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ.

พวกมันบินล้อมชายชุดดำแบบใกล้มากๆ และจิกกัดกินออร่าสีดำที่อยู่รอบๆ ชายชุดดำ.

 

กา กา กาาา

 

อีกานับไม่ถ้วน บวกกับปากของพวกมันที่กำลังเปิดๆ ปิดๆ. ถ้าใครได้เห็นภาพนี้รับรองได้เลยว่าหนาวไปถึงกระดูกสันหลังแน่นอน.

หลังจากฝูงอีกาบินออกและควันดำจางไป. ใบหน้าที่แท้จริงของชายชุดดำก็ปรากฎขึ้น.
เขาเทน้ำแข็งจากถังโลหะใส่หัวของเขา.

 

ฉ่าาาา

ราวกับว่าร่างกายของเขาเป็นเตาเผา, และน้ำแข็งเหล่านั้นก็ถูกเผาด้วยไฟ.

ในตอนนี้, ปราณแห่งแสงของนักลอบสังหารอีกาได้ถูกขจัดออกจากร่างกายของเขาจนหมดสิ้นอย่างแท้จริง.

 

ตั้งแต่สมัยโบราณ, มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะประสานปราณแห่งแสงและปราณแห่งความมืดไว้ด้วยกันได้. อีกาเลือกเดินในเส้นทางแห่งความมืด; นกที่เขาใช้ก็ถูกสร้างมาจากการฟอกของเสีย. ในตอนที่เขาบาดเจ็บ บอดี้การ์ดของตระกูลซุยใช้กระบวนท่า 'อรหันประสูติสิบทิศ' กับเขา. กระบวนท่านี้เป็นกังฟูพุทธของแท้, ซึ่งเป็นเทคนิคการขับไล่ขั้นสูงของศาสนาพุทธ.

 

อีกาได้รับบาดเจ็บและหนีออกมาหลังจากโดนปราณแห่งแสงสาดเข้าไปในร่างกายของเขา.

เขาซ่อนตัวอยู่ในตรอก, ฆ่าหญิงชราที่เป็นเจ้าของบ้านทิ้งซะ. แล้วหลังจากนั้น ลานนี่ก็เป็นที่ๆ เขาใช้เป็นรังรักษาตัว.

 

อีกาเป็นมืออาชีพทั้งในด้านศิลปะและด้านอาชีพของเขา. อีกาเป็นคนที่มั่นใจในฝีมือตัวเองเอามากๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว.

เขาเป็นคนที่น่าภาคภูมิใจ, เป็นนักลอบสังหารที่น่าภาคภูมิใจ!

 

แต่ถึงจะอย่างนั้น, แผนอันเพอร์เฟคของเขากลับล้มเหลว. มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้ากลางสี่แยกไฟแดง!

เขาเห็นภาพเลยว่า หากเรื่องที่เขาล้มเหลวได้ยินไปถึงหูพวกนักฆ่าบ้าเลือดในสมาคมนักลอบสังหาร, เขาจะต้องโดนคนพวกนั้นหัวเราะเยาะแน่ๆ

 

"ยกโทษให้ไม่ได้." อีกากระแทกฝ่ามือของเขา, จากนั้นหินตรงหน้าเขาที่หนักมากกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมก็แตกเป็นผุยผง.

ระหว่างการรักษาตัวนี้, อีกาลำลึกความจำอย่างละเอียด.

 

เมื่อเขาเห็นจันทราของตระกูลชุยเดินออกมาจากโรงเรียน, เขาก็ล่วงหน้าไปดักรอเธออยู่ที่ร้านกาแฟ. เขาคิดถูก, ชุยเสี่ยวซินเดินตามเพื่อนของเธอเข้าร้านกาแฟตามคาด.

อีกเรื่องนึงที่เขาคิดถูกก็คือ บอดี้การ์ดของตระกูลชุยไม่ได้ตามเข้าไปข้างในด้วย. แต่การ์ดยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าร้าน, เขาเช็คใบหน้าของแขกที่เข้าออกร้านทุกคน.

เมื่อบอดี้การ์ดของตระกูลชุยไม่ได้เข้าไปด้วย, เขาก็รู้ทันทีว่าโอกาสในการลอบสังหารของเขามีเปอร์เซ็นต์สำเร็จเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์. เหตุผลที่เขาเหลือไว้อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะทำไม่สำเร็จก็คือการที่ชุยเสี่ยวซินกลายเป็นผู้ใช้พลังแห่งดวงดาว.

 

อย่างไรก็ตาม, มันเป็นไปได้งั้นเหรอ?

ชุยเสี่ยวซินไม่ได้ทำอะไรเลย, เธอไม่ใช่ผู้ใช้พลังแห่งดวงดาวจริงๆ ด้วยซ้ำ.

เจ้าหญิงจะต้องรักษาความสง่างามเอาไว้, ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถใช้พลังได้ตามใจชอบ. แต่ไอเด็กขยะข้างๆ เธอมันดันใช้พลังได้.

ไม่ยังงั้น มันคงบล็อคเพลงดาบซากุระไม่ได้หรอก อย่างน้อยก็ไม่ควรบล็อคได้สองครั้งติด.

 

แล้วไหนจะเรื่องที่ตัวเองถูกซัดกระเด็นตอนใช้ท่า 'ทลายภูผา' ซึ่งเป็นท่าที่รุนแรงมากๆ อีก?

ถ้าไม่ใช่การใช้พลังแล้วจะเป็นอะไรไปได้?

ดังนั้น, ตัวการที่ทำให้เขาพ่ายแพ้จริงๆ แล้วก็คือไอเด็กถ่านนั่น.

 

"ชั้นจะฆ่ามัน" เสียงความคิดของอีกาดังขึ้น.

เขาใช้มือขวาหยิบเหรียญขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วก็วางเหรียญนั่นไว้ในฝ่ามือซ้าย.

"นี่คือค่าจ้าง." อีกาพูดกับตัวเอง. เขาไม่ใช่คนที่จะทำอะไรโดยไม่ได้ผลประโยชน์.

 

จิ๊บๆๆๆ

นกสีดำกระพือปีกบินเข้ามาในลาน.
เขาหยิบท่อไม้ไผ่จากขานกสีดำตัวนั้น, แล้วดึงกระดาษออกมาจากท่อไม้ไผ่.

 

กระดาษขนาดเล็ก ที่ประกอบไปด้วยตัวหนังสือสองสามคำ.
อีกาอ่านสาสน์นั่นอย่างรวดเร็ว เขาก็ใช้สองนิ้วคีบมันไว้, จากนั้นกระดาษนั่นก็ถูกเผาสลายไป.

 

"หลี่มู่หยาง" อีกาพูดด้วยโทนเสียงชั่วร้าย. ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะสังหารผู้คน. "แกมันคือลูกแกะที่กำลังจะถูกชั้นฆ่าจริงๆ นั่นแหละ"

 

 

"นกน้อยร้องถามชั้นตอนเช้าตรู่, ทำไมเธอต้องเอาระเบิดใส่กระเป๋า? ชั้นจะไปเป่าโรงเรียนทิ้งน่ะสิ, อาจารย์ก็ไม่รู้หรอก, หลังจากที่ชั้นดึงสลักออก ชั้นก็วิ่งหายไปแล้วว~~" หลี่ชือเหนียนร้องเพลงนี้ในขณะที่เธอเปิดประตูบ้าน, มองสภาพเละเทะของลานบ้านแล้วเธอตะโกนออกไปทันทีว่า: "หลี่มู่หยาง หลี่มู่หยางงงงงงงงงง"

 

หลี่มู่หยางเดินออกมาจากบ้านแล้วพูดว่า: "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"
"เกิดอะไรขึ้นกับโต๊ะในลานยะ?" หลี่ชือเหนียนชี้ไปที่โต๊ะไพฑูรณ์ที่มุมโต๊ะหายไปหลายมุมแล้วถามว่า: "อยู่ดีๆ โต๊ะมันจะกลายเป็นแบบนี้ได้ไง?"

"พี่ไม่รู้" หลี่มู่หยางเดินไปดูใกล้ๆ ทำทีท่าว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น: "เป็นไปได้ไงเนี่ย? โอ้ว้าว มายก้อดด หรือว่าโต๊ะนี่จะโดนฟ้าผ่ากัน? ต้องใช่แน่ๆ เลย"

"เป็นไปได้อย่างไรงั้นเหรอ?" หลี่ชือเหนียนอารมณ์เสีย: "ทำไมโต๊ะถึงจะต้องโดนฟ้าผ่าด้วยห๊ะ?"

 

"คนดียังโดนฟ้าผ่าได้เลย, ช่างหัวโต๊ะมันเถอะ" หลี่มู่หยางเถียงกลับ.
หลี่ชือเหนียนกรอกตาไปมา, มองหน้าหลี่มู่หยางครู่นึงแล้วพูดว่า: "พี่ไม่รู้จริงๆ ใช่มั้ย?"

หลี่มู่หยางอ้าปาก.. ยิ้มแล้วพูดว่า: "ก็ได้ๆ พี่พูดความจริงก็ได้, พี่พังโต๊ะนี่เองแหละ. พี่แค่เอนตัวลงบนโต๊ะเท่านั้นเอง, พี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะพังนี่" 

"พี่คิดว่าหนูโง่หรือไง" หลี่ชือเหนียนขัดจังหวะที่หลี่มู่หยางกำลังอธิบาย: "พูดว่าโต๊ะโดนฟ้าผ่ายังดูน่าเชื่อกว่าอีก."
"........"

 

แน่นอนว่าความจริงแล้วหลี่ชือเหนียนก็ไม่ได้สนใจเรื่องโต๊ะอะไรขนาดนั้น สิ่งที่เธอสนใจจริงๆ ก็คือวันนี้เธอไม่เห็นชุยเสี่ยวซินมาที่บ้าน: "วันนี้พี่เสี่ยวซินไม่มาเหรอ?"

"ใช่แล้ว" หลี่มู่หยางพูดด้วยรอยยิ้ม, เขาไม่อยากจะบอกน้องสาวของเขาว่าเยี่ยนเซี่ยงหม่ามา, ไม่งั้นเด็กน้อยคนนี้จะต้องกังวลแน่ๆ.

 

เธออยู่ปีสองของ ม.ปลายแล้ว, ช่วงนี้การเรียนของเธอหนักหนามากๆ. แม้ว่าเกรดของเธอจะดีอยู่แล้ว, แต่หลี่มู่หยางก็ไม่ต้องการให้เธอมาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้อยู่ดี เพราะมันไม่ใช่กงการอะไรที่คนอายุแบบเธอจะต้องมาแบกรับ. "เมื่อวานเสี่ยวซินบอกไว้แล้วว่าวันนี้เธอจะไม่มา, เธอต้องไปวัดกับผู้อาวุโสในตระกูลเธอ."

 

หลี่ชือเหนียนเล่นหูเล่นตาแล้วพูดว่า: "เราก็ควรไปวัดเหมือนกันนะพี่ ไปอธิษฐานให้พี่น่ะ"

"พี่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้" หลี่มู่หยางพูด : "ถ้าการจุดธูปขอพรสามารถทำให้คนสอบติดมหาวิทยาลัยได้, ในอนาคตก็คงไม่มีใครสอบตกกันแล้วล่ะม้าง"

"ไม่ได้จะอธิษฐานเรื่องนั้น" หลี่ชือเหนียนมองบนแล้วพูดว่า: "ไม่ว่าพี่จะทำอะไร พี่ก็ล้มเหลวเสมอ. แม้แต่พระพุทธหรือพระเจ้าก็ช่วยพี่ไม่ได้หรอก"

"ถ้างั้นเธอไปอธิษฐานอะไรล่ะ?"

 

"อธิษฐานให้พี่เซี่ยวซินสอบไม่ติด. แล้วพี่ก็จะสอบไม่ติดทั้งสองคน, คนสองคนที่สิ้นหวังก็จะดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน แล้วจากนั้นก็กลับไปเรียนซ้ำที่โรงเรียน - พอถึงตอนนั้นเราสามคนก็จะได้อยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน, ห้องเดียวกัน, เรียนไปพร้อมกันและทำอะไรต่างๆ ให้ดีที่สุด. แล้วจากนั้นหนึ่งปีผ่านไปเราสามคนก็จะเป็นที่หนึ่งของการสอบในโรงเรียน. จากนั้นก็จูงมือกันเข้ามหาวิทยาลัยเวสต์วินด์, แล้วก็กลายเป็นตำนานของเมืองเจียงนาน. พี่ว่าไง?" 

 

หลี่มู่หยางเดินไปหยิกแก้มหลี่ชือเหนียน, ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล : "หลี่ชือเหนียน, ฮัลโหล เธอป่วยเหรอ เป็นอะไรมากหรือเปล่า?"

"พี่น่ะแหละที่ป่วย" หลี่ชือเหนียนปัดมือพี่ชายของเธอออก: "วันนี้หนูคิดเรื่องนี้แบบจริงจังมาทั้งวัน, หนูหาทางที่จะทำให้พี่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันให้ได้, ยกเว้นพี่จะสอบติดมหาวิทยาลัยเวสต์วินด์หรือพี่เสี่ยวซินจะสอบไม่ติดไปพร้อมพี่-"

 

"ถ้าเป็นแบบนั้น, เราจะอยู่ด้วยกันได้ใช่มั้ย?" 
"ไม่ได้ว้อย" หลี่ชือเหนียนส่ายหัว. "แต่อย่างน้อยพี่ก็มีโอกาสได้แข่งกับคนอื่นถูกมั้ย?"
"......"

 

คำพูดนั่นโหดร้ายมาก แต่หลี่มู่หยางรู้ว่าสิ่งที่หลี่ชือเหนียนพูดเป็นความจริง.

ถ้าเขาไม่สามารถทำข้อสอบเข้าได้, เขากับชุยเสี่ยวซินก็ต้องแยกจากกันแน่ๆ. 
เขาก็จะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้แข่งกับคนอื่นอีก.

 

"พี่ไม่ต้องจี้ตามชุยเสี่ยวซินก็ได้นี่" หลี่มู่หยางพูดด้วยน้ำเสียงอึกอักที่ต้องยอมรับความจริงนี้

"พี่ยังเด็กอยู่, ไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น. บางทีพี่อาจจะเจอคนที่ดีกว่านี้ก็ได้?"

 

"พี่จ๋า.."
"อะไร?"
"เช็คเบ้าหน้าพี่ด้วย"
"พี่รู้น่า, ไม่เห็นต้องตอกย้ำเลย"
"ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะตาบอดเหมือนพี่เสี่ยวซินนะ"
"...."

 

ชุยเสี่ยวซินวางตะเกียบลง, เช็ดปากด้วยผ้าเช็ดหน้าของเธอแล้วพูดว่า: "คุณป้า, คุณลุง, หนูอิ่มแล้ว หนูไปข้างนอกนะคะ."

เยี่ยนบ่าไหลวางหนังสือพิมพ์ลง, มองหน้าชุยเสี่ยวซินแล้วถามว่า: "กำลังจะก้าวเข้าสู่มหาลัยแล้ว คงกำลังไดเอตอยู่แน่ๆ ถึงได้อิ่มเร็วขนาดนี้หืมม เสี่ยวซิน?"

"หนูอิ่มนานแล้วค่ะ. ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะคุณลุง" ชุยเสี่ยวซินโค้งตัว.

 

"จะไปไหนเหรอหนูเสี่ยวซิน?" ป้าถามขึ้นเสียงดัง: "ไปช่วยเพื่อนร่วมชั้นติวหนังสือใช่มั้ย? นี่ก็ใกล้จะสอบแล้วนะ; หนูจะไปช่วยแต่คนอื่นจนทำให้เกรดหนูดรอปลงไม่ได้นะลูก. แม้ว่าเราจะไม่ต้องใช้เกรดก็จริง, แต่คนภายนอกก็จะเอาไปพูดอยู่ดีว่าเกรดหนูเป็นยังไง - หนูก็รู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อใดที่หนูกลับเมืองเทียนดู, ทุกๆ สายตาจะจับจ้องมาที่หนู."

 

"คุณป้า, ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูเตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่แล้ว.." ชุยเสี่ยวซินแสดงความอ่อนน้อมแต่หนักแน่น. เธอมองป้าของเธอแล้วพูดว่า: "ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสอบหรือเทียนดู"

 

เยี่ยนเซี่ยงหม่าพูดพลางยิ้มไปด้วยว่า: "แม่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก, แม่ไม่เชื่อในตัวเสี่ยวซินของเราหรือไงครับ? 'เสี่ยวซินเสี่ยวซิน'* , เธอเป็นคนที่รอบคอบมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว."

หลังจากชุยเสี่ยวซินเดินออกไป, เยี่ยนบ่าไหลก็มองเยี่ยนเซี่ยงหม่าแล้วถามว่า: "เสี่ยวซินออกไปติวให้ตัวต่อตัวเลยงั้นเหรอ ช่างเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่น่าอิจฉาอะไรเช่นนี้?"

*เสี่ยวซินในภาษาจีนแปลว่า ดูแลตัวเอง,ระวังตัว เสี่ยวซินเสี่ยวซินจึงสามารถแปลได้ว่าระวังตัวด้วยนะเสี่ยวซิน อะไรทำนองนี้ครับ.

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

devil : คู่แข่งของหลี่มู่หยาง จริงๆ แล้วก็คือ... ผมเอง -3-

ผมจะเป็นคนที่เข้าไปพรากเสี่ยวซินมาจากพี่มืดเองงง

ติดต่อ พูดคุยกันได้ที่เพจ Krus de Trans นะครับผมม

รีวิวผู้อ่าน