px

เรื่อง : The Inverted dragons scale
027 - กระเป๋าถัก


เยี่ยนบ่าไหลเป็นคนที่คิ้วหนาตาโต; หน้าของเขายาวและเรียว. เมื่อเขาใช้ท่าทีที่รุนแรงจ้องมองคุณ, มันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกราวกับว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่ทับอยู่บนอกของคุณ.

 

แม้แต่เยี่ยนเซี่ยงหม่า ลูกชายของเขาก็ยังพบว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะทนเผชิญกับอะไรแบบนี้ไหว.

 

เขาก้มหัวลงและทำทีเป็นหมุนช้อนในมือของเขาเล่น, เพื่อหลบสายตา. เขาพูดว่า: "เค้าคือคนที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเสี่ยวซินตอนโดนโจมตีที่ร้านกาแฟ. โรงพยาบาลที่เค้าพักรักษาตัวก็ถูกจัดตั้งโดยตระกูลเรา. ผมใช้คนไปสืบมา, ชื่อของเค้าคือหลี่มู่หยาง. เค้าเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเสี่ยวซิน. เสี่ยวซินเป็นคนอ่อนโยน, เธอรู้สึกว่าเธอติดค้างเค้า, ดังนั้นเธอก็เลยต้องการจะช่วยติวให้."

 

"วีรบุรุษปกป้องโฉมงามงั้นเหรอ?" สีหน้าเยี่ยนบ่าไหลดูโหดกว่าเดิม: "แล้วแกไปสืบภูมิหลังมันมาหรือยัง?"

 

"ประวัติของเค้าสะอาดและขาวบริสุทธิ์. ครอบครัวของเค้าอาศัยอยู่ในเมืองเจียงนานมามากกว่าสิบปีแล้ว. เป็นไปไม่ได้เลยว่าตระกูลอื่นจะจัดฉากให้ครอบครัวเค้า. สิบปีก่อนเสี่ยวซินยังไม่ได้มาที่เมืองเจียงนานเลย, นอกจากนั้นตระกูลชุยก็ไม่ได้วางแผนว่าจะส่งตัวเธอไปที่เจียงนานอีกด้วย." เยี่ยนเซี่ยงหม่าพูดอย่างมั่นใจ.

 

"เราไม่สามารถชะล่าใจได้." สายตาของเยี่ยนบ่าไหลกลับมาสู่โหมดปกติ.
เขามองเยี่ยนเซี่ยงหม่าแล้วพูดว่า: "ตระกูลชุยมีลูกสาวที่อยู่ในวัยกำลังโต. พวกเขากลัวว่าจะมีใครบางคนที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้นจงใจเข้ามาตีสนิทเธอ. ถ้าเรื่องนี้ไม่ถูกจัดการอย่างเหมาะสม, มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่. ระยะหลังๆ มานี้เมืองเทียนดูก็ไม่ค่อยสงบ; ตระกูลชุยต้องการที่จะสร้างพันธมิตรกับตระกูลซ่อง, เสี่ยวซินกับผู้ชายที่รู้จักกันในนาม ' หยกสุแห่งตระกูลซ่อง ' หรือซ่องถิงหยุน ซึ่งทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ, ดังนั้นทั้งสองตระกูลเลยตั้งใจที่จะทำให้ทั้งคู่เป็นทองแผ่นเดียวกัน. - เมื่อเสี่ยวซินกลับเมืองหลวง, มันก็เป็นไปได้มากว่าเรื่องนี้จะถูกใส่เข้าไปในการประชุมตระกูลด้วย. ในเวลานั้นจะต้องไม่มีสิ่งอื่นรบกวนเด็ดขาด."

 

"เสี่ยวซินกับซ่องถิงหยุนหมั้นกันแล้วเหรอ?" ใบหน้าของชุยซินฉีเต็มไปด้วยความตกใจ: "เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมชั้นถึงไม่รู้อะไรเลยล่ะ?"

 

"เรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการถกเถียงกัน. ในตอนสุดท้าย ไม่ว่าจะสามมารถเจรจากันได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำตระกูลทั้งสอง. ผู้เฒ่าของตระกูลซ่องที่เคยโด่งดังมามากกว่าหลายร้อยปี ตอนนี้โรคภัยไข้เจ็บก็เริ่มรุมเร้าเขา, ร่างกายของเขานั้นอยู่ในสภาพที่แย่เอามากๆ. เขาจะมีชีวิตอยู่จนพ้นฤดูหนาวนี้หรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้. ภายใต้เงื่อนไขนี้, ตระกูลซ่องจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยให้พวกเขาก้าวผ่านเรื่องที่ต้องสูญเสียคนสำคัญในตระกูล. ดังนั้นตระกูลซ่องจะเก็บเรื่องการแต่งงานไว้พิจารณาเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับต้นๆ.

 

"ซ่องถิงหยุนที่ถูกเรียกว่า 'หยกสุแห่งตระกูลซ่อง' ; เรื่องรูปลักษณ์และนิสัยของเขานั้นไม่มีที่ติ. ในบรรดาคนรุ่นใหม่, เขาเป็นคนแรกที่เข้าสู่ Unoccupied Cloud realm, ดังนั้นเขาจึงเป็นหนึ่งคนที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในราชอาณาจักร. ถ้าเสี่ยวซินและเขาแต่งงานกัน.." ชุยซินฉีพูดด้วยรอยยิ้ม, เธอมีความสุขที่หลานสาวของเธอจะได้เจอคู่ครองที่เหมาะสม. "อย่างไรก็ตาม, เราควรจะถกเถียงกันเรื่องเสี่ยวซินก่อนหรือเปล่า? เสี่ยวซินเป็นคนที่อ่อนโยนภายนอกแต่หนักแน่นภายใน, แถมยังเป็นเด็กหัวรั้น. ถ้าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่ว่าพี่หรือน้อง หรือใครก็ตามก็ไม่สามารถบังคับเธอได้."

 

เยี่ยนบ่าไหลมองภรรยาผู้เป็นที่รัก, รอยยิ้มที่หาดูได้ยากปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา: "นี่เป็นเรื่องของตระกูลชุย, ชั้นเป็นคนนอกคงไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้. เอาเป็นว่าเธอลองไปพูดดูดีมั้ย?"

 

"ถ้าคุณยังตัดสินไม่ได้แล้วชั้นจะทำได้ยังไงล่ะ? ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็คือน้ำที่ไหลจากไป*. นอกเหนือจากนั้น, คุณยังเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งเมืองเจียงนาน; พวกเขาต้องไว้หน้าคุณอยู่แล้ว"

 

เยี่ยนบ่าไหล่รู้จักนิสัยพูดตรงๆ ของภรรยาของเขาดี. เขาหัวเราะ ส่ายหัวแล้วพูดว่า: "เรื่องของเสี่ยวซินต้องจัดการอย่างถูกต้อง; แม้ว่าจะเป็นไฟเท่าไม้ขีดก็ต้องดับทันที. ถ้าเรารอให้มันลุกโชดช่วงขึ้นแล้วเผาทุกๆ สิ่ง, ชั้นกลัวว่าถึงตอนนั้นจะไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้แล้ว."

 

"พ่อครับ วางใจได้เลย, ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง." เยี่ยนเซี่ยงหม่าตอบกลับด้วยความเคารพ.

เยี่ยนบ่าไหลพยักหย้าแล้วพูดว่า: "กินกันต่อเลย, ชั้นต้องไปทำงานแล้ว."
เขาดันเก้าอี้ออก ยืนขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก.

 

เยี่ยนเซี่ยงหม่ามองพ่อของเขาเดินออกไป; จากนั้นเขาก็กลับมานั่งกับแม่ของเขาที่กำลังชงชาอยู่ในห้องนั่งเล่น.

เมื่อเห็นเยี่ยนเซี่ยงหม่ากลับมา, ชุยซินฉีก็ถามเขาว่า: "เซี่ยงหม่า, เรื่องที่ชั้นบอกให้แกไปจัดการน่ะ เรียบร้อยหรือยัง?"

"แม่, ผมก็อยากพูดเรื่องนี้เหมือนกัน" เยี่ยนเซี่ยงหม่ายิ้มแหยๆ แล้วพูดว่า: "ไอหมอนั่นมันไม่เอา."

"ไม่เอางั้นเหรอ?" ชุยซินฉีตกใจแล้วพูดว่า: "นั่นมันกล่องไข่มุกอันล้ำค่ามากๆ, มันสามารถทำให้พวกนั้นใช้ชีวิตอยู่แบบหรูหราได้ทั้งชีวิตเลยนะ. แถมยังได้เข้ามหาวิทยาลัยเจียงนานแบบสบายตัวอีก - ช่างเป็นเด็กขยะที่อัปลักษณ์และน่าสมเพชจริงๆ , ถ้ามันไม่เอา แล้วมันต้องการอะไร?"

 

"แม่, เขาไม่ใช่ขยะ"

"อะไรนะ? ถ้าไม่ใช่ขยะแล้วจะอะไรหืม? " ชุยซินฉีโกรธมาก. เธอปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างจริงใจเสมอ, เงื่อนไขข้อเสนอที่เธอยื่นให้ก็ถือว่าใจกว้างสุดๆ เธอไม่คิดว่าจะมีคนที่กล้าปฎิเสธเธอ. เหมือนกับว่าเขากำลังรนหาที่ตายอยู่ก็ว่าได้?

 

เยี่ยนเซี่ยงหม่าทำหน้าจ๋อยๆ แล้วพูดว่า: "แม่, ถ้าผมบอกว่าเขาปฎิเสธมันเพราะรักแท้แม่จะเชื่อมั้ย?"

"รักแท้?" ชุยซินฉีพึมพำๆ คำที่ว่า. ตั้งแต่เด็กไม่มีใครเคยเอ่ยคำว่า 'รักหน้า' ต่อหน้าเธอเลยซักคนเดียว.

"รักแท้" เยี่ยนเซี่ยงหม่าพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า: "เรื่องจริงครับ, ผมรู้สึกซาบซึ้งกับเขา. เรายอมให้เสี่ยวซินแต่งงานกับเขาได้ไหมครับ, ผมเชื่อว่าเขาต้องดูแลเสี่ยวซินอย่างจริงใจแน่นอน."

 

ผัวะะ!

ชุยซินฉีตบหน้าลูกของเธอด้วยความโกรธแล้วพูดว่า: "ตอนนี้แกยังมีอารมณ์มาเล่าเรื่องตลกอีกเหรอ? ตอนแรกชั้นปล่อยให้แกจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง, เราจะได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไอเด็กนั่น. เพราะว่าเขาช่วยชีวิตเสี่ยวซินไว้. ตระกูลชุยติดหนี้เขา. ถ้าเขาต้องการเงิน, เราก็จะให้เงินเขา. ถ้าเขาต้องการอนาคตเราก็จะสร้างอนาคตให้เขา - แต่เขาต้องการเสี่ยวซินเนี่ยนะ, คำตอบก็คือไม่อยู่แล้ว."

 

"นี่แกไม่ได้ยินที่พ่อแกพูดหรือไง? เขาเป็นเพียงเด็กจากครอบครัวธรรมดา, เขาเทียบกับตระกูลชุยได้มั้ย? เทียบกับตระกูลซ่องได้รึเปล่า? มันเหมือนกับว่าเขากำลังรนหาที่ตายอยู่ไม่ใช่หรือไงกัน? นี่ไม่ใช่การช่วยเขาแล้ว มันเป็นการเพิ่มปัญหาให้เขามากกว่า. เซี่ยงหม่า, แกจะต้องหาทางแก้ปัญหานี้ให้ได้, ถ้าเรื่องนี้มันถึงมือพ่อแกแล้วล่ะก็ ผลลัพธ์ที่ตามมามันจะรุนแรงเกินกว่าที่เขาจะสามารถรับได้."

 

"แม่.." เยี่ยนเซี่ยงหม่าลูบหน้าของเขาที่ถูกแม่ตบ, แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า: "เขาเป็นแค่เด็กที่น่าสมเพชคนนึง, เราจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขาขนาดนั้นเลยเหรอครับ?"

"เด็กจากครอบครัวธรรมดาก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ" ชุยซินฉีถอนหายใจ. "เด็กในวัยนี้ไม่รู้ว่าท้องฟ้าสูงแค่ไหน ไม่รู้ว่าผืนดินมันกว้างเพียงใด, พวกเขาต้องการที่จะไคว่คว้าพระจันทร์ - นั่นไม่ใช่ความกล้า มันคือความโง่เขลา. ไปซะ, ใช้วิธีที่สุภาพจัดการกับปัญหานี้. ชั้นไม่อยากให้เขาไม่พอใจพวกเรา, และก็ไม่ต้องการทำให้หนูเสี่ยวซินเจ็บและเสียใจด้วย."

 

"แม่, หลี่มู่หยางมัน.." เยี่ยนเซี่ยงหม่าลังเลที่จะพูด.
"หลี่มู่หยางมันทำไม?"

"เขาดำมาก" เยี่ยนเซี่ยงหม่าพูดไปยิ้มไป. "ถ้าเขาแต่งงานกับเสี่ยวซินคงดูเหมือนเศษถ่านร่วงหล่นลงสู่หิมะ"

 

ผัวะะะ!

เยี่ยนเซี่ยงหม่าโดนตบไปอีกหนึ่งกระเบ้ว.

 

หลี่มู่หยางไม่รู้ตัวว่าเขากลายเป็นเรื่องพูดคุยในมื้อเช้าของตระกูลเยี่ยน.

เขายังไม่รู้อีกด้วยว่าเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับบทสนทนาการแต่งงานของตระกูลชั้นสูงในเมืองเทียนดู.

เขาแค่กำลังดีใจที่ชุยเสี่ยวซินกำลังมาหาเขา. เพียงแค่เขาคิดว่าจะได้มองตากันและกัน, นั่นก็ทำให้เขามีความสุขมากๆ แล้ว.

 

นี่เป็นพื้นที่ที่เขาไม่เคยก้าวเข้าไปเหยียบมาก่อน, หัวใจของเขาเต้นแรงมากๆ เพราะเรื่องอะไรแบบนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างเขากับหลี่ชือเหนียน.

ความรักนี่หวานจริงๆ หวานมากจนน่าเศร้า.

อารมณ์ของหลี่มู่หยางตอนนี้คือทั้งสุขทั้งเศร้า.

ตอนชุยเสี่ยวซินกำลังจะมาถึง, หลี่มู่หยางก็กินข้าวเช้าไปแล้วเรียบร้อย, แถมยังทำข้อสอบเด็กม.ปลาย ปีสองเสร็จไปแล้วสองแผ่น.

 

เมื่อเห็นชุยเสี่ยวซิน, หลี่มู่หยางก็รีบพุ่งออกไปต้อนรับเธอ. เขายิ้มแล้วพูดว่า: "กินข้าวเช้ามาหรือยัง? อยากดื่มอะไรมั้ย?"

เห็นมั้ยล่ะ, ความคิดของผู้ชายที่ไม่เคยคบใครมาก่อนก็จะดูกระโดกกระดากแบบนี้แหละ.

"ชาซักแก้วก็ได้." ชุยเสี่ยวซินพูดไปด้วยพยักหน้าไปด้วย.

"นั่งๆๆ" หลี่มู่หยางบอกให้ชุยเสี่ยวซินนั่งลงแล้ววิ่งเข้าไปชงชา.

 

ชุยเสี่ยวซินชี้ไปที่โต๊ะไพฑูรณ์ที่พวกเขาเคยใช้นั่งติวกันแล้วถามว่า: "ทำไมโต๊ะนั่นถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะ?"

"อ๋ออ พ่อของฉันฝึกศิลปะป้องกันตัวเมื่อวานนี้แล้วบังเอิญไปฟาดโต๊ะเข้าให้น่ะ - โต๊ะมันก็เลยสภาพเป็นแบบนั้น." หลี่มู่หยางเดาไว้แล้วว่าชุยเสี่ยวซินจะต้องถาม, เขาเตรียมคำตอบไว้อย่างดี. เห็นมั้ย, เขาฉลาดขึ้นมากกว่าเดิมใช่มั้ยล่ะ?

 

"โอ๊ะ" ชุยเสี่ยวซินหยักหน้าแล้วพูดว่า: "ลุงหลี่ฝึกดาบงั้นเหรอ?"
"ถามทำไมง่ะ?"
"ถ้าไม่ใช่, แล้วทำไมมุมโต๊ะนี้มันเนี๊ยบจัง?"
"...."

 

มันเป็นเรื่องที่ดีที่ชุยเสี่ยวซินไม่ใช่คนประเภทที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น, เธอเลยไม่ได้เซ้าซี้เรื่องโต๊ะมากขนาดนั้น. เธอตรวจกระดาษสองแผ่นที่หลี่มู่หยางทำเสร็จเมื่อเช้าแล้วพูดว่า: "โจทย์ที่นายตอบนั้นดูรวมๆ แล้วก็ถูกนะ. แต่ว่าเรามาพูดกันถึงเรื่องข้อที่นายไม่ได้ทำดีกว่า - เช่นข้อนี้, ส่วนไหนที่นายคิดว่านายไม่เข้าใจงั้นเหรอ?"

"ชั้นไม่รู้ว่าต้องใช้วิธีไหนแก้โจทย์น่ะสิ, ชั้นไม่รู้ว่าจะแก้ยังไงเลย"

 

"นี่เป็นเพราะว่านายไม่ตั้งใจฟังให้ดีในห้องเรียนน่ะสิ. โจทย์ข้อนี้ดูเหมือนจะยุ่งเหยิง; ตัวเลขต่างๆ ก็ดูเหมือนไม่ค่อยจะประติดประต่อกัน. อย่างไรก็ตาม, มันมีสูตรที่ช่วยได้อยู่, ที่นายต้องทำก็แค่เอาทุกอย่างไปใส่ในสูตร คำตอบก็จะออกมาอย่างง่ายๆ เลยล่ะ"

 

ในขณะที่เธออธิบาย, ชุยเสี่ยวซินก็เขียนสูตรลงไปในกระดาษเปล่าด้วย.

เมื่ออยู่กับชุยเสี่ยวซิน, เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก.

พอพระอาทิตย์ตกดิน, ครอบครัวของหลี่มู่หยางมาจากทำงาน. หลี่ชือเหนียนก็กลับมาจากโรงเรียน แบกกระเป๋ากลับมา.

แล้วก็เป็นดั่งเช่นเคย, ชุยเสี่ยวซินก็จะกลับบ้านอีกตามเดิม.

หลี่มู่หยางไม่สามารถทำให้เธออยู่ต่อได้เลย, ทำได้แค่ยืนขึ้นแล้วตามไปส่งเธอ.

 

"พรุ่งนี้เธอจะมาหรือเปล่า?" หลี่มู่หยางถาม.

"มาสิ" ชุยเสี่ยวซินเอามือไปจับผมที่หน้าผากมาทัดหู, เผยให้เห็นต่างหูเพชรที่หูซ้ายของเธอ. "จะจนกว่าจะถึงคืนก่อนวันสอบเลย."

 

"ขอบคุณนะ" หลี่มู่หยางพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้คุณ. เขารู้ว่าตั้งแต่ที่เยี่ยนเซี่ยงหม่ามาบ้านของเขา, ชี้เห็นเห็นว่าชุยเสี่ยวซินต้องอยู่ภายใต้ความกดดันของคนที่บ้าน. แต่ถึงจะอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นซักคำ แล้วก็ยังมาสอนเขาต่ออีก.

ผู้หญิงคนนี้ทำให้คนอื่นตกหลุมรักได้ง่ายมากๆ เลย.

ชุยเสี่ยวซินคิดอยู่ครู่นึง, แล้วหยิบกระเป๋าถักขึ้นมา.

 

"ฉันให้." ชุยเสี่ยวซินยิ้มแล้วยื่นกระเป๋าให้.
"อะไรน่ะ?" หลี่มู่หยางถาม.

"ชั้นได้มาสองอันน่ะ" ใบหน้าของชุยเสี่ยวซินเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที, ภายใต้แสงสลัว ความอ่อนโยนของเธอเหมือนกับดอกคามิเลียที่ปลิวไสวไปตามสายลม.
"เขาว่ากันว่าสิ่งนี้จะนำโชคลาภมาให้เรา ทำให้เราได้เกรดดีๆ" 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

devil : ...........

ติดต่อ พูดคุยกันได้ที่เพจ Krus de Trans นะครับผมม
 

รีวิวผู้อ่าน