px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 485 : การประลองแข่งขัน 10 ราชวงศ์!


WSSTH บทที่ 485 : การประลองแข่งขัน 10 ราชวงศ์!

 

 

หลังจากที่สิ้นเรื่องราวใดๆแล้ว ต้วนหลิงเทียนกับฉินเซียงก็เหินร่อนลงมาจากฟ้า ทว่าเมื่อลงมาถึงพื้นนั้น เขาก็พบว่า...ที่บ้านลานของเขาตอนนี้...มีผู้คนแห่กันมายืนออเต็มไปหมด...!

ในบรรดาคนด้านล่าง นับว่าเซี่ยวหลันกับปี้เหยาดูจะโดดเด่นกว่าใครเพื่อน...

ร่างงามที่ยืนเฉิดฉายอยู่นั้น แลไปประหนึ่งเดินออกมาจากภาพวาดที่เซียนสวรรค์จรดพู่กันรังสรรค์ออกมา...

หลังจากที่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนปลอดภัยไร้เรื่องร้ายใดๆกลับมา ความกังวลห่วงหาบนใบหน้าของโฉมงามทั้งสอง ก็ค่อยๆสลายหายไปจนไร้ร่องรอย  พวงแก้มพวกนางยังค่อยๆคลี่ยิ้มสดใส คล้ายแผ่มนตร์สะกดใจทุกสรรพชีวิตออกมา

เรื่องนี้ทำให้ฉินเซียงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาอย่างอ่อนใจ...

ดูเหมือนว่าบุรุษของศิษย์เอกนางจะเนื้อหอมยิ่งนัก...

ในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์ชีวิตมาจนอายุปูนนี้ เพียงมองปราดเดียว...ยังจะไม่รู้ถึงความหมายในสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลจากสตรีทั้งสองที่มองมายังต้วนหลิงเทียนตาไม่กระพริบอยู่อีกหรือ?

และที่สำคัญ รูปลักษณ์ของสตรีทั้ง 2 นี้ กล่าวไปก็หาได้อ่อนด้อยไปกว่าเค่อเอ๋อศิษย์เอกนางแม้เพียงนิด!

“ท่านพ่อ ท่านแม่...นี่คือปรมาจารย์ฉินเซียง นางคืออาจารย์ของเค่อเอ๋อ ที่ข้าเคยบอกต่อพวกท่านก่อนหน้านี้...” ต้วนหลิงเทียนมองไปยังต้วนหรูเฟิงและลี่หลัวก่อนที่จะกล่าวแนะนำออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ที่แท้เป็นท่านปรมาจารย์ฉินเซียง  นับเป็นเกียรติของลี่หลัวแล้ว” ลี่หลัวพยักหน้าให้ฉินเซียง

“ปรมาจารย์ฉินเซียง” ต้วนหรูเฟิงก็ทักทายฉินเซียงด้วย

ฉินเซียงเองก็เผยรอยยิ้มออกมา พร้อมมองไปยังลี่หลัวด้วยความชื่นชม “น้องสาวลี่หลัว...ข้าเองก็ได้ยินเค่อเอ๋อกล่าวถึงเจ้ามาเนิ่นนานแล้ว...เจ้านับว่าน่าอิจฉายิ่ง ที่มีบุตรอันประเสริฐมากสามารถเช่นนี้...”

รอยยิ้มสดใสชื่นมื่นพลันผลิบานออกมาบนใบหน้าของลี่หลัวทันที เมื่อได้ยินเรื่องนี้..

แน่นอนบนโลกนี้ย่อมไม่มีมารดาคนใด ไม่ยินดีที่มีคนอื่นกล่าวชมบุตรตัวว่าประเสริฐ!  ลี่หลัวเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น...

“ท่านประมาจารย์ฉินเซียง!” เมื่อได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวก่อนหน้า องค์หญิงปี้เหยาและเซี่ยวหลันเองก็หันมาให้ความสนใจฉินเซียงทันที

พวกนางรู้ได้ในทันที ว่าเบื้องหน้าคือตัวตนที่มีความแข็งแกร่งระดับเลิศล้ำประดุจยอดฝีมือ  เป็นผู้เชี่ยวชาญของนิกายที่ทรงพลังอำนาจของนิกาย ในอาณาจักรพนาคราม!

ในแง่ของสานะแล้ว...เกรงว่ากระทั่งราชาของอาณาจักรนภาล่องยามพบพาน ก็ต้องทำความเคารพ!

“อาจารย์อาฉินเซียง!”โม่อี้มองไปยังฉินเซียงด้วยความตื่นเต้นดีใจ  ในใจของมันนั้นรู้สึก ราวกับมันเป็นเรือลำน้อยที่ลอยลำไร้ทิศทางมาเนิ่นนาน แล้วได้พบพานฝั่งท่าให้เทียบเสียที...

ฉินเซียงเองก็หันมาหาโม่อี้ แล้วก็ส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดสนทนากับโม่อี้ยกใหญ่

เนื้อหาเรื่องราวก็ไม่ใช่ใดอื่น... ล้วนเป็นเรื่องของนิกายกระบี่ 7 ดาวทั้งสิ้น...!

“ลูกเทียน แล้วพวกที่มาก่อนหน้านี้คือผู้ใดหรือ  แล้วใยตอนนี้ถึงจากไปเสียแล้วเล่า?”เมื่อนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้า ลี่หลัวก็มองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความกังวลไม่น้อย

ตอนนี้เซี่ยวหลันองค์หญิงปี้เหยา และคนอื่นๆ ก็หันมองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยความใคร่รู้เช่นกัน

“พวกมันเป็นศัตรูของข้าที่อาณาจักรพนาครามน่ะ...อย่างไรก็ตามพวกมันได้ถูก ปรมาจารย์ฉินเซียงขับไล่ไปเสียสิ้นแล้ว และข้ามั่นใจว่าต่อไปพวกมันคงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีก” ต้วนหลิงเทียนเสกสรรปั้นแต่งเรื่องราวออกมา

เขาย่อมไม่คิดกล่าวบอกความจริงออกมา... นี่เพื่อไม่ให้บิดาและมารดาของเขาต้องเป็นกังวล...!

เพราะจะอย่างไรในสายตาของบิดามารดาเขา ตัวตนของเหล่าผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรพนาคราม คือตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวและทรงพลังอันไร้ประมาณ ยากที่จะเทียบเทียมได้...

หากเขาให้บิดามารดารู้ว่า...ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรพนาคราม! ทั้งสองต้องเป็นห่วง และกังวลอทนเขาจนหัวใจวายตายแน่..!

ลี่หลัวย่อมไม่สงสัยในวาจาของต้วนหลิงเทียน  นางเพียงพยักหน้ารับฟังเรื่องราว “ดียิ่ง...ลูกเทียน...แล้วมิใช่เจ้าบอกแม่หรือ ว่าเค่อเอ๋อกับลี่เฟยได้ติดตามท่านปรมาจารย์ฉินเซียงไป...แล้วในเมื่อปรมาจารย์ฉินเซียงกลับมาแล้วเช่นนี้  ใยพวกนางถึงมิกลับมาด้วยกันเล่า?”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆออกมา “ท่านแม่ พอดีเมื่อเค่อเอ๋อกับลี่เฟยกลับมาถึง  พวกนางดันอยู่ในช่วงสำคัญ เพื่อตัดผ่านระดับพอดีน่ะ ...เช่นนั้นพวกนางจึงรีบเดินทางกลับไปยังนิกาย เพื่อบ่มเพาะพลังก่อน...ส่วนที่ท่านปรมาจารย์ฉินเซียงมาที่นี่ ก็เพื่อมาแจ้งข่าวเรื่องราวนี้ต่อข้านี่ล่ะ”

ลี่หลัวเข้าใจได้ในทันใด “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง...”

ต่อมาลี่หลัวก็มองไปยังเซี่ยวหลันและองค์หญิงปี้เหยา พร้อมค่อยๆกล่าวออกมาว่า “หลันกับเหยาต่างก็รีบร้อนมาหาเจ้าทันทีที่เจ้าเกิดเรื่อง... พวกนางกลัวและกังวลนักว่าเจ้าจักมีอันตราย...พวกนางนับว่าห่วงใยตอเจ้านัก  ลูกเทียนเมื่อไม่มีใดแล้ว เจ้าก็พาพวกนางไปเลี้ยงอาหารปลอบขวัญสักหน่อยเถอะ” เมื่อลี่หลัวกล่าวถึงตรงนี้นางก็ มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่ราวกับจะกล่าวว่า ‘หากเจ้ากล้าปฏิเสธ  มารดาคนนี้ต้องเสียใจหนักหนาแล้ว...’

ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม และไม่กล้าปฏิเสธอะไร เพียงพยักหน้ารับคำ

ความหวงใยและความกังวลของสองสาวที่มีมากมายนี้...นับว่ามันทำให้เขาลำบากใจไม่น้อย...

ส่วนทางด้านเซี่ยวหลันและองค์หญิงปี้เหยานั้น เมื่อได้ยินคำกล่าวของลี่หลัว พวงพักตร์งดงามขาวนวลของพวกนาง ก็อดที่จะขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาเสียไม่ได้ แลดูท่าจะเขินไปไม่น้อย มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขม้วนผมเล่นป้อยๆ...

“จะดีแค่ไหนกันนะ หากข้าได้หลันกับเหยา เป็นลูกสะใภ้ของข้าด้วยเช่นกัน?” ลี่หลัวมองไปยังแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนที่เดินพาเซี่ยวหลันและองค์หญิงปี้เหยาจากไปด้วยสายตาซับซ้อน

หลังจากนั้นทั้งวัน ต้วนหลิงเทียนก็ปฏิบัติตามคำสั่งของมารดาอย่างเคร่งครัด โดยการพาเซี่ยวหลันและปี้เหยาไปเลี้ยงอาหาร

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจความตั้งใจของมารดาได้เป็นอย่างดี

หลังจากวันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการบ่มเพาะพลัง ไม่คิดจะออกไปไหนอีก

เคยมีคำกล่าวบอกไว้ว่า เส้นทางของการบ่มเพาะนั้น ต่อให้มีเวลาเท่าไรก็ไม่เคยพอ...

คำกล่าวนี้ก็นับว่าเป็นจริงไม่น้อย...

หลังจากผ่านไป 3 เดือน ในที่สุด...ระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนก็ประสบความสำเร็จอีกครั้ง!  เขาสามารถทะลวงไปยังวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8!!

ในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานี้ ...เหตุการณ์ที่มีค่าพอให้กล่าวถึงก็คือ การจากไปของฉินเซียงและโม่อี้...ทั้งสองได้เดินทางกลับไปยังนิกายกระบี่ 7 ดาวเรียบร้อยแล้ว

แน่นอนว่าตอนนี้ถึงแม้นิกายกระบี่ 7 ดาวนั้นล่มสลายหายไป แต่สถานที่รวมถึงขุนเขาอะไรก็ยังคงอยู่  ฉินเซียงก็พาโม่อี้ไปยังถ้ำผาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกนั่นเอง

เพราะกล่าวได้ว่าสภาพแวดล้อมในถ้ำลับที่หน้าผานั่น... มันเป็นสถานที่ๆเหมาะสมแก่การบ่มเพาะพลังที่สุดในอาณาจักรพนาครามแล้วก็ว่าได้

นอกจากนี้เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากนมผา 10,000 ปี ที่จะหยดลงมาหลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง ระดับบ่มเพาะของทั้งคู่ย่อมก้าวกระโดดเป็นแน่

ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้ดีแก่ใจ ว่าเมื่อนิกายกระบี่ 7 ดาวถูกทำลายล้างไปแล้วเช่นนี้ ฉินเซียงย่อมมองโม่อี้ว่าเป็นความหวังในอนาคตของนิกายกระบี่ 7 ดาว และนางย่อมพยายามทุกวิถีทางเพื่อส่งเสริมโม่อี้ให้เป็นประมุขนิกายคนต่อไป...

ตั้งแต่แรกนั้นตัวนางก็ถือได้ว่าเป็นศิษย์น้องของหลิ่งหูจิ่นหง... ตอนนี้นางก็กำลังทำหน้าที่เป็นอาจารย์อา ค่อยอบรมสั่งสอนศิษย์คนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ของศิษย์พี่นางอย่างสุดความสามารถ

หลังจากที่ทะลวงระดับได้สำเร็จต้วนหลิงเทียนก็เดินออกมาจากห้องด้วยอารมณ์เบิกบาน  เขาไปนั่งเล่นกับเสี่ยวจินที่ม้าหินอ่อนด้านนอก

"จี๊ด ~" เจ้าหนูสีทองตัวน้อยที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโต๊ะหินอ่อนส่งเสียงร้องออกมา ก่อนที่จะพลิกตัวมองต้วนหลิงเทียนตาแป๋ว ส่งเสียงกล่าวถาม "พี่ใหญ่หลิงเทียน เมื่อไหร่พี่สาวเค่อเอ๋อกับพี่สาวเค่อเอ๋อจะกลับมากันเล่า?"

"เฮ่อ...ข้าก็ไม่รู้ แค่คงไม่ใช่เร็วๆนี้แล้วล่ะ..." ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา

ตอนนี้ทั้ง 2 สาวกำลังฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ที่ดินแดนรอบนอก...คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกนางจะเดินทางกลับมาเร็วๆนี้

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองก็คิดถึงสาวน้อยทั้ง 2 มาก แต่เพื่อประโยชน์และความก้าวหน้าในชีวิตของพวกนางแล้ว เขาก็ต้องทน

เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ด้วยการมีผู้อุปถัมภ์และส่งเสริมในเรื่องของทรัพยากรบ่มเพาะเช่นนี้ ด้วยระดับพรสวรรค์ของทั้งสอง ความสำเร็จของสาวน้อยทั้งสองของเขาย่อมพุ่งทะยานอย่างไร้สิ้นสุด

“เอาล่ะเสี่ยวจิน พวกเราไปกันเถอะ! ไปเดินเล่นแล้วก็หาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า ...” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา เจ้าหนูตัวน้อยเมื่อได้ยินว่ามีของกินก็ตาลุกวาว  กระโดดตีลังกาม้วนมานั่งบนไหล่ต้วนหลิงเทียน พร้อมชูมือน้อยๆขึ้น ราวกับจะบอกให้ ต้วนหลิงเทียนออกเดินทางเร็วไว! แล้วหนึ่งคนหนึ่งหนูก็ก้าวอาดๆออกจากสวนด้านหลังไปในทันใด...

หลังจากเดินเล่นหาซื้อนู่นนี่นั่น และแวะกินอะไรที่เหลาอาหารจนอิ่มหนำสำราญใจแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าพระยา

“นายน้อยต้วนหลิงเทียน!” ตอนนี้ทหารเฝ้ายามหน้าจวนย่อมจดจำต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ต่างคำนับต้วนหลิงเทียนด้วยความเคารพ

ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มบางๆทักทาย ในขณะที่เดินเข้าจวนเจ้าพระยามานั้น... แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะห้ามหรือระงับเขาแต่อย่างไร สามารถเดินไปไหนมาไหนก็ได้ ไม่ต่างจากเดินเล่นที่สวนหลังบ้านตัวเองสักนิด!

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เดินไปหานี่เหวี่ยและนี่เฝิน ที่กำลังคุยกันเสียงดังในห้องโถงหลักของจวน

"ลุงนี่ พี่ใหญ่นี่ เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกท่านสนทนากันเสียงดังเรื่อง การประลองแข่งขัน 10 ราชวงศ์ ...นั่นมันเรื่องอะไรกันหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามนี่เหวี่ยด้วยความประหลาดใจ และสงสัยเล็กน้อย

เพราะเมื่อครู่ก่อนที่จะเดินเข้าห้องโถงมานั้น บทสนทนาของนี่เหวี่ยและนี่เฝินล้วนพูดถึงคำๆนี้  และฟังดูมันก็น่าสนใจไม่น้อย

การประลองแข่งขัน 10 ราชวงศ์!

เพียงแค่ได้ยินชื่อ ก็ดูท่าจะไม่ใช่อะไรธรรมดาซะแล้ว

“เทียนน้อยเจ้ามาพอดีเลย...” นี่เหวี่ยและนี่เฝินที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่เมื่อเห็นการมาเยือนของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของพวกมันก็ยิ้มแย้มเบิกบานขึ้นในทันใด

หลังจากนั้นก็เป็นนี่เหวี่ยกล่าวอธิบายออกมา “การประลองแข่งขัน 10 ราชวงศ์ที่ว่า...ย่อมเป็นการประลองของเหล่าอัจฉริยะมากพรสวรรค์ทั้งหลายของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ทั้ง 10...แน่นอนว่าต้องรวมราชวงศ์ต้าฮั่นไปด้วย”

การประลองของเหล่าอัจฉริยะมากพรสวรรค์ทั้งหลายของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ทั้ง 10?

ม่านตาของต้วนหลิงเทียนถึงกับหดแคบลงฉับพลัน เมื่อได้ยินเรื่องนี้

ราชวงศ์ต้าฮั่นก็นับว่ามีพื้นที่อาณาบริเวณกว้างใหญ่สุดไพศาล  ลำพังแค่อัจฉริยะของราชอาณาจักรต้าฮั่นเองก็มีมากมายดั่งฝูงเมฆแล้ว!

นี่ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ยังมี ราชวงศ์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้อยู่อีกถึง 9 ราชวงศ์ 9 ราชอาณาจักร!

“ลุงนี่แล้วท่านรู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับการประลองนี่บ้างหรือ มันมีเงื่อนไขแล้วเป็นเช่นไรบ้างเล่า?...ว่าแต่พวกท่านไปได้ยินเรื่องนี้มาได้อย่างไร?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมามากมายด้วยความสงสัย

ไม่ต้องกล่าวถึงอาณาจักรนภาล่องนี่เลย ราชวงศ์ต้าฮั่นนั้น ยังเป็นอะไรที่อยู่ในระดับสูงเหนือกว่าอาณาจักรพนาครามไปไกลโข

แต่ทว่าตอนนี้เรื่องราวอันยิ่งใหญ่ในระดับราชอาณาจักรต้าฮั่น! เรื่องราวของการประลองของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่เช่นนั้น กลับแพร่กระจายมาถึงอาณาจักรนภาล่อง?

“เป็นทูตของอาณาจักรพนาครามที่เดินทางมาส่งข่าวเรื่องราวครั้งนี้ให้แก่อาณาจักรนภาล่องของพวกเรา...” นี่เหวี่ยค่อยๆอธิบายออกมา “เห็นว่าหลังจากนี้อีก 5 ปี จะมีการจัดการประลองแข่งขันของทั้ง 10 ราชวงศ์ขึ้น...ในยามนั้นเหล่าอัจฉริยะมากพรสวรรค์ทั้งหลายของทุกราชวงศ์ รวมถึงราชวงศ์ต้าฮั่น จะเข้าร่วมการประลองแข่งขันชิงความเป็นหนึ่งกัน... ด้วยเหตุนี้ทางราชวงศ์ต้าฮั่นก็ป่าวประกาศไปทั่วทั้งราอาณาจักร และให้แต่ละส่วนการปกครองย่อย ส่งเหล่าอัจฉริยะไปยังเมืองหลวงของราชอาณาจักรต้าฮั่น เพื่อทำการประลองคัดเลือกตัวแทนของราชวงศ์ต้าฮั่น ในอีก 4 ปีหลังจากนี้...”

(* ขอแก้อาณาจักรศิลาทมิฬเป็น จักรวรรดิศิลาทมิฬนะครับ )

“และเมื่อทางราชอาณาจักรต้าฮั่นประกาศออกมาเช่นนี้ จักรวรรดิทั้งหลายที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชอาณาจักรต้าฮั่น ...รวมถึงจักรวรรดิศิลาทมิฬ ก็ทำการส่งเรื่องราวไปยังเหล่าอาณาจักรใต้อาณัติต่างๆ ให้ทำการส่งตัวเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายไปรวมตัวกันที่เมืองหลวงของจักรวรรดิศิลาทมิฬในอีก 3 ปีต่อจากนี้เพื่อคัดเลือกตัวแทน...แน่นอนว่าอาณาจักรใต้อาณัติจักรวรรดิอีกทีอย่างอาณาจักรพนาครามเอง ก็ได้รับคำสั่งเช่นนี้มา...และต้องทำการส่งอัจฉริยะไปเช่นกัน...  สุดท้ายทางพนาครามถึงได้ส่งสารมายังอาณาจักรใต้อาณัติอีกทอดหนึ่ง กระทั่งถึงพวกเรา เพื่อให้พวกเราส่งเหล่าอัจฉริยะไปคัดเลือกที่อาณาจักรพนาครามก่อนอย่างไรเล่า”

“เมื่อทางอาณาจักรพนาครามสามารถคัดเลือกหาตัวแทนได้แล้ว หลังจากนั้นก็จักทำการส่งตัวอัจฉริยะตัวแทนดังกล่าวไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิศิลาทมิฬ  เพื่อให้ทางจักรวรรดิศิลาทมิฬคัดเลือกอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วค่อยส่งไปยังเมืองหลวงของราชอาณาจักรต้าฮั่น  เพื่อคัดตัวตัดสินเฟ้นหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอันจะได้เป็นตัวแทนของราชวงศ์ครั้งสุดท้าย!”

ในขณะที่กล่าวถึงตรงนี้ นี่เหวี่ยก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกาย “คาดว่าการประลองแข่งขันครานี้ น่าจะถูกจัดขึ้นโดยขุมกำลังที่น่าเกรงขามและทรงพลังเสียยิ่งกว่าราชอาณาจักรต้าฮั่นเป็นแน่...และพวกข้ากำลังคาดคิดกันว่าขุมกำลังดังกล่าว  น่าจักเป็นขุมกำลังอันยิ่งใหญ่จากดินแดนรอบนอก...”

“เทียนน้อย หากเจ้าสามารถเอาชนะและอยู่เหนือผู้ใดได้ยามที่ไปประลองคัดตัวยังจักรวรรดิศิลาทมิฬ  และสามารถได้รับสิทธิ์ไปคัดตัวที่เมืองหลวงของราชอาณาจักรต้าฮั่นขึ้นมาล่ะก็...ถึงแม้เจ้าจักมิอาจผ่านการคัดตัวไปแข่งขัน การประลอง 10 ราชวงศ์ก็จริง  แต่เจ้ายังได้รับผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่จากจักรวรรดิศิลาทมิฬแล้ว! และผลตอบแทนที่ข้ากล่าวถึงนี้... เกรงว่าต่อให้เป็นอาณาจักร ใหญ่ๆ และตระกูลราชวงศ์ใต้อาณัติของจักรวรรดิศิลาทมิฬ ยังถึงกับต้องอิจฉาตาลุกวาว!” นี่เหวี่ยกล่าวออกมารวดเดียวจบ

ขุมกำลังอันน่าเกรงขามจากดินแดนรอบนอก?

อยู่เบื้องหลังการจัดการประลองแข่งขันของ 10 ราชวงศ์?

คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดขึ้นมาโดยพลัน “ข้าล่ะสงสัยนัก ว่าขุมกำลังของดินแดนรอบนอก มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถึงได้จัดการประลองอะไรแบบนี้ขึ้นมา...?”

ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่า ขุมกำลังในดินแดนรอบนอก คงไม่ใช่แค่ว่างจัดไม่มีอะไรทำ  จนนึกสนุกจัดการประลองอะไรแบบนี้ขึ้นมาเล่นๆ ฆ่าเวลาแน่นอน...

มันต้องมีเบื้องหลังอะไรแฝงเร้นอยู่เป็นแน่!

“ยังไม่ใช่แค่นั้นนะเทียนน้อย...เพียงแค่เจ้าสามารถแสดงความสามารถของเจ้าในอาณาจักรพนาคราม และได้เป็นตัวแทนเดินทางไปยังจักรวรรดิศิลาทมิฬได้ เจ้าเองก็จักได้รับรางวัลมากมายจากอาณาจักรพนาครามแล้ว!” นี่เหวี่ยมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะหัวเราะออกมา “เทียนน้อย ฝ่าบาทได้ตัดสินใจแล้ว ว่าอาณาจักรนภาล่องของเราจะส่งเจ้าไปเป็นตัวแทนเพียงผู้เดียว  และครั้งนี้ถ้าหากเจ้าสามารถโดดเด่นเหนือใครได้ในอาณาจักรพนาคราม...อาณาจักรพนาล่องเราคงได้รับการตอบแทนจากอาณาจักรพนาครามมากโข อีกทั้งยังยกเว้นให้อาณาจักรเรามิต้องจ่ายภาษีให้อาณาจักรพนาครามร่วม 10 ปี!”

อาณาจักรเล็กๆใต้อาณัตินั้นกล่าวไปก็มีชีวิตลำบากยิ่งนัก... แต่ละอาณาจักรต้องเสียภาษีจำนวนมากมายให้แก่อาณาจักรที่ปกครองพวกมัน

นี่นับเป็นกฎที่ราชวงศ์ต้าฮั่นตราขึ้นมา

อาณาจักรนภาล่อง และอาณาจักรเล็กน้อยใกล้เคียงนี้ ต้องเสียภาษีให้แก่อาณาจักรพนาคราม

ส่วนอาณาจักรพนาคราม ก็ต้องไปเสียภาษีให้แก่ จักรวรรดิศิลาทมิฬ

สุดท้ายจักรวรรดิศิลาทมิฬ ก็ต้องเสียภาษีให้แก่ราชอาณาจักรต้าฮั่น!

“ขุมกำลังของดินแดนรอบนอกเช่นนั้นหรือ..?” สายตาของต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองวูบขึ้นมา มุมปากยังค่อยๆคลี่ยิ้มสนุกสนาน “การประลองแข่งขัน 10 ราชวงศ์...อีก 5 ปีหลังจากนี้เช่นนั้นหรือ?”

 

รีวิวผู้อ่าน