px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 489 : ค่าทำขวัญ ปลอบประโลมจิตใจ?


WSSTH บทที่ 489 : ค่าทำขวัญ ปลอบประโลมจิตใจ?

 

 

ประมุขของตระกูลหม่าจ้องเขม็งไปยังหนูขนทองในมือต้วนหลิงเทียน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแววตาร้อนแรงปานจะมีเปลวเพลิงลุกโชน สามารถแผดเผาทุกสรรพสิ่งให้มอดไหม้...

ตัวมันย่อมจินตนาการออกเลยว่า...ถ้าหากตระกูลหม่าของมัน ได้รับสัตว์อสูรปีศาจระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 ตัวนี้มาร่วมตระกูลด้วยจะเป็นอย่างไร! ...มิแคล้วเมืองวายุทมิฬนี้ ต้องเป็นพวกมันที่ผูกขาดการค้า และมีอำนาจเบ็ดเสร็จ!!

“ประมุขหม่า...ว่าจาของเจ้าเมื่อครู่ มันจะไม่เอาดีเข้าตัวไปหน่อยหรือ ...วันนั้นเสี่ยวจินของข้า ถูกนำมาประมูลที่โรงประมูลของตระกูลเจ้า  นี่ต้องโทษคนของตระกูลเจ้าที่มีตาแต่หามีแววไม่! กลับมองไม่เห็นมณีสดใสที่เปื้อนไรฝุ่น!!  แต่ข้ามีสายตากระจ่างสามารถเห็นถึงความเลอค่าดั่งมณีที่ซุกซ่อนอยู่...จนทำให้ข้าทุ่มสุดตัวยอมจ่ายไม่อั้นเพื่อประมูลได้มา...”  ต้วนหลิงเทียนหันไปมองประมุขตระกูลหม่าด้วยสายตาเฉยชา เขาไม่คิดว่าหนังหน้าของประมุขตระกูลหม่าจะหนาขนาดนี้ “แต่ตอนนี้เจ้ากลับกล้าพูดออกมาได้ ว่าข้าได้ประโยชน์จากตระกูลหม่ามากมาย  หรือเจ้าคิดจริงๆ ว่าเรื่องของเสี่ยวจินนี่ เป็นข้าได้ประโยชน์เพราะความช่วยเหลือของตระกูลหม่า?”

"เจ้า!?" ประมุขตระกูลหม่าอดไม่ได้ที่จะขุ่นขึ้งหมองเคืองขึ้นมา ทั้งยังมีโทสะไม่น้อยเมื่อได้ยินวาจาเสียดสีของต้วนหลิงเทียน แต่แน่นอนว่ามันไร้คำใดจะกล่าวออก

เพราะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวมา ไม่ผิดเพี้ยนแม้เพียงครึ่งคำ!

เรื่องนี้หากจะโทษก็ต้องโทษคนตระกูลหม่าที่มีตาแต่ไร้แวว!  ไม่เห็นซึ้งถึงคุณค่าหนูขนทองตัวนี้...หนูที่สามารถเปลี่ยนได้แม้กระทั่งชะตากรรมของตระกูลหม่าทั้งตระกูล!!

จนถึงทุกวันนี้คนตระกูลหม่ายังคิดเพียงว่าหนูตัวนั้นเป็นแค่หนูขนทองธรรมดา  และเหตุผลเดียวที่มันสามารถเติบโตได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ คงเพราะมันเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสายเลือดอย่างผิดปกติ!

แน่นอนว่าพวกมันไม่รู้...ว่าจริงๆแล้วหนูขนทองตัวนี้ คือหนูสวรรค์นัยน์ตาหยก!

เพราะหนูสวรรค์นัยน์ตาหยกนี่ เป็นสัตว์อสูรปีศาจที่เรียกได้ว่า...เป็นตำนานของดินแดนรอบนอก!

กระทั่งผู้คนในดินแดนรอบนอกเองก็มีน้อยคนนัก ที่รู้เรื่องราวของหนูสวรรค์นัยน์ตาหยก...!

“เจ้าหนุ่ม แล้วเจ้ายังต้องการอันใดอีก?”ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังประมุขตระกูลหม่า ก้าวออกมาพร้อมกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงต่ำ

ชายชราคนนี้เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงของตระกูลหม่า

ในปีนั้นชายหนุ่มผู้นี้มีผู้เชียวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติคอยติดตามอยู่ข้างกาย นั่นทำให้พวกมันล้วนหวาดกลัวอย่างมาก

วันนี้ถึงแม้ว่าผู้ติดตามอันเป็นผู้เชี่ยวชาญแรกสัมผัสธรรมชาตินั่นจะไม่อยู่แล้ว  แต่ชายหนุ่มผู้นี้ยังมีสัตว์อสูรปีศาจแรกสัมผัสธรรมชาติ! ทั้งยังเป็นถึงสัตว์อสูรปีศาจแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 นี่ยิ่งทำให้พวกมันหวาดกลัวมากกว่าเดิมเสียอีก..!!

"ข้าต้องการอะไรน่ะเหรอ?" ต้วนหลิงเทียนหันไปเหลือบมองชายชราด้วยสายตาเฉยชา ก่อนที่จะหัวเราะออกมา "ไม่ใช่ว่าคำถามนี้ ...ข้าควรจะเป็นฝ่ายถามพวกเจ้าหรือยังไง หืม?"

“ตระกูลหม่าของข้าได้ชดใช้ค่าเสียหายที่พวกเราต้องจ่ายให้เจ้าไปแล้ว...แล้วเจ้ายังมาบุกรุกตระกูลของพวกข้าครั้งนี้เพื่ออะไร? เจ้ายังต้องการอันใดอีก?”ประมุขตระกูลหม่ากล่าวถามออกมาเสียงแข็ง

“ชดใช้ค่าเสียหายที่ต้องจ่ายให้ข้าแล้ว?” ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดประมุขตระกูลหม่า แล้วเขาก็เข้าใจได้ทันที “ประมุขตระกูลหม่า เรื่องที่เจ้ากำลังพูดอยู่ ใช่เรื่องคนที่ตกตายเพราะเกี่ยวข้องกับโรงประมูลที่ทำผิด แล้วก็เงินที่ตระกูลหม่าชดใช้ มาให้ข้า 10,000,000 เหรียญทองใช่หรือไม่?”

"ฮึ่ม!" ประมุขตระกูลหม่าแค่นเสียงสบถเย็นชาออกมา เป็นเชิงตอบรับ

“ที่เจ้าว่ามันก็ถูก” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ตระกูลหม่าของเจ้าได้ชดใช้ค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้นเพราะโรงประมูลตระกูลหม่าทำผิดให้ข้ามาแล้ว...”

เมื่อระดับสูงของตระกูลหม่าได้ยินคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกนี้ พวกมันค่อยระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ทว่าเสียงของต้วนหลิงเทียนที่เงียบไป กลับเริ่มดังและเย็นชากระทั่งในน้ำเสียงยังเจือไปด้วยความเกรี้ยวกราด “แต่วันนี้ข้าไม่ได้มาตระกูลหม่าเพราะคิดจะหาความอะไรในเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น  เมื่อข้ารับเงินมาแล้ว แน่นอนเรื่องในวันนั้นก็เป็นอันจบสิ้นไป!”

“ที่ข้ามาตระกูลหม่าครั้งนี้ เพราะข้าต้องการให้เจ้าจ่ายราคาและชดใช้หนี้! ที่พวกเจ้าติดค้างข้าหลังจากนั้น!” ในขณะที่กล่าวถึงประโยคนี้ สายตาของต้วนหลิงเทียนก็เย็นชาลง ใบหน้าของเขายังไร้อารมณ์ราวกับฉาบทับไว้ด้วยชั้นน้ำแข็ง

“จี๊ด!!”เจ้าหนูตัวน้อยเองก็เหมือนสัมผัสได้ถึงโทสะจากเสียงต้วนหลิงเทียน มันลุกขึ้นยืนก่อนที่จะแยกเขี้ยวยิงฟันออกมา กรงเล็บน้อยๆยกขึ้นชี้ไปทางคนตระกูลหม่า ก่อนที่จะขยับเล็กน้อย

ทันใดนั้น ปรากฏอาวุธวิญญาณเล่มจิ๋วผุดออกจากความว่างเปล่า เข้าสู่มือของมัน

และพริบตานั้นเอง พลังงานต้นกำเนิดก็เริ่มหลั่งไหลออกจากร่างน้อยๆ ถ่ายเทลงสู่ตัวกระบี่

วู้มมมม!!

เงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 6,000 ตัว ค่อยๆก่อเกิดขึ้นเหนือร่างเสี่ยวจิน

ภาพนี้ทำให้หัวใจของคนตระกูลหม่าเต้นถี่รัวผิดจังหวะ  ต่างบังเกิดความหวาดกลัวสำนึกตัวได้ในพริบตา

“สัตว์อสูรปีศาจ...ยังมีอาวุธวิญญาณใช้ด้วยหรือ..??”

“กระบี่วิญญาณเล่มนั้น...มัน...มันเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ 2,000 ช้างแมมมอธโบราณ...มัน..มันเป็นศาสตราวิญญาณระดับ 5!!”

...

ตอนนี้ระดับสูงทั้งหลายในตระกูลหม่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

บางคนที่มีจิตใจอ่อนแอ  มันก็หวาดกลัวถึงขั้น ทรุดร่างลงไปกองกับพื้น  อีกทั้งร่างทั้งร่างของมันยังสั่นสะท้าน เหงื่อกาฬหลั่งไหลชุ่มโชก

อาวุธวิญญาณระดับ 5!

เรื่องนี้จะให้คิดอย่างไร?

กระทั่งมองผ่านไปทั่วทั้งอาณาจักรพนาคราม... ผู้ที่มีอาวุธวิญญาณระดับ 5 ไว้ในครอบครอง ก็ล้วนเป็นตัวตนสูงส่งระดับผู้นำขุมกำลังใหญ่ๆ ในอาณาจักรไม่กี่คนไม่ใช่หรือ?

"เจ้า ...เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?" ประมุขตระกูลหม่ามองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางซีดๆ  แววตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ผู้ที่สามารถให้สัตว์อสูรปีศาจใช้อาวุธวิญญาณระดับ 5 ได้ ยังเป็นคนธรรมดาอยู่อีกหรือไร?

“ข้าเป็นใคร มันไม่สำคัญหรอก...”ต้วนหลิงเทียนรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ประมุขตระกูลหม่าคิดอะไรอยู่ เขาเพียงกล่าวออกมาอย่างเฉยเมย “ข้ารู้ดี ว่าพวกเจ้าจดจำได้ว่าพวกเจ้าเป็นหนี้ข้า...พวกเจ้าทุกคนนับว่าสามารถและกล้านักเรื่องเก่าสิ้นสุดไปแล้ว... แต่พวกเจ้ายังไม่วายชักนำให้บิดาของเซี่ยกวง อย่างเซี่ยโต้วมาหาข้า..”

“บางทีพวกเจ้าคงคิดว่า...ข้าคงจะตกตายด้วยน้ำมือของเซี่ยวโต้วไปแล้ว  และคงไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกลับมาเผชิญหน้ากับพวกเจ้าทั้งหมดอีกครั้งใช่หรือไม่?” เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาจบ สายตาของเขาก็กวาดมองสบตาไปยังเหล่าอาวุโสทั้งหลายในตระกูลหม่าทีละคนๆ

ทุกครั้งที่เขามองสบตาใคร คนผู้นั้นอดที่จะซีดเผือดขึ้นมาเสียไม่ได้!

ชายชราทั้ง 4 ที่ยืนอยู่ด้านหลังประมุขตระกูลหม่า ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขื่นขม ใบหน้ายังความอับจนหนทางออกมา...

พวกมันไม่คิดเลย ว่าชายหนุ่มจะล่วงรู้เรื่องนี้...

ตอนแรกพวกมันก็คิดว่ายามที่เซี่ยโต้วหาตัวชายหนุ่มผู้นี้พบ  ต่อให้ชายหนุ่มผู้นี้จะรู้ว่าพวกมันทั้งหลายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและเป็นตัวการชักนำหายนะครั้งนี้  แต่คงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่ชายหนุ่มผู้นี้จะรอดมาเอาเรื่องพวกมัน

เพราะสุดท้ายก็ต้องเป็นเซี่ยโต้วที่กำจัดชายหนุ่มผู้นี้ไปแน่นอน

หรือบางทีเซี่ยโต้วอาจจะค้นพบว่าเบื้องหลังชายหนุ่มมีตัวตนยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่ มันจึงเลิกราและปล่อยให้เรื่องนี้ตกไป ไม่คิดไปเอาเรื่องราวใดๆต่อชายหนุ่ม  จนทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ทันได้สังเกตเห็น...

แต่ตอนนี้ทั้งหมดนั่นล้วนไร้สำคัญใดๆ ...พวกมันรู้เพียงยามนี้พวกมันพบพานกับคราวเคราะห์หนักหนาแล้ว!

"เจ้า...เจ้าต้องการอะไร?" ใบหน้าประมุขตระกูลหม่ายิ่งมายิ่งซีดเซียวไร้สีเลือด มันกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

"ข้าต้องการอะไรน่ะหรอ?" ต้วนหลิงเทียนยิ้ม ก่อนที่จะหันไปมองตาประมุขตระกูลหม่าด้วยแววตาคมกล้า "เรื่องนั้นเห็นที คงต้องขึ้นอยู่กับความจริงใจของตระกูลหม่าแล้ว   ถ้าความจริงใจของพวกเจ้ามันไม่พอล่ะก็... "

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ต้วนหลิงเทียนก็ถอนสายตากลับมา  ก่อนที่จะมองเสี่ยวจินที่ยืนชูกระบี่อยู่ในมือ “เสี่ยวจินถ้าเงินที่พวกมันให้ไม่เพียงพอสำหรับซื้อเนื้อย่างให้เจ้า  เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรดีเล่า?”

เจ้าหนูสีทองตัวน้อยได้ฟังก็เบิกตาขึ้น มันกระโดดพรวดขึ้นไปลอยตัวอยู่กลางอากาศ พร้อมเล็งจี้กระบี่วิญญาณระดับ 5 ไปทางระดับสูงของตระกูลหม่าทั้งหมด...

เรื่องนี้ทำให้ระดับสูงตระกูลหม่าถึงกับหวาดกลัวจนหน้าไร้สีเลือด

...และแล้ว ครึ่งชั่วโมงต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้เดินจากตระกูลหม่ามาพร้อมกันกับเจ้าเสี่ยวจิน บนใบหน้าของหนึ่งคนหนึ่งหนูเผยรอยยิ้มยินดี และพึงพอใจไม่น้อย...

คราวนี้ทั้งคู่กรรโชกทรัพย์มาจากตระกุลหม่าได้ถึง 100,000,000 เหรียญทอง!

แน่นอนว่าเงินทั้งหมดอยู่ในรูปตั๋วเงิน!

กล่าวได้ว่าตั๋วเงินทั้งหมดในตระกูลหม่า ได้ถูกขนมาอยู่ในแหวนมิติของเขาเรียบร้อยแล้ว...

“เสี่ยวจิน เจ้าทำได้ยอดมาก!  วันนี้ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม!!” ต้วนหลิงเทียนนำเจ้าหนูน้อยมายังเหลาอาหารที่มีชื่อที่สุดในเมือง ก่อนที่จะสั่งเนื้อย่างที่ดีที่สุดมาเต็มโต๊ะให้เจ้าหนูน้อยได้จัดการให้หนำใจ

เนื้อย่างนี้ยังมีหลายชนิดให้เลือกสรร ทั้งยังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนนัก

เจ้าหนูตัวน้อยจัดการเนื้อทั้งหลายอย่างสนุกปาก  มันกินเนื้อทั้งหลายเข้าไปเกลี้ยงโต๊ะจนท้องของมันป่องขึ้นมา จนถึงขั้นต้องนอนแผ่หลาเพราะขยับตัวไปไหนไม่ได้

ตอนนี้ตัวเจ้าหนูน้อยกลมป๊อกแลดูน่ารักไม่น้อย

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะนั่งจิบน้ำชา รอเวลาให้เจ้าเสี่ยวจินมันขยับตัวได้

หลังจากที่เจ้าเสี่ยวจินขยับได้แล้ว และต้วนหลิงเทียนก็ได้กินส่วนของตัวเองเรียบร้อย เขาก็พาเจ้าหนูน้อยไปยังโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน

"จี๊ดๆ ~" เจ้าหนูตัวน้อยร้องเสียงดังขึ้นมาก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียน

"เสี่ยวจิน เจ้าคิดจะออกไปหาคนที่จับเจ้าตอนนั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมยิ้มบางๆ  "เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ  รีบกลับมาด้วย"

"จี๊ด!" อย่างไรก็ตามเจ้าหนูขนทองเพียงส่ายหน้าแล้วมองจ้องมา

ตอนนี้เองเสียงเจ้าหนูน้อยก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน “พี่ใหญ่หลิงเทียน พวกเราไปด้วยกันเถอะ ท่านเองก็ไปช่วยข้าหาเงินซื้อเนื้อย่างจากพวกมัน ตอนที่พวกเราจับตัวคนร้ายได้” ในขณะที่กล่าวนั้น นัยน์ตาคู่หยกของเจ้าหนูตัวน้อยก็เรืองแสงสีมรกตออกมารองๆ

ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเองก็เรืองวูบขึ้นมา “ข้าเพียงหวังว่า ผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติที่จับตัวเจ้าจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่มีใครหนุนหลังอยู่...มันคงจะดีหากว่าคนที่จับเจ้าเป็น หนึ่งในคนของตระกุลใหญ่ทั้งสองของเมืองวายุทมิฬแห่งนี้”

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนกับเจ้าหนูน้อยก็ออกจากโรงเตี๊ยม

ทั้งคู่ตระเวนหากันอยู่ครึ่งค่อนคืน ก่อนที่เสี่ยวจินจะพบพานกับตัวชั่วร้ายที่จับมันมาขาย!..

...

ตระกูลหวง!

ต้วนหลิงเทียนเริ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เมื่อพบเห็นว่าเขตที่พักตระกูลนี้ใหญ่โตไม่แพ้ของตระกูลหม่าเลยสักนิด!

หากเขาไม่ผิดพลาดอะไรล่ะก็ เขตที่พักแห่งนี้ สมควรเป็นเขตที่พักของหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองวายุทมิฬ ตระกูลหวง!

"ฮิฮิ...พี่ใหญ่หลิงเทียน ดูเหมือนว่าตัวชั่วร้ายนั่น จะมิได้มีผู้ใดใหญ่โตหนุนหลังอยู่นะ..." เสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของเจ้าหนูน้อยดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง "พี่ใหญ่หลิงเทียน พรุ่งนี้ท่านต้องสั่งเนื้อย่างกองโตแบบวันนี้ให้ข้าอีกนะ!"

ต้วนหลิงเทียนถึงกับพูดไม่ออก

เจ้าหนูสีทองตัวน้อยนี่ทำราวกับเขาปล่อยให้มันอดอยากมาตลอดอย่างไรอย่างนั้น

แล้วไม่นานต้วนหลิงเทียนกับเจ้าหนูน้อยก็บุกรุกตระกูลหวงด้วย การกระทำแบบเดียวกันกับที่ทำในตระกูลหม่า

ทั้งปฏิกิริยาตอบสนองของคนตระกูลหวงเองก็เหมือนกันกับตระกูลหม่าไม่ผิดเพี้ยน!

หลังจากที่เจ้าเสี่ยวจินสำแดงพลังความแข็งแกร่งระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 ออกมา คนของตระกูลหวงก็หวาดกลัวอย่างหนักหนา

สุดท้ายผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติที่จับตัวเสี่ยวจิน ก็ทานรับแรงกดดันและการบีบคั้นของทุกคนไม่ไหว จำต้องปรากฏตัวออกมา

"จี๊ดด ~" เสี่ยวจินร้องออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นหน้าตัวชั่วร้ายที่จับมันมาขายชัดๆ

"เจ้า... ที่แท้เป็นเจ้า!" ผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติของตระกูลหวง เมื่อได้เห็นเสี่ยวจินให้ชัดถนัดตา อีกฝ่ายก็จดจำได้เป็นอย่างดี  สีหน้าของมันยังซีดลงคนนิ่งค้างอยู่นานราวกับพบพานภูตผี

ลูกหนูขนทองตัวน้อยที่ไม่อาจสู้มันได้ในวันนั้น กลับกลายมาเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัวดั่งเช่นในวันนี้?

เวลานี้ตัวมันคล้ายรู้สึกว่ากำลังฝันไปอย่างไรอย่างนั้น

แต่ทว่าความจริงที่อยู่ตรงหน้าก็พิสูจน์ให้มันรู้ว่าทุกประการหาใช่แค่ฝันไป  ทั้งหมดล้วนเป็นความจริงที่มันต้องเผชิญ!

“ทุกท่านเห็นแล้วหรือไม่ สหายน้อยของข้านั้นไม่พอใจถึงเพียงใด...วันนั้นผู้อาวุโสของตระกูลเจ้า ทำให้สหายน้อยของข้าต้องหวาดกลัวและมีแผลในใจ  มันต้องทนทุกข์ทรมานหนักหนานัก  ยามหลับยังต้องผวาลุกตื่นขึ้นมา...”ต้วนหลิงเทียนมองไปยังระดับสูงของตระกูลหวง ก่อนที่จะกล่าววาจาพร้อมยิ้มบางๆ

"จี๊ดๆ!!" เจ้าเสี่ยวจินเองก็ให้ความร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนดีมาก มันแผดเสียงร้องดังด้วยโทสะออกมา

เสียงร้องของมันแน่นอนว่าต้องอัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิด  มันสะท้านสะเทือนเหล่าอาวุโสของตระกูลหวงอย่างหนัก ผู้ที่มีระดับบ่มเพาะอ่อนด้อย ถึงกับทรุดลงไปกับพื้นร่างสั่นสะท้าน ไม่อาจต้านทานผลกระทบได้..

"แล้วท่านต้องการอะไร?" ประมุขตระกูลหวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา

“นับว่าประมุขตระกูลหวง ท่านตรงไปตรงมาอย่างที่ข้าคาดเอาไว้ไม่มีผิด!” ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขานี้คล้ายมีความชั่วร้ายแฝงอยู่เล็กน้อย “ข้าเองก็ไม่ใช่คนที่นิยมความรุนแรงอะไร...เอาเป็นว่าพวกท่านทั้งหลายก็จ่ายค่าทำขวัญให้สหายน้อยของข้ามากๆหน่อย เพื่อปลอบประโลมจิตใจคลายปมของมันเป็นอย่างไรเล่า?”

 

รีวิวผู้อ่าน