px

เรื่อง : The Inverted dragons scale
029 - ได้โปรดให้ผมพูดเถอะครับ


ขอบฟ้าในยามเช้า, แสงสีขาวปรากฎขึ้นให้เห็นในท้องฟ้ารุ่งสาง. ดาวบางดวงยังคงลอยอยู่ที่จุดเดิมของมันไม่เคลื่อนที่ไปไหน.

สายลมเย็นๆ พัดผ่าน. น้ำค้างเกาะตามใบไม้ สิ่งมีชีวิตต่างก็ดำเนินกิจวัตรของมัน. 

 

หลี่มู่หยางยืนขึ้นบิดขี้เกียจอยู่ตรงหน้าต่าง, จากนั้นเขาก็เดินออกมานอกหน้าห้อง ฝึกไอกิโด้เหมือนกับทุกๆ วัน. หลี่มู่หยางคิดว่าจำเป็นต้องมีร่างกายที่ดีเพื่อเกรดที่ดี. ถ้าเขาเป็นเหมือนดั่งเมื่อก่อน ยังคงงงงวยอยู่อย่างนั้น, ชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยนอกจากการนอน.

 

 ในสมัยโบราณ, มีคนกล่าวไว้ว่า: สุขภาพคือรากฐานของร่างกาย.

หลังจากวิ่งจนเหงื่อโชก, เขาก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่แม่เขาเตรียมไว้ให้.

เขามองตัวเองในกระจก สังเกตเห็นว่าตัวเองนั้นสีผิวจางลงกว่าเมื่อก่อน. แต่ก่อนเขาตัวดำมืดเหมือนน้ำหมึก, แต่ตอนนี้ผิวเขากลายเป็นสีทองแดงมันวาว.

 

"โอ้วว นี่ใช่กู้เทียนหยู่ ไอดอลของราชอาณาจักรหรือเปล่าเนี่ย? อ่ะห้าาา" หลี่มู่หยางพูดกับตัวเองในกระจก.

 

เขากระพริบตา, อ้าปากยิ้มกว้าง.
รอยยิ้มนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว, เขาบ่นกับตัวเองว่า: "น่าไม่อายอะไรขนาดนั้น"

 

ตอนนี้ยังคงเช้าตรู่อยู่, แต่หลี่มู่หยางไม่มีความคิดที่จะเปิดหนังสือแล้วทบทวนอยู่เลย.
เขาเปิดกล่องดินสอเพื่อตรวจสอบของต่างๆ, เช็คดูว่าปากกาทุกแท่งนั้นยังเขียนได้ดีอยู่ไหม. แล้วจากนั้นเขาก็เช็คบัตรประชาชนที่พ่อเขานำกลับมาให้จากโรงเรียนเมื่อสองสามวันก่อน, เขาเช็คว่าข้อมูลในบัตรมีอะไรตกหล่นหรือหายไปมั้ย. แม้ว่าแม่ของเขาจะเช็คไปแล้วเมื่อตอนที่บัตรมาถึงบ้านแล้วก็ตาม.

 

หลังจากจัดเตรียมอะไรเรียบร้อย, เขาก็นั่งมองดอกไม้และกระถางต้นไม้ในลาน. เขามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว.

ท้องฟ้าในยามเช้ากลายเป็นสีขาวอ่อน, และสีขาวก็กลายเป็นสีเหลือง. จากนั้นขอบพระอาทตย์ก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก.

 

ถ้านี่เป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน, หลี่มู่หยางคงไม่สนใจอะไรแบบนี้อย่างสิ้นเชิง.
ไม่ว่าจะนั่งทำข้อสอบหรือไม่, เรื่องนี้ก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

เขาคงนอนจนถึงเวลาที่เขาตื่นเป็นปกติ, จากนั้นก็หยิบขนมปังสองชิ้น แล้วก็แจ้นออกไปสถานที่สอบจากนั้นเขาก็คงหนีออกมาไม่ก็งีบมันที่นั่นเลย.

 

คนอื่นๆ คงตั้งอกตั้งใจทำข้อสอบ, แต่เขาคงส่งข้อสอบแล้วก็กลับบ้าน.

มันไม่มีความหวังอะไรเลย, ดังนั้นเขาก็ไม่ต้องคาดหวังอะไรทั้งสิ้น.

 

ในตอนที่เวลาเหลือน้อยกว่าหนึ่งเดือน. เขาเพิ่งจะเริ่มเตรียมตัวสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย.

เขาจะต้องต่อสู้กับนักเรียนคนอื่นๆ ที่เตรียมตัวกันมาเป็นปีๆ เพื่อต่อสู้ เพื่อแข่งขันแย่งชิงโอกาสในการเข้ามหาวิทยาลัย.

 

มองย้อนกลับไป, เขายังไม่รู้จักตัวเองในปัจจุบันด้วยซ้ำ.

เมื่อเสียงไก่ขันและเสียงหมาเห่าดังขึ้น, ลานหน้าบ้านก็เริ่มมีชีวิตชีวาและโหวกเหวก.
แม่ของเขาตื่นขึ้นมาทำครัว ส่วนพ่อของเขาก็ตื่นขึ้นมาฝึกนู่นนี่. หลี่ชือเหนียนเองก็ตื่นมาเหมือนกัน! เธอยืนอ่านกลอนโบราณอยู่ริมหน้าต่างในห้องของเธอ.

 

"หลี่มู่หยางงงง" หลี่ชือเหนียนตะโกนออกมาจากห้องของเธอ.
"ชือเหนียน, อย่าเพิ่งเรียกพี่ของหนูตอนนี้เลย ปล่อยให้เขานอนอีกซักแปปนึง." เหลาฉีพูดด้วยเสียงเบาๆ
"ผมตื่นแล้วครับแม่" หลี่มู่หยางยื่นหัวออกมาจากหน้าต่าง เกาแกร่กๆ แล้วพูดว่า: "ผมตื่นมาซักพักนึงแล้ว"

 

"หนูรู้ว่าพี่เขาตื่นแล้วน่าแม่. วันนี้เป็นวันที่พี่เขาต้องไปสอบ; เขาจะมานอนโอ้เอ้อยู่ไม่ได้." หลี่ชือเหนียนพูดอย่างภาคภูมิใจ: "หลี่มู่หยาง, พี่พร้อมหรือยัง?"

"อะไรที่ต้องเตรียมก็ถูกเตรียมหมดแล้ว" หลี่มู่หยางยิ้ม. : "ตอนนี้พี่คงได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปตามโชคชะตา"

 

"ฮ่าาๆๆๆ, พี่จะทำมันได้ดีแน่ๆ"
"ทำไมล่ะ?"
"เพราะหนูอธิษฐานก่อนที่พี่จะเข้านอนเมื่อคืน" หลี่ชือเหนียนแสดงสีหน้าแบบภาคภูมิใจ. "คำอธิษฐานของหนูมักจะเป็นจริงเสมอ. หนูอธิษฐานให้พี่ตื่นนอนตอนนี้พี่ก็ตื่นแล้ว. อธิษฐานให้พี่ฉลาดขึ้น และตอนนี้พี่ก็ฉลาดขึ้นแล้ว. หนูอธิษฐานให้พี่โตมาน่ารักน้อยกว่าหนูและพี่ก็โตมาเป็นถ่าน..."

"......" หลี่มู่หยางมักจะสงสัยว่าเธอไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของเขา, ไม่งั้นทำไมเธอถึงชอบทิ่มแทงเขาด้วยคำพูดกัน?


"โอ๊ะะ พี่" หลี่ชือเหนียนอุทาน.
"อะไรหืมม?" หลี่มู่หยางถามด้วยโทนเสียงตกใจเล็กๆ

 

"ทำไมตัวพี่ดูจางๆ กว่าเดิมล่ะ?" หน้าต่างห้องหลี่ชือเหนียนอยู่ติดกับหน้าต่างห้องของหลี่มู่หยาง, จุดที่เธอยืนอยู่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นหลี่มู่หยางอาบน้ำตอนอาทิตย์ขึ้นได้เลยล่ะ. ขนตาของเขายาว, ใบหน้าของเขาดูคมเข้ม, และผิวของเขาก็ละเอียดอ่อนราวกับศิลาดล. หลังของเขาเหยียดตรง, และรอยยิ้มของเขาก็อบอุ่นและมั่นใจมากๆ ด้วย.

 

เขาไม่ได้ขี้ขลาดตาขาวอีกต่อไป, รูปลักษณ์ที่ดูแย่ๆ ก็เขาก็ไม่มีอีกแล้ว, อีกทั้งเขาไม่ได้ดูผอมกระหร่องเหมือนกิ่งที่จะถูกลมพัดปลิวได้ทุกเมื่อไม้เหมือนเมื่อก่อน.

ร่างกายของเขาดูมีออร่าเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นท่ามกลางหมู่เมฆ.
"...."

"ตัวพี่จางลงแล้วจริงๆ" หลี่ชือเหนียนกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข: "ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองไปถามพ่อกับแม่ดูก็ได้นะ - นี่พี่แอบให้ครีมทาหน้าของหนูหรือเปล่าเนี่ย?"
"......"

 

เหลาฉีเตรียมมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย; เธอต้มไข่สองฟองเสิร์ฟพร้อมปาท่องโก๋ให้สำหรับหลี่มู่หยาง เพราะตามความเชื่อโบราณแล้วสิ่งที่เธอทำจะส่งผลให้ลูกชายของเธอโชคดีให้การสอบ.

 

พอเห็นไข่ต้มสองฟองกับปาท่องโก๋ในชามของหลี่มู่หยาง, หลี่ชือเหนียนก็มองเหลาฉีด้วยท่าทีก่อกวนว่า: "แม่เตรียมไข่สองฟองกับปาท่องโก๋ให้พี่เขา เพื่อที่เขาจะได้คะแนนเต็มร้อยในการสอบใช่มั้ยเนี่ยย?"

 

"ใช่แล้วจ้ะ" เหลาฉียิ้มและพยักหน้า. "มีส่วนของหนูด้วยเหมือนกันนะ"
"แต่วันนี้พี่เขาต้องสอบสามตัวเลยนะแม่" หลี่ชือเหนียนทำท่าทีกังวล:
"แม่อยากให้เขาได้คะแนนสามวิชารวมกันออกมาเป็นหนึ่งร้อยหรือไง? แม่ต้องต้มไข่ทั้งหมดหกฟองกับปาท่องโก๋สามอันสิ พี่เขาถึงจะได้คะแนนเต็มร้อยทั้งสามวิชา.."

 

"โอ้.. ขนาดนั้นเลยเหรอ?" เหลาฉีพูดด้วยโทนเสียงเป็นทุกข์: "งั้นเดี๋ยวแม่ไปทำมาเพิ่ม.."

ปากของหลี่มู่หยางเต็มไปด้วยไข่และแก้มของเขาก็ตุ่ยออกมา. หลังจากได้ยินที่หลี่ชือเหนียนพูด, เขาก็ทำหน้าพะอืดพะอมทันที, เขาจับแขนของแม่ไว้แล้วพูดว่า:

"แม่อย่าไปฟังชือเหนียนพูดเลยน่าา, ถ้าแม่ให้ผมกินไข่หกฟองกับปาท่องโก๋อีกสามชิ้น, ผมคงไม่ได้ไปโรงเรียนแล้ว ผมคงอืดตายอยู่ที่บ้านเพราะกินมากไปแหงๆ "

 

เหลาฉีใช้ตะเกียบตีมือหลี่ชือเหนียน แล้วพูดด้วยอารมณ์โกรธนิดๆ ว่า: "เด็กคนนี้นี่, แกล้งพี่ชายอีกแล้ว"

"หนูแค่ล้อเล่นหน่าแม่" หลี่ชือเหนียนแลบลิ้นใส่หลี่มู่หยางแล้วพูดต่อว่า: "หนูแค่ทำให้บรรยากาศมันผ่อนคลาย พี่เค้าจะได้ไม่เครียดไง"

"ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็เถอะ, พี่ก็ยังกังวลอยู่ดี" หลี่มู่หยางกลืนไข่สองฟองหมดลงด้วยความยากลำบากจนได้. หยุดพูดเลยนะ, แม้แต่คนอื่นก็กลัวคำพูดเธอเหมือนกันแหละ.

"ใจแคบที่สุด" หลี่ชือเหนียนพึมพำ.

 

หลักจากกินมื้อเช้า, หลี่มู่หยางก็โบกมือบ๊ายบายครอบครัวของเขา หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายพร้อมไปสนามสอบ.

หลี่เหยียนต้องการที่จะไปส่งเขา, แต่เขาปฎิเสธ. เมื่อเขารู้ว่าสนามสอบไปทางไหน, มันก็ไม่จำเป็นที่ต้องให้ผู้ใหญ่ไปส่งเขา.

 

หลี่มู่หยางรู้สึกสดชื่นแบบสุดขั้ว, เขาเดินตัวเบาหวิว ไม่ได้ทิ้งร่องรอยแห่งความกังวลเรื่องการสอบอันสำคัญนี้ไว้ในรอยเท้าเลย.

"บางที ฉันคงจะเตรียมตัวมามากเกินไป" หลี่มู่หยางพูดกับตัวเอง.

เขาครุ่นคิดกับตัวเองซักครู่, คิดเรื่องเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ทุกต่างหวั่นกลัวว่ามันไม่ได้พิเศษพิโสอะไรขนาดนั้น.

 

เขาสะพายกระเป๋าเดินเข้าลานหน้าบ้าน, จากนั้นก็มีชายสวมชุดคลุมสีดำตกลงมาจากท้องฟ้าตรงหน้าเขา.

"ดูเหมือนว่าชั้นจะมาได้ทันเวลานะ" ชายชุดดำหัวเราะอย่างชั่วร้าย, ดวงตาของเขาจ้องมาที่หลี่มู่หยางอย่างเอาเป็นเอาตาย.

----------------------

ณ โรงน้ำชากวนถาง

ลูกมหาเศรษฐีผู้ลากมากดี เยี่ยนเซี่ยงหม่ากำลังนั่งดื่มน้ำชาหลงจิ่งจากยอดเขาชือเฟิ่ง ซึ่งเป็นชาที่ขึ้นชื่อที่สุดในเจียงนานอยู่ริมหน้าต่างชั้นสอง. มีนักร้องสาวสวมชุดปักสีเขียวนั่งร้องเพลงพร้อมกับดีดพิณอยู่ข้างๆ เขา. บทเพลงที่หวานช้อยบวกกับเสียงดนตรีที่อ่อนนุ่มทำให้หัวใจของเขาแทบจะละลาย.
เขาชอบเพลงทำนองแบบนี้; นี่เป็นสไตล์ของนายน้อยแห่งชนชั้นสูงผู้มีการศึกษาแท้ๆ.

 

สำหรับคนที่ทั้งวันไม่มีอะไรทำซักอย่าง มักจะพาคนรับใช้มารังแกผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ซึ่งมีแต่พวกเหล่าร้ายเท่านั้นที่ทำอะไรแบบนี้. แม้ว่าเขาอยากจะเป็นคนชั่วแบบเต็มตัว, แต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะกลัวพ่อจะหักขาเขา - ถึงแม้ว่าพ่ออาจจะไม่ทำแต่แม่ทำแน่ๆ.

 

"นายน้อย, พวกผมได้ศึกษาเส้นทางมาแล้ว ถนนเส้นนี้จะต้องเป็นเส้นที่ไอหมอนั่นใช้เพื่อไปสนามสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน - ตรงตำแหน่งที่นายน้อยนั่ง, นายน้อยแค่ต้องมองออกไปรอบๆ ตลอดเวลาแล้วบอกพวกผมว่าเขาผ่านมาทางนี้หรือไม่." ชายวัยกลางคนสวมเสื้อกั๊กสีดำยืนโค้งอยู่ข้างๆ เขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการเยินยอ.

 

"นายน้อยก็คือนายเหนือหัวของแก, เกิดมาเพื่อสนุกไปกับชีวิตของเขา. ในขณะที่มีสาวสวยอยู่ในสายตาชั้น, เพลงเพราะๆ อยู่ในหูชั้น, และอาหารรสเลิศกับชาหอมๆ ในมือของชั้น; แกกล้ามากนะที่บอกให้ชั้นมองออกไปข้างนอกตลอดเวลา. ถ้าชั้นทำสองสิ่งในเวลาเดียวกัน, แล้วชั้นจะมองสาวสวยคนนี้ได้อยู่มั้ย? ชั้นจะเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงได้หรือเปล่า? แล้วอาหารเลิศรสแบบนี้กับชาหอมๆ แก้วนี้มันก็ต้องเย็ดชืดถูกมั้ยห๊ะ? หยาบช้าจริงๆ เลย"

 

"ครับๆๆๆ ผมผิดไปแล้ว" ชายวัยกลางคนขอโทษขอโพยอย่างลุกลี้ลุกลน. "นายน้อยได้โปรดจดจ่อกับสาวสวยและเพลงเพราะๆ ต่อไปได้เลยครับ, ที่เหลือทั้งหมดปล่อยให้พวกผมจัดการเอง. ผมบอกให้คนเฝ้าบันไดชั้นล่างไว้แล้ว, ผมจะอยู่ข้างบนนี้กับนายน้องและกวาดสายตาไปรอบนอกเองครับ - หากหลี่มู่หยางมันเดินผ่านมา, ผมจะพุ่งใส่มันทันที ผมจะจับมันใส่กระสอบและหิ้วมันไปไกลๆ เองครับ."

 

"แกนี่ก็ฉลาดเหมือนกันนะ" เยี่ยนเซี่ยงหม่าหลับตาและดีดนิ้วตามจังหวะดนตรี. "แม้ว่าไอหมอนั่นจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเวสต์วินด์ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน แต่เราก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน. แต่หากเขาสอบติด.. ถ้าเกิดว่าเขาสอบติดขึ้นมา, ชั้นก็จะส่งคนไปตีหัวมัน จากนั้นมันก็จะไปรายงานตัวไม่ได้ ไปเมืองหลวงเทียนดูไม่ได้. ถึงเวลานั้น ชั้นก็จะยื่นใบประกาศรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยเจียงนานให้มัน, แกว่ามันจะรับไว้มั้ย?"

 

"รับครับ, แน่นอนว่าต้องรับแน่ๆ" ชายวัยกลางคนหัวเราะแล้วพูดต่อว่า: "มหาวิทยาลัยเจียงนานเป็นมหาวิทยาลัยที่มีเกียรติ,

ในอดีตผมพยายามสอบเข้าตั้งสามปีแต่ก็ไม่ติด"

 

ท่าทีของเยี่ยนเซี่ยงหม่าเปลี่ยนไปในทันที, เขาพูดว่า: "แม่ว่าแกจะใช้เวลาสามสิบปีแกก็สอบไม่ติดหรอก. มหาวิทยาลัยที่มีเกียรติอย่างมหาวิทยาลัยเจียงนาน, เป็นที่ๆ คนโง่อย่างจะจะสอบติดงั้นเหรอ?"

 

ชายวัยกลางคนนึกขึ้นได้ว่านายน้อยของเขาจบมาจากที่นั่น, เขารีบเปลี่ยนโทนเสียงแล้วพูดว่า: "ชะชะชะใช่ครับ, ไม่ว่าจะสามสิบปีหรือสามร้อยปี ผมก็สอบไม่ติดแน่นอน - การสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยเจียงนานสำหรับผมแล้วคงเป็นเหมือนการลากตัวเองไปให้คนอื่นดูถูก. มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับผมเลยซักนิดเดียว."

 

"ฮึ่มมม, หุบปากซะ" เยี่ยนเซี่ยงหม่าโบกมือแล้วพูดว่า: "อย่าทำให้ชั้นอารมณ์เสีย"
"คะคะคะครับๆๆ" 
"ชั้นบอกให้หุบปากไง"
"ครับ.." ปากของชายวัยกลางคนหุบสนิท, เขาไม่กล้าที่จะเปิดปากพูดอีกต่อไป.

 

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป, เยี่ยนเซี่ยงหม่ามองออกไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่าง. แล้วถามด้วยท่าทีสงสัยว่า: "ทำไมไอเด็กนั่นไม่มาซักที?"

"ผมพูดได้หรือยังครับ นายน้อย?" ชายวัยกลางคนถามอย่างรอบคอบ.
เยี่ยนเซี่ยงหม่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ, เขาชี้หน้าลูกน้องของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า: "ถ้าแกไม่พูดตอนนี้แล้วแกจะพูดตอนไหนวะไอกร๊วกก?"

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

devil : เก๋าได้แต่กับลูกน้องแหละเอ็งอะบักเซี่ยง

ติดต่อ พูดคุยกันได้ที่เพจ Krus de Trans นะครับบ

รีวิวผู้อ่าน