px

เรื่อง : The Record of Unusual Creatures บันทึกลับอพาทเม้นรวมสัตว์มหัศจรรย์
ตอนที่2 พบสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอย่างไม่คาดฝัน


 

มองไปยังที่อยู่ เฮาเหลนงงงวย ที่อยู่ที่คุ้นเคยนั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากบ้านของเขา!

“ทำไมเธอถึงอยากจะไปที่นี้ละ?” เฮาเหลนไม่ทราบว่าทำไมคนแปลกหน้าถึงมีเลขที่อยู่บ้านของเขา เขาร้อนรนเล็กน้อยเพราะเธอ แต่เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเขาไม่ได้มีโชคเรื่องผู้หญิงมากนัก ยกเว้นตอนโน้น ในช่วงที่เขาเรียนประถม เขาดันจับโดนจับฉลากให้นั่งอยู่ข้างเพื่อนผู้หญิง เขาจ้องที่เธอ รู้สึกงงสุดๆ

เขามองดูเธอ เธอมีใบหน้าที่สวยและหุ่นเพียวบางเป็นส่วนประกอบ แม้ว่าส่วนส่วนสูงเธอค่อนข้างที่จะน่าหดหู่ไปหน่อย แต่บุคลิกร่าเริงของเธอทำให้เธอดูงดงามมากขึ้นเป็นกอง

“ฉันกำลังหาที่พักอยู่หน่ะ!” หญิงสาวกล่าว “ฉันหาที่นี้ตั้งแต่เหนือจรดใต้ตลอดทั้งวัน แต่ก็ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะบอกฉันได้ว่ามันอยู่ที่ไหน”

เฮาเหลนรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้นั้นเป็นมิตร แต่ก็มีสิ่งนึงที่ดึงดูดความสนใจเขา ฉันกำลังหาที่พักอยู่หน่ะ! ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นมาจากอาการง่วงนอน โอ้ ฉันเกือบจะลืมว่าฉันเป็นเจ้าของที่แห่งนั้นเอง แล้วฉันก็พึ่งจำได้ว่าได้โฆษณาอพาร์ทเมนต์ฉันใส่ลงไปในหนังสือพิมม์เมื่อสองวันก่อน นี้เป็นเหตุผลที่ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่หรือ?’ 

ปรากฏว่าในที่สุดเขาก็พบผู้เช่าของเขา!

เฮาเหลนพับกระดาษและมอบมันให้หญิงสาว “แน่นอนฉันรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ตามฉันมาเลย” เขากล่าว

หญิงสาวกลายเป็นมีความสุข เธอใส่กระดาษลงกระเป๋าและพูดว่า “ขอบคุณมากค่ะ! จะได้เจอซักที...”

เฮาเหลนลุกขึ้นและยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เขากำลังออกไป เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “เดี๋ยวก่อนนะ! เธอเพิ่งบอกว่า เธอกำลังมองหาที่อยู่ตามนี้ในเมือง หามาตลอดทั้งวันเลยเหรอ?!

“ค่ะ ฉันตามหามันมาตลอดทั้งวันเลย! ก็มันหายากนี้” เธอพูดอย่างตรงไปตรงมากขณะที่เธอพยักหน้า

“ไม่น่าแปลกใจ!” เฮาเหลนคิดว่าเธอน่าจะเป็นพวกหลอกลวงหรือไม่ก็เด็กโง่ธรรมดาๆคนนึง “เธอไม่เห็นตรงที่อยู่หรอ ชานเมืองตอนใต้’? และตอนนี้เธอกำลังหาในพื้นที่ใจกลางเมือง?

“แต่มันก็ระบุไว้นะว่า อาคารไวด์สโตนตรงนั้น” หญิงสาวเธอชี้ไปยังทิศทางใจกลางเมือง “อาคารไวด์สโตน ไม่ได้อยู่ในเมืองหรอ?” เฮาเหลนรู้ได้ทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร

เขาตกตะลึง “ไม่! มันไม่ใช่อาคารไวด์สโตน แต่เป็นถนนไวด์สโตน!

ในขณะที่เขากำลังจะชี้ให้เห็นว่า เธอไม่ได้อ่านที่อยู่อย่างถูกต้อง เธอมองข้ามคำว่าถนนที่อยู่หลังไวด์สโตนและมโนว่ามันเป็น อาคารแทน...

“เอ๋!” เธอตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง “ตายละ ฉันผิดเองละ เซ่อซ่าจริงเลยเรา ถ้างั้นคุณพอรู้ไหมว่าถนนไวด์สโตนอยู่ไหน? พาฉันไปที”

เฮาเหลนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ แต่เขาเป็นเจ้าของบ้านมาแล้วกว่าสองสามปี เขาเคยชินกับการไม่แยแสต่อผู้เช่าของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรอีก เขาชี้ไปทางเข้าสวนสาธารณะ “เราจำเป็นต้องขึ้นรถบัส จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ย่านชานเมืองตอนใต้ ดังนั้นคงจะถึงเวลาค่ำมืดแล้ว เมื่อเราไปถึงที่นั่น โอ้ และมีอีกอย่างนึง เกี่ยวกับที่อยู่นั้น มันเป็นบ้านของฉันเอง ฉันเป็นเจ้าของบ้าน”

ผู้หญิงคนนั้นตกใจ เธอมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง “จริงเหรอคะ?

ก่อนที่เฮาเหลนจะพยักหน้า เธอก็กระโดดด้วยความปิติยินดี “เย้! บังเอิญจังเลย! คงจะเป็นโชคชะตาใช่ไหม?!

เฮาเหลนกำลังรู้สึกว่าเธอนั้นไม่มีแปลกใจในคำพูดของเขาเลยหรือไงกัน แต่เขาก็ไม่สามารถกลับคำพูดของเขาได้อีกเช่นกัน “แล้วถ้าเกิดว่าฉันเป็นคนเลวขึ้นมาละ? เธอไม่กลัวการถูกลักพาตัวหรอ?

นั่นคือความพยายามที่ดีที่สุดของเขา ในการที่จะบอกเธอว่าแบบอ้อมๆว่า เธอนั้นเป็นคนไร้เดียงสา แบบ ไร้เดียงสาจริงๆ! เธอจะเชื่อใจคนแปลกหน้า และเดินตามเขาไปดุ่มๆทั้งแบบนั้นไม่ได้!!! สาวๆในสมัยนี้มันไม่มีเซนต์ในการป้องกันตัวเลยรึไงเนี่ย ต้องเป็นปาฏิหาริย์อย่างแน่นอน ที่เธอไม่ได้ตกเป็นเหยื่อของพวกค้ามนุษย์

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น หญิงสาวก็เริ่มที่จะมองเขาอย่างหวาดระแวง “หืมม นักค้ามนุษย์หรอ? คุณจะลักพาตัวฉันเหรอคะ?

“ไม่ซิ ไม่แน่ๆ!แต่เขารู้สึกว่าเขาควรจะอยู่ห่างจากเธอ ถ้าไม่ใช่เพื่อค่าเช่า เขาคงไม่สาวความยืดยาวคุยกับเธอถึงตอนนี้หรอก!

เธอรู้สึกโล่งใจ “โอเคเอาล่ะ เราไปกันเถอะ!

เฮาเหลนถอนหายใจ ขณะที่เขากำลังจะออกจากสวนสาธารณะ เขาก็รู้สึกว่าย่างก้าวของเขาหนักขึ้นอย่างฉับพลัน

พวกเขาขึ้นรถบัสจากตัวเมืองซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปที่ชนบท มันคือการเดินทางใกล้ตัดโลก(เปรียบเปรยว่าไกลมากๆ) เฮาเหลนค้นพบว่าไม่เพียงแค่ผู้เช่าใหม่คนนี้น่ารัก ไม่พอเทคนิกการพูดของเธอก็ดูไร้เดียงสา แต่เธอก็ช่างพูดเยอะ เธอกระตือรือร้นมากเกินไป พูดพึมพำเกี่ยวกับทุกอย่างของการนินทาคนดังรายการB ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ ไปยังราคาบ้านในเมืองระดับสอง เฮาเหลนไม่สามารถนึกอะไรออกได้เมื่อเธอเดินเตร่ไปมาและก็พูดไม่หยุด หญิงสาวยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่เขาพงกหัวเป็นบางคราวเพื่อแกล้งทำเป็นว่าได้ฟังเธออยู่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ในขณะนี้นั้น เขาใช้มันเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เช่าใหม่ของตัวเขาเอง เพื่อประเมินอุปนิสัยของเธอ

สาวซื่อคนนี้ชื่อ หลิว ลิลลี่หลิว เธอบอกเฮาเหลนให้เรียกเธอด้วยชื่อแรกของเธอ ลิลลี่ เธออ้างว่าเป็นนักเดินทาง สัตวแพทย์และนักเขียนคำประพันธ์ (แม้ว่าเธอจะไม่แน่ใจว่างานของนักเขียนคำประพันธ์คืออะไรก็ตาม) เธอเป็นใครก็ตามที่พึ่งมาจากเมืองอื่นและจะมาปักหลักลงที่นี่ เธอไม่สนใจว่าเธอจะอยู่จะเป็นที่แบบไหน ตราบเท่าที่มีหลังคาคุ้มหัวก็พอใจแล้ว -งานของเธอค่อนข้างยืดหยุ่น

แม้ว่าลิลลี่จะไม่ได้มีงานที่มั่นคงและเป็นผู้หญิง แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังที่จะทำงานและได้เงินเยอะเเยะมากมายอะไร เฮาเหล็นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้น ตราบใดที่เธอยังก่อเรื่องอะไร เอาจริงๆแล้ว เขาไม่คิดว่าเด็กสาวอย่างเธอจะไปสร้างปัญหาอะไรหรอก ถึงแม้ว่าเธอจะซื่อแบบซื่อเกินไปหน่อยก็ตาม แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาของเขา เขาเพียงแค่ต้องเล่นตามบทบาทของตัวเองตามปกติ ในฐานะเจ้าของบ้านที่ดี

เช่นเดียวกับที่เขาคาดการณ์ไว้ ดวงอาทิตย์ตกลงดินในเวลาที่พวกเขามาถึงป้ายรถเมล์ในย่านชานเมืองฝั่งใต้

เฮาเหลนลงตรงนี้ ลิลลี่ตามหลังมาอย่างติดๆ ก่อนที่เฮาเหลนจะได้มีโอกาสพักหายใจ ลิลลี่ร้อง “นี้ถนนไวด์สโตนใช่ไหม??

มันเป็นสถานีชานเมืองใต้ ดูป้ายซิ! ไวด์สโตนเป็นถนนเก่า เราต้องเดินผ่านซอยไปที่นั่น เธอเคยเห็นรถบัสขับเข้าซอยรึไง?

“อุ๊ปส์เหะเหะ ขอโทษที่ฉันไม่รู้ค่า” เธอขำและต่อด้วยพูดไปเรื่อย “ที่นี้มันเงียบมากเลยนะคะ” เธอขมวดคิ้วขณะที่เธอกำลังตรวจสอบบริเวณโดยรอบ

ที่นั่งป้ายรถเมล์ของถนนร้าง ปลกคลุมไปด้วยหลุมบ่อ อาคารใกล้เคียงเก่าและพังลง ร้านค้าส่วนใหญ่ปิด อพาร์ทเมนต์ 5 ชั้นที่อยู่เบื้องหลังร้านค้าต่างๆค่อยๆโคลงเคลง สถานที่ที่รกร้างนี้คือ 'ตัวเมือง' ของย่านชานเมืองทางใต้ บางครั้งเฮาเหลนก็สงสัยว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ลี้ภัยและถูกลืมโดยสังคมสมัยใหม่รึเปล่า แต่เขามักจะโดนเตือนและต้องปลอบใจตัวเองทุกสิ้นเดือน ว่าสถานที่แห่งนี้ยังไม่มีใครลืมและมีคนจำได้มากมาย ทั้งบริษัทค่าน้ำ สาธารณูปโภคไฟฟ้า ผู้จัดจำหน่ายก๊าซ และแม้แต่บริษัท โทรศัพท์ และบริษัทประกันภัยที่ต้องมาส่งบิลให้ทุกเดือน

“รีบกันหน่อย” เฮาเหลนกล่าว “ถึงที่นี้จะค่อนข้างปลอดภัยก็จริง แต่เธอคงไม่อยากชนกับคนขี้เมาบางคนในตอนกลางคืนหรอกนะ เพราะงั้นก็อยู่แต่ในห้องและไม่ต้องเดินไปไหนรอบๆตอนกลางคืนละกัน ฉันไม่ค่อยอยากจะมีปัญหาเพราะเธอหรอกนะ ฉันแค่เตือนเธอไว้”

มันก็จริงอยู่ว่าในฐานะเจ้าของบ้าน เขาไม่ควรจะพูดตรงไปตรงมามากเกิน และต้องทำให้ผู้เช่าไม่รู้สึกกลัว แต่เฮาเหลนก็ได้พูดมันออกมาตรงๆ เขาเกลียดความไม่ซื่อสัตย์มากที่สุด แล้วบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถหาผู้เช่าอพาร์ทเมนท์ของเขาได้ คงเพราะผู้เช่าทั้งหลายโดนพูดแบบนี้จนหนีเตลิดไปหมด

อย่างไรก็ตาม ลิลลี่รู้สึกสบายใจมาก “ไม่ต้องห่วงคะ คุณเจ้าของบ้าน ฉันได้มีวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวอยู่นิดหน่อยคะ”

เฮาเหลนรู้สึกราวกับเขากำลังคุยกับเพื่อนที่แปลกประหลาด “ฉันไม่ได้หมายความอย่างงั้น แต่ว่าเธอไม่กลัวพวกคนน่ากลัวพวกนั้นมั่งเหรอ”

เขาเพิ่งพบเธอไม่ถึงวัน เขารู้ว่าเขาไม่ควรที่จะยุ่ง แต่เธอเป็นสาวที่แปลกประหลาดที่สุด แถมยังเป็นคนที่เซ่อซ่าและยังมีชีวิตชีวาที่ไร้เดียงสามากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา ดังนั้นเขาต้องเตรียมพร้อมที่รับปัญหาที่ตามมาด้วย

ลิลลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “คุณเจ้าของบ้าน... คุณนี้เป็นคนที่ดีจริงๆเลยนะคะ! แต่ฉันไม่กลัวหรอกคะ ฉันคิดว่าฉันแข็งแกร่งพอ ฉันเคยต่อสู้คนเลวๆพวกนั้นด้วยนะคะ”

“แน่นอนว่าเธออาจจะเคยเจอคนเลวมาก่อน แต่เธอจะประมาทไม่ระวังตัวเพราะว่าเธอสู้กับพวกเขามาก่อนมันก็ยังไงอยู่นะ..”เฮาเหลนพึมพัม

ลิลลี้ไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอหันไปมาองเฮาเหล็นแล้วยิ้มพร้อมกับลากกระเป๋าขนาดใหญ่มหึมาไปบนถนน แต่ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังเหมือนอะไรหัก ล้อลากของกระเป๋ามันแตะทั้ง2ข้างแล้วกลิ้งไปไหนก็ไม่รู้

 “แหะๆ ดูเหมือนว่ากระเป๋าเดินทางของฉันมันอาจจะหนักเกินไปลิลลี่เกาศีรษะของเธอด้วยความอับอาย

“ไม่หรอก มันเป็นเพราะหลุมบ่อต่างหาก...” เฮาเหลนมองไปยังถนนที่เต็มไปด้วยหลุมและถอนหายใจยาวๆออกมา เขาเป็นผู้ชาย เขารู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องโชว์บทสุภาพบุรุษสักหน่อย “มา..ให้ฉันถือกระเป๋าของเธอมา... ฉันละสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในนั้นกันน้า

เขาคว้ากระเป๋าเดินทางจากลิลลี่ แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังยกบล็อกคอนกรีตหนักหลาย10กิโลอยู่ กระเป๋าเดินทางหนักจนแทบจะไม่สามารถยกมันออกจากพื้นได้

ลิลลี่ไม่ได้ใสใจในการแสดงออกแปลกๆของเฮาเหลน เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เธอยกกระเป๋าด้วยมือข้างเดียว ขึ้นมาบนไหล่ของเธอราวกับว่ามันเป็นกระเป๋ามันเบามากๆ

เฮาเหลนถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ขณะที่ลิลลี่ถือกระเป๋าเดินทางของเธอและเดินหน้าต่อ เขาตัวแข็งในขณะที่เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งเจอ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลิลลี่ตะโกนใส่เขาให้รีบไป เธอบ่น “เป็นไรไหม ฉันก็แค่เกิดมาพร้อมกับแขนที่แข็งแรง คุณอาจจะเคยเห็นตามรายการทีวีนะ...”

ขณะที่ลิลลี่ยังคงเดินเตร่ และในขณะที่หัวเฮาเหลนเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่ได้ตอบ พวกเขาได้เลี้ยวออกจากถนนสายหลักไปยังซอยมืดมืด ในตอนท้ายของซอยคือถนนไวด์สโตนซึ่งบ้านของเฮาเหลนตั้งอยู่

ตามซอยมีโคมไฟถนนสองดวง หนึ่งพังไปแล้ว บ้านเก่าที่ทรุดโทรมในบริเวณใกล้เคียงได้ขยายบรรยากาศอันน่าสยดสยอง เฮาเหลนคงจะคลุ้มคลั่ง ถ้าไม่ใช่เพราะแสงจันทร์จางๆ สว่างไสวส่องทางตามถนนข้างหน้า เขามองไปที่ลิลลี่ผู้ที่ตามเขามาอย่างใกล้ชิด เธอดูเหมือนจะอารมณ์ดี

มันเป็นคืนที่มืดมัว วิญญาณไม่ใช่สิ่งที่สามารถมองเห็นได้บนท้องถนน สถานที่ต่างประเทศ และคนแปลกหน้า หนึ่งในปัจจัยเหล่านี้จะต้องทำให้เกิดความระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่ลิลลี่ไม่ได้กังวลอะไรเลย เธอคงจะหลงลืมไปแล้วหรือเป็นเพราะว่าจริงๆแล้วเธอสามารถจะป้องกันตัวเองได้จริงๆกัน?

“ฟึบ ฟึบ ฟึบ”

ขณะที่เฮาเหลนกำลังห่วงหญิงสาว เขาได้ยินเสียงที่น่าขนลุกของการกระพือปีกที่อยู่เหนือพวกเขา

เขาตกใจ ในทันที  เขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นเงาลอยข้ามท้องฟ้ายามค่ำเหนือกำแพงสูงของซอย

เงาดูเหมือนค้างคาว แต่ขนาดของมันไม่ใช่

“เอ้ย นี่มันคืออะไร?” เฮาเหลนตะโกน พยายามที่จะรักษาความสงบของเขาในขณะที่เขาไม่ต้องการที่จะเสียหน้า โดยเฉพาะอย่ายิ่งต่อหน้าของลิลลี่ เขาหันไปรอบๆ คิดว่าลิลลี่จะกลัว แต่ทว่า...

สิ่งที่เขาเห็นคือหูคู่เหมือนหมาป่า โผล่ขึ้นมาจากศีรษะของเธอ!

รีวิวผู้อ่าน