WSSTH บทที่ 497 : ม้ามืด!
แค่ดูก็เห็นๆกันอยู่ ว่าพื้นหลังความเป็นมาของชายหนุ่มผ้าไหมปักลายผู้นี้คงมิใช่ชั่ว...
แต่ต้วนหลิงเทียนยังเป็นคนที่จะยอมทิ้งศักดิ์ศรีตัวเอง ให้ผู้อื่นเหยียบย่ำเอาไว้ใต้เท้า เพราะหวาดกลัวพื้นหลังความเป็นมาของผู้อื่นอีกหรือ?
คำตอบคือไม่!
"ไอหนู!!" สีหน้าชายวัยกลางคนจมลงเล็กน้อย เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนยังไม่แยแส มันแผดเสียงดังออกมาอย่างเย็นชา “เจ้ารู้หรือไม่ว่านายน้อยของข้าผู้นี้เป็นผู้ใด ข้าจักเตือนเจ้าสักครา...นายน้อยข้าหาใช่ตัวตนที่คนธรรมดาสามัญเช่นเจ้าจักล่วงเกินได้ไม่! ...หากเจ้ายังสำนึกได้ ก็รีไสหัวไปเสีย หาไม่แล้วเจ้าคิดเสียใจก็สายไปแล้ว!”
"คิดเสียใจเมื่อสาย?" ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือเก็บตั๋วเงิน 10,000 เหรียญทองที่ปาซัดใส่ดั้งชายวัยกลางคนจนหัก ก่อนที่จะมองไปยังชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยความผยองด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม "อ่า...พอดีข้าเองก็อยากรู้นัก ว่าเจ้าจะทำให้ข้าเสียใจยังไง?"
ตอนนี้อารมณ์ต้วนหลิงเทียนก็หงุดหงิดไม่น้อย เพราะถูกก่อกวนตอนกำลังกิน!
"ไอหนู! เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง!" สีหน้าของชายวัยกลางคนลดต่ำลงเล็กน้อย มันแผดเสียงออกมาดังลั่น ร่างของมันพลันขยับ หลังมันมันก้มลงมาเล็กน้อย ก่อนที่จะเหวี่ยงฟาดมือที่เต็มไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดไปทางต้วนหลิงเทียน
เหนือร่างมันปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,500 ตัวก่อเกิดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าที่แท้ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็น ครึ่งก้าวธรรมชาติชนคนหนึ่ง!
จังหวะนี้ลูกค้าในเหลาอาหารอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพร้อมถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นเหตุการณ์เรื่องราวบานปลาย ...แน่นอนว่าที่พวกมันล้วนถอนหายใจนั้น เป็นเพราะเห็นว่าต้วนหลิงเทียนหยิ่งเกินไป และไม่รู้จักหัดประนีประนอมยอมลง ...ยามที่ต้องเตะเอาตอเหล็กเข้าเช่นนี้
"ครึ่งก้าวธรรมชาติ?" เมื่อเห็นชายวัยกลางคนลงมือจู่โจมเขา มุมปากของต้วนหลิงเทียนยกขึ้นเผยอยิ้ม ทั้งยิ้มนี้ยังเผยความดูแคลนออกมาไม่น้อย
ครืนนน!!
ฝ่ามือของชายวัยกลางคนอัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดอันเกรี้ยวกราด สภาวะพลังทำลายของฝ่ามือนี้รุนแรงประหนึ่งจะมหาศาลราวแยกภูผาผ่าปฐพี! มันฟาดตบเล็งไปยังกลางตัวของต้วนหลิงเทียน หมายระเบิดร่างต้วนหลิงเทียนให้ปลิวออกนอกร้านไปในฝ่ามือเดียว
"เป็นใครรนหาที่ตาย ก็ยังไม่แน่นักหรอก..." ทันใดนั้นเองเสียงเหนื่อยหน่ายพลันดังขึ้นจากปากต้วนหลิงเทียน
ทันใดนั้นเองทั้งเหลาพลันต้องตกตะลึง เมื่อเห็นบางสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือร่างชายหนุ่มชุดสีม่วงที่กล่าววาจาออกมาอย่างเกียจคร้านเมื่อครู่ ...2,000 ช้างแมมมอธโบราณ ปรากฏ!
พริบตาต่อมาพวกมันก็เห็นชายหนุ่มชุดสีม่วง คว้าจับฝ่ามือชายวัยกลางคนเสียอยู่หมัด ประหนึ่งคว้าจับลูกเจี๊ยบ
"ไสหัวลงไป!" ต่อมาต้วนหลิงเทียนที่ระเบิดพลังอำนาจเหนือชั้นสยบชายวัยกลางคน กระทั่งบดขยี้ฝ่ามืออีกฝ่ายจนแหลก ก่อนที่จะจับอีกฝ่ายเขวี้ยงทิ้งออกทางหน้าต่าง!
ส่วนทางด้านชายวัยกลังคนที่ถูกเขวี้ยงทิ้งลอยล่องออกจากหน้าต่างชั้น 2 ก็พยายามใช้พลังงานต้นกำเนิดที่เร่งเร้าออกจากทั่วร่าง หมายหยุดรั้งร่างกายกลางอากาศ เพื่อลดแรงกระแทกพื้น!
"เหอะ!" ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงดูแคลนออกมาคราหนึ่ง ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาชี้ดัชนีไปทางมัน
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
...
ทันใดนั้นเอง นิ้วที่ชี้ออก พลันยิงลำแสงพลังงานอันน่ากลัวที่ควบแน่นจากพลังงานต้นกำเนิดออกไปด้วยความเร็วสูง 5 สาย! พุ่งไปยังชายวัยกลางคนที่คิดหยุดร่างกลางอากาศ!!
เมื่อลงมือเสร็จต้วนหลิงเทียนก็ถอนมือกลับมา จับตะเกียบอีกครั้ง...
ชายวัยกลางคนที่เห็นลำแสงดัชนีพุ่งมาไม่กล้าเหิมเกริมอะไรอีกรีบรั้งพลังงานต้นกำเนิด ปล่อยตัวให้ร่วงหล่นลงเหมือนเดิมทันที ...
เพราะมันรู้ดีแก่ใจ หากยังคงฝืนรั้งร่างให้หยุดลอยกลางอากาศ พลังดัชนี 5 สายที่พุ่งมานั่น ได้ทะลวงร่างของมันทะลุอย่างไร้ปราณีเป็นแน่...!
ตุบบบ!!
เมื่อร่างมันต้องกระแทกพื้นถนนหน้าเหลาอาหาร ชายวัยกลางคนถึงกับหลั่งเหงื่อโทรมกาย หน้าของมันยังบิดเบี้ยวไปเพราะความเจ็บปวดที่มือและหลัง ในแววตายังเผยความหวาดกลัวไม่น้อย...
และก็เป็นไปตามคาด...ภาพเรื่องราวนี้นับว่าเรียกร้องความสนใจต่อผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนนัก!
ภายในเหลาอาหาร
หลังจากที่สั่งสอนชายวัยกลางคนไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แยแส สนใจอะไรผู้ใดอีก รวมถึงชายหนุ่มชุดผาไหม้หรูหราผู้นั้นด้วย เขาเพียงคีบอาหารกินต่อเท่านั้น
ส่วนตอนนี้ทางด้านชายหนุ่มในชุดผ้าไหมที่ยังคงรักษาความสงบนิ่งเฉยเอาไว้ได้ อดที่จะหรี่ตามองต้วนหลิงเทียนอย่างระวังเสียไม่ได้ “น้องชาย...ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าที่ยังเยาว์ขนาดนี้ กลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์แรกสัมผัสธรรมชาติแล้ว...นับถือ! นับถือ!!”
แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงไม่สนใจอะไรชายหนุ่มชุดผ้าไหม มือยกป้านสุราขึ้นมารินใส่จอก ก่อนจะยกจิบอย่างไร้เรื่องราว...
สานทางด้านชายหนุ่มที่กล่าววาจาเก้อ ก็ถึงกับหน้าม้านไปไม่น้อย ก่อนที่มันจะพยายามฝืนยิ้มกล่าว “ข้า จี้เฟิง แห่งตระกูลจี้ ข้าหวังว่าน้องชายจักอภัยให้กับความวู่วาม ของผู้ติดตามข้าด้วย ที่บังอาจไประรานเจ้า”
“เจ้าอย่ามากวนตอนข้ากินได้หรือไม่?”ต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นมา มองจี้เฟิงด้วยสายตาไม่แยแส
สีหน้าของจี้เฟิงทั้งร่างของมันถึงกับชะงักค้างไปโดยพลัน...มันค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใดๆออกมา “ขออภัย...ข้าจะไปแล้ว...ขอตัว”
หลังจากที่กล่าวจบจี้เฟิงพร้อมผู้ติดตามคนอื่นๆ ก็ทิ้งเหลาจากไป
เรื่องราวสนุกสนานน่าขันพลันสิ้นสุดลงด้วยประการฉะนี้ นี่ทำให้คนในเหลาไม่พึงพอใจอยู่บ้าง..
"เฮ่อ ข้าล่ะคิดว่านายน้อยจี้จะล้างแค้นให้ผู้ติดตามคนนั้นเสียอีก ...แต่มิคิดเลยว่ามันจะหนีหางจุกตูดกลับไปเช่นนั้น ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก"
"แต่ข้าคิดว่านายน้อยจี้ มีไหวพริบไม่น้อย...ระดับบ่มเพาะของชายหนุ่มผู้นั้นตัดผ่านไปยังแรกสัมผัสธรรมชาติแล้ว ทั้งด้วยวัยเช่นนี้ มิพ้นต้องเป็นอัจฉริยะที่ถูกส่งมายังสถานศึกษาหงส์มังกรผงาดแน่นอน!"
"ข้าล่ะสงสัยยิ่งนักว่าขุมกำลังใดกันที่ส่งชายหนุ่มผู้นี้มา...แลไปชายหนุ่มผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึง 25 ปีด้วยซ้ำ ต่อให้ดูแลรักษารูปร่างหน้าตาอย่างไร แต่ข้าเกรงว่าอีกฝ่ายต้องยังมิถึง 30 ขวบปี!"
"พรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ตามธรรมชาติอันสูงส่งเช่นนี้ ดูแล้วมิได้ด้อยกว่านายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 สักนิด แต่ใยข้ามิเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอีกฝ่ายมาก่อนเลยเล่า..."
กลุ่มคนในเหลาต่างกระซิบกระซาบกัน พวกมันถูกต้วนหลิงเทียนทำให้ตะลึงไม่น้อย
ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แยแสอะไรทั้งหลาย
"ไม่ถึง 30 ปี?" ต้วนหลิงเทียนไม่พอใจคำนี้อยู่บ้าง
ส่วนนอกเหลาจี้เฟิงยังคงเดินอย่างสงบ มันพาเหล่าผู้ติดตามทั้งหลายเดินจากไปไกล ราวกับได้ละทิ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไว้อย่างไม่แยแส
"นายน้อย ไอเด็กนั่นมันโอหังเกินไป! หรือพวกเราจักต้องปล่อยมันไว้เช่นนั้นจริงๆ?" ชายวัยกลางคนที่ถูกต้วนหลิงเทียนจับโยนออกมานอกหน้าต่างก่อนหน้านี้ ท่าทางเดือดดาลเต็มไปด้วยโทสะ กล่าวคำจบยังกัดฟันกรอดๆ เพราะมือข้างถนัดของมันแหลกเหลวย่อยยับไม่อาจรักษาแล้ว...
"ฮึ่ม!" จี้เฟิงมองไปยังชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญ "ข้าจะไม่ห้ามหากเจ้าคิดกลับไปเอาเรื่องมัน ...แต่ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า หากเจ้าตกตายเพราะมัน ตระกูลจี้จะไม่ลงมืออะไรเพื่อเจ้า! "
ชายวัยกลางคนเมื่อไดยินดังนี้ สีหน้าของมันก็ซีดลง ศีรษะมันก้มต่ำไม่กล่าวคำอะไรอีก
"แล้วก็จดจำเอาไว้ให้ดี...ทีหลังก็อย่าได้ใช้กำลังแก้ปัญหาอีก ...หัดใช้สมองให้มากเข้าไว้!" จี้เฟิงกล่าววาจาสั่งสอนชายวัยกลางคน "ไอเด็กชุดม่วงนั่น มันมีระดับแรกสัมผัสธรรมชาติแล้ว แน่นอนว่ามันต้องถูกส่งมาเข้าสถานศึกษาหงส์มังกรผงาดแน่นอน ...ด้วยความแข็งแกร่งของมัน นับว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร ที่มันจะโด่งดังมีชื่อเสียงในสถานศึกษาขึ้นมาในเร็ววัน ...ตัวตนเช่นนี้หากไม่อาจเป็นสหายได้ ก็ห้ามเป็นศัตรูด้วยเด็ดขาด! "
"แล้วนอกจากนี้ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพื้นหลังที่สร้างอัจฉริยะวัยเยาว์เช่นนี้ขึ้นมาได้จะอ่อนด้อย?" น้ำเสียงของจี้เฟิงที่กล่าวก่อนจบ ยังเผยความหวาดกลัวออกมา...
คำกล่าวของจี้เฟิงทำให้ชายวัยกลางคนทั้ง 2 พยักหน้ารับคำระรัว พวกมันยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมไหวพริบนายน้อยพวกมัน
โดยเฉพาะชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนจนเสียมือ สีหน้าของมันแดงฉาน และคิดว่าวันนี้ปีหน้าเกือบเป็นวันครบรอบวันตายตัวเองแล้ว! ทั้งหมดเพราะมันมีตาแต่ไร้แวว! ไม่อาจมองเห็นเรื่องราวได้ปรุโปร่งอย่างนายน้อยมัน....
"ดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงพึ่งมาถึงเมืองหลวง ... ข้าเดาว่าอีกไม่นาน มันก็ต้องไปลงทะเบียนที่สถานศึกษาหงส์มังกรผงาดแน่! พวกเราก็รีบไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วรีบไปลงทะเบียน ..เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายเองก็คงเริ่มทยอยมากันแล้ว ข้าไม่อยากไปยืนรอนาน " ใบหน้าจี้เฟิงเผยรอยยิ้มออกมาขณะกล่าวพึมพำ "คนอื่นคงไม่ประหลาดเหมือนไอเด็กนั่นหรอกนะ?"
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
ต้วนหลิงเทียนกับเจ้าหนูน้อยก็จัดการอาหารจนเกลี้ยงโต๊ะ จึงเรียกเสี่ยวเอ้อมาคิดเงิน
“เจ้ารู้ทางไปสถานศึกษาหงส์มังกรผงาดหรือไม่?”ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเสี่ยวเอ้อก่อนที่จะกล่าวถาม
เสี่ยวเอ้อคนนั้น พยักหน้ารับคำด้วยความเคารพ และกล่าวบอกทางต้วนหลิงเทียนด้วยความสุภาพ ไม่กล้าหยาบคายสักเพียงนิด
ล้อกันเล่นรึไง?
ชายหนุ่มเบื้องหน้ามันเป็นตัวตนแรกสัมผัสธรรมชาติ!
แม้มันจะเห็นเหล่าตัวตนแรกสัมผัสธรรมชาติมามากมายหลายคนแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นแรกสัมผัสธรรมชาติ ที่มีอายุน้อยถึงขนาดนี้!
นอกจากนี้ชายหนุ่มผู้นี้ยังกล้าโยนผู้ติดตามของนายน้อยจี้ลงจากหน้าต่างอย่างไม่แยแส ความดุร้ายเด็ดขาดของอีกฝ่ายทำให้มันยำเกรงนัก
“เอาล่ะ” หลังจากที่รู้ทางไปสถานศึกษาหงส์มังกรผงาดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าและหยิบตั๋วเงิน 100 เหรียญทองวางเอาไว้บนโต๊ะ “เจ้าเอาเงินนี่ไปจ่ายค่าอาหารให้ข้าด้วย ส่วนเงินทอน เจ้าก็เก็บเอาไว้เถอะ...ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่าพึ่งมาถึงเมืองหลวงไม่ทันไร ก็มีคนใจดีเลี้ยงข้าวข้าแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนยืนขึ้นในขณะที่กล่าว เจ้าหนูขนทองเองก็กระโดดมาหยุดยืนบนไหล่ ก่อนที่จะออกจากร้านกันไป
ส่วนตั๋วเงิน 100 เหรียญทองนั้น แน่นอนว่าเป็นตั๋วเงินที่ผู้ติดตามจี้เฟิงทิ้งไว้
“ขอบคุณนายน้อย! ขอบคุณนายน้อย!” เมื่อได้ยินคำต้วนหลิงเทียนสีหน้าของเสี่ยวเอ้อพลันบานเป็นกระด้ง! ในใจยังบังเกิดความยินดีตื่นเต้นหนักหนา!!
100 เหรียญทอง!
นั่นมันเทียบเท่ากับ 10,000 เหรียญเงิน!
ให้มันยกอาหารจนหลังขดหลังแข็งนับ 10 ปี ก็เกรงว่าจะไม่ได้เงินเดือนมากขนาดนี้!
ภายใต้สายตาอิจฉาที่จับจ้องมองมาทั่วทุกสารทิศ เสี่ยวเอ้อเพียงเก็บเงินเข้าอกด้วยสีหน้าระรื่น และเอาไปชำระค่าอาหาร...
“ผู้เชี่ยวชาญตัวน้อยนั่น มีเป้าหมายที่สถานศึกษาหงส์มังกรผงาดจริงๆ”
“ตอนแรกข้าก็คิดว่า สิทธิ์ที่จะไปประลองคัดเลือกที่จักรวรรดิศิลาทมิฬของอาณาจักรพนาครามเรา จะเป็นของนายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 ซะแล้ว...ดูเหมือนยามนี้จะมีม้ามืดปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว...”
“นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 ? ม้ามืด? สำหรับข้า...ม้ามืดของรุ่นเยาว์แห่งอาณาจักรพนาครามอาจมิได้มีเพียงชายหนุ่มเมื่อครู่เท่านั้น...หรือพวกเจ้าลืมไปแล้ว ยามที่นิกายกระบี่ 7 ดาวถูกทำลายล้าง ได้มีอัจฉริยะคนหนึ่งเล็ดรอดชะตาพิฆาตออกไปได้ และด้วยพรสวรรค์ตามธรรมชาติของอัจฉริยะหนุ่มผู้นั้น ข้าเกรงว่าป่านนี้เขาคงทะลวงผ่านแรกสัมผัสธรรมชาติไปแล้วเช่นกัน”
“ศิษย์อัจฉริยะของนิกายกระบี่ 7 ดาวผู้นั้น หากข้าจำมิผิดเขาเรียกว่าต้วนหลิงเทียน...เขาสามารถเอาชนะนายน้อยคมมีดหลงอวิ๋น และนายน้อยกู่ฉางได้...ที่สำคัญที่สุดก็คือ อายุของเขายังน้อยกว่านายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 มากโข! จากพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่เผยออกมานี้ ...เกรงว่ามองไปทั้งประวัติศาสตร์ของอาณาจักรพนาครามเรา ยังมิเคยมีปรากฏมาก่อน!”
"..."
เหล่าผู้คนในเหลาเริ่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน คำกล่าวของพวกมันยิ่งมายิ่งโยงไปหาต้วนหลิงเทียน น้ำเสียงพวกมันยังเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
“จะอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจักมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติเลิศล้ำ กระทั่งตัดผ่านแรกสัมผัสธรรมชาติไปแล้ว...แต่เขาจะกล้าปรากฏตัวออกมาหรือ..? นิกายไตรพนาครามระดมพลตามล่าหาตัวเขาเสียให้ควั่ก พวกมันพยายามทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเขาให้ได้!”
“เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้ ต้วนหลิงเทียนคนนั้นแม้ยังเยาว์ แต่ก็ทำให้นิกายไตรพนาครามตื่นตระหนกถึงเพียงนี้...ข้าสามารถนึกภาพออกได้เลย ว่าหากเขามีชีวิตรอดจนเติบโตแล้วล่ะก็...เขาจักกลายเป็นฝันร้ายของนิกายไตรพนาครามแน่!”
“ถ้าข้าเป็นเขา ข้าเองก็มิคิดปรากฏตัวออกมาตอนนี้หรอก ข้าจะซุ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังไปเรื่อยๆจนกว่าข้าจะเติบโตแข็งแกร่งมากพอ ”
“แต่ข้าก็อยากให้เขาปรากฏตัวนัก กระทั่งยังอยากให้เขามาเข้าร่วมสถานศึกษาเพื่อชิงตำแหน่งไปประลองแข่งขัน 10 ราชวงศ์! เพราะข้าอยากรู้นัก...ว่าอัจฉริยะไร้ผู้ต้านคนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน!”
"ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน"
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลยว่าหลังจากออกจากเหลามา...คนที่เหลาอาหารจะกล่าวถึงตัวเขาแบบนี้
เพราะตอนนี้เขาเดินมาถึงหน้าทางเข้าสถานศึกษาหงส์มังกรผงาดแล้ว
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่