px

เรื่อง : The Record of Unusual Creatures บันทึกลับอพาทเม้นรวมสัตว์มหัศจรรย์
ตอนที่7 มีสัมผัสที่หกมันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี


 

คนเราควรจะรู้สึกอย่างไร เมื่อมีมนุษย์หมาป่าอยู่ในบ้านของตัวเอง?

มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนักหรอก ไม่มีการเปลี่ยนร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวง เพราะฉะนั้นมันเลยไม่มีขบวนการล่าสังหารของมนุษย์หมาป่าที่กระหายเลือด ไม่มีกองอัศวินล่าปีศาจ200คนมาถล่มลุมยำมนุษย์หมาป่านางนี้ ไม่มีแม้แต่นิดเดียว... เฮาเหลนรู้สึกสงบในคืนนี้ เพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น มนุษย์หมาป่ากลายเป็นสุภาพมาก ยินดีจ่ายค่าเช่าตรงเวลา และไม่ดุร้ายหลังจากการเปลี่ยนร่างของเธอ สิ่งเดียวที่ดูน่ารำคาญในตัวเธอ ก็คือความกลัวแมวและการเดินพล่านไปมาของเธอ แน่นอนว่าเธอเองก็ยังรู้สึกรำคาญตัวเองเลยบางที นอกเหนือจากนี้เธอก็ไม่มีข้อบกพร่องอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หมาป่าหรือไม่ใช่ก็ตาม เธอก็ค่อนข้างน่ารักอีกตั่งหาก

เช้าวันถัดไป เฮาเหลนตื่นขึ้นด้วยความตกใจ มุมปากของเขามีน้ำลายไหลเยิ้มออกมา แต่สิ่งแรกที่เขาเห็นหลังจากตื่นนอนมาคือใบหน้าสีขาวดำ มีสองตาดำที่พองโต กำลังจ้องมองไปยังตาเขา เหมือนกำลังจะบอกว่า “มนุษย์ ตื่น เดี๋ยวนี้!!” นี่หมายความถึงอย่างเดียวอาหารเช้า!

ว่าไงโรรี่เฮาเหลนพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ตัวเองกลับไปนอนอีกครั้ง หลังจากการหาวเล็กน้อย แขนขาเขาดูเหมือนจะตื่นเต็มที่ และเขาโบกมือขยับแขนเพื่อไล่แมวออก เขายังรู้สึกง่วงๆอยู่นิดหน่อย เขาพยุงตัวเองออกจากเตียงเพื่อแต่งตัว

ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขามีแขกอีกคนนึงในบ้านของเขา

นอกจากนี้ยังเป็นผู้เช่าคนใหม่ที่เรียกได้อย่างไม่อายปากว่าเป็นมนุษย์หมาป่า

เอาจริงๆ เรื่องนี้เป็นสาเหตุของอาการนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้ เขาสลัดตัวเองขึ้นจากการง่วง เขาลูบผมและถามตัวเอง มันเป็นความฝันรึเปล่านะ?”

และทันใดนั้นเอง เขาก็ตระหนักว่ามันไม่ได้เป็นความฝัน มีเสียงฝีเท้าดังลั่นเดินเข้ามาจากทางห้องนั่งเล่น ตามด้วยเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคย เจ้าของบ้าน! ทำไมถึงไม่มีสัญญาณโทรทัศน์ละ? ในโฆษณามันเขียนไว้ว่ามีโทรทัศน์ให้ดูนิน่า!

เฮาเหลนถอนหายใจ ในที่สุดก็ยอมรับความจริงที่ว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปแล้วอย่างแท้จริง เขารู้ว่าเขายังไม่พร้อมเต็มที่ เว้นแต่ว่าตอนนี้เขากำลังจะเบลอ และสมองต้องเต็มไปด้วยภาพหลอน แล้วถามจริงใครมันจะพร้อมสำหรับสถานการณ์แบบนี้บ้าง?!

เขาไม่เคยรู้มาก่อน ว่าจะอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับมนุษย์หมาป่าได้ยังไง แล้วก็ไม่รู้ว่าอะไรจจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่เวลาใด ถ้าดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เขาอาจจะกำลังจับเสือด้วยมือเปล่าอยู่ก็ได้

ออกจากห้องนอนของเขา เฮาเหลนเห็นลิลลี่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น วัยรุ่นหมาป่านางนี้ได้เปลี่ยนชุดไปเป็นกางเกงยีนส์ขาสั้นแล้ว เปร่งประกายความเยาว์วัยและพละกำลังอันมากล้นของเธอ พร้อมกับมาด้วยผิวสีข้าวสาลีและก็ชุดของเธอ ลิลลี่ดูเหมือนคนที่เพิ่งเข้าคอร์สฟิตเน็ตมาก็ไม่ปาน

สังเกตเห็นว่าเฮาเหลนได้ออกจากห้องของเขา ลิลลี่โบกมือให้เขาอย่างมีความสุขและพูดว่า สวัดดีตอนเช้า เจ้าของบ้าน! นายช่วยดูให้หน่อยได้ไหมอะ ว่าทำไมทีวีถึงไม่มีสัญญาณ?”

หลังจากที่เธอพูดเสร็จ เธอเห็นแมวขาวดำนอนอยู่บนไหล่ของเฮาเหลน เธอรีบกระโจนไปที่ด้านหลังโซฟา เธอโผล่หัวออกมาครึ่งนึง และดวงตาของเธอเต็มด้วยความซีดเซียว และกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า ระ โรรี่... สะ สวัดดีตอนเช้า...

ขอร้องนะในฐานะที่เธอเป็นมนุษย์หมาป่า โปรดใช้ศักดิ์ศรีนั้นเถอะเฮาเหลนชำเลืองมองลิลลี่ เขารู้สึกว่าการรับความรู้สึกได้ถึงอันตรายของเขา ที่เคยคิดว่าลิลลี้เป็นสัตว์ร้ายนั้น กำลังลดน้อยลง ด้วยการสนทนาแต่ละครั้งกับลิลลี่

มีเรื่องให้น่าปวดหัวแต่เช้าเลยเว้ย เอาวะ อย่างน้อยมันก็ผ่อนคลายดี และก็ดูจริงใจกันมากๆเฮาเหลนคิดกับตัวเอง เขาเดินข้ามห้องนั่งเล่นไปยังทีวีLED ซึ่งซื้อมาเมื่อ2-3 ปีก่อน จอแสดงผลเป็นสีน้ำเงิน และเสียงรบกวนซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ “ทีวีเสียเหรอ? สัญญาณมันไปไม่ถึงห้องเธอหรือไง?”

เมื่อมองไปตามความจริง ของเฟอร์นิเจอร์ในอพาร์เมนท์มันเป็นสิ่งที่ฟุ้มเฟือยอย่างนึง ห้องพักแต่ละห้องมีทีวี นี้เป็นไอเดียที่เฮาเหลนคิดเมื่อตอนที่เริ่มธุรกิจของเขา เมื่อสองสามปีที่ผ่านมานั้นกำลังดีอยู่ โทรทัศน์ถูกขายมาให้เขาด้วยส่วนลดแล้วเขาก็แทบจะได้มาโดยไม่เสียเงินซักกะแดง ในวันนี้ การมีทีวีในแต่ละห้องเป็นจุดขายที่สำคัญอย่างยิ่ง สำคัญจนบางทีคนย้ายออกเพราะว่าทีวีเสียก็มี

ลิลลี่พยักหน้าและคลานออกมาจากหลังโซฟาอย่างระมัดระวัง ด้วยแขนขาทั้งสอง ก้าวเท้ามาอย่างช้าๆ เธอพูด ไม่มีสัญญาณในห้องฉันเลย ฉันอยากดูสารคดีบางอย่างตอนในตอนเช้า

เธอชอบดูสารคดีเหรอ?” เฮาเหลนถามขณะกำลังเช็กด้านหลังของทีวีอยู่ เพื่อดูว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นจากอะไร ดูเหมือนสายมันจะหลวม เปล่าๆ มันเป็นสารคดีเกี่ยวกับเรื่องอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับหมาป่าในแทบแอฟริกาใต้ฉายไปเมื่อเร็วๆนี้ ฉันแค่อยากรู้ว่าพวกพ้องของฉันเป็นยังไงบ้างแค่นั้นเอง...

เธอมาจากแอฟริก้าใต้เหรอ?” เฮาเหลนหันศรีษะและอยากรู้ คิดว่าเขาคงคุยเรื่องดังแบบนี้กับมนุษย์หมาป่าได้ ก็ช่วยไม่ได้อะระ แต่ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นอยู่ดี

ลิลลี่ส่ายหัว ไม่ซักหน่อย ฉันไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหนด้วยซ้ำ บางทีฉันอาจมาจากดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะ ฉันจำได้แค่ว่ามันหนาวเย็น ความทรงจำที่ฉันมีก่อนจะสลบไปนั้นพร่าเลือนมากและฉันก็จำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้เลย แต่ฉันกลับรู้สึกว่า ไม่ว่าหมาป่าจะมาจากไหน พวกเราก็ยังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน มนุษย์อย่างนายถึงจะจำแนกเผ่าพันธุ์และศาสนา แต่สุดท้ายนายก็ยังเป็นมนุษย์ที่อยู่บนโลกอยู่ดี ฉันรู้สึกว่าทำไมพวกเราถึงแปลกแยกและถูกจำแนกออกมาเป็นเหมือนสัตว์ชั้นที่ต่ำที่สุดโดยมนุษย์ แต่นั้นก็คงเป็นเพราะว่าเราไม่ได้อยู่ร่วมกันละมั้ง...

ลิลลี่เดินไปเรื่อย เฮาเหลนเริ่มรู้สึกว่าเขาคุยเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้ละ ให้ตายเถอะ คนอื่นจะต่อบทสนทนาแบบได้ไง? หากจู่ก็คุยกันเรื่องปรัชญา วิวัฒนาการ ปัญหาเรื่องสายพันธ์ ความทรงจำที่เหมือนจะอยู่ในหิมะ อีกซักพักคงไม่ออกทะเลไปคุยเรื่องราคาทองในดัชนีดาวโจนหรอกเหรอ

ดูเหมือนจะไม่มีปัญหากับสายเคเบิลกับตัวทีวีเอง ดูเหมือนว่าห้องของเธอไม่สามารถรับสัญญาณอะไรได้ มันอาจจะเป็นเพราะปัญหาทางเทคนิคของสถานีออกอากาศ ไม่ก็ที่ตัวดาวเทียมเฮาเหลนพูดเหมือนตัวเองเป็นมืออาชีพ เอาจริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเพราะอะไร ที่เขาพูดแบบนั้นออกไปก็เพราะว่า เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรทำตัวงุ่นง่านต่อหน้าหมาป่าทึ่มๆ ที่กลัวแมวกว่าสิ่งใด  การดูรายการทีวีที่นี่ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับสัญญาณของทีวี แทนที่จะเป็นรายการที่บันทึกไว้

โอเค เข้าใจแล้วลิลลี่ตอบกลับ มีร่องรอยของความผิดหวังบนใบหน้าของเธอ แต่มันก็หายไปในไม่กี่วินาที เฮาเหลนเติมชามอาหารของโรรี่ และไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า แต่ถึงอย่างนั้นจู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูก่อนที่เขาจะเข้าไปถึงห้องครัวได้

ไม่แน่ใจว่านี่เป็นแค่จินตนาการของเขาเท่านั้นหรือเปล่า แต่เฮาเหลนกลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่คุ้นเคยแปลกๆ ก่อนหน้าที่จะมีคนมาเคาะประตูแปปนึง อย่างไรก็ตามความรู้สึกนี้ได้หายไปอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญเฮาเหลนคิดว่าอาจเป็นเพราะเขาเครียดมากเกินไปหน่อยก่อนหน้านี้ ก็เลยเบลอๆ

ลิลลี่ขมวดคิ้วและส่งเสียงฟุดฟิตจากจมูกของเธอ แต่เธอเหมือนจะไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ เธอชี้ไปที่ประตูหน้าและพูดว่า เจ้าของบ้าน มีแขกมา!

เออหน่า ฉันรู้แล้วเฮาเหลนวิ่งไปที่ประตู และสงสัยว่าใครจะมาเยี่ยมเขาในดินแดนที่พระเจ้าทอดทิ้งแบบนี้ ดูจากเวลาของคนที่มาแล้ว มันไม่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าหรือน้ำที่มาส่งบิล ขณะเปิดประตูเขาก็กล่าวไปพร้อมกัน สวัดดี คุณกำลังมองหาใครรึเปล่าครับ?!”

คนเคาะเป็นผู้หญิงแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

เธอสูงประมาณ 1.7 เมตร ผมที่ยาวตรงตกลงมาถึงเอว เธอสวมชุดสีดำธรรมดาๆ กับรองเท้าผ้าใบขาดๆ แม้ว่าเธอจะไม่มีเครื่องประดับเสริมใดๆ  แต่ชุดที่จืดชืดของเธอก็ไม่สามารถปิดบังความงดงามของเธอได้เลย เธอดูเหมือนเป็นพวกมีชาติตระกูล เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองอย่างเห็นได้ชัด

ตาเธอไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่เมื่อเธอยิ้ม มันช่างดูงดงามและดีต่อใจเอามากๆ เธอมีจมูกที่งุ่มงอน และริมฝีปากของเธอมีขนาดเล็กได้รูป ไม่มีการแต่งหน้าใดๆบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ ริมฝีปากของเธอมีสีแดงที่เร่าร้อนโดยธรรมชาติ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เด่นชัดนี้ เฮาเหล็นบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนยุโรป บรรยากาศที่แผ่ออกมานั้นทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุข และความสวยของเธอมันเหมือนมรกตที่ล้ำค่า สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับเธอคือผิวพรรณของเธอนั้นมันดูไร้ที่ติ! ผิวที่เรียบเนียนและดูนุ่มนวลของเธอ เหมือนกับว่ามันอาจฉีกขาดออกจากกันได้เพียงแค่ลมพัดมาสัมผัส ผิวที่ขาวผ่องของเธอนั้นมันพิเศษเป็นอย่างมาก จึงทำให้เธอดูขาวซีดไปบ้าง

เฮาเหลนไม่ได้เป็นผู้มักมากในตัณหา แม้ว่าเขามักจะไปคลุกคลี่กับสาวๆ บ่อยๆ ครั้ง แต่เขาก็ยังสามารถยับยั้งตัวเองได้เสมอ แม้กระทั่งหลังจากที่เขาได้อยู่กับวัยรุ่นที่ดูสวยงามและน่ารักที่สุดตั้งแต่เคยพบมา เห็นตอนที่ลิลลี่เต้นร่ำและกระโดดไปรอบๆ เมื่อวานนี้ มันทำให้เขาดูเหมือนมีภูมิต้านทาน แต่ตอนนี้ เขากลับรู้สึกกระวนกระวายใจในชั่วพริบตา! ใจเขากำลังเต้น เหตุผลหลักที่ทำให้เขาใจเต้นแรงขนาดนี้ เพราะผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขา เป็นคนที่ดูมหัศจรรย์จริงๆ

คนแปลกหน้าที่หน้าประตูเธอยกแขนขึ้น ป้องกันตัวเองจากแสงแดด ราวกับว่าเธอไม่ชอบแสงที่รุนแรงของดวงอาทิตย์ ทันทีที่เธอเห็นเฮาเหลนเปิดประตู เธอสูญเสียความสงบและเปล่งเสียงของเธอ นายคนที่เจอเมื่อคืนนี้! นายยังไม่ตายหรอกเหรอ?”

อะไรเนี่ย! เธอพูดแบบนี้ได้ไงกัน?! เดี๋ยวนะ...เฮาเหลนคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่างในทันที เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มันไม่น่าจะมีใครอยู่แถวนั้นนอกจากเขากับลิลลี้แล้วก็... เฮาเหลนรู้สึกกลัวในทันที เมื่อคืนวานเหรอ... ชิบหายละ! ลิลลี่เปลี่ยนร่างเดี๋ยวนี้เลย!

นอกเหนือจากลิลลี่แล้ว เมื่อวานเฮาเหลนก็เจอ คนเพียงตนเดียวเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาแน่ใจได้แล้วว่า ความรู้สึกที่เย็นยะเยือกเมื่อกี้นี้ ไม่ใช่ว่าเขาคิดไปเอง แต่นั้นเป็นความรู้สึกลึกลับของสัมผัสที่หกที่เขาได้รับมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่นั้นก็ได้พิสูจน์อีกแล้วว่า การมีสัมผัสที่หกแต่เพียงอย่างเดียวนั้นมันไร้ประโยชน์ ในตอนที่เขาต้องอยู่ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานจริงๆ

ความคิดสุดท้ายที่เข้ามาในจิตใจของเฮาเหลนคือความคิดที่เขาไม่คิดว่าค้างคาวตัวนั้นจะสวยได้ขนาดนี้

 

รีวิวผู้อ่าน