px

เรื่อง : เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
Chapter 113 - น้องสะใภ้สุดเกรียงไกร!




Chapter 113 - น้องสะใภ้สุดเกรียงไกร!

ทุกตระกูลใหญ่หรือนิกายมักจะมีตราประตัวเป็นของตนเอง.

ตราเหล่านี้เปรียบได้กับสัญลักษณ์ของพวกเขา.

อย่างไรก็ตาม นิกายเมฆคราม ที่เป็นผู้ปกครองกว่า 100,000 กิโลเมตรก็ยังไม่อาจมีตราประจำตัวเป็นของตัวเองได้.

เพราะ พวกเขาไม่มีคุณสมบัติ!

เพราะ ตำแหน่งของพวกเขาไม่สูงพอ!

แต่ทุกคนขอบนิกายรู้จักตราเหล่านั้นแทบจะทั้งหมด.

ตราขององกรค์ไวโอเล็ตคือหนึ่งในนั้น พวกเขาแข็งแกร่งมากจนเมื่อเห็นแล้วจิตใจของเหล่าสาวกดิ่งลงเหวทันทีและพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะก้าวเดินต่อไปอีก
.


ตราที่อยู่ในมือของหลี่ซูเอ๋อร์เจิดจ้าเกินไป!

ตราที่เหมือนกับผีเสื้อที่เรืองแสงสีม่วงและทองมีพลังที่น่ากลัวมาก ด้วยเหตุนี้สาวกของเหล่านิกายจึงหยุดเดินเข้าไปและจ้องมองหลี่ซูเอ๋อร์ด้วยท่าทีน่าเกลียดบนใบหน้าของพวกเขา.

“องค์กรไวโอเล็ต…”

“ตราหยกขององค์ไวโอเล็ต!”

“ทำไมคนจากองค์กรไวโอเล็ตถึงได้มาปรากฏในสถานที่เส็งเคร็งนี้?”

“แม้ว่าจะสนามประลองขององค์กรไวโอเล็ตที่นี่ แต่เราก็ไม่ได้ไปทำให้เขาขุ่นเคือง แล้วทำไมพวกเขาจึงต้องเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย?”

ทุกคนจากนิกายคุยถึงเรื่องนี้อย่างอยากรู้ เสียงของพวกเขาเบาจนไม่กล้าที่จะหายใจแรงๆ เหตุผลก็คือ นิกายเมฆครามนั้นก็ไม่ต่างไปจากลมตดหากเทียบกับองค์กรไวโอเล็ต!

ผู้คนจากตระกูลลั่วกลายเป็นโง่งม.

เมื่อมองหลี่ซูเอ๋อร์ และเห็นเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ของเธอต่างก็วางใจ

ฟางเล่ยยิ้มอย่างโง่ๆและตะโกน “
น้องสะใภ้สุดเกรียงไกร!”

หลังจากที่ตระโกนอย่างนั้น ผู้คนทั้งหลายใจตระกูลลั่วก็ตะโกนออกมาพร้อมกันว่า“น้องสะใภ้สุดเกรียงไกร!”

หลี่ซูเอ๋อร์พยายามที่จะถอยกลับแต่มันก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ริมฝีปากของเธอยกยิ้มเล็กน้อยและเป็นรอยยิ้มที่หวานชื่นที่มาจากหัวใจของเธอ.

ทุกคนได้เรียกเธอว่าน้องสะใภ้ ในหัวใจของเธอก็รับตำแหน่งนี้อย่างเงียบๆ.

เมื่อใดก็ตามที่เธอได้ยินอย่างนั้นเธอมักจะแกล้งทำเป็นโกรธขณะที่เธอแอบมีความมสุข ตอนนี้เธอไม่ได้แกล้งทำเป็นโกรธอีกต่อไปและเปิดเผยอย่างมีความสุข.

หลี่ซูเอ๋อร์ฟื้นตัวกลับเป็นปกติขณะที่ดวงตาของเธอเริ่มมีกลิ่นอายที่ร้ายกาจ เธอเหลือบมองไปที่หลิวซางเฟยและเหอจางก๋งอย่าง ก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชา“ตอนนี้ก็ไสหัวออกจากเมืองภูเขาหยกซะ.”

น้ำเสียงที่ทรงพลังและความกดดันที่ชัดเจนทำให้เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป.

นี่คือกลิ่ยอายของคนที่ทรงพลัง!

ใบหน้าของหลิวซางเฟยเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เมื่อมองไปที่ตราขององค์กรไวโอเล็ต หัวใจของเขาก็สั่นด้วยความกลัว “หญิงสาวคนนี้มีสถานะอะไรในองค์กรไวโอเล็ต?”

“ทำไมคนจากองค์กรไวโอเล็ตถึงได้มาที่นี่?”

เหอจางก๋งกำหมัดไว้อย่างเงียบๆ ตาของเขาไม่กล้ามองไปที่คนเบื้องหน้า แต่มองไปยังลั่วเทียนที่นอนอยู่ด้วยความโลภของเขา.

เพียงประโยคเดียวของหลี่ซูเอ๋อร์และสาวกของนิกายก็เริ่มสั่นน้อยๆ สายตาของพวกเขาหันไปทางอาวุโสเพื่อรอคำสั่งอย่างเงียบๆ.

ใบหน้าของหลิวซางเฟยเต็มไปด้วยความเครารพและพูดว่า “นายหญิงตระกูลลั่วได้ฆ่าคนจากนิกาย…”

หลี่ซูเอ๋อร์ไม่ได้รอให้เขาพูดจบและตะโกนออกไปอย่างเย็นชา “เจ้าต้องการให้นิกายถูกทำลายงั้นรึ?!”

โดยไม่สนกับความวุ่นวาย!

เธอถามพวกเขาว่าต้องการให้นิกายของพวกเขาถูกทำลายหรือไม่!

ระดับความหยิ่งพยองเหล่านี้สูงเพียงใด?!

ไม่ต้องพูดถึงสาวกนิกายที่กำลังหวาดกลัวแม้กระทั่งสมาชิกตระกูลลั่วก็สั่นไม่หยุด พวกเขาตระหนักดีว่าน้องสะใภ้สุดสวยคนนี้ที่มักจะหัวเราะต่อหน้าพวกเขาและแม้กระทั่งอ่อนโยนต่อพวกเขา โดยไม่คาดฝันว่าเธอจะมีวิถีชีวิตที่น่ากลัวอย่างนี้ เธอกล้าเผชิญหน้ากับนิกายเมฆครามพร้อมกับถามพวกเขาว่า ต้องการให้นิกายของพวกเจ้าหายไปหรือไม่?

โครตน่ากลัว!

ความน่ากลัวของมันไม่อาจวัดหรือประเมิณค่าได้!

แถมยังกดดันสุดๆ!

เลือดของสมาชิกตระกูลลั่วเริ่มเดือดด้วยความตื่นเต้น.

ทุกคนตระโกนอีกครั้ง “น้องสะใภ้สุดเกรียงไกร!”

ต่อหน้าองค์กรไวโอเล็ต นิกายเมฆครามถือว่าไม่มีอะไรจริงๆและอาจจะถูกทำลายได้ทุกเมื่อถ้ามาตอแยกับคนขององค์กร.

คำพูดของหลี่ซูเอ๋อร์ผิวเผินอาจจะไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอรู้สึกแย่มาก.

เธอโกรธที่หลิงฮานซวงผิดคำสัญญากับเธอ!

เธอโกรธความบ้าและความยโสของนิกายเมฆคราม!

เธอโกรธอย่างมากที่คนรักของเธอยังนอนไม่ได้สติ!

เปลวเพลิงแห่งความโกรธของเธอเริ่มแผดเผาในใจ แต่เธอรู้สึกว่ายังมีสิ่งที่สวยงามในโลกนี้อยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากทำลายสิ่งดีๆเหล่านี้ด้วยความโกรธ.

แต่ตอนนี้ เธอไม่มีความสุขแม้แต่น้อยและมันก็กลายเป็นความเกรี๊ยวกราด!

เธอไม่รู้ว่าลั่วเทียนจะรอดหรือไม่ ถ้าเขาตายไม่ว่าจะมีเทพองค์ไหนปรากฏออกมา นิกายเมฆครามต้องถูกทำลาย!

คำพูดของเขาถูกขัดด้วยความหยิ่งยโสของหลี่ซูเอ๋อร์ ทำให้หลิวซางเฟยไม่พอใจอย่างมาก.

ในฐานะผู้คุมกฏชั้นสูงของนิกายเมฆครามพลังของเขาก็เพียงพอที่จะปิดท้องฟ้าด้วยมือเดียวได้ ใครจะกล้าที่มาขัดจังหวะพูดของเขากัน? ใครกล้าที่จะข่มขู่เขาด้วยคำพูดเหล่านี้?

ในขณะนั้้น...

หลิวซางเฟยหรี่ตามองและมีร่องรอยของความเหน็บหนาวปรากฏอยู่ในสายตา จากนั้นเขาก็พูดว่า“เจ้าไม่เอาแต่ใจเกินไปหน่อยรึ?”

เหอจากก๋งเดินออกมาพูดอย่างก้าวร้าวด้วยรอยยิ้มว่า“เจ้ามีเพียงคนเดียวและการบ่มเพาะของเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากขยะเบื้องหน้าเรา ถ้าเจ้าตาย…”

“ถ้าทุกคนตาย…”

“ใครจะรู้ว่านิกายเมฆครามของเราเป็นผู้กระทำ?”

“ถ้าเจ้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร เจ้าก็ควรรีบไปให้ไกลๆ… ฮี่ๆๆ…”

เหอจากก๋งเริ่มหัวเราะอย่างน่ารังเกียจขณะที่หลิวซางเฟยก็เริ่มหัวเราะอย่างเย็นชา.

สมบัติระดับวิญญาณเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ง่ายๆ
.

เพราะเหตุนี้เองพวกเขาจึงตัดสินใจทำอย่างนี้ ตราบเท่าที่เขาฆ่าคนทั้งเมืองอย่างหมดจรด พวกเขาก็ไม่ต้องมีใครมาสงสัยพวกเขา.

ว่ามีสมบัติระดับวิญญาณมาเกี่ยวข้อง!

นอกจากนี้ยังมีดาบที่ป่าเถื่อนรุนแรงนั่นอีก!

ตราบใดที่พวกเขาได้รับ กำลังรบของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกหลายระดับ ทุกคนมักจะมีหัวใจที่ไคว่คว้าความแข็งแกร่งขึ้นไปเสมอและมุ่งเน้นการบ่มเพาะไปยังระดับใหม่!

ความโลภ - สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนสูญเสียเหตุผลในการตัดสินใจไป.

มันอาจจะทำให้คนเป็นบ้าเพราะมัน.

แน่นอนว่าความปราถนาในการฆ่าพุ่งขึ้นสูงราวกับจรวด...

ในเวลานั้น...

หลี่ซูเอ๋อร์อยู่ในตำแหน่งที่อันตรายมาก แต่การแสดงออกของเธอยังคงสงบและไม่ตกใจใดๆ เธอยิ้มอย่างเย็นชาและตามว่า “เจ้าต้องการฆ่าข้าด้วย?”

หลิงซางเฟยก้าเดินเข้ามาอีกหลายก้าว.

การก้าวเดินแต่ละก้าวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก.

เพราะการก้าวเท้าของเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการฆ่าหลี่ซูเอ๋อร์ให้ได้อย่างรวดเร็ว หลิวซางเฟยกลัวว่าหลี่ซูเอ๋อร์จะหลบหนี นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาอีกหลายก้าว ดวงตาของเขาจ้องมองหลี่ซูเอ๋อร์ขณะที่ริมฝีปากองเขายกยิ้มอย่างชั่วร้าย “เราไม่มีความคิดที่จะล่วงเกินองค์กรไวโอเล็ต แต่ถ้าเจ้ากล้าที่จะหยุดเรา… ฮี่ๆ…”

“เจ้าช่างงดงามนัก…”

“ข้าเชื่อว่าผู้คนต้องหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น นั่นรวมไปถึงสาวกของนิกายที่อยู่ด้านหลังข้า ถ้าเราจับตัวเจ้า… ฮี่ๆ…”

หลิวซางเฟยมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา สาวกนิกายที่อยู่ด้านหลังเขาตะลึงไปสองวิฯก่อนที่จะเผยให้เห็นรอยยิ้มวิปลาศ.

“ไม่เกรงใจกันเลย!”

เสียงที่เยือกเย็นตะโกน.

หลิงฮานซวงที่อยู่ในเสื้อคลุมสีดำปรากฏอยู่ด้านหลังหลี่ซูเอ๋อร์ จากนั้นเธอก็ตะโกนอย่างเย็นชา “พวกเจ้ารนหาที่ตาย?”

กลิ่นอายที่หนาวเน็บจากปราณจิตวิญญาณ ขั้น 6.

พร้อมกับท่าทางของหลิงฮานซวงที่เหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง ทำให้อุณหภูมิโดยรอบต่ำลงทันที.

หลี่ซูเอ๋อร์ไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยหางตา.

หลิวซางเฟยและเหอจางก๋งประหลาดใจน้อยๆและจากนั้นก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ย“คนจากองค์กรไวโอเล็ตจะยโสเกินไปแล้ว ปราณจิตวิญญาณ ขั้น 6 กล้าที่จะหยาบคายต่อหน้าเรา?”

“พวกเรารนหาที่ตาย?”

“ข้าคิดว่าเจ้าต่างหากที่รนหาที่ตาย!”

เมื่อเสียงหยุดลง...

เมฆและลมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว.

ร่างของหลิวซางเฟยและเหอจางก๋งหายไปทันที พลังที่พลิกแม้น้ำและผืนปฐพีประดังประเดเข้ามาทุกทิศทาง.

จิตสังหารที่ปกปิดเอาไว้ต่อหน้าหลี่ซูเอ๋อร์และหลิงฮานซวงก็ปรากฏขึ้น!

มันค่อนข้างอันตรายเป็นอย่างมาก!

แต่หลี่ซูเอ๋อร์ยังคงดูสงบและไม่ได้ตื่นตระหนก.

รีวิวผู้อ่าน