px

เรื่อง : advent of the archmage
Chapter 148: หัตถ์เปลวเพลิง (ส่วนที่ 2)


กลางดึก, เมืองฮอทสปริง, เขตนักเวทย์, ซากปรักหักพังที่จตุรัสกลาง

 

มันผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่เหตุการณ์โศกนาฏกรรม ซากศพและและเศษหินเศษอิฐได้ถูกกำจัดไปอย่างเหมาะสม อุปกรณ์และวัสดุหลากชนิดถูกวางอยู่บนพื้นรอบๆสถาปัตยกรรมที่ถูกทำลาย เมืองกำลังเริ่มฟื้นตัวจากเหตุการณ์นั้นและอยู่ระหว่างการก่อสร้างใหม่

 

อย่างไรก็ตาม, หลุมขนาดยักที่อยู่ใกล้กับน้ำพุที่ใจกลางของจตุรัสนั้นยังคงมีสภาพเหมือนเดิม เศษเนื้อไหม้ติดอยู่ระหว่างรูบนพื้นและเส้นทางที่เห็นได้ชัดสองเส้นของระเบิดเพลิงของ ลิงค์ ได้ทำหน้าที่เป็นสิ่งเตือนใจของการโจมตีอันโหดร้าย

 

เงาที่สวมเสื้อคลุมขนาดใหญ่ปรากฏตัวออกมาจากกระท่อมผุพัง จากนั้นเขาก็ก้มลงและสังเกตุเศษหินเศษอิฐและร่องรอยบนพื้นอย่างระมัดระวัง

 

หลังจากนั้นครู่นึง, เงาก็พูดออกมา “หินพวกนี้มีพื้นผิวสีดำและมีสัญญาณของการละลาย พวกมันดูเหมือนจะกระจายออกมาเป็นรูปกรวย แสดงว่าคนๆนี้ได้ร่ายเวทย์ธาตุไฟไปในทิศทางเดียว, ซึ่งเวทย์นั้นน่าจะมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเลเวล 4 นะ”

 

อีกคนนึงที่อยู่ข้างหลังเขาตอบกลับ “ไม่ว่ามันจะใช้วิธีแบบไหน มันจะต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าหาร่องรอยขององค์หญิงได้ไหม?”

 

“ไม่จำเป็นต้องรีบไป” เงาพูดก่อนที่จะเอาคทาออกมา ชั่วครู่นึงหลังจากที่เขายกคทาขึ้น, ปลายของคทาได้ห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงซึ่งแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จากนั้นแสงก็กระจายไปทั่วซากปรักหักพังที่จตุรัส

 

หลังจากนั้น 20 วินาที, แสงสีเงินก็ปรากฏขึ้นที่บนสุดของกระท่อมแห่งนึงที่มุมหนึ่งของจตุรัส

 

“มันคือเลือดซิลเวอร์มูน! มันมาจากองค์หญิง!” เงาพูดอย่างรวดเร็ว

 

เลือดซิลเวอร์มูนนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเลือดของปีศาจศักดิ์สิทธิ์ มันคือลักษณะเฉพาะของสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรพาลิค ซึ่งเลือดมีคุณสมบัติเวทย์มนตร์พิเศษบางอย่างที่ทำให้ตรวจจับได้ด้วยเวทย์เฉพาะ

 

ในตอนที่เขาพูดจบ, คนสองคนก็รีบออกมาจาก ข้างหลังและมุ่งหน้าไปที่กระท่อมอย่างเร่งรีบ

 

ทั้งสามคนนี้คือผู้เชียวชาญของตระกูลนอริแกน ภารกิจของพวกเขาคือการช่วยเหลือเจ้าหญิง อลิน่า จากเงื้อมมือของเผ่ามนุษย์

 

ส่วนสองคนที่รีบออกไปนั้น, หนึ่งในพวกเขาถือดาบยาวสองมือ เขาเป็นนักรบและกำลังมุ่งหน้าไปด้วยการเดินอย่างช้าๆ ส่วนอีกด้านหนึ่ง, สหายของเขามีความรวดเร็วและความลึกลับอย่างน่าหวั่นเกรง, เขาดูเหมือนกับหมอกควัน ในตอนที่นักเวทย์พูดจบ, เขาก็ไปถึงกระท่อมที่ถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้ด้วยเลือดซิลเวอร์มูนแล้ว

 

เขาเป็นนักฆ่าที่เชี่ยวชาญในการสะกดรอย เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหมาล่าเนื้อ

 

เขานั่งยองๆและสังเกตุเลือดอย่างระมัดระวัง

 

“พาร์สันส์, นอริซ่า, นี่เป็นเลือดขององค์หญิง คราบเลือดมีลักษณะเหมือนรูปไข่และกระจายอย่างไม่สม่ำเสมอ นี่ก็หมายความว่าในตอนนั้นองค์หญิงกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ดูเหมือนว่าเธอจะมุ่งหน้าไปทางตะวันตกนะ”

 

เขาพูดขณะที่ตามรอยเลือดไป, ไม่นานนักเขาก็มาถึงซอยที่ อลิน่า อยู่เมื่อวันก่อน นักเวทย์กับนักรบตามหลังเขาไปอย่างติดๆ

 

ร่องรอยของ อลิน่า เห็นได้ชัดขึ้นและมากขึ้นขณะที่พวกเขาเดินเข้าซอย รอยเลือด, รอยเท้าที่จมลงเล็กน้อยและรอยบุ๋มในกำแพงที่เกิดจากการเหยียบลงไปอย่างหนัก แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วและร่องรอยพวกนี้ก็แทบจะไม่สามารถตรวจพบได้สำหรับคนธรรมดา, แต่มันก็ตรวจสอบได้อย่างง่ายดายสำหรับนักฆ่า

 

ทั้งสามได้ติดตามร่องรอยพวกนี้ผ่านมาครึ่งเมืองจนพวกเขามาถึงส่วนตะวันตกสุดเขตปรินซ์บิล

 

เขตปรินซ์บิลนั้นเป็นเขตคนรวยของเมืองฮอทสปริง มันเป็นที่ตั้งของสวนสวยงามมากมายที่ตกแต่งด้วยต้นไม้สูงตระหง่านและพุ่มไม้ขนาดเล็กที่ตัดแต่อย่างสม่ำเสมอ ทั้งสามสูญเสียเบาะแสทั้งหมดไปในสวนเหล่านี้

 

“ร่องรอยทั้งหมดหายไปแล้ว แปลกจัง, นี่มันเหมือนกับว่าองค์หญิงหายไปในอากาศเลย” นักฆ่างุนงง

 

นักเวทย์ที่เงียบมาตลอดพูดขึ้น “ไม่, สถานการณ์มันแปลกๆ ข้ารู้สึกได้ถึงร่องรอยความผันผวนของเวทย์มนตร์ของนักเวทย์ที่แข็งแกร่ง”

 

ดาร์คเอลฟ์ มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติในการมองเห็นในเวลากลางคืน การปกคลุมของความมืดและความเงียบในสวนสาธารณะได้เพิ่มสัมผัสของนักเวทย์ พาร์สัน, ทำให้เขาตรวจจับได้แม้กระทั่งความผันผวนของเวทย์มนตร์ที่เบาบางที่สุด เขาเดินรอบๆสวนเป็นวงกลมก่อนที่จะหยุดหลังไม้ชิ้นนึง

 

อันที่จริงเขารู้สึกถึงออร่าลึกลับนี้ที่ซากจตุรัส อย่างไรก็ตาม, เนื่องจากการระเบิดของเวทย์ระเบิดเพลิงมากมายและความคึกคักของเมืองในตอนเช้า, ออร่าจึงน่าสับสนมากๆ กลับกัน, สถานการณ์ในสวนนั้นแตกต่าง มีออร่าเวทย์มนตร์ที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียวรอบพื้นที่นี้, เหมือนกับคบเพลิงในความมืด

 

“ออร่าเวทย์มนตร์ที่นี่รุนแรงที่สุด! เฮเดล, กลับมาดูนี่สิ”

 

เฮเดล เป็นชื่อของนักฆ่า เขาเดินตรงมาที่ไม้และวนอยู่รอบมันก่อนที่จะยื่นมือออกมาอย่างกระทันหันเพื่อทำการจับ ในตอนที่เขาดึงมือกลับมา, เขาถือเส้นผมสีดำเอาไว้เส้นนึง

 

“มันคือผมของผู้หญิง, จากความเปล่งปลั่งและเนื้อสัมผัส, มันน่าจะเป็นผมของผู้หญิงอายุ 20 นะ” เฮเดล พูด

 

ในด้านของนักเวทย์ พาร์สัน นั้น, เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เขามองอีกครั้งก่อนที่จะยกคทาของเขาขึ้นมาเพื่อร่ายเวทย์ตรวจจับใส่ผม

 

ภายใต้ผลของเวทย์มนตร์, ผมเปล่งแสงสีขาวจางๆออกมาในทันที แสงนี้คล้ายกับหมอกที่ค่อยๆปล่อยออกมาจากเส้นผม พอหมอกกระจายหายไปจากเส้นผม, เส้นผมก็ดูเหมือนจะสูญเสียความเงางามของมัน

 

“นี่ไม่ใช่มนุษย์ผู้หญิงธรรมดา เธอเป็นนักเวทย์ที่ใช้เวทย์มนตร์ลึกลับที่น่าจะมีอายุมากกว่า 20 ปี ถ้าฉันคิดไม่ผิด เป้าหมายของเธอน่าจะเป็นองค์หญิง”

 

จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆก่อนจะชี้ไปที่พื้นที่ห่างจากไม้ไป 15 ฟุต “นี่น่าจะเป็นรอยเท้าของเธอ ลองดูสิว่าเจ้าจะหาตำแหน่งของเธอได้ไหม”

 

“ก็ได้” เฮเดล เริ่มเดินไปรอบพื้นที่, บางครั้งเขาก็นอนแนบพื้นเพื่อสังเกตุให้ใกล้ขึ้น หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที, เขาก็พูดออกมา “ฉันพบแล้ว ทางนี้”

 

พวกเขาทั้งสองตามหลังเขาไปอีกครั้ง

 

ทั้งสามเดินออกจากเมืองฮอทสปริง หลายครั้ง, เฮเดล สูญเสียเบาะแสของเจ้าหญิง, แต่ด้วยความช่วยเหลือของสัมผัสอันแหลมคมของนักเวทย์ พาร์สันส์, พวกเขาจึงกลับเข้าสู่เส้นทางได้อย่างรวดเร็ว

 

หลังจากนั้นพักนึง, พวกเขาก็มองหน้ากัน

 

“องค์หญิงถูกผู้ใช้เวทย์ลึกลับจับตัวและพาออกมานอกเมืองหลวง สถานการณ์ท่าจะไม่ดีแล้ว” นักเวทย์ พาร์สันส์ ขมวดคิ้ว เขารู้ว่านักเวทย์ที่ใช้เวทย์ลึกลับนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักเวทย์มืด

 

แม้ว่าดาร์คเอลฟ์จะมีความอดทนในเวทย์มืดสูงกว่ามนุษย์, แต่พวกเขาเองก็มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความโหดร้ายและความไม่แน่นอนของเวทย์เหล่านี้ ถ้าเจ้าหญิงถูกทรมานภายใต้เวทย์มนตร์เหล่านี้, เธออาจจะสูญเสียความมีเหตุผลของเธอต่อให้เธอยังไม่ตายก็ตาม

 

“อย่าคิดมากเกินไป ภารกิจของพวกเราคือการช่วยเหลือองค์หญิง! พวกเรายังมีเบาะแสอยู่!” นักรบ นอริซ่า พูด

 

“ใช่แล้ว” เฮเดล พยักหน้าแล้วรีบเดินหน้าต่อ

 

มันอาจจะลงความเห็นจากร่องรอยได้ว่านักเวทย์ลึกลับได้จับเจ้าหญิงยัดใส่รถม้าก่อนที่จะพาเธอออกจากเมือง, มุ่งหน้าไปทางตะวันตกของถนนแห่งราชา

 

หลังจากหนึ่งชั่วโมงของการตามรอยรถม้า, เฮเดล ก็พูดขึ้น “พวกเขาลงจากรถ, รอยเท้าขององค์หญิงมองเห็นได้อยู่พักนึงก่อนที่จะหายไป”

 

จากนั้น พาร์สันส์ ก็พูดต่อ “ไม่แปลก นักเวทย์ลึกลับคนนี้เป็นผู้หญิงและอาจจะไม่มีพละกำลังเท่าไหร่นัก เธอน่าจะร่ายเวทย์ลีไวอาธัน รอยเท้าของเธอคนเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว”

 

เฮเดล เหลือบตาของเขาและเดินทางไปตามเส้นทางของป่า หลังจากนั้นพักนึง, เขาก็ตกตะลึง “พาร์สัน, นี่มันสัตว์อะไรกันเนี่ย? มันใหญ่มาก!”

 

เส้นทางป่าขรุขระและยากลำบากมากขึ้นในการเคลื่อนตัวไปรอบๆ ดังนั้นการมีรอยเท้าสัตว์ขนาดยักอยู่จึงเป็นที่น่าตกใจสำหรับ เฮเดล ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะซับซ้อนกว่าที่เขาคิด

 

พาร์สัน ก้มลงและสังเกตุรอยเท้าอย่างระมัดระวัง หลังจากผ่านไปไม่ก็นาที, เขาก็พูดออกมา “นี่เป็นรอยเท้าของสัตว์อัญเชิญที่เรียกว่าเฟนเรียร์สายลม มีต้นตอของออร่าเวทย์มนตร์ใหม่ที่นี่...อันที่จริง, นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ออร่านี้ปรากฏขึ้น ครั้งแรกคือในเมืองฮอทสปริงในตอนที่พวกเรากำลังสืบสวนซากปรักหักพังของจตุรัส มันน่าจะเป็นคนที่ปล่อยเวทย์ธาตุไฟเลเวล 4 นั่นนะ”

 

“หรือว่ามันจะเป็นพวกเดียวกันกับนักเวทย์ลึกลับนั่น?” นักรบ นอริซ่า ทำการประติดประต่อเรื่องราวในทันที

 

“น่าจะใช่” พาร์สันส์ มีสีหน้าตึงเครียด ในตอนที่พวกเขากำลังรวบรวมข้อมูลในเมืองฮอทสปริง, พวกเขาสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ถนนหยกได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่านักเวทย์มนุษย์จะเอาชนะเจ้าหญิงได้

 

พอคิดว่านักเวทย์คนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งตามร่องรอยของเจ้าหญิงที่นอกเมืองด้วยกันกับนักเวทย์ลึกลับ นี่คงจะอธิบายได้อย่างเดียวว่าเจ้าหญิงสามารถหนีไปได้แต่ในที่สุดแล้วเธอก็กลายเป็นเชลยของเขา เจ้าหญิงอาจจะ...พาร์สันไม่อยากดำดิ่งลงไปในความคิดแง่นี้ต่อ

 

สหายทั้งสองของเขาเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด

 

รอยเท้าที่ชัดเจนจากเฟนเรียร์สายลมทำให้การสะกดรอยง่ายขึ้นมาก ทั้งสามไปถึงกระท่อมเล็กๆข้างลำธารหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในตอนที่พวกเขาเดินไปที่หน้ากระท่อม, นักเวทย์ พาร์สัน ก็มีสีหน้าซีดเซียว

 

เขารู้สึกถึงออร่าแห่งความตาย

 

เขายังคงเงียบกริบและเดินเข้าไปในกระท่อม สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของเขาในตอนที่เขาเข้ามาก็คือคราบเลือดขนาดใหญ่บนเตียง เขาร่ายเวทย์ตรวจจับและคราบเลือดก็เปล่งแสงสีเงินออกมาทันที มันคือเลือดของเจ้าหญิง

 

นักฆ่า เฮเดล ก็พบเบาะแสมากมายเช่นเดียวกัน เขาออกจากกระท่อมและติดตามร่องรอยไปตลอดทางจนถึงลำธาร, ซึ่งเขาได้ข้อสรุปเรื่อง อลิน่า

 

“เธอถูกฆ่า ร่างกายของเธอถูกเผาเป็นเถ้าถ่านและจากนั้นก็กระจัดกระจายไปตามกระแสน้ำ” เฮเดล พูดอย่างใจเย็น, แม้ว่าดวงตาสีแดงฉานของเขาจะกำลังลุกไหม้ไปด้วยแสงเบาบางของออร่าต่อสู้ก็ตาม

 

“เป็นไปได้ไหมที่จะตามหาร่องรอยของนักเวทย์สองคนนั้นในระแวกนี้?” นอริซ่า จับดาบของเขาแน่น ในเมื่อเจ้าหญิงถูกฆ่าไปแล้ว, พวกเขาก็จะต้องหาทางแก้แค้นแทนเธอให้ได้

 

พาร์สัน ไม่ได้ตอบกลับไปในทันที, แต่, เขาวนรอบกระท่อมสามครั้งก่อนที่จะได้ข้อสรุป “นักเวทย์ลึกลับคนนี้ระวังตัวมากๆ เธอลบเบาะแสทั้งหมดที่ทำให้พวกเราสาวไปถึงตัวเธอได้ แต่, นักเวทย์หนุ่มนั่นไม่มีทางหนีไปได้หรอก! มันเป็นนักเวทย์จากสถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควชื่อว่า ลิงค์ มันค่อนข้างเป็นคนที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ ไปเยี่ยมมันกันเถอะ!”

 

“ข้าจะควักหัวใจของมันออกมาให้ได้!” เฮเดล ยิ้มอย่างโหดร้าย

 

พาร์สัน ส่ายหัว “ไม่, พวกเราจะเอามันกลับไปทางเหนือและส่งตัวมันให้กษัตริย์ กษัตริย์จะได้แสดงให้มันเห็นว่าความโหดร้ายที่แท้จริงมันเป็นยังไง!”

 

“นั่นสินะ, พาร์สัน พูดถูก พวกเราไม่สามารถปล่อยให้นักเวทย์คนนี้ตายง่ายๆได้” นอริซ่า กัดฟันของเขา

 

รีวิวผู้อ่าน